ตอนที่ 2488 ดาบอริยะกวานไห่
หลังจากที่ปิงฉือหานยวี่ได้ฟังคำบอกเล่าจากคนข้างกายแล้ว ท่าทางของนางดูตกใจไม่อาจทำใจให้สงบได้ เนื่องจากตั้งแต่ต้นจนจบฮ่องเต้องค์ใหม่ก็ไม่ได้ลงมือ ไม่สามารถยืนยันได้ว่าฮ่องเต้องค์ใหม่น้ำนิ่งไหลลึกหรือไม่ และไม่รู้ว่าฮ่องเต้องค์ใหม่มีความแข็งแกร่งเช่นนั้นจริงหรือไม่
หลังจากที่ปิงฉือหานยวี่ได้ฟังคำบอกเล่าจากคนข้างกายแล้ว ท่าทางของนางดูตกใจไม่อาจทำใจให้สงบได้ เนื่องจากตั้งแต่ต้นจนจบฮ่องเต้องค์ใหม่ก็ไม่ได้ลงมือ ไม่สามารถยืนยันได้ว่าฮ่องเต้องค์ใหม่น้ำนิ่งไหลลึกหรือไม่ และไม่รู้ว่าฮ่องเต้องค์ใหม่มีความแข็งแกร่งเช่นนั้นจริงหรือไม่
“หรือเป็นเขาจิ่วเหลียนซานที่แอบช่วยเหลือฮ่องเต้องค์ใหม่อย่างลับๆ” ปิงฉือหานยวี่นึกถึงความน่าจะเป็นอย่างหนึ่ง ถึงกับพึมพำขึ้นมา
แม้จะกล่าวว่า เขาจิ่วเหลียนซานนั้นทำตัวค่อมต่ำมาโดยตลอด และไม่สนใจในเรื่องทางโลก แต่ว่าศักยภาพของเขาจิ่วเหลียนซานไม่เคยมีใครกล้าดูแคลนมาก่อน แม้ว่าศิษย์ของเขาจิ่วเหลียนซานมีอยู่ไม่มาก แต่ว่า พวกเขามีศักยภาพเพียงพอที่จะบงการสถานการณ์ใต้หล้าได้อย่างแน่นอน
“เขาจิ่วเหลียนซานอาศัยอะไรต้องไปให้การช่วยเหลือต่อฮ่องเต้องค์ใหม่เล่า?” ปิงฉือหานยวี่เองก็ไม่สามารถเข้าใจได้ในทันที ฮ่องเต้องค์ใหม่โง่เขลาเบาปัญญาไร้ความสามารถ เป็นเรื่องที่ทุกคนต่างรู้กันทั่วหล้า เพราะอะไรเขาจิ่วเหลียนซานจึงต้องช่วยเหลือฮ่องเต้องค์ใหม่?
ต่อให้เป็นยุคที่ฮ่องเต้ไท่ชิงเป็นใหญ่แต่ผู้เดียว เขาจิ่วเหลียนซานยังคงไม่ให้ความสนใจ และไม่ไปก้าวก่ายเรื่องราวใต้หล้า แต่ว่า หากเวลานี้เขาจิ่วเหลียนซานพลันลงมือให้การช่วยเหลือฮ่องเต้องค์ใหม่กะทันหัน บงการสถานการณ์ของใต้หล้าล่ะก็ ดูแล้วมันไม่สมเหตุสมผลนะเนี่ย
“รีบกลับไปที่ตระกูล นำเรื่องนี้รายงานต่อเหล่าบรรพบุรุษ” ปิงฉือหานยวี่ทำท่าไตร่ตรองนิดหนึ่ง แล้วสั่งการกับคนข้างกาย
หลังจากที่ปิงฉือหานยวี่สั่งการไปแล้วได้ไตร่ตรองอีกทีแล้วกล่าวว่า “ไปที่แคว้นว่านเจิ้นสักครั้งหนึ่ง แจ้งต่อราชันแท้จริงปาเจิ้นถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่นี่ เตือนราชันแท้จริงปาเจิ้นให้ระวังฮ่องเต้องค์ใหม่ เขาต้องแก้แค้นแน่”
คนข้างกายรับคำแล้วรีบเร่งจากไปโดยเร็ว
หลังจากที่คนข้างกายจากไปแล้ว ในเวลานี้ปิงฉือหานยวี่รู้สึกถึงจิตใจที่ทุกข์ระทม เวลานี้รู้สึกฉงนสนเท่ห์อยู่บ้าง
เดิมที ตามสัญญาหมั้นหมายก่อนหน้านั้น นางจะต้องแต่งงานกับฮ่องเต้องค์ใหม่ ภายหลังตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือของพวกเขาไม่ยอมให้นางได้แต่งงานกับฮ่องเต้องค์ใหม่ และไม่ยอมทุ่มลงทุนบนตัวฮ่องเต้องค์ใหม่ ดังนั้น จึงอาศัยเล่ห์เหลี่ยมให้ปิงฉือหยิ่งเจี้ยนแต่งเข้าวังในนามขององค์หญิง
ภายหลัง ภายใต้การดำเนินการของทั้งสองตระกูล นางได้หมั้นหมายกับราชันแท้จริงปาเจิ้น สำหรับสัญญาหมั้นหมายในครั้งนี้ ปิงฉือหานยวี่ก็ไม่มีอะไรจะพูดอยู่แล้ว แม้ว่านางกับราชันแท้จริงปาเจิ้นไม่ได้มีความผูกพันสักเท่าไร และก่อนที่จะมีการหมั้นหมายเกิดขึ้น พวกเขาก็เพียงแค่ได้พบหน้ากันไม่กี่ครั้งเท่านั้นเอง นับว่าความสัมพันธ์ยังพอไปได้ แต่ยังไม่ถึงขั้นของความรักระหว่างชายหญิง
ภายใต้การตกลงกันระหว่างสองตระกูล ได้กำหนดการหมั้นหมายของพวกเขาทั้งสอง ปิงฉือหานยวี่เองก็พึงพอใจอย่างยิ่งสำหรับการหมั้นหมายในลักษณะเช่นนี้
จะอย่างไรเสีย ไม่ว่าจะเป็นด้านของพรสวรรค์ หรือด้านความรู้ความสามารถ และหรือตำแหน่งฐานะ และหรือนิสัยหน้าตา ราชันแท้จริงปาเจิ้นนับว่าคู่ควรกับนางได้ และพวกเขาสามารถกล่าวได้ว่าเป็นคู้สร้างคู่สม สามารถยกย่องได้ว่าเป็นกิ่งทองใบหยก
โดยเฉพาะอย่าง่ยิ่ง กล่าวสำหรับการหมั้นหมายในครั้งนี้ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ราบรื่นอย่างยิ่ง ด้วยศักยภาพของราชันแท้จริงปาเจิ้นผนวกกับความช่วยเหลือจากตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ และแคว้นว่านเจิ้นอย่างเต็มที่ การก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งฮ่องเต้ของราชันแท้จริงปาเจิ้นเป็นเรื่องช้าหรือเร็วเท่านั้น
แต่ว่า ทันใดนั้นเอง ฮ่องเต้องค์ใหม่ที่สูญเสียแผ่นดิน ถูกขับออกจากบัลลังก์พลันมีท่าทีที่จะผงาดขึ้นมาใหม่ พลันทำให้ปิงฉือหานยวี่รู้สึกทุกข์ใจขึ้นมาทันที
จะอย่างไรเสีย ไม่ว่าจะเป็นนางหรือตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ และหรือราชันแท้จริงปาเจิ้น แคว้นว่านเจิ้น ล้วนแล้วแต่หักหน้ากับฮ่องเต้องค์ใหม่อย่างเปิดเผยไปแล้ว หากปล่อยให้ฮ่องเต้องค์ใหม่ได้ผงาดขึ้นมาอีกครั้งจริงๆ ล่ะก็ พวกเขาจะต้องเป็นเป้าหมายแรก ต้องพบกับการแก้แค้นของฮ่องเต้องค์ใหม่อย่างแน่นอน
“ฮ่องเต้องค์ใหม่ เจ้าเป็นคนแบบไหนกันแน่นะ?” ในเวลานี้ ปิงฉือหานยวี่ถึงกับมีจิตที่ทุกข์ระทมขึ้นมา รู้สึกอยู่ร่ำไปว่าเรื่องนี้ท่าจะไม่ดีเสียแล้ว
แม้ว่าปิงฉือหานยวี่จะหยิ่งผยองไปนิดหนึ่ง แต่ว่านางหาใช่ประเภทอกโตไร้สมองอย่างนั้น ไม่อาจปฏิเสธว่าเป็นความจริงที่อกของนางใหญ่มาก นางคือสาวงามที่ทำให้เลือดในกายของผู้คนต้องเดือดพล่านมาแต่กำเนิด
ผู้คนจำนวนมากแค่เห็นหน้านางครั้งแรกก็จะถูกดึงดูดใจด้วยความงดงามที่หยาดเยิ้มเย้ายวนใจ ทำให้ถูกดึงดูดจนจิตใจเคลิบเคลิ้มหลงไหล แต่ว่านางใช่แต่มีรูปร่างที่ยอดเยี่ยมที่เป็นเหมือนแจกันใบหนึ่งเท่านั้น
สุดท้าย ปิงฉือหานยวี่ได้ทอดถอนใจออกมาเบาๆ ไม่ว่าเรื่องราวจะพัฒนาไปรูปแบบใด กันหาใช่ส่งที่นางสามารถควบคุมได้อยู่แล้ว
แม้จะกล่าวว่านางคือองค์หญิงของตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ มีตำแหน่งสูง และมีฐานะที่สูงส่ง แต่ทว่า เมื่ออยู่ท่ามกลางสถานการณ์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ทั้งหมด นางที่อยู่ในฐานะองค์หญิงคนหนึ่งของตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือกลับดูเล็กมาก เรื่องราวมากมายเป็นเรื่องที่อยู่เหนือความควบคุมของนาง
เฉกเช่นเรื่องของการแต่งงาน ครั้งนั้นภายใต้การบังคับของฮ่องเต้ไท่ชิง ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสุงสุดของพวกเขามิใช่ยกนางให้กับฮ่องเต้องค์ใหม่รึ ภายหลังฮ่องเต้องค์ใหม่ไร้ความสามารถ มิใช่ล้มเลิกการแต่งงานในครั้งนั้นไปเช่นเดียวกัน สุดท้ายจึงได้เกี่ยวดองสมรสกับแคว้นว่านเจิ้น
กล่าวได้ว่า แม้ว่านางจะเป็นถึงองค์หญิงของตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ แต่ในเรื่องสำคัญของชีวิตนั้นนางก็ไม่สามารถตัดสินใจได้เอง สิ่งที่นางสามารถทำได้ก็คือ พยายามให้ตนเองมีการแต่งงานที่เหมาะกับตนเองมากที่สุดภายใต้ขอบเขตที่นางสามารถจะทำได้
“หวังว่าจะผ่านพ้นไปได้อย่างปลอดภัย” ในที่สุด ปิงฉือหานยวี่ที่ทอดถอนใจออกมาเบาๆ และกล่าวด้วยท่าทีที่จนด้วยเกล้า
แม้แต่เขาจิ่วเหลียนซานก็ดูเงียบสงัดลงหลังจากการศึกที่ป่าหิน อัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ปรกติแล้วมองตัวเองสูงเด่นมาก และชอบวิพากวิจารณ์เรื่องของบ้านเมืองก็ต้องยอมเก็บความยโสนั้นเอาไว้แต่โดยดี ไม่กล้าทำอวดดีอีกต่อไป
ภายใต้สภาพเช่นนี้ บรรยากาศของเขาจิ่วเหลียนซานดูจะมีความกดดันอยู่บ้าง บรรดาอัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยที่ปรกติแล้วมีความร่าเริงอยู่ไม่เป็นสุขถูกกดดันจนแทบหายใจไม่ออก แต่ก็ไม่กล้าที่จะทำอะไรบุ่มบ่าม
กระทั่งการมาถึงของคนผู้หนึ่งจึงทำให้บรรยากาศที่กดดันนี้เปลี่ยนไป
ในวันนี้มีมีชายหนุ่มผู้หนึ่งสะพายดาบที่ด้านหลังมาถึง ขณะที่ชายหนุ่มผู้สะพายดาบมาถึงนั้น มองเห็นปณิธานดาบที่ตลบอบอวลวิ่งคดเคี้ยวมาถึง เสมือนดั่งเมฆสีม่วงมาจากทิศตะวันออกอย่างนั้น
ขณะที่พลังดาบลดเลี้ยวมานั้น แม้แต่ผู้คนจำนวนมากที่อยู่ในเขาจิ่วเหลียนซานก็ถูกพลังดาบทำให้แตกตื่น ผู้คนจำนวนมากต่างทยอยกันออกมามองดู
ทุกคนต่างทอดสายตามองออกไป เห็นเพียงชายหนุ่มผู้หนึ่งที่สะพายดาบมา ท่าทางผ่อนคลายและสบายใจ สวมใส่ชุดสีม่วงทั้งชุด ตัวเขาที่มีคุณสมบัติเฉพาะตัวสูงส่ง เสมือนดั่งเป็นอ๋องคนหนึ่งอย่างนั้น
ชายหนุ่มผู้นี้ไม่ได้สูงใหญ่เป็นพิเศษ แววตาดั่งดาวพระศุกร์ คิ้วดั่งดาบยาว ท่วงท่างดงามและดูอิ่มเอิบมีชีวิตชีวา ด้านหลังของเขาได้สะพายดาบโบราณเล่มหนึ่ง แม้ว่าดาบยาวของเขาไม่ได้ออกจากฝัก แต่ก็สามารถทำให้ผู้คนรับรู้ได้ถึงความคมของดาบยาวแล้ว เหมือนว่าดาบยาวพลันออกจากฝักก็สามารถประหารสุริยันจันทรา ทำลายดวงดารา
ชายหนุ่มผู้นี้ก้าวเข้ามาโดยสะพายดาบโบราณที่หลัง พลังดาบที่เลี้ยวลดตามมายาวต่อเนื่องเป็นหมื่นลี้ ดั่งเมฆม่วงที่มาจากทิศตะวันออก
พลังดาบที่เลี้ยวลดตามมายาวต่อเนื่องนับหมื่นลี้ของชายหนุ่มนั้น หาใช่พลังดาบประเภทยาวต่อเนื่องนับหมื่นลี้ที่ดุดันอันธพาลสายหนึ่งที่ทำดัดจริต แต่เป็นพลังดาบสายหนึ่งที่เลี้ยวลดนับหมื่นลี้และดูเป็นธรรมชาติยิ่ง
ขณะที่เขาล่องลอยมานั้น พลังดาบก็จะตลบอบอวลไปทั่วฟ้าดิน เขาไม่ได้จงใจระเบิดพลังดาบของตนออกมา และไม่ได้ปล่อยให้พลังดาบของตนตลบอบอวลทั่วฟ้าดินตามอำเภอใจ
บางคนที่พลังดาบพุ่งขึ้นมาอย่างรุนแรง มันก็คล้ายดั่งเป็นเขื่อนขนาดยักษ์อย่างนั้น เมื่อต้องการจึงปลดปล่อยพลังดาบออกมา ปล่อยให้พลังดาบที่น่าเกรงขามและพาลยิ่งพุ่งขึ้นท้องฟ้าอย่างรุนแรง
ขณะที่ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าซึ่งพลังดาบเลี้ยวลดหมื่นลี้นั้น เป็นเพราะพลังดาบของเขาเหมือนเกิดขึ้นตามธรรมชาติ พลังดาบของเขาเสมือนหนึ่งเป็นน้ำในแม่น้ำที่ไหลอยู่อย่างนั้น หาใช่ปลดปล่อยออกมาในยามต้องการเท่านั้น
ดังนั้น เมื่อพลังดาบของชายหนุ่มเลี้ยวลดหมื่นลี้ยามที่เขาสะพายดาบที่หลังมานั้น กลับทำให้ผู้คนรู้สึกสบายเป็นพิเศษ ไม่มีลักษณะของพลังดาบทั่วไปที่รุนแรงและเจ็บปวดถึงกระดูก
“ดาบอริยะกวานไห่…” มีผู้ที่ร้องเสียงดังขึ้นมาและสามารถจดจำประวัติของเขาได้ เมื่อได้เห็นชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า
“ดาบอริยะกวานไห่มาแล้ว” ครั้นมองเห็นชายหนุ่มตรงหน้าผู้นี้แล้ว ได้สร้างความฮือฮาขึ้นมาไม่น้อย กระทั่งมีผู้ที่ร้องขึ้นด้วยความตระหนกว่า “หรือว่าดาบอริยะกวานไห่กลับมาจากการท่องเที่ยว? และหรือกักตนจนประสบผลสำเร็จแล้ว?”
“ดาบอริยะกวานไห่นะเนี่ย ผู้ที่สามารถต่อกรกับราชันแท้จริงปาเจิ้นได้อย่างแท้จริง ไม่แน่นักอาจเหนือกว่าราชันแท้จริงปาเจิ้นอยู่นิดหนึ่ง” แม้แต่รุ่นอาวุโสเมื่อมองเห็นชายหนุ่มผู้นี้แล้วก็ต้องทอดถอนใจออกมา
ดาบอริยะกวานไห่ ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ก็คือดาบอริยะกวานไห่ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ผู้สืบทอดของหอหลินไห่เก๋อ กระทั่งมีผู้กล่าวว่าเวลานี้เขาก็คือเจ้าสำนักของหอหลินไห่เก๋อแล้ว เพียงแต่ทางหอหลินไห่เก๋อไม่ได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการต่อบุคคลภายนอกเท่านั้นเอง
ดาบอริยะกวานไห่คืออัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่แข็งแกร่งที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ เกรงว่าทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่คงมีเพียงราชันแท้จริงปาเจิ้นที่สามารถต่อกรกับเขาได้แล้ว
ดาบอริยะกวานไห่ไม่เหมือนเช่นฉินเจี้ยนเหยาอย่างนั้นที่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางโลก และไม่เหมือนดั่งราชันแท้จริงปาเจิ้นที่มีชื่อเสียงไปทั่วระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ เขาเสมือนหนึ่งเป็นดาบยาวเล่มหนึ่งที่สบายๆ สูงเด่นลึกล้ำ
ชื่อเสียงบารมีของราชันแท้จริงปาเจิ้นสยบไปทั่วระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ทุกคนในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ต่างเคยได้ยินชื่อของราชันแท้จริงปาเจิ้น อีกทั้งราชันแท้จริงปาเจิ้นใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่
ขณะที่ดาบอริยะกวานไห่ต่างกัน ระยะเวลาที่ดาบอริยะกวานไห่อยู่ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ไม่มากนัก ส่วนใหญ่แล้วเขาจะท่องไปทั่วหล้า หนึ่งคนหนึ่งดาบท่องไปทั่ว อาศัยดาบพบปะสหาย
ด้วยเหตุที่ดาบอริยะกวานไห่รั้งอยู่ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ไม่มากนี่เอง ทำให้ชื่อเสียงของเขาเทียบไม่ได้กับราชันแท้จริงปาเจิ้น
แต่ทว่า สมควรทราบว่า กล่าวสำหรับผู้บำเพ็ญตนคนหนึ่งแล้ว ไม่มีสถานที่ใดสามารถฝึกปรือได้ดีไปกว่าการฝึกปรือที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของตน จะอย่างไรเสียการได้ฝึกวิชาของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของตน และฝึกปรืออยู่ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของตน สามารถได้รับการบ่มเพราะจากผืนแผ่นดินของตน ทำให้การฝึกนั้นลงแรงเพียงครึ่งเดียวแต่ได้รับผลเป็นเท่าตัว
เหมือนดั่งราชันแท้จริงปาเจิ้น เวลาส่วนใหญ่ของเขาจะรั้งอยู่เพื่อฝึกปรืออยู่ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่
ขณะที่ดาบอริยะกวานไห่นั้นต่างกัน เขาสะพายดาบออกเดินทางไกล ท่องไปทั่วหล้า อาศัยดาบพบปะสหาย แม้ว่าเขาจะห่างไกลจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ แต่มาวันนี้เขายังมีคมความสำเร็จที่น่าทึ่งยิ่งนัก ทุกคนต่างเข้าใจว่า ดาบอริยะกวานไห่เพียงพอที่จะต่อสู้กับราชันแท้จริงปาเจิ้นได้
“เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ที่เคยประลองกับราชันแท้จริงต้วนยวี่ กับราชันแท้จริงมู่เจี้ยนมาอย่างแท้จริง ศักยภาพเช่นนี้เทียบเคยงได้กับราชันแท้จริงปาเจิ้นก็นับว่าสมเหตุสมผลอยู่แล้ว” ยอดฝีมือรุ่นอาวุโสที่มองเห็นดาบอริยะกวานไห่แล้วทอดถอนใจขึ้นมา
ราชันแท้จริงต้วนยวี่คือราชันแท้จริงคนปัจจุบันของตระกูลหลี่ ขณะที่ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนคือราชันแท้จริงคนปัจจุบันของตระกูลมู่ ไม่ว่าจะเป็นราชันแท้จริงต้วนยวี่หรือราชันแท้จริงมู่เจี้ยนล้วนแล้วแต่แข็งแกร่งกว่าราชันแท้จริงปาเจิ้นในเวลานี้
ขณะที่ดาบอริยะกวานไห่ท่องเที่ยวไปทั่วหล้าในครั้งนั้น ก็เคยประลองศึกษาซึ่งกันและกันกับราชันแท้จริงต้วนยวี่และราชันแท้จริงมู่เจี้ยน เรียกได้ว่าประสบการณ์ในการต่อสู้ของดาบอริยะกวานไห่มีมากเหลือเกิน
แม้จะกล่าวว่า ดาบอริยะกวานไห่ไม่ได้เป็นราชันแท้จริง เส้นทางที่เขาเลือกคือเส้นทางการเป็นเทพแท้จริง แต่ว่า เขาคือผู้ที่เคยประลองศึกษากับราชันแท้จริงมาแล้วจริงๆ
เฉกเช่นราชันแท้จริงปาเจิ้น เขาเองก็นับเป็นราชันแท้จริงที่จริงแท้แน่นอนคนหนึ่ง ทั้งยังเคยประลองศึกษากับเทพแท้จริงขั้นอมตะมาแล้ว แต่ว่า กับราชันแท้จริงอื่นๆ ดั่งเช่นราชันแท้จริงต้วนยวี่ และราชันแท้จริงมู่เจี้ยน ตัวเขาล้วนแล้วแต่ไม่เคยได้ศึกษาประลองกันมาก่อน
ดังนั้น ประสบการณ์ในด้านนี้ ราชันแท้จริงปาเจิ้นเทียบไม่ได้กับดาบอริยะกวานไห่
ด้วยเหตุนี้เอง ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผู้คนจำนวนมากต่างมั่นใจในตัวของดาบอริยะกวานไห่ เคยมีผู้คนจำนวนไม่น้อยคิดว่าดาบอริยะกวานไห่คือผู้ที่มีสิทธิ์ได้รับการคัดเลือกให้เป็นฮ่องเต้ที่แข็งแกร่งมาก เพียงแต่ดาบอริยะกวานไห่ดูเหมือนจะไม่ให้ความสนใจสำหรับบัลลังก์ฮ่องเต้ ไม่เคยแสดงท่าทีที่ชัดเจนตลอดมา
………………………………………………….