ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล – ตอนที่ 2486 คุกเข่าให้หมด

ตอนที่ 2486 คุกเข่าให้หมด
ตอนที่ 2486 คุกเข่าให้หมด
“เฮ่อ เห็นทีฮ่องเต้โหดอย่างข้าดูเหมือนจะเป็นได้น่าผิดหวังนะเนี่ย” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าและกล่าวว่า “ฮ่องเต้โหดที่ผ่านคุณสมบัติอย่างแท้จริงควรจะดื่มเลือดคนสักนิด กินเนื้อคนสักหน่อยประมาณนั้น จะอย่างไรเสียขณะที่พวกเขาแค้นเคืองข้าอยู่นั้น ก็ต้องการดื่มเลือดของข้า ลอกเส้นเอ็นของข้า กินเนื้อของข้ามิใช่รึ? เฮ่อ ดูท่าการเป็นฮ่องเต้โหดของข้ายังไม่ผ่านเกณฑ์เพียงพอ”
ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดต่างรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง ขณะมองดูศพสิบกว่าศพที่อยู่บนพื้น
“โอ้แม่เจ้า หนีเถอะ” ในที่สุด มีผู้ที่ไม่อาจทนต่อบรรยากาศเช่นนี้ได้ เหินฟ้าขึ้นไปและหลบหนีไปทันที
“ไป…” เมื่อมีผู้นำ ในเวลานี้เองพวกเขาไม่สนใจเรื่องของศักดิ์ศรี หน้าตาอีกต่อไปแล้ว ต่างทยอยกันเหินฟ้าหันหลังหนีไปทันที
ฉึก ฉึก ฉึก…จังหวะที่บรรดาอัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่เหล่านี้เหินฟ้าขึ้นหมายหลบหนีไปนั้น ปรากฏขวานสองคมหินแต่ละเล่มถูกขว้างออกไป เสมือนดั่งเป็นสายฟ้าฟาดอย่างนั้น ทั้งยังมีความแหลมคมยิ่งนัก
อ๊ากกก อ๊ากกก อ๊ากกก…ในพริบตาเดียวนี้เอง ปรากฏเสียงร้องน่าเวทนาแต่ละเสียงที่ดังขึ้น เลือดสดๆ แตกกระจาย มองเห็นอัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่แต่ละคนที่เหินฟ้าหลบหนีนั้น ล้วนแล้วแต่ถูกขวานสองคมหินแทงทะลุอก ปรากฏเป็นรูที่บริเวณหน้าอกของพวกเขา จากเสียงร้องที่น่าเวทนา เลือดสดๆ พุ่งทะลักออกมา และศพได้ร่วงลงมาจากท้องฟ้าสูง
เพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ศพแต่ละศพที่จากท้องฟ้าหล่นลงมาถึงพื้น เมื่อร่วงลงมาถึงพื้นก็ได้ตายสนิทไม่ไหวติงอีกต่อไป
“อย่าหนี…” มองเห็นทางออกทุกทางล้วนแล้วแต่ถูกองครักษ์หินปิดกั้นเอาไว้ โดยไม่สามารถหลบหนีไปได้อยู่แล้ว เมื่อใดที่เหินฟ้าขึ้นไปก็จะถูกองครักษ์หินสังหาร
ยอดฝีมือที่มีอาวุโสมากกว่าร้องกล่าวเสียงทุ้มต่ำขึ้นมา เดิมบรรดาผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่คิดจะเหินฟ้าขึ้นไปต่างหยุดอยู่กับที่
ปัง ปัง ปังในเวลานี้เอง องครักษ์หินที่ปิดกั้นทางออกทุกทางเหล่านั้นได้ก้าวเดินเข้ามาหาพวกเขาทีละก้าวๆ ขวานสองคมหินที่อยู่ในมือของพวกเขาส่งประกายเยือกเย็นแวบวับน่ากลัวออกมา
มองเห็นองครักษ์หินที่บีบเข้ามาทีละก้าวๆ ทำให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดจำต้องถอยหลังไป จากการทีองครักษ์หินบีบเข้ามาเรื่อยๆ ทำให้บรรดาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดล้วนแล้วแต่ถูกบีบให้ถอยไปอยู่ด้านหน้าบันไดหินแล้ว หากยังคงถอยต่อไปก็ต้องถอยไปหาหลี่ชิเย่แล้ว
“เวลานี้ควรจะทำอย่างไร?” ในเวลานี่ ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่ถูกบีบให้ถอยไปรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนต่างคิดอะไรไม่ออก ไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นใด พวกเขาได้แต่ถามความเห็นจากยอดฝีมือที่มีอาวุโสมากกว่า
แต่ทว่า บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่มีอาวุโส กระทั่งระดับบรรพบุรุษตระกูลขุนนางโบราณ ในเวลานี้พวกเขาก็จนปัญญา และไม่รู้จะทำอย่างไร เนื่องจากเหล่าองครักษ์หินแข็งแกร่งมากเหลือเกิน ต่อให้พวกเขาร่วมมือกันก็ไม่สามารถฝ่าวงล้อมออกไปได้
“จะทำอย่างไร? ยังจะทำอย่างไรได้?” ในเวลานี้ หลี่ชิเย่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หินยิ้มแต้และกล่าวว่า “ในเวลานี้ พวกเจ้านอกจากคุกเข่าให้กับฮ่องเต้อย่างข้า ยกยอฮ่องเต้อย่างข้าคนนี้ สวามิภักดิ์ต่อฮ่องเต้องค์นี้แล้ว พวกเจ้าคิดว่ายังมีทางออกทางอื่นอีกหรือไม่? ถ้าหากพวกเจ้าคุกเข่าและเยินยอจนข้ามีจิตใจเบิกบาน เกิดใจอ่อนขึ้นมา ไม่แน่นักอาจสามารถละเว้นให้พวกเจ้าไม่ต้องตาย”
คำพูดของหลี่ชิเย่เสมือนดั่งเสียงสวรรค์ เหมือนว่าได้ชี้ทางสว่างให้กับทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ซึ่งกำลังสับสนงุนงงอยู่
ก่อนหน้านี้เกรงว่าคงไม่มีใครใส่ใจกับคำพูดของหลี่ชิเย่ ฮ่องเต้องค์ใหม่ที่สูญเสียอำนาจแล้วนับเป็นตัวอะไร ไม่คู่ควรจะกล่าวถึง
แต่ว่า ในเวลานี้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างมองหน้าซึ่งกันและกัน
“ฝ่าบาทหมื่นปี หมื่นปี หมื่นๆ ปี…” ในที่สุด เวลานี้เองได้มีผู้บำเพ็ญตนกลุ่มคนรุ่นใหม่ทนรับความกดดันเช่นนี้ไม่ได้ ตุบพลันเข่าอ่อนทั้งสองข้างคุกเข่าลงกับพื้นทันที และทำการกราบเป็นการใหญ่ กล่าวว่า “ฝ่าบาทปราศจากผู้ต่อกรชั่วนิรันดร์ บ่าวโง่เขลา ถูกใบไม้ใบเดียวบังตา ขอฝ่าบาททรงไว้ชีวิตด้วย”
เมื่อมีผู้นำคุกเข่าลง ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยทลายแนวป้องกันที่อยู่ภายในใจ จึงมียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนทยอยกันคุกเข่าลง ร้องกล่าวเสียงดัง “ฝ่าบาทหมื่นปี หมื่นปี หมื่นๆ ปี ฝ่าบาทปกครองชั่วนิรันดร์”
ในเวลานี้ ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากต่างแย่งกันคุกเข่าลง เมื่อเห็นว่าคนที่คุกเข่ามีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ต่างทยอยกันคุกเข่าลงกับพื้น และส่งเสียงดังขึ้นมาว่า “ฝ่าบาททรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ปกครองใต้หล้า ขอฝ่าบาททรงไว้ชีวิตให้บ่าวสักครั้ง…”
ในขณะนี้ ด้านล่างบันไดหินปรากฏคนที่คุกเข่าเต็มพื้นที่ไปหมด ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดต่างก็ได้คุกเข่าลง อีกทั้งผู้ที่อยู่ด้านหลังได้แย่งกันคุกเข่าลงด้วยเกรงว่าตนเองนั้นจะเป็นผู้ที่คุกเข่าลงเป็นคนสุดท้าย เกิดทำให้ฮ่องเต้องค์ใหม่ไม่พอใจ ไม่แน่นักพวกเขาอาจจะต้องหัวหลุดจากบ่าในทันที
ครั้นทุกคนได้คุกเข่าลงแล้ว ก่อนที่หลี่ชิเย่จะออกปากไม่มีใครกล้าที่จะลุกขึ้นมา ทุกคนล้วนแล้วแต่คุกเข่าอยู่ตรงนั้นอย่างอกสั่นขวัญแขวน ภายในใจกลัวจนตัวสั่นงันงก รอคอยการลงทัณฑ์จากหลี่ชิเย่
“ดูไปแล้วพวกเจ้าก็ไม่ได้หัวแข็งมากอย่างที่คิดนี่” หลี่ชิเย่ที่นั่งอยู่ตรงนั้นมองดูคนที่คุกเข่าเต็มพื้นที่ด้วยท่าทียิ้มแต้ ยิ้มเฉยเมยและกล่าวว่า “เห็นมั้ยล่ะ ทั้งหมดล้วนแล้วแต่คุกเข่าอยู่ตรงนี้แล้วนี่ ง่ายกว่าที่จินตนาการเอาไว้มากทีเดียวนี่”
ขณะที่หลี่ชิเย่พูดคำพูดนี้ออกมานั้น ทุกคนที่คุกเข่าอยู่ในเวลานี้ล้วนแล้วแต่มีใบหน้าที่แสบร้อน ก่อนหน้านั้นมีใครบ้างที่จะมองหลี่ชิเย่อยู่ในสายตา ฮ่องเต้องค์ใหม่เป็นเพียงสวะ เป็นเพียงฮ่องเต้ทรราชที่เหลวไหลไร้ความสามารถคนหนึ่งเท่านั้นในสายตาของพวกเขา ผู้คนจำนวนเท่าไรที่เชิดใส่เขา ผู้คนจำนวนเท่าไรที่หยามเหยียดเขาอยู่ในใจ ผู้คนจำนวนเท่าไรคิดจะเหยียบเขาให้อยู่ใต้ฝ่าเท้า?
แต่ว่า เวลานี้บรรดาผู้ที่เคยเหยียดหยามต่อฮ่องเต้องค์ใหม่เหล่านั้น ยังคงคุกเข่าอยู่ที่ตรงนี้แต่โดยดี คุกเข่ารอการลงทัณฑ์จากฮ่องเต้องค์ใหม่ด้วยความอกสั่นขวัญแขวน
ความแตกต่างระหว่างก่อนและหลังสร้างความอึดอัดให้กับผู้อยู่ในเหตุการณ์อย่างยิ่ง ก่อนหน้านี้ พวกเขามีใครบ้างที่ไม่มองว่าตัวเองนั้นสูงเด่นเหนือผู้อื่น พวกเขาช่างยโสเสียเหลือเกิน ในสายตาของพวกเขามองว่าฮ่องเต้องค์ใหม่ที่เฉกเช่นสวะอย่างนี้ไม่มีสิทธิ์มาปรากฎตัวที่งานเลี้ยงยิ่งใหญ่นี้เสียด้วยซ้ำ เอาล่ะสิ เวลานี้พวกเขากลับต้องคุกเข่าสรรเสริญเยินยอต่อฮ่องเต้องค์ใหม่ ร้องขอให้ละเว้นชีวิตของพวกเขา
เวลานี้ สิ่งที่เรียกว่าหยิ่งยโส สิ่งที่เรียกว่าถือดีของพวกเขาไม่มีค่าแม้แต่อีแปะเดียว แตกละเอียดเกลื่อนเต็มพื้น
“เช่นนั้นแล้ว ข้าควรจะพิจารณาจัดการแข่งขันอะไรขึ้นมาสักอย่าง เป็นต้นว่าใครสามารถเลียเยินยอจนข้ารู้สึกสบายก็ให้ไปจากที่นี่ก่อน เรียงลำดับมาทีละคนๆ คนมาทีหลังเลียแล้วไม่สบายให้ลากไปตัดหัวเสีย” หลี่ชิเย่พูดยิ้มแต้ขึ้นมา
พลันที่หลี่ชิเย่พูดคำพูดนี้ออกมา ทุกคนที่คุก่เข่าอยู่ตรงหน้าล้วนแล้วแต่มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปมากทีเดียว ถึงกับมีสีหน้าที่ซีดเผือด มันเป็นการนำเอาความหยิ่งยโส และศักดิ์ศรีที่แตกละเอียดจนเกลื่อนพื้นนั่นมากระทืบซ้ำอย่างแรงจนแหลกละเอียด
“ฝ่าบาท ละ ละเว้นชีวิตพวกเขาเถอะนะ” สุดท้ายยังคงเป็นหลิ่วชูฉิงที่ใจอ่อน เมื่อเห็นผู้คนที่คุกเข่าเต็มพื้นที่อยู่ตรงนั้น เอ่ยขึ้นเบาๆ ขอละเว้นให้กับพวกเขา
หลี่ชิเย่มองดูหลิ่วชูฉิงทีหนึ่ง ถึงกับทอดถอนใจออกมาคำหนึ่ง ลูบไล้ผมของนางเบาๆ และกล่าวว่า “ในเมื่อเด็กโง่ของข้าออกปากขอความเมตตาแล้ว เฮ่อ ต่อให้ข้าเป็นคนใจแข็งก็ต้องอ่อนลง”
หลิ่วชูฉิงถึงกับมีสีหน้าแดงก่ำ เมื่อหลี่ชิเย่พูดขึ้นมาต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ อายจนต้องก้มหน้าลงต่ำ และในใจนั้นรู้สึกหวานซึ้งยิ่งนัก
“ช่างน่าเบื่อเสียจริง พวกไร้สมองกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ต่อให้ฆ่าเสียก็เปื้อนมือข้าเปล่าๆ” หลี่ชิเย่มองดูทุกคนที่คุกเข่าอยู่ตรงนั้นทีหนึ่ง กล่าวด้วยท่าทีหมดอารมณ์
เดิมทีผู้คนทั้งหมดที่คุกเข่าอยู่ทั้งหมดต่างรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน ภายในใจของพวกเขาหวั่นเกรงเหลือเกินว่าหลี่ชิเย่จะเล่นลูกไม้อะไรอีก เวลานี้ได้ยินคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่แล้วจึงได้หายใจด้วยความโล่งอก
ปังในเวลานี้ หลี่ชิเย่ได้ตบลงไปที่เก้าอี้หินอย่างแรง ติดตามด้วยเสียงดัง เอี๊ยด เอี๊ยด เอี๊ยดขึ้นมา ภูเขาทั้งสองลูกที่อยู่ด้านหลังของหลี่ชิเย่ได้มีการเคลื่อนที่ ภูเขาที่เดิมติดกันพลันเผยให้เห็นช่องว่างขึ้นมา โดยที่ภายในช่องว่างถึงกับมีกล่องหินใบหนึ่งวางอยู่
หลี่ชิเย่ยื่นมือออกไป หยิบเอากล่องหินใบนี้เอาไว้ในมือ และเปิดออกดู ขณะที่กล่องหินถูกเปิดออกนั้น พลันปรากฏเป็นเหมือนดั่งน้ำใสแจ๋วที่กระเพื่อมเป็นวงและเปล่งประกายออกมายามต้องแสงอาทิตย์ ดุจดั่งภายในกล่องหินบรรจุน้ำทิพย์เซียนอยู่เต็มกล่องอย่างนั้น จึงมีประกายที่แวบวับออกมาเช่นนี้
แม้ว่าบรรดาผู้ที่คุกเข่าอยู่ด้านล่างก็รุ้ว่าสิ่งนี้จะต้องเป็นของวิเศษที่ยอดเยี่ยมมาก แต่ว่าไม่มีใครกล้าปริปากออกมา ไม่มีใครกล้าส่งเสียงออกมา
หลังจากที่หลี่ชิเย่มองดูแวบหนึ่งก็ได้ปิดฝากล่องลง กล่าวท่าทีเฉยเมยว่า “คิดว่านี่คือแท่นนักปราชญ์จริงๆ รึ? องครักษ์หินแต่ละตัวนี่เข้าใจว่ามีไว้ดูชมอย่างนั้นจริงๆ รึ? พวกมันคือผู้ที่เฝ้าปกป้องสถานที่แห่งนี้” พูดจบได้เก็บกล่องหินขึ้น
ในเวลานี้ หลี่ชิเย่ได้ลุกขึ้นยืนและกล่าวว่า “น่าเบื่อ” และก้าวเดินจากไป
หลิ่วชูฉิงคล้องแขนหลี่ชิเย่ติดตามหลี่ชิเย่ก้าวเดินลงบันไดหินทีละก้าวๆ
ขณะที่หลี่ชิเย่ก้าวเดินลงบันไดหิน และยืนอยู่ตรงหน้าบรรดาทุกคนที่คุกเข่าอยู่ตรงนั้น ผู้คนที่คุกเข่าอยู่ต่างกลั้นลมหายใจด้วยท่าทีขวัญหนีดีฝ่อ ไม่กล้าส่งเสียงออกมาแม้แต่คำเดียว
กระทั่งในเวลานี้เอง ผู้ที่คุกเข่าอยู่ตรงนั้นได้ขยับตัวเพื่อเว้นตรงกลางเป็นทางให้หลี่ชิเย่ได้เดินผ่านไป
หลี่ชิเย่เพียงจ้องมองพวกเขาด้วยท่าทีเย็นชาและเรียบเฉยทีหนึ่ง เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ที่พวกเจ้าสามารถรอดชีวิตมาได้หาใช่ข้ามีความเมตตากรุณา นั่นเป็นเพราะนังหนูที่มีจิตใจดีงาม จึงละเว้นชีวิตพวกเจ้าสักครั้ง! พวกเจ้ารู้แล้วสิว่าสมควรขอบคุณใคร”
“พระนางมีความเมตตากรุณา เป็นมารดาของแผ่นดิน!” ทุกคนที่คุกเข่าอยู่กับพื้นต่างส่งเสียงดังขึ้นมาเมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่ และก้มกราบกับพื้น
หลิ่วชูฉิงอายจนใบหน้าแดงก่ำ ก้มหน้าลงต่ำมาก สายตาของตนเกือบจะมองเห็นปลายเท้าของจนเองแล้ว ทำให้นางรู้สึกหวานฉ่ำภายในใจ เนื่องจากคำยกย่องว่า “พระนาง” เป็นการยืนยันในฐานะการอยู่ข้างกายหลี่ชิเย่ของนางแล้ว
หลี่ชิเย่เพียงยิ้มนิดหนึ่งเท่านั้น และขี้คร้านจะไปสนใจพวกเขาอีกต่อไป พาหลิ่วชูฉิงล่องลอยจากไป
ตูม…เสียงหนึ่งดังขึ้น ครั้นหลี่ชิเย่จากไปไกลแล้ว องครักษ์หินทั้งหมดได้กลับคืนสู่ที่เดิม ไปยืนตัวตรงและในมือกำขวานสองคมหินเหมือนเดิม
ผู้คนทั้งหมดที่คุกเข่าอยู่บนพื้นค่อยๆ ลุกขึ้นยืน หลังจากแน่ใจว่าหลี่ชิเย่ได้จากไปไกลแล้วจริงๆ
หลังจากลุกขึ้นมาได้แล้ว ทุกคนต่างมองหน้ากันและกัน ท่าทางเหมือนยังคงตกใจไม่หาย ในเวลานี้ทุกคนไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
ท้ายที่สุดแล้ว ทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่กล้าส่งเสียงออกมา รวมตัวเป็นกลุ่มย่อยเดินทางออกจากสถานที่แห่งนี้ไป เนื่องจากวันนี้สำหรับพวกเขาแล้วนับว่าเสียหน้ามากเหลือเกิน พวกเขาที่ถือดีมาโดตลอดต้องถูกสยบให้คุกเข่าอยู่ตรงนั้น
หลังจากที่ชายตัดฟืนแห่งเขาหนานซานได้ส่งหลี่ชิเย่และหลิ่วชูฉิงกลับไปริมทะเลสาบ และมองตามหลี่ชิเย่กับหลิ่วชูฉิงจนไกลลับตาแล้ว ถึงกับนั่งลงฟืดดด ฟืดดดสูบยาสูบจากกล้องยาสูบอยู่ตรงนั้น
สุดท้าย อดที่จะมองไปยังทิศทางที่หลี่ชิเย่หายตัวไป และพึมพำขึ้นมาว่า “โชคดีที่ยังมีคนผู้หนึ่งมาอุ่นใจของเขาเอาไว้ มิฉะนั้นล่ะก็ ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่จะลงเอยอย่างไรนั้นไม่อยากจะคิด ในสายตาของเขานั้น มันเป็นเพียงหมากกระดานหนึ่งเท่านั้น เมื่อเล่นจบเกมเกรงว่ากระดานหมากรุกนี้ก็ต้องถูกโยนทิ้งไปตามอารมณ์ เมื่อถึงวันนั้น ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ทั้งหมดก็ถูกทำลายไปสิ้น”
ชายตัดฟืนแห่งเขาหนานซานถึงกับเหงื่อเย็นไหลโทรมกาย นับว่าโชคยังดีที่มีหลิ่วชูฉิงคนหนึ่งที่สามารถได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดีจากหลี่ชิเย่
………………………………………
ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

Status: Ongoing

สิบล้านปีก่อน หลี่ชีเย่ตัดไผ่เขียวขจีหนึ่งลำ   แปดล้านปีก่อน หลี่ชีเย่เลี้ยงปลาไนหนึ่งตัว ห้าล้านปีก่อน หลี่ชีเย่รับเลี้ยงเด็กสาวหนึ่งคน   วันนี้ ทันทีที่หลี่ชีเย่ตื่นขึ้น กิ่งไผ่เขียวบำเพ็ญตนจนกลายเป็นวิญญาณเทพ ปลาไนกลายร่างเป็นมังกรทอง เด็กสาวกลายเป็นจักรพรรดินีเก้าแดน  นี่คือเรื่องราวของการฝึกฝน เรื่องราวของเด็กหนุ่มปุถุชนที่มีชีวิตอมตะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท