ตอนที่ 2503 ดาบฮ่องเต้
ยังไม่ทันลงมือ หลี่ชิเย่ก็ได้พูดว่าจะละเว้นความตายให้กับดาบอริยะกวานไห่แล้ว หากเปลี่ยนเป็นก่อนหน้านี้ รับรองว่าต้องมีผู้คนจำนวนมากส่ายหน้าด้วยความเอือมระอา และหรือหัวเราะเยาะหลี่ชิเย่ว่าไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ไม่รู้จักคำว่าตาย
จะอย่างไรเสียดาบอริยะกวานไห่ในเวลานี้คือระดับเทพแท้จริง ขั้นสวรรค์ชั้นเก้าแล้ว ด้วยศักยภาพเช่นนี้ เรียกได้ว่าปราศจากผู้ต่อกรในกลุ่มคนรุ่นใหม่แล้ว ในบรรดากลุ่มคนรุ่นใหม่ ผู้ที่สามารถต่อกรกับเขาได้อย่างแท้จริงคงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ในบรรดากลุ่มคนรุ่นใหม่ทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ยิ่งยากจะหาผู้ต่อกรกับเขาได้ เกรงว่าแม้แต่ราชันแท้จริงปาเจิ้นก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะเป็นคู่ต่อสู้กับเขาได้
เวลานี้หลี่ชิเย่กลับพูดจาได้เอ้อระเหยว่าจะละเว้นให้ดาบอริยะกวานไห่ไม่ต้องตาย เหมือนว่าเขากำไพ่ตายไว้ในมือแล้ว
เวลานี้แม้คำพูดของหลี่ชิเย่จะใช้อำนาจบาตรใหญ่แค่ไหนก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไร ไม่มีใครกล้าส่งเสียงออกมา ต่างกลั้นลมหายใจมองดูพวกเขา ทุกคนต่างก็รู้ว่ามันคือการต่อสู้ที่เสือพบสิงห์อย่างแน่นอน
การต่อสู้ระหว่างดาบอริยะกวานไห่กับหลี่ชิเย่นั้น เกรงว่าบรรดาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ที่ให้ความใส่ใจมากที่สุดก็คือทังเฮ่อเสียงแล้วล่ะ เรียกได้ว่าเวลานี้เขาได้รวบรวมสมาธิอย่างเต็มที่ จ้องมองพวกเขาทั้งสองอย่างเต็มที่ นิ้วมือทั้งห้าที่กำทวนยาวดูจะกำจนแน่นมากขึ้นกว่าเดิมโดยไม่รู้ตัว กระทั่งข้อนิ้วมือยังกลายเป็นสีขาว
ในขณะนี้เอง ทังเฮ่อเสียงประดุจดั่งคันธนูที่น้าวสายเต็มที่พร้อมจะยิงธนูออกไปได้ทุกเวลา
เช่นนั้นแล้วข้าก็ต้องขอบคุณท่านล่วงหน้าที่ไม่ฆ่า ดาบอริยะกวานไห่ก็ไม่แสดงความโกรธ และไม่ได้โมโห เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง เสียงแช้งค์…ดังขึ้นเสียงหนึ่ง เขาได้ชักดาบออกมาอย่างช้าๆ
ขณะที่ดาบอริยะกวานไห่ชักดาบศักดิ์สิทธิ์ออกมาอย่างช้าๆ นั้น จังหวะที่ดาบยาวสัมผัสกับฝักดาบนั้นเสียงนั้นฟังดูมีจังหวะจะโคนยิ่งนัก เสียงแช้งค์เสียงนี้ดังขึ้นช้าๆ จากนั้นกลับกลายเป็นดังกังวาน ตลอดขั้นตอนดูเหมือนเป็นดนตรีบทหนึ่ง
จากการที่ดาบยาวของดาบอริยะกวานไห่ค่อยๆ ชักออกมาอย่างช้าๆ มองเห็นประกายดาบเสมือนดั่งปรอทที่ค่อยๆ เทลงพื้นดินทีละนิดๆ อย่างนั้น จากดาบยาวที่ถูกชักออกมาทีละนิดๆ ทำให้ประกายดาบที่ถูกปล่อยออกมามีมากขึ้นๆ ทุกที สุดท้าย เมื่อดาบยาวถูกชักออกมาทั้งเล่มแล้ว ประกายดาบที่วูบวาบคล้ายดั่งเป็นการพวยพุ่งออกมาอย่างนั้น
ตึง…ดาบยาวถูกชักออกมาโดยสิ้นเชิง ดาบศักดิ์สิทธิ์ส่งเสียงคำรามเสียงยาวขึ้นมา เสียงคำรามของดาบฟังดูไพเราะน่าเกรงขาม เหมือนหนึ่งทองคำกระทบกับหยก ท่ามกลางเสียงที่ไพเราะแฝงด้วยเสียงที่ดังกังวานมีพลัง เสียงคำรามของดาบเสียงหนึ่งคล้ายแฝงไว้ซึ่งความลึกซึ้งยอดเยี่ยมของวิถีแห่งดาบ
ดาบยาวออกจากฝัก ได้ยินเสียงแว้งค์ดังขึ้นเสียงหนึ่ง ในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง ช่องว่างล้วนแล้วแต่สั่นเทากับสิ่งนี้ จังหวะที่ดาบยาวออกจากฝักในพริบตาเดียวนั้น แม้ว่าดาบยาวของดาบอริยะกวานไห่ไม่ได้ระเบิดพลังอานุภาพมหาศาลออกมา แต่ทว่า พริบตาเดียวที่ดาบยาวออกจากฝัก ปณิธานดาบสูงลิ่ว เสมือนดั่งดาบยาวตั้งตระหง่านบนฟ้าดิน ปราศจากสิ่งใดสามารถสั่นคลอนมันได้อย่างนั้น
ด้วยดาบยาวลักษณะเช่นนี้นี่แหละ แต่เหมือนว่าไม่มีทำให้ไม่มีผู้ใดสามารถก้าวข้ามไปได้ หนึ่งดาบที่พาดผ่านท้องฟ้า ไม่ว่าใครก็ยากจะก้าวล้ำแม้เพียงครึ่งก้าว
ตึง…เสียงคำรามของดาบดังไม่ขาดสายขึ้นมาอีกครั้ง มาครั้งนี้เสียงคำรามของดาบไม่ได้มาจากการเปล่งเสียงออกมาของดาบยาวของดาบอริยะกวานไห่ แต่เป็นตัวดาบอริยะกวานไห่ที่เปล่งเสียงออกมาเอง
จังหวะที่ดาบอริยะกวานไห่กุมดาบด้วยมือทั้งสองในพริบตาเดียวนั่นเอง เหมือนว่าตัวเขาก็คือดาบศักดิ์สิทธิ์เล่มหนึ่งที่ปราศจากผู้ต่อกรในหล้า มีความแหลมคมยิ่งนัก เหมือนว่าบนตัวของเขาได้เปล่งประกายดาบที่แวววับดั่งหิมะ สามารถตัดแทุกสิ่งทุกอย่างจนขาด
ท่ามกลางเสียงประกายดาบเสียงนี้ ดูเหมือนว่าดาบอริยะกวานไห่ได้หลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกันกับดาบยาวที่อยู่ในมือของตน ในขณะนี้ ดาบคือตัวเขา ตัวเขาก็คือดาบ ปณิธานดาบฮึกเหิม แม้ไม่ได้ระเบิดกลิ่นอายเข่นฆ่าออกมา แต่ความแหลมคมของตัวดาบ ได้ทำให้ผู้คนต้องตัวสั่นดั่งลูกนกแล้ว เหมือนว่านี่คือดาบยาวที่แหลมคม และน่ากลัวมากที่สุดในโลก
ตูม…เสียงดังสนั่น ทันใดนั่นเอง ทั่วทั้งร่างของดาบอริยะกวานไห่ได้พวยพุ่งกลิ่นอายที่เป็นธรรมชาติน่าเกรงขามขึ้นมาสายหนึ่ง ร่างของเขาดั่งภูเขาที่สูงชะโงกทรงพลัง ทั้งยังมีความหนักแน่นของผืนแผ่นดิน
เคล็ดวิชาหลินมี่… พลันที่มองเห็นดาบอริยะกวานไห่พวยพุ่งกลิ่นอายธรรมชาติน่าเกรงขามขึ้นมา ผู้คนจำนวนมากรู้ได้ทันทีว่าสิ่งนี้คืออะไร
เกรงว่าในบรรดากลุ่มคนรุ่นใหม่ ดาบอริยะกวานไห่คือผู้ที่มีพลังวัตรที่ทรงพลังมากที่สุด ปรมาจารย์สำนักเจ้าลัทธิเอ่ยขึ้นช้าๆ
เคล็ดวิชาหลินมี่ เคล็ดวิชานี้มีความหนักแน่นน่าเกรงขาม แม้ว่าผู้ที่ฝึกปรือเคล็ดวิชานี้จะมีพลังก้าวหน้าไปได้ค่อนข้างช้า แต่ทว่า เมื่อไรที่เคล็ดวิชานี้สำเร็จขั้นสมบูรณ์ ความแข็งแกร่งของพลังวัตรหาใช่ผู้อื่นสามารถเทียบเคียงได้อยู่แล้ว
แต่ว่า ดาบอริยะกวานไห่ไม่พียงมีพลังวัตรที่แข็งแกร่งเท่านั้น ในพริบตาเดียวนั่นเอง ท่ามกลางกลิ่นอายที่เป็นธรรมชาติน่าเกรงขามมีกลิ่นอายจักรพรรดิที่พุ่งทะลุขึ้นมา เสมือนดั่งรุ้งสีขาวที่ทะลุผ่านดวงตะวันอย่างนั้น
ด้วยรุ้งสีขาวที่ทะลุผ่านดวงตะวันนี่เอง ทันใดนั้นร่างทั้งร่างของดาบอริยะกวานไห่เหมือนเคลือบด้วยสีเหลืองฮ่องเต้ชั้นหนึ่ง ทำให้ตัวของเขาแลดูเปี่ยมล้นไปด้วยกลิ่นอายฮ่องเต้
ในพริบตาเดียวนั้นเอง เสื้อสีม่วงที่สวมอยู่บนตัวของดาบอริยะกวานไห่เหมือนสีได้เปลี่ยนไป ถ้าหากก่อนหน้านั้นดาบอริยะกวานไห่คือท่านโหวคนหนึ่งล่ะก็ เช่นนั้นแล้วเวลานี้ดาบอริยะกวานไห่ก็คือดาบฮ่องเต้ ดาบยาวในมือที่ปกครองใต้หล้า
เวลานี้ เสื้อม่วงที่สวมอยู่บนตัวของดาบอริยะกวานไห่ดุจดั่งเป็นชุดมังกรอย่างนั้น ขณะที่เขากำดาบยาวในมือ มีลักษณะท่าทางที่ออกตรวจทุกที่ เสด็จประพาสทั่วหล้า
ลองคิดดู พลังวัตรของดาบอริยะกวานไห่นับว่ามีความเป็นธรรมชาติและมีพลังยิ่งใหญ่ไร้ขีดจำกัดมากพออยู่แล้ว ยามที่กลิ่นอายจักรพรรดิของเขาเสมือนดั่งรุ้งขาวที่ทะลุผ่านดวงตะวันนั้น ทำให้ตัวของเขาเสมือนหนึ่งได้กลับกลายเป็นดาบฮ่องเต้ที่อยู่เหนือใต้หล้า ความเป็นฮ่องเต้ที่ล้ำเลิศเป็นหนึ่งไม่มีสอง ราชธรรมยิ่งใหญ่ไพศาลไร้ขอบเขต
แค่บรรลุวิถีดาบเล็กน้อยเท่านั้น ดาบอริยะกวานไห่เงื้อมดาบยาวขึ้นมาช้าๆ พลังดาบคุกคามต่อหลี่ชิเย่ เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า ตั้งชื่อว่าดาบฮ่องเต้!
การลงมือของดาบอริยะกวานไห่ เขาไม่ได้ใช้สุดยอดเคล็ดวิชาที่คิดค้นขึ้นโดยบรรพชนหอหลินไห่เก๋อของพวกเขา และไม่ได้อาศัยเคล็ดวิชาราชันแท้จริงที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าของหอหลินไห่เก๋อพวกเขา แต่อาศัยดาบวิถีที่เขาเป็นผู้คิดค้นขึ้นเอง
ดาบฮ่องเต้… ทุกคนต่างจ้องมองดูภาพเหตุการณ์ตรงหน้าเมื่อได้ยินคำพูดของดาบอริยะกวานไห่ มองดูดาบอริยะกวานไห่ที่มีกลิ่นอายจักรพรรดิที่น่าเกรงขาม ความเป็นฮ่องเต้อันล้ำเลิศที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสอง ทำให้ผู้คนอดที่จะอุทานด้วยความชื่นชมไม่ได้ว่า เมื่อมีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริง ย่อมมีชื่อเสียงตามมา
ดาบฮ่องเต้ยอดเยี่ยม จิต พลัง วิถีล้วนเข้ากันได้ดี ไม่เลว หลี่ชิเย่กล่าวชื่นชมออกมาช้าๆ
เชิญชี้แนะ พลังดาบของดาบอริยะกวานไห่ชี้ตรงไปและกล่าวขึ้นช้าๆ ท่าทางของเขาดูหนักแน่น สง่าผ่าเผย แม้จะเป็นการต่อสู้กับศัตรู ยังคงรักษามาดผู้ดีที่มีอยู่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว กล่าวสำหรับเขาแล้ว การให้เกียรติศตรูก็คือการให้เกียรติแก่ตนเอง
น่าสนใจ หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวว่า ในเมื่อเจ้าคือดาบฮ่องเต้ เช่นนั้นแล้วข้าก็มาในรูปของดาบมารเป็นไร?
กล่าวพลาง หลี่ชิเย่ลุกขึ้นยืนไม่มีท่าทางอะไร เพียงแค่เพ่งสายตาไปข้างหน้าเท่านั้นเอง ตูม…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในพริบตาเดียวนั่นเอง ตัวของหลี่ชิเย่ปรากฏเปลวมารที่ดั่งคลื่นยักษ์ เปลวมารที่ไม่มีสิ้นสุดลุกโชนขึ้นอย่างรุนแรงท่ามกลางเสียงดังตูมตาม ปกฟ้าคลุมดิน กลืนกินหมื่นอาณาจักร
ในเสี้ยววินาทีนี่เอง หลี่ชิเย่เสมือนหนึ่งได้กลับกลายเป็นจอมมารที่สูงส่งสุดยอดตนหนึ่ง สรรพสิ่งมีชีวิตทั้งเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินเป็นได้เพียงมดปลวกเท่านั้น เป็นเพียงภักษาหารของเขาเท่านั้น
โอ้แม่เจ้า… มองเห็นหลี่ชิเย่ที่มีเปลวมารดั่งคลื่นยักษ์ ด้านหลังเสมือนดั่งมีปีกมารจำนวนสิบแปดคู่ที่กางออก พลันทำให้ทุกคนตื่นตระหนกยิ่งนัก ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่รู้สึกเข่าอ่อนทั้งสองข้างทิ้งตัวนั่งลงกับพื้น นี่มันคือการมาเยือนโลกมนุษย์ของจอมมารปราศจากผู้ต่อกรตนหนึ่งชัดๆ สยบหมื่นยุค
นี่มันคือวิชามารอะไร… ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรต้องสั่นเทิ้มเมื่อได้เห็นสภาพเช่นนี้ของหลี่ชิเย่
ไม่ใช่วิชามารอะไร มีปรมาจารย์ของสำนักเจ้าลัทธิที่จ้องเขม็งหลี่ชิเย่มาครู่หนึ่ง และเอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า เป็นการกลายเป็นมารโดยตรง ไม่ใช้เคล็ดวิชาอะไรทั้งนั้น
หนึ่งนึกคิดเป็นมาร… ท่าทางของดาบอริยะกวานไห่หนักแน่นจริงจังยิ่งนัก เมื่อมองเห็นหลี่ชิเย่ที่เปลวมารลุกโชนอย่างรุนแรงในชั่วพริบตาเดียว เขาเคยท่องไปทั่วหล้า มีเรื่องราวประหลาดใดที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน เรียกได้ว่ามีความรู้ที่กว้างไกลมาก ดังนั้น การที่หลี่ชิเย่กลายเป็นมารเพียงชั่วพริบตา เขาก็สามารถเข้าใจได้ทันทีว่าหลี่ชิเย่มีความน่ากลัวเพียงใดแล้ว
แช้งค์เสียงหนึ่งที่ดังขึ้น หลี่ชิเย่เพียงแค่ยกมือขึ้นเท่านั้น ภายในเปลวมารปรากฎดาบมารเล่มหนึ่งที่ลอยขึ้นมา เวลานี้พลังมารที่น่ากลัวยิ่งได้ปกคลุมฟ้าดินจนมิด ทำให้ฟ้าดินทั้งหมดเหมือนกลายเป็นแดนมารอย่างนั้น การปรากฏขึ้นมาของดาบมารเล่มนี้ท่ามกลางพลังมาร เหมือนว่ามันได้ถูกหลอมสร้างโดยพลังมารมานับพันนับหมื่นครั้งอย่างนั้น
ดาบมารที่อยู่ในมือได้ปรากฏเปลวมารที่ดำดั่งหมึกวูบวาบ ในเวลานี้เอง หลี่ชิเย่ก็คือจอมมารที่จริงแท้แน่นอนอย่างนั้น ดาบมารในมือของเขาพลันลงมือก็สามารถเก็บเกี่ยวชีวิตนับล้านล้านชีวิตของสิ่งมีชีวิต
รู้สึกน่าเบื่อมานานมากแล้ว อาศัยสภาพใดสภาพหนึ่งตามอารมณ์มาเล่นกับเจ้าสักหน่อย หลี่ชิเย่วางท่าออกไปตามอารมณ์กับดาบมารที่อยู่ในมือ โดยไม่ได้มีลักษณะของการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่โดยสิ้นเชิง ดูตามอารมณ์ยิ่งนัก เหมือนว่าการศึกนี้เป็นเพียงการอุ่นเครื่องเท่านั้น
ด้วยท่วงท่าที่หละหลวมเช่นนี้ แต่เวลานี้ไม่มีผู้ใดกล้าส่งเสียงออกมา ส่วนมากที่มองเห็นเปลวมารของหลี่ชิเย่ที่ดั่งคลื่นยักษ์ตรงหน้าอดที่จะเผยท่าทีที่เคารพยำเกรงขึ้นมา
เชิญลงมือ… ดาบยาวของดาบอริยะกวานไห่ชี้ตรงไปข้างหน้า ท่วงท่าดูเรียบร้อย ในขณะนี้เขาก็คือฮ่องเต้คนหนึ่ง มีความสง่าผ่าเผย แม้ว่าจะอยู่ในท่าทีที่เข้มงวดและให้ความเคารพ แต่ก็ปกครองทั่วหล้า ท่าทางที่เรียบร้อยนั้นแฝงไว้ซึ่งพลังสายหนึ่งที่ทำให้ผู้อื่นไม่กล้ารุกราน
หลี่ชิเย่เพียงยิ้มออกมาตามอารมณ์ จัดวางท่าทางให้กับดาบมารที่อยู่ในมือ และกล่าวว่า ถ้าหากข้าลงมือก่อน เกรงว่าจะเป็นการรังแกเจ้ามากเกินไป ดีไม่ดีเจ้าไม่มีโอกาสแม้แต่จะสำแดงกระบวนท่าออกมา เจ้าลงมือก่อนก็แล้วกัน จะเล่นเป็นเพื่อนกับเจ้าสามกระบวนท่า ภายในสามกระบวนท่าเจ้าต้องแพ้แน่
ด้วยคำพูดที่ตามอารมณ์เช่นนี้ พาลไร้ผู้เปรียบเปรย หากเป็นคนอื่นเกรงว่าคงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแล้ว แต่ว่า ท่าทีของดาบอริยะกวานไห่กลับหนักแน่นจริงจังยิ่งนัก
ดี เช่นนั้นก็ล่วงเกินแล้วล่ะ ดาบอริยะกวานไห่ก็ไม่ปฏิเสธ เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง ดาบยาวยกขึ้นด้วยกระบวนท่าเริ่มต้น
ตูม…เสียงดังสนั่นหวั่นไหวดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง จังหวะที่ดาบอริยะกวานไห่เริ่มต้นด้วยกระบวนท่าเริ่มต้นนั้น พลันปรากฏกลิ่นอายจักรพรรดิที่รุนแรงเสมือนดั่งได้ปูปกคลุมทั่วโลกาจนราบเรียบไปอย่างนั้น
เสียงตึงดังขึ้นเสียงหนึ่ง หนึ่งดาบที่ดาบอริยะกวานไห่สำแดงออกไป โดยที่ดาบที่ไม่ได้มีกระบวนท่าที่พลิกแพลงหลากหลาย หนึ่งดาบที่สำแดงออกไปก็ปราบใต้หล้าจนสงบราบคาบ ราชธรรมน่าเกรงขาม ภัยอันตรายทุกอย่าง สิ่งกีดขวางทุกอย่างล้วนแล้วแต่มลายหายไปภายใต้ดาบนี้ ราชธรรมได้ปราบทุกอย่างจนราบคาบ ภายใต้ดาบนี้ทุกอย่างล้วนแล้วแต่กลับกลายเป็นราบเรียบอะไรอย่างนั้น กลายเป็นเส้นทางกว้างใหญ่ที่ราบเรียบ
ราชธรรมผู้เป็นฮ่องเต้… เวลานี้ดาบอริยะกวานไห่ส่งเสียงคำรามเสียงยาว ตัวเขาดั่งดาบ นาทีนี้ไม่สามารถแยกออกได้ว่าเป็นตัวเขาที่สำแดงดาบนี้ออกไป หรือเป็นดาบที่ขับเคลื่อนตัวของเขา
ราชธรรมผู้เป็นฮ่องเต้ ดาบนี้ไม่มีกระบวนท่า หนึ่งดาบที่สำแดงออกมาก็คือวิถีดาบ มันก็คือตัวของดาบวิถีเอง และเป็นส่วนหนึ่งของดาบฮ่องเต้ของดาบอริยะกวานไห่
ราชธรรมดั่งที่ราบที่กว้างใหญ่ไพศาล หนึ่งดาบจัดการทุกสิ่งทุกอย่างสำเร็จลงในครั้งเดียว หนึ่งดาบปราบแผ่นดินจนราบคาบ เมื่อมีดาบๆ นี้ ในโลกนี้ยังจะมีสิ่งใดไม่สามารถปราบได้
‘ราชธรรมผู้เป็นฮ่องเต้’ ลักษณะเช่นนี้ ทำให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดต่างมองดูด้วยความรู้สึกประทับใจที่แสดงออกทางใบหน้า ตลอดเวลาที่ผ่านมามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่เสาะแสวงหากระบวนท่าที่อันตรายและมีความประณีตยอดเยี่ยม
แต่ว่า เวลานี้ภายใต้ ‘ราชธรรมผู้เป็นฮ่องเต้’ กระบวนท่าอันตรายและมีความประณีตยอดเยี่ยมอะไรก็ดูจะขาวซีดปราศจากเรี่ยวแรง
…………………………………………………..