ตอนที่ 2485 เลือดหยดเป็นทาง
ในเวลานี้ ฟ้าดินเงียบสงัด ทุกคนที่ได้เห็นภาพนี้แล้วต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำ
หม่าจินหมิงถูกเหยียบอยู่ใต้ฝ่าเท้า หยางฟู่ฝานถูกตรึงอยู่กับบันไดหิน เทียบกันสองคนระหว่างหม่าจินหมิงกับหยางฟู่ฝานแล้ว หม่าจินหมิงจะด้อยกว่ากันนิดหนึ่ง แต่ว่า หยางฟู่ฝานคือระดับเทพแท้จริงขั้นสวรรค์ชั้นที่สาม
เรียกว่าเป็นระดับเทพแท้จริงขั้นขึ้นสู่สวรรค์นะเนี่ย อีกทั้งค่ายกลของหยางฟู่ฝานนั้นนับว่าหนึ่งไม่มีสอง พลันที่ลงมือก็คือค่ายกลกระบี่ พลังเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรต้องหวาดผวาจนหน้าถอดสี
แต่ทว่า ต่อให้หยางฟู่ฝานที่มีค่ายกลกระบี่ที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสอง ยังคงถูกองครักษ์หินตรึงเอาไว้กับบันไดหินเพียงสองสามกระบวนท่าเท่านั้น ดูเหมือนไม่ว่าจะเป็นหม่าจินหมิง หรือว่าหยางฟู่ฝานพวกเขาล้วนแล้วแต่ไม่คู่ควรจะกล่าวถึง เหมือนว่าเป็นดั่งที่หลี่ชิเย่พูดเอาไว้อย่างนั้นจริงๆ แค่มดปลวกฝูงหนึ่งเท่านั้น ไม่คู่ควรที่เขาจะต้องลงมือเองอย่างสิ้นเชิง
ตูม ตูม ตูม…จังหวะที่ทุกคนกำลังเหม่อลอยอยู่นั้น เสียงตูมตามดังขึ้นเป็นระลอก แม้แต่ผืนแผ่นดินยังสะเทือนหวั่นไหวไปทีหนึ่ง เห็นเพียงองครักษ์หินแต่ละตัวลงมาจากฟ้า พลันจัดการล้อมป่าหินเอาไว้ทั้งหมดองครักษ์หินทุกตัวได้ปิดล้อมทุกๆ ทางออกของป่าหินเอาไว้ เพียงชั่วพริบตาเดียว ทุกคนที่เข้าร่วมงานเลี้ยงยิ่งใหญ่ล้วนแล้วแต่ถูกปิดล้อมเอาไว้
ก่อนหน้านี้ องครักษ์หินแต่ละตัวเดิมทีจะยืนอยู่ด้านซ้ายขวาสองด้านของบันไดหิน อีกทั้งก่อนหน้านี้องครักษ์หินแต่ละตัวเป็นเพียงรูปปั้นแกะสลักแต่ละตัวเท่านั้นเอง จะมีใครที่เห็นรูปปั้นแกะสลักแต่ละตัวอยู่ในสายตากันเล่า
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้รูปปั้นแกะสลักแต่ละตัวกลับมีชีวิตขึ้นมา อีกทั้งรูปปั้นแกะสลักแต่ละตัวล้วนแล้วแต่เป็นยอดฝีมือของที่น่ากลัวยิ่ง ยามที่พวกเขายืนถือขวานสองคมหินยืนอยู่บริเวณทางเข้าออกทุกจุดของป่าหินแล้ว ทุกคนถึงกับรู้สึกสะท้านขึ้นภายในใจ รู้สึกว่าเหตุการณ์ไม่ดีเสียแล้ว
เจ้า เจ้า เจ้ากำลังคิดจะทำอะไร? ครั้นมองเห็นองครักษ์หินแต่ละตัวที่มือถือขวานสองคมหินขวางทางออกของทุกคนเอาไว้ ทำให้ภายในใจของทุกคนสะท้านขึ้นมา ต่างรู้สึกว่าเหตุการณ์ท่าจะไม่ดีเสียแล้ว จึงมีผู้ที่ตวาดเสียงดังต่อหลี่ชิเย่ออกมา
ข้าสามารถทำอะไรได้? หลี่ชิเย่ทำท่าหาวทีหนึ่ง กล่าวด้วยท่าทีเซ็งๆ ว่า พวกเจ้าว่า ฮ่องเต้โหดที่มั่วโลกีย์ไร้คุณธรรมคนหนึ่งควรจะทำเรื่องอะไรล่ะ? เฉกเช่นฮ่องเต้โหดอย่างข้าย่อมต้องทำเรื่องแย่งชิงหญิงชาวบ้าน เข่นฆ่าทั่วหล้าอยู่แล้ว
เจ้า เจ้า เจ้าอย่าได้รังแกกันมากเกินไป หม่าจินหมิงที่ถูกเหยียบอยู่ใต้ฝ่าเท้า สีหน้าขาวซีด ทำเสียงแข็งทั้งที่จิตใจอ่อนแอ ร้องกล่าวว่า เวลานี้ผู้คนใต้หล้าต่างทอดทิ้งเจ้า ไม่มีกองทัพใดๆ ยินดีทำงานให้เจ้า เจ้าเป็นแค่คนที่โดดเดี่ยวเท่านั้น เจ้า เจ้ากล้าทำบุ่มบ่ามอีก เกรงว่าจะต้องตายโดยไร้ที่ฝัง
พูดเช่นนี้เหมือนว่าฮ่องเต้โหดอย่างข้าจำเป็นต้องดึงกองทัพมาเป็นพวกอย่างนั้นรึ? หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมา
บิดาของข้าคือแม่ทัพของกองทัพส่วนกลาง ได้รับการสนับสนุนจากหกกองทัพของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ได้รับการสนับสนุนจากอาณาประชาราษฎร์ เวลานี้เจ้าปล่อยข้าไปยังทัน… หม่าจินหมิงมองเห็นความหวัง และเอ่ยขึ้นทันที เมื่อเห็นว่าท่าทีของหลี่ชิเย่เหมือนอ่อนลง
ถ้าหากข้าบอกว่าไม่ล่ะ? หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าว
เจ้า เจ้า เจ้าก็คือเป็นศัตรูกับทั่วหล้า เป็นศัตรูกับหกกองทัพ… หม่าจินหมิงข่มขู่หลี่ชิเย่
ฆ่าเสีย หลี่ชิเย่เหมือนไม่ได้ยินคำขู่ของหม่าจินหมิงอย่างนั้น ท่าทางเหมือนมีลมหายใจแต่ไร้เรี่ยวแรง และตามอารมณ์ยิ่ง เพียงโบกมือเบาๆ
เจ้า… หม่าจินหมิงนึกไม่ถึงว่าวิธีการของตนถึงกับไม่ได้ผล รู้สึกหวาดผวา ร้องเสียงดังขึ้นว่า ไม่…
แต่ว่า มันสายไปเสียแล้ว หม่าจินหมิงเพิ่งจะส่งเสียงออกมา ได้ยินเสียงดังปุเลือดแตกกระจาย ศีรษะกลิ้งตกลงบันไดหิน เวลานี้ดวงตาคู่นั้นของศีรษะที่กลิ้งลงบันไดหินเบิกกว้าง มองเห็นเลือดที่พุ่งทะลักออกมาจากบริเวณคอที่ถูกตัดจนขาด
อะไรคือหกกองทัพใหญ่ อะไรคือใต้หล้าให้ความเลื่อมใสศรัทธาสูงสุด หลี่ชิเย่ ถึงกับหัวเราะขึ้นมาและกล่าวว่า ข้าคนเดียวก็เพียงพอแล้ว ยังจะต้องมีกองทัพอะไรนั่น แค่มือข้างเดียวของข้าที่กวาดออกไปทีหนึ่งก็สังหารจำนวนมหาศาล สำหรับเรื่องการให้ความเลื่อมใสศรัทธาสูงสุดนั่น ไม่สยบฆ่าไม่มีละเว้น ฆ่าจนกว่าทั้งหมดจะเลื่อมใสศรัทธาทั้งหมด
ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างรู้สึกงุนงง เมื่อได้ยินคำพูดที่เหมือนดั่งเลือดที่ไหลรินไม่หยุด ก่อนหน้านั้น ภาพของฮ่องเต้องค์ใหม่ในใจทุกคนคือมั่วโลกีย์ไร้คุณธรรม ต่อให้เขาเป็นฮ่องเต้โหดคนหนึ่ง ก็ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานได้รับการสนับสนุนจากกองทัพทั้งหก
แต่ว่า เวลานี้แค่คำพูดไม่เข้าหูก็ตัดศีรษะของผู้อื่น อีกทั้งหม่าจินหมิงนั้นเป็นบุตรชายของหม่าหมิงชุนเชียวนะ บุตรชายของแม่ทัพส่วนกลาง เท่ากับเขาได้ล่วงเกินต่อหกกองทัพใหญ่ในคราเดียวกัน
ครั้นทุกคนได้เห็นวิธีการที่เป็นอันธพาลตามใจตัวเองด้วยปณิธานที่แข็งแกร่งเช่นนี้ พลันพลิกกลับภาพที่อยู่ในใจของผู้คนทั้งหมด ก่อนหน้านั้น ผู้คนจำนวนเท่าไรที่เหยียดหยามในใจต่อฮ่องเต้องค์ใหม่เพียงใด ก็แค่ฮ่องเต้ที่เบาปัญญาคนหนึ่งเท่านั้น สวะที่ไม่สามารถเยียวยาได้คนหนึ่งเท่านั้น
เจ้ายังจะมีอะไรพูดอีก? หลี่ชิเย่จ้องมองดูหยางฟู่ฝานที่ถูกตรึงเอาไว้กับขั้นบันไดหิน
จะฆ่าจะแกงก็สุดแต่เจ้า หยางฟู่ฝานนั้นนับว่าเป็นกระดูกเหล็ก กล่าวท่าทีเย็นชาว่า แม้ข้าจะต้องตาย อีกยี่สิบปีข้างหน้าก็ต้องมีผู้กล้าปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ต่อให้ข้าต้องตาย อาจารย์ของข้าก็ต้องแก้แค้นให้กับข้า!
เมื่อเปรียบเทียบกับหม่าจินหมิงที่รักตัวกลัวตายแล้ว หยางฟู่ฝานเหนือกว่ากันมากทีเดียว แม้จะรู้อยู่แล้วว่ายากจะหนีความตายไปได้ ยังคงไม่ยอมอ่อนข้อให้
อืมม อย่างนี้สิยังมีความหยิ่งในศักดิ์ศรีของผู้บำเพ็ญตนอยู่บ้าง ดีมาก เช่นนั้นแล้วข้าจะส่งเสริมเจ้า และรอให้อาจารย์เจ้ามาแก้แค้น วางใจเถอะ หนทางก้าวไปยังนรกของเจ้าจะไม่โดดเดี่ยวแน่นอน อีกไม่นานเท่าไร ข้าจะส่งอาจารย์ของเจ้าร่วมเดินทางไปกับเจ้า เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วศิษย์อาจารย์ทั้งสองก็จะไม่อ้างว้างบนหนทางมุ่งไปนรกแล้วล่ะ สามารถเป็นศิษย์อาจารย์ต่อไปได้อีก หลี่ชิเย่รู้สึกชื่นชมอย่างยิ่ง พยักหน้าทีหนึ่ง จากนั้นโบกมือทีหนึ่ง และกล่าวว่า ฆ่า
ฉึก ฉึก ฉึก…พลันที่หลี่ชิเย่พูดขาดคำ ขวานสองคมหินสามเล่มพุ่งลงมาจากบนท้องฟ้าทันที ได้ยินเสียงกระทบดังตึง ตึง ตึง ขวานสองคมหินทั้งสามพลันแทงทะลุร่างกายของหยางฟู่ฝาน และทะลุผ่านเข้าไปในบันไดหิน
อ๊ากกกขวานสองคมหินทั้งสามพลันทำลายชะตาแท้ของหยางฟาฝานในทันที เขาร้องออกมาอย่างน่าเวทนา เมื่อชะตาแท้ถูกทำลายจึงตายในทันที เลือดสดๆ ไหลรินลงมาย้อมขั้นบันไดหินจนแดงฉาน
ฟ้าวววเสียงหนึ่งดังขึ้น เวลานี้มองเห็นขวานสองคมหินทั้งสามเล่มได้งัดเอาศพของหยางฟู่ฝานยกสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า เลือดสดๆ ไหลรินลงมาตามขวานสองคมหิน หยดลงบันไดหินทีละหยดๆ
พริบตาเดียวนี้เอง เวลาเหมือนถูกตรึงให้หยุดลงกับภาพที่เห็น มองดูศพของหยางฟู่ฝานที่ถูกเกี่ยวยกสูงมากนั้นแล้ว ทุกคนต่างรู้สึกสะเทือนหวั่นไหวในใจ ถึงกับเสียวสันหลังวาบ
ย่อมไม่ต้องสงสัย จิตวิญญาณที่ไม่ยอมแพ้ปณิธานที่แข็งแกร่ง ไร้ซึ่งความปราณีได้ปรากฏให้เห็นบนตัวของหลี่ชิเย่ออกมาอย่างเต็มที่
ในเวลานี้ทุกคนต่างรู้สึกเสียวสันหลังวาบ จ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยความหวาดหวั่นพรั่นพรึงจนขนลุกซู่ ก่อนหน้านั้น ผู้คนจำนวนเท่าไรที่เหยียดหยามในตัวของฮ่องเต้องค์ใหม่ ผู้คนจำนวนเท่าไรที่เมินใส่ฮ่องเต้องค์ใหม่
แต่ทว่า ในขณะนี้เมื่อฮ่องเต้องค์ใหม่เผยให้เห็นถึงเขี้ยวเล็บขึ้นมาแล้ว ทุกคนจึงรับรู้ถึงความสยองขวัญ เหมือนว่าฮ่องเต้องค์ใหม่ก็คือสัตว์ดุร้ายในยุคดึกดำบรรพ์ที่กำลังหลับสนิท เมื่อมันฟื้นและตื่นขึ้นมา ยามที่มันอ้าปากกว้าง ทุกอย่างเป็นเพียงมดปลวกในสายตาของมันเท่านั้นเอง
เมื่อครู่มีคนพูดกันว่า ฮ่องเต้ที่มั่วโลกีย์ไร้คุณธรรมอย่างข้า ผู้คนใต้หล้าต่างก่นด่า ราษฎรต่างเอาใจออกห่าง หลี่ชิเย่ยิ้มแต้และกล่าวว่า แต่ว่า คนอย่างข้านั้นอยากรู้อยากเห็นมากว่า ต้องทำอย่างไรถึงจะทำให้ราษฎรเอาใจฝักใฝ่กันนะ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เวลานี้ข้าให้โอกาสพวกเจ้าครั้งหนึ่ง ทั้งหมดคุกเข่าลง แล้วคุกเข่าเลียเยินยอข้าแต่โดยดี ทำตัวเป็นราษฎรที่ดีที่มีใจฝักใฝ่อยู่ใต้เท้าของข้า ถ้าเป็นอย่างนั้นวันนี้ข้าก็จะพิจารณาว่าควรจะมีความเมตตา เป็นฮ่องเต้ที่ปรีชาสามารถเพียบพร้อมด้วยคุณธรรม
ในขณะนี้ ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างมองหน้าซึ่งกันและกัน เมื่อได้ฟังคำพูดที่เหลวไหลและอันธพาลเช่นนี้ ผู้คนจำนวนเท่าไรที่หวาดหวั่นพรั่นพรึงจนขนลุกซู่กับสิ่งนี้
พริบตาเดียวนั่นเอง ผู้คนจำนวนไม่น้อยตระหนักว่าฮ่องเต้องค์ใหม่หาใช่เป็นสวะ แต่เป็นคนบ้าคนหนึ่ง คนบ้าที่บ้าตั้งแต่หัวจรดเท้าเท่านั้นเอง!
เอาล่ะ เริ่มได้ ณ บัดนี้ ทั้งหมดล้วนแล้วแต่คุกเข่าลง บางทีนี่คือโอกาสเดียวที่พวกเจ้าจะมีสิทธิ์มีชีวิตรอดออกไปจากที่นี่ได้ หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าว
อย่าหวังเลย มีอัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่ไม่ยอม ร้องกล่าวเสียงดังว่า อาศัยฮ่องเต้โง่เขลาเบาปัญญาอย่างเจ้า อย่าหวังให้ข้าคุกเข่าเจ้าเลย!
ตึงเสียงหนึ่งดังขึ้น พลันที่อัจฉริยบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่ผู้นี้พูดขาดคำ มีองครักษ์หินลงมือทันที ขวานสองคมหินแหวกอากาศมาโดยตรง พุ่งเข้าสังหารอัจฉริยบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่ผู้นี้
ทำลาย อัจฉริยบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่ผู้นี้คำรามเสียงดัง กระโดดขึ้นควงค้อนยักษ์ทุบเข้าใส่ขวานสองคมหินที่พุ่งเข้ามา หวังจะทุบขวานสองคมหินให้หัก
เสียงปังดังขึ้นเสียงหนึ่ง ขวานสองคมหินไม่ได้ถูกทุบจนหัก มันพุ่งแทงทะลุค้อนยักษ์โดยตรง ได้ยินเสียงดังฉึก ขวานสองคมหินดั่งสายฟ้าแลยแทงทะลุอกของเขา เลือดสดๆ จากส่วนปลายที่แหลมคมของขวานสองคมหยดลงพื้นทีละหยดๆ
ดวงตาคู่นั้นของอัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่คนนี้เบิกกว้าง เขาถือดีในทักษะยุทธของตนอย่างยิ่ง ไม่นึกเลยว่ารับไม่ได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว ถูกตรึงสังหารอยู่ตรงนั้นทันที
พวกเราลุย สังหารทรราชนี้เสีย ขจัดภัยให้กับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่! ผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกสะท้านเมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว ในจำนวนนั้นมีอัจฉริยบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่แข็งแกร่งที่สุดคนหนึ่งคำรามเสียงดัง เรียกหาสหายกว่าสิบคนของตน ส่วนตัวเองนั้นบุกเดี่ยวพุ่งตัวเข้าสังหารหลี่ชิเย่
ฆ่า… อัจฉริยบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่สิบกว่าคนได้คำรามเสียงดัง และเสกเอาอาวุธที่ทรงพลังมากที่สุด และสำแดงเคล็ดวิชาที่แกร่งที่สุดของตนออกมา บุกเข้าสังหารหลี่ชิเย่ พวกเขาร่วมมือกันกว่าสิบคน หวังสังหารหลี่ชิเย่ให้ได้
ตึงเสียงหนึ่งดังขึ้น มองเห็นขวานสองคมหินแต่ละเล่มที่ผงาดฟ้า ได้ยินเสียงตึง ตึง ตึงดังขึ้น ขวานสองคมหินแต่ละเล่มพลันกลับกลายเป็นตาข่ายยักษ์ที่น่ากลัวอย่างนั้น ส่วนปลายของขวานสองคมหินที่ทิ่มแทงลงมา เหมือนดั่งเป็นม่านฟ้าแหดินอย่างนั้น ทำการปิดล้อมทุกคนอยู่ภายใน
ปัง ปัง ปังเสียงแตกละเอียดดังขึ้นเป็นระลอก ต่อให้อาวุธของเหล่าอัจฉริยบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่ทรงพลังมากกว่านี้ก็ต้องถูกขวานสองคมหินแทงทะลุ และแตกละเอียดไปทีละชิ้นๆ
อ๊ากกก อ๊ากกก อ๊ากกกติดตามด้วยเสียงร้องที่น่าเวทนาดังขึ้น เลือดสดๆ สาดกระเซ็น อัจฉริยบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่สิบกว่าคนที่บุกเข้าไปหมายสังหารหลี่ชิเย่ยังไม่ทันขึ้นไปถึงแท่นด้านบน ก็ถูกองครักษ์หินแต่ละตัวสังหาร ศพของพวกเขาถูกขวานสองคมหินเกี่ยวขึ้นสูง เลือดสดๆ ไหลหยดลงมาเป็นทาง
ได้ยินเสียงดังปัง ปัง ปัง มองเห็นขวานสองคมหินที่สลัดไปตามอารมณ์ จัดการโยนศพเหล่านี้ลงพื้นเหมือนโยนขยะทิ้งอย่างนั้น
อัจฉริยบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่สิบกว่าคนพลันถูกสังหาร เป็นการเข่นฆ่าที่เอนเอียงไปเพียงด้านเดียว บรรดาอัจฉริยบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่เหล่านี้ไม่นับเป็นอะไรได้ เมื่อเปรียบเทียบกับองครักษ์หินเหล่านี้
เลือดสดๆ ไหลรินอยู่บนขั้นบันไดหิน เสมือนดั่งน้ำจากลำธารที่ไหลลงมาเบื้องล่างอย่างนั้น เหมือนระลอกคลื่นที่ตามกันมาติดๆ ลูกแล้วลูกเล่า กลิ่นคาวเลือดที่เข้มขนพลันตลบอบอวลทั่วทั้งป่าหิน
…