หลี่ชิเย่ทำเป็นไม่ได้ยิน สำหรับคำตวาดเสียงดังของหม่าจินหมิง มองดูทิวทัศน์ของทะเลสาบโดยไม่สนใจหม่าจินหมิงอย่างสิ้นเชิง และก็ไม่สนใจในฉินเจี้ยนเหยา
เดิมทีหม่าจินหมิงต้องการแสดงออกต่อหน้าฉินเจี้ยนเหยา เพื่อให้ได้รับความโปรดปรานจากฉินเจี้ยนเหยา ไม่นึกเลยว่าหลี่ชิเย่จะไม่ให้ความสนใจในตัวของเขา เหมือนว่าเขานั้นไร้ตัวตน พลันทำให้หม่าจินหมิงรู้สึกอับอายยิ่งนัก ถึงกับส่งประกายตาเยือกเย็นและเผยปณิธานการฆ่าออกมา
ฉินเจี้ยนเหยาแค่มองหน้าหลี่ชิเย่แวบหนึ่งและไม่ได้เก็บมาใส่ใจ จะอย่างไรเสียกล่าวสำหรับนางแล้วหลี่ชิเย่เป็นผู้ที่อยู่คนละโลกกับนางโดยสิ้นเชิง หลังจากวันนี้ผ่านไป คงยากที่จะมีการติดต่อกันอีก นับจากนี้ไปเกรงว่าผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นฮ่องเต้องค์ใหม่ก็จะสูญสลายไปท่ามกลางผู้คนเป็นหมื่นเป็นล้าน ไม่สามารถปรากฏตัวขึ้นบนเส้นทางชีวิตของนางได้อีกต่อไป
สำหรับนางนั้น อนาคตจะต้องได้ก้าวขึ้นไปยังจุดสูงสุด ก้าวข้ามแดนลัทธิราชันไป
ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่ามันคือโลกสองใบที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ฉินเจี้ยนเหยาจึงไม่นำมาใส่ใจ ไม่ว่าหลี่ชิเย่จะวางท่าทีก็ดี เปี่ยมด้วยความทะนงตนก็ช่าง เขาก็ยังคงเป็นฮ่องแต้ที่โง่เขลาเบาปัญญาและเหลวไหลคนนั่น ไม่สิ เขาไม่ใช่ฮ่องเต้อีกต่อไป เป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
ในฐานะที่เป็นผู้สืบทอดของวัดจิ้งเหลียนกวาน ผู้ดำรงอยู่ในฐานะจุดสูงสุดในอนาคต ทำไมจะต้องไปสนใจในท่าทีของมนุษย์ปุถุชนธรรมดาคนหนึ่งเล่า การที่นางกล่าวทักทายไปเท่ากับได้ปฏิบัติตามมารยาทไปครบถ้วนแล้ว ต่อไปจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก
เดิมข้าเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดา ไม่ขึ้นไปยังตำหนักเซียน… ในเวลานี้เอง เสียงเพลงที่หนักแน่นดังขึ้น จากนั้น ได้ยินเสียงน้ำดังช่าาาขึ้นมา
ปรากฏเรือไม้ลำหนึ่งแล่นเข้ามาดั่งลูกธนูที่เลียดผิวน้ำเข้ามา เพียงชั่วพริบตาเดียวก็มากถึงท่าเรือแล้ว
ทุกคนทยอยกันเบิ่งตามอง เห็นผู้เฒ่าผู้หนึ่งนั่งอยู่บนเรือไม้ลำนั้น และเป็นตัวเขาที่พายเรือแล่นมาคล้ายลูกธนูที่ยิงเข้ามาถึงอย่างรุนแรง
เป็นเขานั่นเอง…ที่ท่าเรือ ผู้คนจำนวนไม่น้อยเมื่อมองเห็นผู้เฒ่าที่พายเรือไม้ล้ำนั้นแล้ว ถึงกับเหม่อลอยและพึมพำขึ้นมา
เวลานี้ ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่จดจำผู้เฒ่าผู้นี้ได้ ผู้เฒ่าผู้นี้ก็คือเฒ่าตัดฟืนนั่นเอง ผู้คนจำนวนมากต่างมองว่า ในจังหวะที่สังหารเจิงยี่ปิงนั้น เป็นผู้เฒ่าตรงหน้าผู้นี้ที่ลงมือ
เป็นเขานะเนี่ย เวลานี้ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างมองหน้าหลี่ชิเย่แวบหนึ่ง ทุกคนยังคงไม่ทราบประวัติความเป็นมาของผู้เฒ่าผู้นี้
ฉินเจี้ยนเหยาที่มีท่าทีเรียบเฉยดั่งน้ำนิ่งพลันมีสีหน้าที่แปรเปลี่ยนไปทันทีที่ได้เห็นผู้เฒ่าผู้นี้ รีบเร่งคุกเข่าลงกราบและกล่าวด้วยท่าทีที่ให้ความเคารพยิ่งว่า ท่านผู้อาวุโสหนานซาน การคุกเข่าลงกราบกะทันหันของฉินเจี้ยนเหยา ทำให้ผู้ที่อยู่ ณ ที่นั้นต่างตะลึงนิดหนึ่ง เมื่อได้สติกลับมาแล้วต่างรู้สึกตกใจยิ่งนัก
อย่างไรก็ตาม ผู้เฒ่าไม่ได้มองดูฉินเจี้ยนเหยาสักแวบหนึ่ง และเหมือนว่าไม่ได้ยินคำพูดของฉินเจี้ยนเหยาอย่างนั้น เอาเรือเทียบข้างท่าเรือ
ท่านผู้อาวุโสหนานซาน ข้าน้อยคือฉินเจี้ยนเหยาแห่งวัดจิ้งเหลียนกวาน ข้าน้อยเพิ่งได้มาที่เขาจิ่วเหลียนซาน ไม่กล้าไปรบกวนท่านผู้อาวุโส… ท่าทางฉินเจี้ยนเหยาให้ความเคารพอย่างยิ่ง กราบผู้เฒ่าตัดฟืนกราบแล้วกราบอีก
ในเวลานี้ บรรดาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างงงงัน ฉินเจี้ยนเหยามีชาติกำเนิดมาจากวัดจิ้งเหลียนกวาน ทั้งยังเป็นผู้สืบทอดของวัดจิ้งเหลียนกวาน ได้ฝึกสองในเก้าเคล็ดวิชาจิ่วมี่ เรียกได้ว่าฐานะสูงส่งอย่างยิ่ง อีกทั้งนางยังได้รับตวามรักและเอ็นดูจากปรมาจารย์ของวัดจิ้งเหลียนกวาน ฐานะของนางสูงส่งมาก ยากที่จะมีผู้เทียบเคียงนางได้
อย่าว่าแต่บุคคลภายนอกเลย แม้แต่ระดับบรรพบุรุษของวัดจิ้งเหลียนกวานก็มีน้อยคนนักที่ต้องให้ฉินเจี้ยนเหยาก้มกราบด้วยท่าทีที่เคารพเช่นนี้ เวลานี้เฒ่าตัดฟืนที่ไม่สะดุดตาตรงหน้ากลับทำให้ฉินเจี้ยนเหยาต้องให้ความเคารพถึงเพียงนี้ มันช่างเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อจริงๆ หรือว่าเฒ่าตัดฟืนที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้สูงส่งมากกว่าห้าปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดอย่างนั้นรึ?
เฒ่าตัดฟืนท่าทีเฉยเมย และโบกมือเบาๆ กล่าวว่า แม่นางจำคนผิดแล้ว ตาเฒ่าเป็นเพียงคนที่ใช้แรงงานคนหนึ่งเท่านั้น
กล่าวจบ เฒ่าตัดฟืนไม่สนใจฉินเจี้ยนเหยาอีก โค้งคำนับต่อหลี่ชิเย่ และกล่าวด้วยท่าทางเคารพว่า ฝ่าบาท ได้ข่าวว่าท่านและพระนางต้องการท่องทะเลสาบ ตาเฒ่าอาสาพายเรือให้กับฝ่าบาท ไม่ทราบฝ่าบาทเห็นเป็นเช่นใด?
คำพูดเช่นนี้ของเฒ่าตัดฟืนพลันทำให้หลิ่วชูฉิงรู้สึกอายยิ่งนัก รีบก้มหน้าลงและรู้สึกใบหน้าที่ร้อนผ่าว แต่ว่าภายในใจหวานฉ่ำ ในเวลานี้เอง หลี่ชิเย่จึงได้ละสายตากลับมาจากทิวทัศน์ของทะเลสาบมองดูเขาด้วยท่าทีที่เอ้อระเหย และกล่าวตามอารมณ์ว่า เช่นนั้นก็เคลื่อนขบวน
เฒ่าตัดฟืนรู้สึกดีใจ ขานรับทีหนึ่งทันที ทำเหมือนดั่งพิธีการในวัง ส่งเสียงดังขึ้นมาว่า อัญเชิญฝ่าบาทและพระนางเสด็จประพาส…แม้ว่ามาดจะดูยากจนเหลือเกิน แต่ผู้เฒ่ากลับไม่คลุมเครือแม้แต่น้อย
การเสด็จประพาสเช่นนี้ เกรงว่าคงเป็นการเสด็จประพาสที่ดูยากจนที่สุดของฮ่องเต้กระมัง แต่ว่า บรรดาผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์อยากจะหัวเราะแต่ก็ไม่กล้าส่งเสียงออกมาสักคำ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงหัวเราะออกมา
เมื่อหลี่ชิเย่และหลิ่วชูฉิงนั่งบนเรื่อไม้เรียบร้อยแล้ว เฒ่าตัดฟืนได้ร้องเสียงดังขึ้นมาทันทีว่าเคลื่อนขบวน…ท่าทางนั้นดูจริงจังมาก เหมือนว่าเวลานี้พวกเขาอยู่ในพระราชวังอย่างนั้น ขณะที่ตัวเขาก็คือขันทีเฒ่าที่อยู่ข้างกายฮ่องเต้อย่างนั้น
ได้ยินเสียงน้ำดังช่าาาขึ้นมา เฒ่าตัดฟืนได้พายเรือไม้เคลื่อนที่ไปช้าๆ เสียงเพลงของเขาดังก้องอยู่บนทะเลสาบ เดิมข้าเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดา ไม่ขึ้นไปยังตำหนักเซียน…
ทุกคนต่างมองตามเรือไม้ที่ค่อยๆ เคลื่อนที่จากไป ครั้นเรือไม้ได้หายไปท่ามกลางทะเลสาบจริงๆ แล้ว ทุกคนจึงได้ละสายตากลับมา
แม้แต่ฉินเจี้ยนเหยาเอง หลังจากมองส่งเฒ่าตัดฟืนไปไกลแล้วจึงยืดตัวตรงและยืนขึ้น และโค้งตัวส่งเฒ่าตัดฟืนจนไปไกลลับแล้ว ท่าทางให้ความเคารพอย่างยิ่ง
มองดูเรือไม้หายไปท่ามกลางน้ำทะเลสาบ ฉินเจี้ยนเหยาถึงกับเหม่อลอยในขณะนี้ ถึงกับมีกิริยาท่าทางไม่เหมาะสม พลันรู้สึกงงงันอยู่บ้าง และไม่สามารถเรียกสติกลับมา
นางล่วงรู้ความลับเกี่ยวกับเขาจิ่วเหลียนซานมาไม่น้อย แลเคยได้ยินเหล่าบรรพบุรุษภายในวัดพูดถึงเรื่องราวของคนตัดฟืนแห่งเขาหนานซาน ก่อนมาที่นี่ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดวัดจิ้งเหลียนกวานพวกเขาก็เคยกล่าวเตือนนางมาก่อน
เวลานี้นางสามารถมั่นใจว่า แปดหรือเก้าในสิบ ชายตัดฟืนที่อยู่ตรงหน้าก็คือชายตัดฟืนแห่งเขาหนานซานในตำนาน เป็นผู้ที่คมในฝักมากที่สุดของเขาจิ่วเหลียนซาน แม้แต่ทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ กระทั่งทั่วทั้งแดนลัทธิราชันก็มีอยู่ไม่กี่คนรับรู้ถึงการดำรงอยุ่ของตัวเขา แต่เขากลับเป็นระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะที่น่ากลัวอย่างยิ่ง
ดูไปแล้วเวลานี้ชายตัดฟืนแห่งเขาหนานซานให้ความสำคัญกับฮ่องแต้องค์ใหม่เป็นอย่างยิ่ง มันเป็นเพราะเหตุผลอะไรกันแน่นะ?
พลันทำให้ภายในใจของฉินเจี้ยนเหยาไม่สามารถอธิบายได้ สมควรทราบว่า แม้แต่ในยุคของฮ่องเต้ไท่ชิง แม้จะเป็นยุคที่ฮ่องเต้ไท่ชิงเป็นใหญ่แต่เพียงผู้เดียวใต้หล้า ยังต้องให้ความเคารพเขาจิ่วเหลียนซานอยู่สามส่วน หนึ่งในเหตุผลก็คือเป็นเพราะชายตัดฟืนแห่งเขาหนานซาน
ด้วยเหตุนี้เอง จึงเป็นเหตุผลว่าเพราะอะไรขณะฮ่องเต้ไท่ชิงมาที่เขาจิ่วเหลียนซาน ดูจะทำตัวค่อมต่ำและเก็บงำพลังเอาไว้
กล่าวได้ว่า ชายตัดฟืนแห่งเขาหนานซานเป็นผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะยากแก่การคาดการณ์มากที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ มีเพียงผู้ที่ก้าวไปถึงระดับความสูงเช่นนั้นจึงสามารถเข้าใจในตัวของชายตัดฟืนแห่งเขาหนานซานได้อย่างแท้จริงว่ามีความแข็งแกร่งเพียงใดกันแน่ เป็นต้นว่ากู่อี้เฟยแห่งตระกูลหลี่!
ชายตัดฟืนแห่งเขาหนานซานที่ลึกล้ำยากจะหยั่งถึงเช่นนี้กลับมั่นใจในตัวของฮ่องเต้องค์ใหม่ กระทั่งถ่อมาเป็นคนเรือให้กับฮ่องเต้องค์ใหม่ มาคราวนี้พลันทำให้ฉินเจี้ยนเหยาถึงกับเซ่อไปเลย
อาศัยความคิดของนาง ฮ่องเต้องค์ใหม่ไม่มีคุณค่าที่จะไปให้การสนับสนุนอีกต่อไปแล้ว ทุกระดับชั้นในวัดจิ้งเหลียนกวานพวกเขาก็เห็นด้วยเช่นนี้ แต่ว่า เวลานี้ดูจากการแสดงออกของชายตัดฟืนแห่งเขาหนานซานแล้ว เหมือนว่าเรื่องราวจะไม่เป็นดังนั้น
จังหวะที่ฉินเจี้ยนเหยาเหม่อลอยอยู่นั้น ทำให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างใจหายใจคว่ำ ฐานะของฉินเจี้ยนเหยานั้นมีความสูงส่งเพียงใด นอกเหนือจากปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดแล้ว ยังจะมีผู้ใดที่คู่ควรให้ฉินเจี้ยนเหยาต้องให้ความเคารพมากถึงเพียงนี้เล่า?
เฒ่าตัดฟืนที่มองแล้วไม่รู้ว่ามีบารมีเช่นใดมีประวัติความเป็นมาอย่างไรกันแน่นะ?
หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ หม่าจินหมิงมองเห็นฉินเจี้ยนเหยาที่ยังยืนเหม่ออยู่ตรงนั้น เพื่อเอาใจสาวงามจึงรีบเอ่ยขึ้นว่า เทพธิดาฉินอย่าได้ใส่ใจเลย เจ้าคนแซ่หลี่ก็อวดดีและโง่เขลาเช่นนี้แหละ เข้าใจว่าตัวเองนั้นยังคงเป็นฮ่องเต้ พยายามวางมาด…
หุบปาก…เวลานี้ฉินเจี้ยนเหยาตวาดเสียงดังออกมา ไม่ต้องการพูดคุยอะไรกับหม่าจินหมิงอีก เนื่องจากนางรู้สึกว่าเรื่องราวดูจะเหนือการควบคุมเสียแล้ว ความรู้สึกถึงอันตรายที่ใหญ่หลวงพลันปกคลุมอยู่กลางใจของนาง ไหนเลยนางจะมีกระจิตกระใจพูดเพ้อเจ้อกับหม่าจินหมิงอีก
สีหน้าของหม่าจินหมิงพลันแดงก่ำ ท่าทางดูสุดจะทนได้ เมื่อถูกฉินเจี้ยนเหยาตวาดเสียงดังต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ ในฐานะที่เป็นคุณชายน้อยแห่งกองทัพส่วนกลาง นอกจากบิดาของเขาแล้ว เขาเคยต้องถูกทำให้โกรธเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน ยังจะมีใครกล้าตวาดเสียงดังเช่นนี้ใส่เขาเล่า?
แต่ทว่า เขาไม่กล้าระบายแค้นกับฉินเจี้ยนเหยา ในขณะนี้ เขาได้นำเอาความแค้นเคืองไปลงที่ตัวของหลี่ชิเย่ทั้งหมด เป็นสารเลวคนนี้นี่เองที่ทำให้เขาต้องทนรับไม่ได้เช่นนี้ ช้าหรือเร็วเขาก็ต้องคิดบัญชีกับสารเลวคนนี้ ให้เขารู้เสียบ้าง!
เรือน้อยลอยล่องอยู่ท่ามกลางน้ำในทะเลสาบที่ขึ้นลงไม่นิ่ง น้ำทะเลสาบที่เป็นสีเขียวครามเสมือนดังเป็นหยกชิ้นหนึ่งอย่างนั้น โดยที่ทะเลสาบกินพื้นที่กว้างขวางนับพันลี้ เมื่อเรือน้อยถูกพายเข้าไปกลางทะเลสาบแล้วนั้น เสมือนดั่งอยู่ท่ามกลางทะเลกว้างใหญ่ เมื่อสายลมพัดเข้ามา ทำให้ผู้คนรู้สึกสบายอกสบายใจ
หาได้ยากน่ะเนี่ย หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่งขณะนอนอยู่ในเรือไม้ เอาขาทั้งสองข้างก่ายขึ้นสูง กล่าวท่าทีเอ้อระเหยว่า รบกวนผู้ยิ่งใหญ่เช่นเจ้ามาช่วยพายเรือให้ข้า เรื่องเช่นนี้นับว่าเป็นประวัติการณ์ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ เกรงว่าแม้แต่ฮ่องเต้ไท่ชิงก็ไม่ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้กระมัง
ฝ่าบาทพูดเล่นแล้วล่ะ ชายตัดฟืนแห่งเขาหนานซานหัวเราะและกล่าวว่า ฝีมือชาวบ้านอันน้อยนิดอย่างข้าไม่เข้าตาฝ่าบาทอยู่แล้ว ฝ่าบาทแค่นึกคิดก็สามารถทำให้ข้าหัวหลุดจากบ่า และยังเป็นเครื่องมือหากินข้าที่ตัดหัวของข้า กล่าวพลางตบมีดตัดฟืนที่เหน็บอยู่ข้างเอวของตน
การที่ชายตัดฟืนแห่งเขาหนานซานยอมให้หลี่ชิเย่สั่งการได้ตามใจอย่างกะทันหันใช่จะไม่มีเหตุผล ทักษะที่แข็งแกร่งของเขานั้นบุคคลภายนอกไม่สามารถคาดคะเนได้อยู่แล้ว หาไม่แล้วล่ะก็ ขณะฮ่องเต้ไท่ชิงมาที่เขาจิ่วเหลียนซานคงไม่เก็บงำพลังและทำตัวค่อมต่ำขนาดนั้น ฮ่องเต้ไท่ชิงเป็นฮ่องเต้มาสามยุคสมัย จะมีสักกี่คนที่คู่ควรให้เขาไปหวั่นเกรงได้เล่า?
แต่ว่า ด้วยชายตัดฟืนแห่งเขาหนานซานที่ดำรงอยู่ในฐานะที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ อาวุธของเขาก็คือมีดตัดฟืนซึ่งอยู่บนตัวนั้นถึงกับถูกหลี่ชิเย่ชิงเอาไปโดยตรง ปล่อยให้หลี่ชิเย่ควบคุมตามใจปรารถนา ขณะที่ตัวเขาซึ่งเป็นเจ้าของถึงกับไม่สามารถแย่งชิงเอาสิทธิ์การควบคุมมีดตัดฟืนของตนกลับมาได้ มันช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวเพียงใด
สิ่งนี้เป็นการบ่งบอกว่าจิตระลึกของหลี่ชิเย่นั้นแข็งแกร่งจนถึงขั้นปราศจากผู้ต่อกรแล้ว เมื่อจิตระลึกของเขาเทียบกับหลี่ชิเย่แล้ว หลี่ชิเย่ก็คือชายฉกรรจ์ ขณะที่ตัวเขาคือเด็กทารกคนหนึ่ง
ศักยภาพเช่นนี้ใช่จะเป็นเพียงแค่ระดับปฐมบรรพบุรุษเท่านั้น ขั้นต่ำจะต้องเริ่มต้นที่ระดับปฐมบรรพบุรุษแดนลัทธิเซียน แล้วจะไม่ทำให้ชายตัดฟืนแห่งเขาหนานซานต้องตื่นตระหนกได้อย่างไรเล่า นี่คือผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะสูงสุดที่เขาได้เคยพบพานมาชั่วชีวิตแล้ว
ภาษิตว่าไว้ว่าทำดีย่อมหวังผล ไม่ใช่พวกสับปลับก็คือพวกโจร หลี่ชิเย่กล่าวท่าทีเอ้อระเหยว่า เจ้าเป็นประเภทไหนล่ะ?
ฝ่าบาทพูดเล่นแล้ว ผู้เฒ่าไม่ใช่ทั้งสองอย่าง ชายตัดฟืนแห่งเขาหนานซานหัวเราะและกล่าวว่า ตาเฒ่าก็แค่ทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดี ทำเพื่อฝ่าบาทโดยอาศัยกำลังที่มีอยู่เพียงน้อยนิด นอกเหนือจากนี้แล้วก็ไม่ได้มีความคิดอื่นใดเลย
ถ้าหากแม้แต่เจ้าก็ไม่มีข้อเรียกร้อง ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะไม่เกรงใจสักเท่าไรแล้ว หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า เมื่อถึงเวลานั้นหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นล่ะก็ เจ้าอย่างหาว่าข้าไม่ได้บอกเจ้าล่วงหน้านะ
.