ตอนที่ 2533 กำจัดสิ้นซาก
ตึง…หนึ่งกระบี่ที่ฟาดฟันลงมา อาศัยอานุภาพปฐมบรรพบุรุษทำลายหมื่นยุค หนึ่งกระบี่สังหารเซียน
ตึง…หนึ่งกระบี่ที่ฟาดฟันลงมา อาศัยอานุภาพปฐมบรรพบุรุษทำลายหมื่นยุค หนึ่งกระบี่สังหารเซียน
ในพริบตาเดียวนั่นเอง กระบี่โบราณจูเซียนได้เบ่งบานประกายออกมาเป็นสายๆ ประกายทุกสายดูเหมือนจริงอย่างยิ่ง พร่างพราวทิ่มแทงลึกเข้าไปถึงกระดูก เปี่ยมด้วยกลิ่นอายของการฆ่าฟัน เสมือนหนึ่งประกายทุกสายล้วนแล้วแต่เป็นเข็มที่ทิ่มแทงเข้าไปจนถึงแก่ชีวิตได้ในเข็มเดียว
ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องสะท้านในใจ และรู้สึกเจ็บแปลบที่บริเวณคอขณะมองเห็นประกายเช่นนี้ เสมือนดั่งถูกประกายฆ่าฟันนี้แทงทะลุลำคออย่างนั้น
ตึงเสียงกระบี่คำรามดังขึ้นเสียงหนึ่ง หนึ่งกระบี่ที่ฟาดฟันลงมา โลกนี้ปราศจากเซียนด้วยการฆ่าฟันที่ไร้ความปราณี
นี่แหละคือกระบี่โบราณจูเซียนที่แท้จริง นาทีนี้กระบี่โบราณจูเซียนเล่มนี้จึงได้สำแดงอานุภาพที่น่ากลัวของมันออกมาได้อย่างแท้จริง เสมือนดั่งเป็นสัตว์ดุร้ายในยุคดึกดำบรรพ์ที่เพิ่งจะเผยให้เห็นถึงเขี้ยวของมันออกมาอย่างแท้จริง ก่อนหน้านั้น ราชันแท้จริงปาเจิ้นยังไม่สามารถสำแดงอานุภาพของมันออกมาได้อย่างแท้จริง
บางทีสิ่งนี้ก็คือความน่ากลัวของกระบี่โบราณจูเซียน ใครเพียงก้าวถึงระดับเช่นนี้แล้วจึงสามารถสำแดงพลังการฆ่าฟันของมันออกมาได้
ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนมากมายเท่าไรที่หน้าซีดดังไก่ต้ม เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหนึ่งกระบี่ลักษณะเช่นนี้ ผู้คนจำนวนมากกว่าที่ถูกสยบโดยกลิ่นอายการฆ่าฟันที่น่ากลัวนี้ ขวัญหนีดีฝ่อ เข่าอ่อนทั้งสองข้างจนต้องทรุดลงกับพื้นเหมือนเป็นอัมพาธ
“มาได้จังหวะ” หลี่ชิเย่เพียงยิ้มนิดหนึ่งเท่านั้นเมื่อเผชิญหน้ากับหนึ่งกระบี่ฆ่าฟันปราศจากผู้ต่อกรเช่นนี้ ด้วยการยกมือขวาขึ้นมาช้าๆ
ตึงเสียงคำรามของกระบี่ดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง พริบตาเดียวนั่นเอง เสียงคำรามดังกล่าวดังก้องฟ้าดิน เสียงคำรามกระบี่เสียงนี้ไม่ไพเราะเท่ากระบี่โบราณจูเซียน เสียงกระบี่คำรามเสียงนี้เปี่ยมด้วยพลัง และแฝงไว้ซึ่งเสียงที่แหบแห้งอยู่หลายส่วน คล้ายเสียงของระฆังอย่างนั้น
ภายใต้เสียงคำรามกระบี่เสียงนี้ เห็นเพียงกระบี่ทองแดงเล่มหนึ่งลอยขึ้นมา กระบี่ทองแดงเล่มนี้มีขนาดที่ใหญ่โตมโหฬารยิ่ง คล้ายภูเขายักษ์ที่ตั้งตระหง่าน ทอดข้ามไประหว่างฟ้าดิน กดทับดวงดาวแลท้องฟ้าจนราบเรียบ
กระบี่ทองแดงลักษณะเช่นนี้ไม่ได้อยู่ที่ว่ามันมีขนาดใหญ่โตแค่ไหน แต่อยู่ที่ว่ามันมีน้ำหนักเท่าไร กระบี่ทองแดงลักษณะเช่นนี้เมื่ออยู่ในมือเรียกได้ว่าหาที่สุดไม่ได้ หากว่าโลกนี้มีสิ่งที่มีน้ำหนักมากที่สุดล่ะก็ จะเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากมัน
ฟ่าวววเสียงหนึ่งดังขึ้น ในเสี้ยววินาทีนี้เอง กระบี่ทองแดงถูกฟาดฟันออกไปรับกับกระบี่โบราณจูเซียนที่ฟันเข้ามา
เปรียบกับกระบี่โบราณจูเซียนที่สังหารเด็ดขาดแล้ว กระบี่ทองแดงที่ฟาดฟันออกไปนั้นเปี่ยมด้วยพลังยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขต ไม่มีการฆ่าฟัน ไม่มีกระบวนท่า หนึ่งกระบี่ที่ฟาดฟันออกไปนั้น บดขยี้ทุกสิ่งบนโลกจนแหลกละเอียด
เนื่องจากกระบี่ทองแดงเล่มนี้มีน้ำหนักมากเหลือเกิน หนักมากจนสุดจะจินตนาการได้ ดังนั้น ขณะที่กระบี่ทองแดงเล่มนี้ฟาดฟันออกไปนั้น ได้ยินเสียงดังคร๊ากกก คร๊ากกก คร๊ากกกขึ้นมา ช่องว่างทั้งหมดถูกขยี้จนแหลกละเอียด สุดท้าย ได้ยินเสียงปังดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ช่องว่างทั้งหมดก็พังทลายลงมา กลายเป็นความว่างเปล่าที่น่ากลัวอย่างยิ่ง
กระบี่ทองแดงเล่มนี้ที่สำแดงออกไป มีน้ำหนักที่หาที่สุดไม่ได้ และไม่อาจประเมินได้ บางทีอาจมีน้ำหนักเท่ากับแดนลัทธิเซียนสามพันแห่ง ลองนึกภาพดู ด้วยน้ำหนักที่น่ากลัวขนาดนี้ฟาดฟันเข้ามา ความพาล การฆ่าฟัน การสังหารที่เด็ดขาดใดๆ ที่มากกว่านี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ดุจดั่งเป็นมดปลวกตัวหนึ่งเท่านั้น
ปัง…เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ในพริบตาเดียวนั่นเอง กระบี่โบราณจูเซียนกับกระบี่ทองแดงได้ปะทะกันอย่างแรง กระบี่โบราณจูเซียนสังหารเด็ดขาดที่เป็นหนึ่งไม่มีสอง กระบี่ทองแดงน้ำหนักหาที่สุดไม่ได้ แต่ทว่า ต่อให้สังหารเด็ดขาดมากกว่านี้เมื่ออยู่ภายใต้น้ำหนักที่เด็ดขาดก็ไร้ค่าไม่คู่ควรจะกล่าวถึง เสมือนดั่งมดปลวกตัวหนึ่งที่ถูกภูเขาขนาดยักษ์ทับเสียงแหลกละเอียดไปโดยพลัน
ท่ามกลางเสียงดังปัง มองเห็นกระบี่โบราณจูเซียนที่สังหารเด็ดขาดปราศจากผู้เทียบเทียมก็ไม่อาจรองรับกับน้ำหนักที่หาที่สุดไม่ได้ ถูกกระแทกจนเกิดเป็นสะเก็ดไฟแตกกระจาย และกระเด็นออกไปทันที
กระบี่ทองแดงที่มีน้ำหนักหาที่สุดไม่ได้นับว่าช่างน่ากลัวเหลือเกิน ท่ามกลางเสียงปังที่ดังสนั่นหวั่นไหว แม้ว่าราชันแท้จริงปาเจิ้นที่คล้ายมีร่างเงาเลือนรางของมนุษย์ยักษ์ยืนอยู่ด้านหลังก็ถูกกระแทกจนลอยออกไปโดยพลัน กระอักเลือดออกมาอย่างแรง แต่ทว่าในพริบตาเดียวนี่เอง กระบี่ทองแดงที่มีน้ำหนักหาที่สุดไม่ได้ยังคงมีพลังที่ไม่สิ้นสุด พลังกระแทกที่ทรงพลังปราศจากผู้เทียบเทียมพลันแซงล้ำหน้าทุกสิ่ง
ท่ามกลางเสียงตูมที่ดังสนั่น เมื่อพลังกระแทกที่ปราศจากผู้เทียบเทียมพุ่งเข้ามานั้น นี่แหละคือน้ำหนักทั้งหมดของกระบี่ทองแดง น้ำหนักทั้งหมดเสมือนหนึ่งหยุดชะงักนิดหนึ่ง จากนั้นค่อยพุ่งตามเข้ามา และพุ่งเข้าใส่ตัวของราชันแท้จริงปาเจิ้น
อ๊ากกก…ภายใต้พลังโจมตีที่ไร้รูป และมีน้ำหนักที่หาที่สุดไม่ได้ ราชันแท้จริงปาเจิ้นร้องเสียงน่าเวทนาขึ้นมา ได้ยินเสียงดังฉึกเสียงหนึ่ง ร่างของเขาถูกพุ่งชนจนกลายเป็นหมอกเลือด
เริ่มตั้งแต่หนึ่งกระบี่สังหารเด็ดขาด กระทั่งถูกพุ่งชนจนกลายเป็นหมอกเลือดไปนั้น เกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ภาพที่เกิดขึ้นสร้างความหวั่นไหวต่อจิตใจของผู้คนมากเหลือเกิน
ดังนั้น ขณะที่ผู้คนทั้งหมดยังไม่ทันได้สติกลับมา ราชันแท้จริงปาเจิ้นก็ถูกชนจนกลายเป็นหมอกเลือดแล้ว ในเวลานี้เอง ได้ยินเสียงดังปังดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ค่ายกลโบราณจูเซียนทั้งหมดก็แตกสลายไปทันที่ เหลือไว้เพียงกระบี่โบราณจูเซียนสามเล่มลอยล่องอยู่ตรงนั้น
ทุกคนต่างหวั่นไหวกับภาพนี้จนไม่อาจเรียกสติกลับมาได้เป็นเวลานาน อดที่จะเสียวสันหลังวาบและหวาดผวาอย่างยิ่ง ราชันแท้จริงปาเจิ้นในขณะนั้นยังคงควบคุมค่ายกลโบราณจูเซียน ได้รับการปลุกเสกด้วยพลังของแคว้นว่านเจิ้น และระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ในครอบครอง แต่ยังคงถูกชนจนกลายเป็นหมอกเลือดไปในกระบี่เดียว ไม่มีโอกาสแม้แต่จะวิ่งหนี ช่างเป็นหนึ่งกระบี่ที่น่ากลัวยากจะหาใดเทียมเหลือเกิน
ไม่ง่ายนัก เมื่อผู้คนจำนวนมากได้สติกลับมาอดที่จะร่างสั่นเทิ้มไม่ได้ รู้สึกหวาดผวาจนขนลุกซู่ ฮ่องเต้องค์ใหม่ไม่ต้องทำการวิวัฒนาการเคล็ดวิชาที่ปราศจากผู้ต่อกร แค่อาศัยกระบี่ทองแดงที่มีน้ำหนักแบบหาที่สุดไม่ได้ก็ปราศจากผู้ต่อกรได้แล้ว
กระบี่ทองแดงที่มีน้ำหนักหาที่สุดไม่ได้เช่นนี้เมื่อสำแดงออกไป เพียงพอที่จะโจมตีทำลายแคว้นๆ หนึ่งจนแหลกละเอียดได้ ผืนแผ่นดินนับล้านลี้ถูกโจมตีจนทรุดจมลงได้โดยพลัน ภายใต้การโจมตีในลักษณะเช่นนี้ จะเป็นธาตุแท้ภายในอะไร เทพแท้จริงเช่นใด ปรมาจารย์ผู้ปราศจากผู้ต่อกรอย่างไรก็ต้องกลายหายวับไปกับตาในพริบตาเดียว
อาจกล่าวได้ว่า หนึ่งกระบี่เช่นนี้ที่สำแดงออกไปก็คือทำลายแคว้นๆ หนึ่งจนพังพินาศย่อยยับ ทำลายสำนักๆ หนึ่งจนพินาศย่อยยับ
มองเห็นเพียงกระบี่โบราณจูเซียนทั้งสามเล่มที่ลอยล่องอยู่บนอากาศ แม้ว่าเมื่อครู่จะถูกพลังน้ำหนักที่หาที่สุดไม่ได้กระแทกจนปลิวออกไป แต่มันไม่ได้รับความเสียหาย ย่อมไม่ต้องสงสัยว่ามันคือกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังและล้ำค่าอย่างยิ่งเล่มหนึ่ง
“เป็นกระบี่ที่ไม่เลวนัก ข้าเอาไว้แล้ว” หลี่ชิเย่มองดูกระบี่โบราณจูเซียนสามเล่มที่ลอยล่องไม่หยุดนิ่ง ยิ้มเฉยเมยพร้อมกับมือที่ยืนคว้าออกไป
ตึง ตึง ตึงเสียงกระบี่ร้องคำรามไม่ขาดสาย ภายใต้มือที่ชำนาญของหลี่ชิเย่ กระบี่โบราณจูเซียนทั้งสามต่อต้านการสยบของหลี่ชิเย่ จะอย่างไรเสียมันเป็นสิ่งที่มีเจ้าของ ในเวลานี้จึงไม่ยอมรับหลี่ชิเย่เป็นนายในขณะนี้
แต่ว่า ภายใต้มืออันชำนิชำนาญของหลี่ชิเย่ การดิ้นรนขัดขืนทุกอย่างล้วนแล้วแต่มไม่ได้ช่วยอะไรและถูกสยบโดยพลัน เมื่อตกไปอยู่ในมือของหลี่ชิเย่แล้ว เขาเพียงอาศัยมือลูบผ่านไปก็จัดการลบตราที่ประทับสลักเอาไว้บนตัวกระบี่โบราณจูเซียนทั้งสามเล่มออกไปด้วยความชำนาญ มันถูกลบร่องรอยความเป็นแคว้นว่านเจิ้นในทันที
ในเวลานี้ กระบี่โบราณจูเซียนทั้งสามนอนนิ่งอยู่บนฝ่ามือของหลี่ชิเย่ ย่อมไม่ต้องสงสัยว่า นับแต่นาทีนี้เป็นต้นไป กระบี่โบราณจูเซียนทั้งสามเล่มได้มีการเปลี่ยนเจ้าของแล้วอย่างเป็นทางการ มันไม่ได้เป็นของแคว้นว่านเจิ้นอีกต่อไป ต่อให้แคว้นว่านเจิ้นคิดจะเรียกมันกลับไปก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แล้ว
แว้งค์…เสียงหนึ่งดังขึ้น นาทีนี้เองท่ามกลางหมอกเลือดปรากฏแสงแวบวับ กำลังรวบรวมพลัง และมีพลังที่กำลังจะดันหมอกเลือดออกไปอย่างนั้น
“นั่นมันคืออะไร?” การเปลี่ยนแปลงลักษณะเช่นนี้ถูกยอดฝีมือที่ตาแหลมสังเกตเห็น อดที่จะพูดเสียงแผ่วเบาขึ้นมา
นาทีนี้เอง มองเห็นแสงเงาปรากฏอยู่ท่ามกลางหมอกเลือด มันคือร่างเงาของราชันแท้จริงปาเจิ้นนั่นเอง เป็นเพียงร่างเงาที่มีขนาดเท่ากับกำปั้นเท่านั้นเอง
“ราชันแท้จริงปาเจิ้นยังตายไม่สนิท ชะตาแท้ยังไม่ได้ถูกทำลาย” ระดับบรรพบุรุษที่มองเห็นภาพนี้แล้วรู้ได้ทันทีว่าเป็นเรื่องอะไร อดที่จะร้องเสียงแผ่วเบาขึ้นมา
นี่แหละคือความแข็งแกร่งของราชันแท้จริง ภายใต้การโจมตีลักษณะเช่นนี้ถ้าหากเป็นเทพแท้จริงคงหายวับไปกับตาในพริบตาแล้ว แต่ว่า ราชันแท้จริงปาเจิ้นยังคงรักษาชะตาแท้เอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ขอเพียงมีเงื่อนไขและเวลาที่เพียงพอ ชะตาแท้ยังคงอยู่ ราชันแท้จริงปาเจิ้นก็ยังคงสร้างกายเนื้อขึ้นมาได้ใหม่ และมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
“เสียดาย เจ้าถูกลิขิตไว้แล้วมีเพียงความตายเท่านั้น…” หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบเฉย จังหวะที่แสงเงาของราชันแท้จริงปาเจิ้นปรากฎขึ้นมา
ตึง…เสียงหนึ่งดังขึ้น กระบี่โบราณจูเซียนสามเล่มที่อยู่ในมือของหลี่ชิเย่ตวัดออกไปตามอารมณ์ เสียงคำรามของกระบี่ดังขึ้น กระบี่โบราณจูเซียนทั้งสามเล่มพลันฟาดฟันลงไป
“ไม่…” ราชันแท้จริงปาเจิ้นรู้สึกหวาดผวายิ่งนัก ร้องเสียงดังขึ้นมา นาทีแห่งความเป็นความตาย และอยู่ในช่วงที่อ่อนแอที่สุด ทำให้ภายในใจของราชันแท้จริงปาเจิ้นบังเกิดความกลัวขึ้นมา หันหลังหวังจะหลบหนีไป
แต่ว่า ทุกอย่างล้วนแล้วแต่สายเกินไปเสียแล้ว นาทีนี้เป็นไปได้อย่างไรที่ราชันแท้จริงปาเจิ้นจะสามารถหนีไปได้พ้น เสียงปุ…ดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ราชันแท้จริงปาเจิ้นพลันถูกกระบี่โบราณจูเซียนสามเล่มฟันเข้าให้ และฟันถูกชะตาแท้ในทันที
หลังจากถูกฟันด้วยกระบี่โบราณจูเซียนสามเล่มนั้นแล้ว ชะตาแท้ได้แตกสลายกลายเป็นแสงที่แวบหายไปทันที
ในเวลานี้ ทุกคนต่างมองดูแสงแห่งชะตาแท้ที่แวบหายไป และอดที่จะรู้สึกใจหายใจคว่ำไม่ได้ อดไม่ได้ที่ต้องสั่นเทิ้มทีหนึ่ง
การที่แสงแห่งชะตาแท้ของราชันแท้จริงปาเจิ้นแวบสลายไป เป็นการบ่งบอกว่าราชันแท้จริงปาเจิ้นเสียชีวิตโดยแท้จริง บนโลกนี้ไม่มีราชันแท้จริงปาเจิ้นอีกต่อไป สุดยอดผู้สูงส่งแห่งยุคก็ต้องตายด้วยประการเช่นนี้
ทุกคนที่มองเห็นการตายของราชันแท้จริงปาเจิ้นแล้ว ต่างรู้สึกสะเทือนอารมณ์เป็นยิ่งนัก ผู้มากด้วยความสามารถแห่งยุคต้องเสียชีวิตลงเช่นนี้ ทุกคนล้วนแล้วแต่รู้สึกสะเทือนอารมณ์ที่แตกต่างกันออกไป สารพัดความรู้สึก ทุกคนล้วนแล้วแต่พูดอะไรไม่ออกเป็นเวลานาน
ราชันแท้จริงปาเจิ้นช่างเป็นสุดยอดอัจฉริยะบุคคลแห่งยุคเช่นใด อย่าว่าแต่ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่เลย แม้แต่ในกลุ่มคนรุ่นใหม่ทั่วแดนลัทธิราชันทั้งหมดก็ยากจะมีผู้ใดเทียบเทียม รับรองว่าจะต้องเป็นอัจฉริยะบุคคลที่ปราดเปรื่องน่าทึ่งอย่างแน่นอน ได้เป็นราชันแท้จริงตั้งแต่อายุยังน้อย ในสายตาของผู้คนจำนวนเท่าไรที่มองว่าเป็นผู้มีอนาคตไร้ขอบเขตจำกัด
ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ กระทั่งมีผู้คนจำนวนมากที่มองว่าราชันแท้จริงปาเจิ้นเป็นอันดับหนึ่งของกลุ่มคนรุ่นใหม่ ไม่รู้ว่ากลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนเท่าไรที่ถือเอาราชันแท้จริงปาเจิ้นเป็นบุคคลที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับตน มองว่าเป็นแบบอย่างของตน
กลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนเท่าไรที่ตื่นขึ้นมาขยับฝึกยุทธล้วนแล้วแต่มีราชันแท้จริงปาเจิ้นเป็นเป้าหมาย และกระหายอยากให้ตนเองนั้นสามารถกลายเป็นราชันแท้จริงเฉกเช่นราชันแท้จริงปาเจิ้น มีชื่อเสียงเลื่องลือทั่วหล้าสักวัน
น่าเสียดาย มาวันนี้พวกเขาต้องมองตาปริบๆ มองเห็นการตายของราชันแท้จริงปาเจิ้นอย่างน่าเวทนาด้วยน้ำมือของฮ่องเต้องค์ใหม่ ขณะที่ฮ่องเต้องค์ใหม่ที่เป็นฝ่ากำชัยนั้น กลับเป็นผู้ที่พวกเขาเคยรู้สึกเอือมระอา เป็นสวะที่พวกเขาเชิดใส่มาก่อน
กล่าวสำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนมากมายเท่าไร กล่าวสำหรับผู้คนจำนวนไม่น้อยที่อาศัยราชันแท้จริงปาเจิ้นเป็นตัวอย่างของตนแล้ว การเปลี่ยนแปลงลักษณะเช่นนี้ และความจริงเช่นนี้ช่างเป็นเรื่องที่น่าเย้ยหยันเหลือเกิน
ยอดฝีมือที่เป็นรุ่นอาวุโสกลับไม่ได้รู้สึกสะเทือนอารมณ์มากมายเช่นเดียวกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ พวกเขารู้สึกสะท้านภายในใจ เนื่องจากพวกเขารู้ว่าฐานะของฮ่องเต้องค์ใหม่ไม่มีใครสามารถสั่นคลอนได้อีกแล้ว ในขณะนี้ฮ่องเต้องค์ใหม่นับว่านั่งบัลลังก์ได้อย่างมั่นคงแล้ว สถานการณ์ใต้หล้าได้กำหนดเรียบร้อยแล้ว นับจากนี้เป็นต้นไป ทุกคน และสำนักทั้งหมดในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่จะต้องยอมศิโรราบต่อฮ่องเต้องค์ใหม่
พวกเขาล้วนแล้วแต่เข้าใจได้ว่า ต่อไปหากเป็นศัตรูกับฮ่องเต้องค์ใหม่อีกก็จะไม่มีจุดจบที่ดี เกรงว่าคงที่แต่ความตายสถานเดียว กระทั่งถูกทำลายล้างสำนักทั้งหมด
ในเวลานี้ ยอดฝีมือรุ่นอาวุโสจำนวนมากต่างก็เข้าใจได้ว่า เกรงว่าอนาคตกับการปกครองของฮ่องเต้องค์ใหม่ จะทำให้ผู้คนต้องตัวสั่นงันงกยิ่งกว่ายุคของฮ่องเต้ไท่ชิงเสียอีก
ปิงฉือหานยวี่อดที่จะทอดถอนใจขึ้นมาเบาๆ ไม่ได้ ขณะมองดูราชันแท้จริงปาเจิ้นถูกสังหาร สิ่งที่ควรทำนางก็ได้ทำไปแล้ว ที่ควรพูดนางก็ได้พูดไปแล้ว การที่ราชันแท้จริงปาเจิ้นก้าวเดินไปถึงจุดนี้ มันได้ถูกลิขิตเอาไว้แล้ว
………………………………………….