ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล – ตอนที่ 2516 ศิโรราบอยู่ใต้บัญชา

ตอนที่ 2516 ศิโรราบอยู่ใต้บัญชา

ตอนที่ 2516 ศิโรราบอยู่ใต้บัญชา

ในเวลานี้เอง หม่าหมิงชุนคุกเข่าลงกับพื้นและร้องไห้สะอึกสะอื้น ก่อนหน้านั้น เขาได้สูญเสียบุตรชายเพียงคนเดียวไป เวลานี้กลับสูญเสียพี่น้องนับล้านที่เคยติดตามร่วมเป็นร่วมตายมากับเขา พวกเขาเคยมอบชีวิตของตนให้กับเขา เชื่อฟังเขาโดยไม่มีขีดจำกัด

ขณะอยู่ด้านนอกตระกูลขุนนางโบราณปิงฉือ คำสั่งของเขาคำเดียว เพื่อเขาแล้วพี่น้องนับล้านยินดีให้ความช่วยเหลือศัตรูหันกลับมาเล่นงานพวกเดียวกันด้วยการปราบปรามฮ่องเต้องค์ใหม่ มาวันนี้ ยังคงเป็นคำสั่งคำเดียว เพื่อเขาแล้วพี่น้องนับล้านยินดีหลั่งเลือดรบรากับฮ่องเต้องค์ใหม่จนถึงที่สุด

หากจะกล่าวว่า การช่วยเหลือศัตรูหันกลับมาเล่นงานพวกเดียวกันเป็นเพราะเพื่ออนาคตของทั้งกองทัพยังพอมีเหตุผล แต่ทว่า มาวันนี้ที่ต้องการหลั่งเลือดสู้กับฮ่องเต้องค์ใหม่จนถึงที่สุดนั้น เป็นเพียงกิเลสส่วนตัวที่ต้องการแก้แค้นต่อฮ่องเต้องค์ใหม่อย่างบ้าคลั่งเท่านั้นเอง

แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ก็ตาม พี่น้องของกองทัพส่วนกลางนับล้านยังคงให้การสนับสนุนต่อเขา หนุนเขาอย่างเต็มที่ ด้วยการมอบชีวิตของพวกเขาทั้งหมดไปอยู่ในมือของเขา แต่แล้ว เขากลับทำให้พี่น้องนับล้านชีวิตต้องมาจบชีวิตที่ตรงนี้เพียงเพราะกิเลสที่ต้องการแก้แค้นส่วนตัวเท่านั้น ทั้งหมดถูกทำให้แตกสลายกลายเป็นหมอกเลือด ตายโดยไร้ที่ฝัง

เรียกได้ว่า หม่าหมิงชุนไม่มีหน้าไปพบกับพี่น้องนับล้านที่ต้องตายไป ละอายต่อพวกเขาที่ได้ให้ความเชื่อถือในตัวเขา และละอายต่อญาติของพวกเขาเหล่านั้น เป็นเขาที่ให้ร้ายพวกเขาจนต้องตายไปทั้งหมด

 ภัยพิบัติจากธรรมชาติยังมีโอกาสรอดชีวิตได้ ภัยที่ก่อขึ้นมาด้วยตนเองไม่อาจหลบหนีได้พ้น  หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นเรียบเฉยมองดูหม่าหมิงชุนแวบหนึ่งด้วยท่าทีเย็นชาและเฉยเมย

 ฆ่าข้าเสียสิ ฆ่าข้าสิ แน่จริงก็ฆ่าข้าเสีย…  ในเวลานี้หม่าหมิงชุนที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นอดที่จะเงยหน้าขึ้น ตัวเขาที่มีผมเผ้าขาวโพลนเวลานี้อยู่ในสภาพที่น้ำตานองหน้า เขาร้องเสียงแหลมโวยวายต่อหลี่ชิเย่

ในขณะนี้ เขาตั้งใจขอตายอยู่แล้ว กล่าวสำหรับเขาการมีชีวิตอยู่เป็นเรื่องที่เจ็บปวดจนสุดจะทนได้ ความตายกลับจะเป็นเรื่องหลุดพ้นอย่างหนึ่ง

 ก้าวเดินมาถึงจุดนี้แล้ว หรือคิดว่าข้าจะยอมละเว้นเจ้าอย่างนั้น  หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบเฉยและกล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า  แม้ว่าข้ายินดีที่จะเห็นเจ้าจมอยู่ในความทุกข์จนไม่อยากมีชีวิตอยู่ไปชั่วชีวิต แต่ทว่า เวลานี้ข้าไม่มีอารมณ์เช่นนั้น ผู้ที่สมควรตาย ฆ่าไม่มีละเว้น! 

เมื่อหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วได้ยื่นนิ้วมือออกไปนิ้วหนึ่ง มองเห็นปลายนิ้วของเขามีกลิ่นอายสีเทาล้อมรอบ กลับจะเป็นกลิ่นอายคำสาปชั่วร้ายเมื่อครู่นั่น

ในขณะนี้ หลี่ชิเย่เพียงดีดนิ้วเบาๆ ทีหนึ่ง กลิ่นอายชั่วร้ายดังกล่าวพลันมุดเข้าไปในหัวใจของหม่าหมิงชุนทันที

อ๊ากกก…ในเวลานี้ หม่าหมิงชุนที่ได้รับความเจ็บปวดจนต้องร้องเสียงแหลมขึ้นมา เขาเจ็บปวดจนใบหน้าหงิกงอ แต่ทว่าเขาไม่ได้เกลือกกลิ้งอยู่กับพื้น แต่ยืดอกสูงยอมรับกับความเจ็บปวดเช่นนี้

กล่าวสำหรับเขาแล้ว หากความเจ็บปวดเช่นนี้ถือเป็นการลงโทษอย่างหนึ่งล่ะก็ เช่นนั้นแล้ว ความเจ็บปวดเช่นนี้กลับจะทำให้เขาช่วยลดความรู้สึกผิดของเขาลงได้บ้าง

จึ๊ด จี๊ด จี๊ด…ในเวลานี้เอง เสียงเผาผลาญดังขึ้น แม้ว่าเสียงดังกล่าวจะเบาบางมาก แต่ว่าการร้องเสียงแหลมดังด้วยความเจ็บปวดของหม่าหมิงชุนกลับไม่สามารถกลบมันเอาไว้ได้

ท่ามกลางเสียงจึ๊ด จี๊ด จี๊ดที่ดังขึ้น บริเวณหน้าอกของหม่าหมิงชุนเริ่มถูกเผาผลาญทำลาย โดยบริเวณหน้าอกได้กลายเป็นสีเทาไปทั้งหมด อีกทั้งการเผาไหม้เช่นนี้ยังคงดำเนินการแผ่ขยายวงต่อไป ต้องการเผาตัวเขาให้ไหม้ไปจนหมดสิ้น

อ๊ากกก…ในเวลานี้ เสียงร้องแหลมดังด้วยความเจ็บปวดของหม่าหมิงชุนดังไม่ขาดสาย และคงอยู่เป็นเวลานาน

ทุกคนต่างมองดูหม่าหมิงชุนที่รองรับกับความเจ็บปวดเช่นนี้ ทุกคนต่างได้ยินเสียงร้องแหลมดังด้วยความเจ็บปวดของหม่าหมิงชุน

เดิมทีสิ่งที่ตกและเผาไหม้อยู่บนตัวของหลี่ชิเย่ เวลานี้กลับมาตกอยู่บนตัวของหม่าหมิงชุน ให้หม่าหมิงชุนต้องรองรับกับความเจ็บปวดที่น่ากลัวเช่นนี้

แต่ว่า ไม่มีใครที่ไปเห็นใจหม่าหมิงชุน ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเขาหาเรื่องก่อกรรมทำเข็ญขึ้นมาเอง เมื่อเทียบกับการล่มสลายของทั้งกองทัพ เทียบกับชีวิตนับล้านชีวิตที่พังทลายในพริบตาแล้ว การได้รับความเจ็บปวดนิดหนึ่งเช่นนี้ของหม่าหมิงชุนนับเป็นอะไรได้?

ทั้งหลายทั้งปวดล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นด้วยน้ำมือของหม่าหมิงชุนเอง แม้แต่คำสาปที่ชั่วร้ายเช่นนี้ก็สร้างขึ้นมากับมือของหม่าหมิงชุนเอง การที่หม่าหมิงชุนต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ในขณะนี้ จึงไม่คู่ควรให้ผู้คนต้องเป็นเห็นใจ ยิ่งไปกว่านั้น การที่หม่าหมิงชุนรับกับความเจ็บปวดเช่นนี้กล่าวสำหรับเขาแล้ว กลับจะเป็นการหลุดพ้นอย่างหนึ่ง และเป็นการลดความรู้สึกผิดภายในใจของเขาให้เบาบางลง

อ๊ากกก…สุดท้าย เสียงร้องแหลมและเศร้ารันทดน่าเวทนาดังก้องอยู่บนท้องฟ้า ชะตาแท้ของหม่าหมิงชุนถูกเผาไหม้จนหมดสิ้น ในเวลานี้เขาได้ถึงแก่ความตายโดยสิ้นเชิงแล้ว

นาทีนี้ร่างกายของหม่าหมิงชุนก็ถูกคำสาปที่ชั่วร้ายทำการเผาไหม้จนสิ้น เมื่อสายลมพัดผ่านมาสายหนึ่ง ร่างกายของหม่าหมิงชุนซึ่งกลายเป็นเถ้าธุลีแล้วได้ล่องลอยไปตามลมในพริบตา และหายไปท่ามกลางฟ้าดิน

ครั้นเถ้าธุลีจางหายไปท่ามกลางฟ้าดินแล้ว ทุกอย่างไม่คงไว้อีกแล้ว หม่าหมิงชุนเสมือนหนึ่งไม่เคยปรากฎตัวอยู่โลกใบนี้อย่างนั้น

ในขณะนี้ฟ้าดินเงียบสงัด ทุกสิ่งล้วนปราศจากเสียง เหมือนว่าทุกอย่างล้วนกลับกลายเป็นสงบสุขอะไรอย่างนั้น กระทั่งลมหายใจของทุกคนก็ดูแผ่วเบาขึ้นมา ทุกคนต่างมองดูภาพนี้อย่างเหม่อลอย ไม่มีคำพูดใดๆ จะเอ่ยออกมา

สุดท้าย หลี่ชิเย่ชี้นิ้วออกไปเบาๆ เห็นประกายศักดิ์สิทธิ์แวบหนึ่ง ได้ยินเสียงดังปุดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง คำสาปชั่วร้ายที่เผาไหม้ร่างของหม่าหมิงชุนพลันถูกชำระล้างจนบริสุทธิ์ และคำสาปชั่วร้ายก็ได้ถูกกำจัดไปโดยสิ้นเชิง

ในเวลานี้เอง ประกายศักดิ์สิทธิ์บนตัวของหลี่ชิเย่ค่อยๆ จางหายไป เขากลับไปนั่งบนบัลลังก์ฮ่องเต้ ขาทั้งสองข้างได้พาดบนโต๊ะทองคำขนาดใหญ่ ยังคงมีท่าทีที่เอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ในเวลานี้ ตัวเขายังคงคล้ายดั่งเป็นคนที่ธรรมดาจนไม่รู้จะธรรมดาอย่างไร เหมือนว่าเวลานี้เขาได้กลับไปเป็นฮ่องเต้โง่เขลา กลายเป็นฮ่องเต้โง่เขาที่มั่วโลกีย์ไร้คุณธรรมคนนั้นอีกครั้ง

แต่ทว่า เวลานี้ใครเล่ากล้าไปดูถูกเขา? กระทั่งทุกคนที่เงยหน้าขึ้นมาจ้องมองเขานั้น ไม่กล้ากระทั่งหายใจแรง เหมือนว่าเกรงจะทำให้เขาแตกตื่น เหมือนว่าเกรงจะล่วงเกินเขา

ในขณะนี้ ฉินเจี้ยนเหยาอดที่จะทอดถอนใจเบาๆ ทีหนึ่ง เป็นดั่งที่นางคาดการณ์เอาไว้อย่างนั้น สถานการณ์ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว ทุกอย่างได้จบสิ้นลงแล้ว หม่าหมิงชุนเป็นเพียงผู้ที่หารนหาที่ตายเท่านั้น การต่อต้านและการดิ้นรนของเขาล้วนไม่เกิดประโยชน์อันใด ไม่สามารถก่อเรื่องใดๆ ขึ้นมาได้อยู่แล้ว

 ทุกคนยังมีอะไรจะแนะนำอีกหรือไม่?  ท่าทางของหลี่ชิเย่ที่ดูเบื่อหน่ายจ้องมองทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ กล่าวด้วยท่าทีมีลมหายใจแต่ไร้เรี่ยวแรง

เวลานี้เท้าของเขาวางพาดอยู่บนโต๊ะทองคำ ท่าทางคือฮ่องเต้โง่เขลาโดยสิ้นเชิง ถ้าหากไม่ได้เห็นกับตาตนเอง ทำให้ผู้คนยากจะเชื่อว่า ผู้ชายที่ท่าทางมีลมหายใจแต่ไร้เรี่ยวแรงผู้นี้ตรงหน้า ก็คือผู้ที่ยกเข่าสังหารทังเฮ่อเสียง ยกเท้าข้างเดียวสังหารหม่าหมิงชุน อาศัยกระบวนท่าเดียวเข่นฆ่าทหารนับล้านคนที่น่ากลัวยิ่งคนนั้น

ถ้าหากไม่ได้เห็นภาพเมื่อครู่นี้ ท่าทางของหลี่ชิเย่ที่เหมือนสะลืมสะลือในเวลานี้ บอกว่าเขาก็คือฮ่องเต้โง่เขลาทุกคนก็เชื่อ

ในเวลานี้ ทุกคนต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้ ในขณะนี้ใครบ้างล่ะกล้าพูดสักคำ ใครกล้าพูดคำว่า  ไม่  ไม่มีใครกล้าพูดอยู่แล้ว แม้แต่กองทัพส่วนกลางนับล้านบอกว่าจะทำลายก็ทำลายล้างไปเลย แม้แต่หม่าหมิงชุนที่เป็นถึงระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะยังรับไม่ได้แม้กระบวนท่าเดียว

เฉกเช่นผู้ดำรงอยู่ในสถานะเช่นพวกเขา เป็นได้เพียงมดปลวกที่ไม่มีค่าคู่ควรจะกล่าวถึงตัวหนึ่งใต้ฝ่าเท้าของฮ่องเต้องค์ใหม่เท่านั้น เพียงเขายกเท้าขึ้นเบาๆ ก็สามารถบดขยี้พวกเขาทั้งหมดจนแหลกละเอียด

หลี่ชิเย่มองดูพวกเขาด้วยท่าทีเหนื่อยหน่ายทีหนึ่ง เอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า  ถ้าหากไม่มีอะไร ก็ก้มกราบแสดงคารวะก็แล้วกัน 

พลันที่คำพูดนี้ถูกพูดออกมา ทุกคนต่างมองหน้าซึ่งกันและกัน ในเวลานี้ไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นใดดี หลายคนอยากจะคุกเข่าลงเหมือนกัน แต่ว่า ภายใต้สายตาของคนมากมายรู้สึกอายที่จะต้องคุกเข่าเป็นคนแรก

 ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี…  จังหวะที่ทุกคนกำลังลังเลอยู่นั้น ฉินเจี้ยนเหยาได้คุกเข่าลงชูมือสองข้างแล้วโน้มตัวไปข้างหน้าก้มกราบกับพื้น เสียงที่ไพเราะเสนาะหูฟังแล้วรู้สึกสบายอย่างยิ่ง

แม้ว่าฉินเจี้ยนเหยาในเวลานี้จะคุกเข่าลงชูมือสองข้างแล้วโน้มตัวไปข้างหน้าก้มกราบกับพื้น คุกเข่าแสดงคารวะต่อหลี่ชิเย่ แต่ทว่านางยังคงมีบุคลิกลักษณะอันมีเสน่ห์ดั่งเทพธิดา ยังคงไม่แปดเปื้อนโลกมนุษย์ ยังคงคล้ายดั่งเทพธิดาเจี้ยน ทำให้ผู้พบเห็นอดที่เข้าใจในบางสิ่งบางอย่างขึ้นมา

 ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปี…  ในเวลานี้ บรรดาผู้อยู่ในเหตุการณ์ต่างทยอยกันคุกเข่าลงกับพื้น ทุกคนต่างยอมศิโรราบและอยู่ใต้บังคับบัญชา

แม้แต่ฉินเจี้ยนเหยาที่เป็นถึงเทพธิดายังยอมศิโรราบและอยู่ใต้บังคับบัญชาต่อฮ่องเต้องค์ใหม่ และฉินเจี้ยนเหยาเป็นคนแรกที่คุกเข่าลงกับพื้น พวกเขายังจะมีอะไรที่ต้องอายอีก?

เทียบกับความสูงส่งของฉินเจี้ยนเหยาแล้ว พวกเขาดูจะธรรมดามาก แม้แต่ฉินเจี้ยนเหยายังยอมศิโรราบและอยู่ใต้บังคับบัญชา พวกเขามีสิทธิ์อะไรที่จะไม่ยอมศิโรราบและอยู่ใต้บังคับบัญชาต่อฮ่องเต้องค์ใหม่เล่า

เวลานี้ ผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากคุกเข่าเต็มพื้นที่ไปหมด ขณะที่ผู้บำเพ็ญตนทั้งหมดคุกเข่าอยู่ตรงนั้นต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้ รอคอยการลงอาญาจากฮ่องเต้องค์ใหม่

ก่อนหน้าฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ ใต้หล้าต่างมาเข้าเฝ้า มีผู้คนจำนวนมากที่เคยเข้าวังเข้าเฝ้าฮ่องเต้องค์ใหม่มาแล้ว เพียงแต่เวลานั้นมีไม่กี่คนเท่านั้นที่สยบต่อฮ่องเต้องค์ใหม่ เพียงแต่สยบด้วยอำนาจของซุนเหลิ่งหยิ่งและกองทัพหยินมี่เท่านั้นเอง

มาวันนี้ผู้คนทั้งหมดที่คุกเข่าอยู่ตรงนี้ไม่ได้เป็นเพราะซุนเหลิ่งหยิ่ง และไม่ได้เป็นเพราะกองทัพหยินมี่อีกแล้ว เป็นเพราะตัวของฮ่องเต้องค์ใหม่เองคนเดียวเท่านั้น

อีกทั้ง นาทีนี้ทุกคนที่คุกเขาอยู่ตรงนี้ต่างอดที่จะตัวสั่นงันงกอย่างช่วยไม่ได้ เกรงว่าฮ่องเต้องค์ใหม่พลันโกรธขึ้นมาแล้วเข่นฆ่าแปดทิศ ทำลายล้างสำนักของพวกเขา

พริบตาเดียวนั่นเอง ผู้คนจำนวนมากเสมือนหนึ่งได้หวนคืนกลับไปในยุคของฮ่องเต้ไท่ชิง กระทั่งสะเทือนหวั่นไหวต่อจิตใจผู้คนยิ่งกว่าฮ่องเต้ไท่ชิงเสียอีก

ทุกสิ่งทุกอย่างนี้เหมือนแค่ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น เหมือนเป็นความฝันอย่างนั้น ทุกสิ่งเสมือนดั่งเช่นเมื่อวาน

ในครั้งนั้น ฮ่องเต้องค์ใหม่ถูกไล่ลงจากบัลลังก์และสูญเสียแผ่นดิน ผู้คนจำนวนเท่าไรต่างเหยียดหยามในตัวเขา ผู้คนจำนวนเท่าไรที่ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา พูดจาเยาะเย้ยถากถาง ผู้คนจำนวนเท่าไรที่เข้าใจว่าฮ่องเต้องค์ใหม่คือผู้ที่ไม่สามารถนำมาเจียระไนได้ เป็นเพียงสวะคนหนึ่งเท่านั้น

มาวันนี้ พวกเขากลับต้องมาคุกเขาอยู่แทบเท้าของฮ่องเต้องค์ใหม่ด้วยท่าทีตัวสั่นงันงก รู้สึกสั่นเทาอยู่ในใจ ด้วยเกรงว่าหากฮ่องเต้องค์ใหม่มีอะไรที่ไม่พอใจขึ้นมาแม้แต่น้อย ยิ่งกว่านั้นยังเกรงกลัวว่าฮ่องเต้องค์ใหม่จะเอาผิดตนเอง

การเปลี่ยนแปลงขนาดนี้ ช่างเป็นเรื่องราวที่เปี่ยมด้วยความเป็นละคร ช่างเป็นเรื่องที่เหนือความคาดคิดของผู้คน

 นี่แหละคือการหาเรื่องให้ตนเองต้องอับอายโดยแท้  หลี่ชิเย่มองดูบรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่คุกเข่าอยู่ตรงนี้ ยิ้มเรียบเฉยและกล่าวว่า  ให้พวกเจ้าได้อยู่ในยุคของการพัฒนาตนเองให้ยืนอยู่บนลำแข้งของตนเอง ได้ปกครองตนเอง และมีความมั่นคงสงบเรียบร้อย พวกเจ้ากลับไม่รู้จักทะนุถนอม ดูท่าชะตาชีวิตของพวกเจ้าคือจะต้องถูกคนอื่นเขาปกครอง ถูกคนอื่นเขาใช้สอย! 

คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่เสมือนหนึ่งเป็นการตบหน้าของทุกคนอย่างแรง ทำให้รู้สึกปวดแสบปวดร้อน แต่ว่า ในเวลานี้ใครเล่ากล้าส่งเสียงออกมา? เขาไม่โกรธก็ต้องขอบคุณฟ้าดินแล้วล่ะ

 ลุกขึ้นมาเถอะ อภัยให้พวกเจ้าไม่มีความผิด  หลี่ชิเย่มองหน้าพวกเขาเมินเฉยและโบกมือ

 ขอบพระทัยฝ่าบาท…  ทุกคนต่างเหมือนปลดสัมภาระออกจากบ่าเมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่ ต่างหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อครู่นี้ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่เหงื่อเย็นไหลโทรมกาย

เมื่อครู่นี้ ถ้าหากฮ่องเต้องค์ใหม่พาลโกรธขึ้นมาล่ะก็ เพียงเขาสะบัดมือออกไป ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องหัวหลุดจากบ่า อีกทั้งพวกเขาไม่มีแม้แต่กำลังที่จะขัดขืน ได้แต่ถูกสังหารเท่านั้น

ทุกคนล้วนแล้วแต่ดีใจอย่างยิ่ง เมื่อเห็นว่าหลี่ชิเย่ไม่ถือสาเอาความ ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่คุกเข่าอยู่บนพื้นยังทยอยกันโขกศีรษะเสียงดังหลายครั้ง ขอบคุณในความเมตตา

เวลานี้นับว่าเป็นพระมหากรุณาจริงๆ ที่หลี่ชิเย่ไม่สังหารพวกเขา

……………………………………………………………

 

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

Status: Ongoing

สิบล้านปีก่อน หลี่ชีเย่ตัดไผ่เขียวขจีหนึ่งลำ   แปดล้านปีก่อน หลี่ชีเย่เลี้ยงปลาไนหนึ่งตัว ห้าล้านปีก่อน หลี่ชีเย่รับเลี้ยงเด็กสาวหนึ่งคน   วันนี้ ทันทีที่หลี่ชีเย่ตื่นขึ้น กิ่งไผ่เขียวบำเพ็ญตนจนกลายเป็นวิญญาณเทพ ปลาไนกลายร่างเป็นมังกรทอง เด็กสาวกลายเป็นจักรพรรดินีเก้าแดน  นี่คือเรื่องราวของการฝึกฝน เรื่องราวของเด็กหนุ่มปุถุชนที่มีชีวิตอมตะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท