ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล – ตอนที่ 2531 ค่ายกลโบราณจูเซียน

ตอนที่ 2531 ค่ายกลโบราณจูเซียน
ตอนที่ 2531 ค่ายกลโบราณจูเซียน
ในเวลานี้ ดวงตาทั้งสองของราชันแท้จริงปาเจิ้นดูเข้มและน่าเกรงขาม ดวงตาทั้งสองของเขาได้เปล่งประกายที่เจิดจ้าละลานตาออกมา เสมือนดั่งสามารถสาดส่องหมื่นยุคให้สว่างไสว ส่องสว่างชั้นที่ลึกที่สุดของนรกอเวจี
“พูดมั่นใจเกินไปแล้ว” ราชันแท้จริงปาเจิ้นตวาดเสียงทุ้มต่ำ เสียงดั่งฟ้าร้องในฤดูใบไม้ผลิ มาเป็นลูกๆ สั่นสะเทือนทั่วหล้า อานุภาพสะกดจิตใจผู้คน ยามที่เขายืนตระหง่านอยู่ตรงนั้น คล้ายดั่งเป็นผู้มีอำนาจสูงสุด ให้ความรู้สึกผู้คนจนหายใจไม่ออก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระบี่จูเซียนทั้งสามเล่มที่ส่งประกายเยือกเย็นแวบวับ ยิ่งจะส่งผลให้ผู้คนอดที่จะสั่นเทาไม่ได้ ยามที่ประกายเยือกเย็นกระบี่จูเซียนทั้งสามเล่มส่งประกายวูบวาบนั้น ประกายทุกสายคล้ายดั่งทิ่มแทงเนื้อขูดกระดูกอย่างนั้น ทำให้รู้สึกถึงความเจ็บปวด อดไม่ได้ที่จะเจ็บปวดด้วยความผิดหวัง
แม้ยังไม่ทันลงมือด้วยกระบี่จูเซียนทั้งสามเล่ม ก็ทำให้ผู้คนรับรู้ถึงการฆ่าฟันที่น่ากลัว กระทั่งเกิดเป็นภาพมายาขึ้นภายในใจ พริบตาเดียวนั่นเอง เสมือนดั่งกระบี่จูเซียนทั้งสามเล่มได้จ่ออยู่ที่ลำคอของตน เพียงชั่วพริบตาเดียวก็สามารถตัดเอาศีรษะของตนลงมาได้
“ลงมือเถอะ” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมยและอย่างไรก็ได้ กล่าวด้วยท่าทีตามอมรมณ์ว่า “ข้ารอดูค่ายกลโบราณจูเซียนของเจ้าอยู่ จะดูว่าค่ายกลโบราณจูเซียนของเจ้าบรรลุมาได้กี่ส่วนแล้ว”
ฮึ… ราชันแท้จริงปาเจิ้นส่งเสียงฮึเย็นชา ดวงตาทั้งสองดูน่าเกรงขาม พริบตาเดียวนั่นเอง ได้ยินเสียงคำรามกระบี่ดังตึงขึ้นมาเสียงหนึ่ง กระบี่จูเซียนทั้งสามเล่มคำรามออกมาพร้อมกัน
ทุกคนต่างก็เคยได้ยินเสียงคำรามของกระบี่มาก่อน แต่ เมื่อกระบี่จูเซียนทั้งสามเล่มคำรามขึ้นพร้อมกันนั้น ทุกคนถึงกับรู้สึกหวาดผวาจนขนลุกซู่ขึ้นมา เนื่องจากเสียงคำรามกระบี่ดังกล่าวหาใช่ส่งเข้าประสาทหู แต่ส่งตรงเข้าไปในจิตใจของผู้คน กระทั่งเสมือนหนึ่งเป็นเสียงคำรามของกระบี่ที่ดังขึ้นมาจากจิตใจของผู้คนอย่างนั้น
ทันทีที่เสียงคำรามของกระบี่ลักษณะเช่นนี้ดังขึ้นภายในใจ เสมือนหนึ่งเป็นกระบี่จูเซียนทั้งสามเล่มกำลังทิ่มแทงหัวใจของตนเองอย่างนั้น หัวใจทั้งดวงถูกทิ่มแทงจนเย็นวาบ ทำเอาผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องถอยหลังออกไป ขนลุกซู่ขึ้นมาทั่วตัว
แว้งค์…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในพริบตาเดียวนั่นเอง ช่องว่างกระเพื่อมทีหนึ่ง เหมือนถูกตัดให้แยกออกอย่างนั้น มองเห็นกระบี่จูเซียนทั้งสามเล่มหมุนวนอยู่รอบๆ กายของราชันแท้จริงปาเจิ้น
ขณะที่กระบี่จูเซียนทั้งสามเล่มหมุนไปรอบๆ ตัวของราชันแท้จริงปาเจิ้นอยู่นั้น ตัวของราชันแท้จริงปาเจิ้นเองก็ปรากฎเสียงแว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้นมา ในพริบตาเดียวนั่นเอง ราชันแท้จริงปาเจิ้นเหมือนทะลักออกมาเป็นอักขระยันต์จำนวนนับไม่ถ้วนออกมาทั่วทั้งตัว
ในชั่วพริบตาเดียวนั้นเอง ร่างกายของราชันแท้จริงปาเจิ้นก็คล้ายเป็นช่องว่างที่เก็บรวบรวมอักขระยันต์นับไม่ถ้วนที่มีอยู่ในโลกอย่างนั้น ในเวลานี้ อักขระยันต์จำนวนนับไม่ถ้วนได้ทะลักออกมาจากภายในร่างกายของเขา เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น ตัวของราชันแท้จริงปาเจิ้นเสมือนหนึ่งถูกอักขระยันต์ที่มากมายมหาศาลไม่มีสิ้นสุดท่วมจนจมมิด อีกทั้งอักขระยันต์ที่ทะลักออกมาจากตัวของราชันแท้จริงปาเจิ้นนั้นมีความเก่าแก่ลึกซึ้งยอดเยี่ยม ทุกๆ ตัวอักขระยันต์ล้วนแล้วแต่แบกรับพลังที่ไม่มีสิ้นสุดเอาไว้ ดังนั้น ยามที่อักขระยันต์จำนวนนับไม่ถ้วนทะลักออกมานั้น เสมือนดั่งเป็นทะลักออกมาทั้งโลก มหาศาลไร้ขอบเขต
ตึง…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้เอง กระบี่จูเซียนทั้งสามเล่มคำรามพร้อมกัน พริบตาเดียวนั่นเอง กระบี่โบราณทั้งสามเล่มเสมือนดั่งได้เปิดโลกธาตุที่มีมาแต่อดีตขึ้นมา พวยพุ่งประกายที่เจิดจ้าขึ้นมาทันที ฉับพลันนั้นได้พันธนาการอักขระโบราณที่ทะลักออกมาจากร่างกายของราชันแท้จริงปาเจิ้นในทันที
เสียงตูม…ดังสนั่นหวั่นไหว เมื่อประกายกระบี่จูเซียนทั้งสามเล่มที่พวยพุ่งออกมาและพันธนาการอักขระยันต์เอาไว้แล้วนั้น พลันได้กลายเป็นค่ายกลขนาดยักษ์ที่ปราศจากผู้เทียบเทียมขึ้นมา
เพียงพริบตาเดียว สุดยอดค่ายกลแห่งยุคได้หลอมรวมเอาหลี่ชิเย่เข้าไปอยู่ท่ามกลางสุดยอดค่ายกลแห่งยุค หลี่ชิเย่เสมือนหนึ่งอยู่ในโลกธาตุที่มีมาแต่อดีตท่ามกลางสุดยอดค่ายกลแห่งยุคลักษณะเช่นนี้
ณ ที่ตรงนี้ สุริยันจันทราลอยล่อง เหล่าเซียนอยู่ในท่าครุ่นคิด ฟ้าดินเสมือนดั่งเลือดเซียนกำลังไหลริน ทำให้สามารถสูดดมได้กลิ่นคาวเลือดที่เข้มข้น โดยเฉพาะเมื่ออยู่ท่ามกลางกลิ่นอายการฆ่าฟันที่น่ากลัว ไม่เพียงทำให้ต้องตัวสั่นดั่งลูกนก กระทั่งทำให้มีความรู้สึกสะอิดสะเอียนยิ่ง
ท่ามกลางสุดยอดค่ายกลแห่งยุคนี้สามารถได้ยินเสียงฉึก ฉึก ฉึก เป็นเสียงฆ่าฟัน บีบคอสิ่งมีชีวิตใดๆ ก็ตามที่อยู่ภายในค่ายกล กลิ่นอายการฆ่าฟันที่น่ากลัวสามารถบีบคอฆ่าผู้ที่ดูอ่อนแอสักนิดให้กลายเป็นหมอกเลือดในพริบตาเดียว
สิ่งนี้ช่างเป็นเรื่องราวที่น่ากลัวเพียงใด ลำพังแค่ภายใต้กลิ่นอายการฆ่าฟันก็สามารถบีบคอฆ่าคนให้กลายเป็นหมอกเลือดได้ ด้วยอานุภาพเช่นนี้เรียกได้ว่าปราศจากผู้เทียบเทียม
เสียงตูม…ดังสนั่นหวั่นไหว ชั่วพริบตาเดียวระหว่างที่ค่ายกลจูเซียนปรากฎเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมานั้น พลังลมปราณทั่วร่างของราชันแท้จริงปาเจิ้นเป็นปฏิปักษ์กันกับทางช้างเผือก พริบตาเดียวนั่นเอง ร่างของเขาดูเจิดจ้าไปทั้งร่าง
ตูม ตูม ตูมในเวลาเดียวกันนี้ แคว้นว่านเจิ้นที่อยู่ห่างไกลสุดขอบฟ้าก็พลันเกิดการปะทุขึ้นของประกายที่ไม่มีสิ้นสุด เมื่อประกายทั้งหมดของแคว้นว่านเจิ้นล้วนแล้วแต่ทะลักออกมานั้น ได้ยินเสียงแว้งค์ แว้งค์ แว้งค์แต่ละเสียงที่ดังขึ้น
พริบตาเดียวนั่นเอง แคว้นว่านเจิ้นที่เป็นศูนย์กลาง ลำแสงนับไม่ถ้วนตรงไปยังทุกๆ ที่ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ในพริบตาเดียวนี้เอง เสมือนดั่งพลังที่ไม่มีสิ้นสุดถูกดึงออกมา ไม่เพียงแค่พลังของแคว้นว่านเจิ้น ยังรวมถึงพลังสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่อีกด้วย
เสียงตูมเสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้มองเห็นพลังของแคว้นว่านเจิ้น และพลังระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ล้วนแล้วแต่รวมตัวกันเป็นสายๆ หนึ่ง กลายเป็นลำแสงมหาประลัยที่ยิงเข้าไปยังราชันแท้จริงปาเจิ้น
เสียงจี๊ด จี๊ด จี๊ดดังขึ้นมาไม่ขาดสาย ลำแสงมหาประลัยที่ทรงพลังปราศจากผู้ต่อกรพลันยิงถูกร่างของราชันแท้จริงปาเจิ้นนั้น ลัคนาของราชันแท้จริงปาเจิ้นปรากฏขึ้น และเปิดออก จัดการดูดซับเอาพลังลำแสงมหาประลัยที่ยิงโจมตีเข้ามาเอาไว้ทั้งหมด
ตูม…เสียงดังสนั่นหวั่นไหวสะเทือนฟ้าดิน หลังจากที่ราชันแท้จริงปาเจิ้นได้ดูดกลืนเอาพลังที่น่าเกรงขามปราศจากผู้เทียบเทียมเช่นนี้ไปแล้ว ร่างกายของเขาพวยพุ่งเป็นเปลวแสงที่ดั่งคลื่นยักษ์ขึ้นมา เสมือนดั่งได้พลิกเอาล้านล้านโลกธาตุขึ้นมาอย่างนั้น
ในพริบตาเดียวนั่นเอง ราชันแท้จริงปาเจิ้นเสมือนดั่งได้กลับกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ไม่มีผู้ใดเทียม ร่างทั้งร่างส่งเปลวแสงที่สูงหนึ่งล้านล้านล้านจ้างออกมาวูบวาบ นาทีนี้ตัวเขาราวไม่ใช่มนุษย์โลกอีกต่อไป เหมือนเป็นผู้ที่ลงมาจากแคว้นๆ หนึ่งบนสวรรค์อย่างนั้น ถือกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ตลอดกาลอยู่ในมือ ตัดสินความจอมมารตลอดกาล
ในเวลานี้เอง พลังต่อสู้ของราชันแท้จริงปาเจิ้นไม่รู้ว่าได้เพิ่มขึ้นกี่เท่าตัว ทุกๆ ความเคลื่อนไหวของเขาเปี่ยมด้วยพลังที่ทำลายฟ้าดินจนพินาศย่อยยับได้อยู่ในครอบครอง
ผู้คนจำนวนมากต่างอดที่จะเสียวสันหลังวาบไม่ได้เมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว ราชันแท้จริงปาเจิ้นที่ได้รวบรวมพลังจากแคว้นว่านเจิ้น และพลังจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่นั้น ด้วยสภาพเช่นนี้ก็คือผู้ที่ปราศจากผู้ต่อกรโดยแท้ อย่าว่าแต่กลุ่มคนรุ่นใหม่เลย ต่อให้เป็นระดับปรมาจารย์ทั้งหมดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ก็มีไม่กี่คนที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้
เสียงตูม…ดังสนั่นหวั่นไหว จังหวะที่ราชันแท้จริงปาเจิ้นได้พวยพุ่งเปลวแสงออกมาทั้งตัวนั้น ตัวเขาก็ได้เข้าไปอยู่ท่ามกลางค่ายกลโบราณจูเซียน
จังหวะนี้เองราชันแท้จริงปาเจิ้นได้แยกร่างจากหนึ่งเป็นสามในชั่วพริบตาเดียว ราชันแท้จริงปาเจิ้นสามคนได้ปรากฎตัวอยู่ท่ามกลางค่ายกลโบราณจูเซียนในเวลาเดียวกัน
ราชันแท้จริงปาเจิ้นทั้งสามคนที่อยู่ภายในค่ายกลโบราณจูเซียนล้วนแล้วแต่เหมือนกันอย่างกับแกะ ราชันแท้จริงปาเจิ้นทุกคนล้วนแล้วแต่พวยพุ่งเป็นเปลวแสงที่ดั่งคลื่นยักษ์ออกมาทั่วทั้งตัว อีกทั้งพลังของราชันแท้จริงปาเจิ้นทั้งสามล้วนแล้วแต่เหมือนกัน ไม่ได้กลับกลายเป็นอ่อนลงเพราะแยกร่างจากหนึ่งเป็นสาม
“คนไหนเป็นตัวจริง?” ทุกคนต่างมองดูด้วยความงงงัน เมื่อราชันแท้จริงปาเจิ้นที่อยู่ท่ามกลางค่ายกลโบราณจูเซียนถึงกับแยกร่างจากหนึ่งเป็นสาม กลายเป็นราชันแท้จริงปาเจิ้นสามคน ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากต่างทยอยกันเปิดเนตรฟ้าขึ้นมา หวังจะแยกให้ได้ว่าคนไหนเป็นร่างจริง คนไหนเป็นร่างจำแลง แต่ว่า พวกเขาต้องผิดหวัง ไม่ว่าพวกเขาจะจ้องมองดูละเอียดเช่นใดก็ตาม ก็ไม่สามารถดูออกว่าราชันแท้จริงปาเจิ้นคนไหนเป็นร่างจริง ราชันแท้จริงปาเจิ้นคนไหนเป็นร่างจำแลง
“ดูไม่ออก” แม้แต่ระดับบรรพบุรุษของตระกูลขุนนางโบราณก็ต้องส่ายหน้า และไม่สามารถแยกเยะได้ว่าคนไหนคือราชันแท้จริงปาเจิ้นตัวจริง
“ร่างจำแลงเกรงว่าคงไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้นกระมัง” มีผู้ที่พึมพำขึ้นมา
แม้จะกล่าวว่าเมื่อผู้บำเพ็ญตนแข็งแกร่งจนถึงระดับหนึ่งแล้วสามารถมีร่างจำแลงได้ แต่ทว่าร่างจำแลงนั้นจะอ่อนกว่าร่างจริงมากทีเดียว ร่างจำแลงจำนวนมากกระทั่งไม่ได้มีความสามารถสองถึงสามส่วนในสิบส่วน
“เกรงจะไม่เป็นเช่นนั้น” ระดับบรรพบุรุษผู้หนึ่งท่าทางหนักแน่นจริงจัง มองดูค่ายกลโบราณจูเซียนและเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ภายในค่ายกลโบราณจูเซียนนี้ ราชันแท้จริงปาเจิ้นได้เข้าสู่สภาพที่ถูกกำหนดเอาไว้เป็นพิเศษ แม้จะเป็นเพียงร่างจำแลงของเขาก็จะแข็งแกร่งเท่ากับร่างจริง ดังนั้น เวลานี้มีราชันแท้จริงปาเจิ้นที่แข็งแกร่งเหมือนๆ กันสามคน อีกทั้งยังเป็นราชันแท้จริงปาเจิ้นที่อยู่ในสภาพผ่านการปลุกเสกมาแล้ว”
“ค่ายกลโบราณจูเซียนลักษณะเช่นนี้ออกจะแข็งแก่งและน่ากลัวมากเกินไปแล้วกระมัง” ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างเสียวสันหลังวาบเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้
ราชันแท้จริงปาเจิ้นสามคนที่เหมือนกันอย่างกับแกะ ในบางแง่มุมนั้นเท่ากับทำให้กำลังความสามารถของราชันแท้จริงปาเจิ้นเพิ่มขึ้นสามเท่าไปแล้ว บวกกับได้รับการพลังปลุกเสกจากแคว้นว่านเจิ้น และระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ทั้งยังมีลักษณะการฆ่าฟันเช่นนี้ของค่ายกลโบราณจูเซียนเพิ่มเข้าไปอีก
ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่า ราชันแท้จริงปาเจิ้นในเวลานี้แข็งแกร่งกว่าปรกติเท่าไร
“เรื่องนี้ไม่นับเป็นเรื่องแปลก” ระดับบรรพบุรุษเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “จะอย่างไรเสีย ค่ายกลโบราณจูเซียนมีประวัติความเป็นมาที่ไม่ธรรมดา ในห้วงพันล้านปีที่ผ่านมา ผู้ที่สามารถบรรลุค่ายกลโบราณจูเซียนได้ในแคว้นว่านเจิ้นก็มีอยู่ไม่กี่คนเท่านั้น”
ตึง…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในขณะนี้ราชันแท้จริงปาเจิ้นสามคน ทุกคนต่างถือกระบี่โบราณจูเซียนในมือเล่มหนึ่ง พวกเขาอาศัยมือสองข้างกำกระบี่โบราณจูเซียนตั้งขึ้นด้านหน้าในท่าทางที่เตรียมโจมตี
ในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง กระบี่โบราณจูเซียนในมือของพวกเขาส่งเสียงคำรามขึ้นมา กระบี่โบราณจูเซียนทั้งสามเล่มประดุจดั่งมีสีสันสีทองแวววาวไหลรินลงมา ยามที่สีสันสีทองแวววาวไหลรินลงบนตัวของราชันแท้จริงปาเจิ้นนั้น บนตัวของราชันแท้จริงปาเจิ้นเหมือนได้เคลือบเป็นสีทองบนตัวชั้นหนึ่ง
เมื่อมองไปก็จะเห็นราชันแท้จริงปาเจิ้นทั้งสามเสมือนดั่งเป็นเทพยาดาสามองค์ แผ่กลิ่นอายเซียนออกมาทั่วตัว แต่ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ กระบี่โบราณจูเซียนที่อยู่ในมือของพวกเขาได้แผ่กลิ่นอายฆ่าฟันที่น่ากลัวปราศจากผู้เทียยเทียมออกมา
“ฆ่า…” ในพริบตาเดียวนั่นเอง ราชันแท้จริงปาเจิ้นคำรามเสียงดัง ราชันแท้จริงปาเจิ้นคนหนึ่งได้ลงมือแล้ว กระบี่โบราณจูเซียนในมือได้ฟาดฟันลงมา
ตึงเสียงหนึ่งดังขึ้น กระบี่โบราณจูเซียนที่ฟาดฟันลงมานั้น สังหารเซียน ฆ่าฟันอย่างไร้ความปราณี หนึ่งกระบี่สังหารสิ้นทุกสิ่ง
ในขณะที่หนึ่งกระบี่ลักษณะนี้ฟาดฟันลงมานั้น ผู้คนจำนวนมากต่างรู้สึกว่าคอหอยของตนนั้นเจ็บแปลบ รู้สึกเหมือนถูกกระบี่โบราณจูเซียนฟันคอของตนจนขาดไปแล้ว
“มาได้จังหวะ…” หลี่ชิเย่หัวเราะเสียงดังเมื่อต้องเผชิญกับกระบี่โบราณจูเซียนที่ฟาดฟันเข้ามา หนึ่งหมัดซัดออกไปตามอารมณ์
ตูม…เสียงดังสนั่นหวั่นไหว หนึ่งหมัดทำลายพินาศย่อยยับ หนึ่งหมัดที่ซัดออกไป พลังไม่อาจขวางได้ ทุกอย่างที่ขวางหน้าจะต้องถูกซัดจนแหลกละเอียด หมัดนี้เมื่อซัดออกไปแล้วจะไม่ย้อนกลับ ขอเพียงได้ซัดออกไป มีเพียงความพินาศย่อยยับเท่านั้น
ปัง…เสียงดังสนั่นหวั่นไหว หมัดนี้ได้ปะทะกับกระบี่โบราณจูเซียนที่ฟาดฟันลงมาอย่างแรง
ทุกคนที่ได้เห็นภาพนี้ต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำ แต่ก็เป็นสิ่งที่เฝ้ารอคอย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฮ่องเต้องค์ใหม่อาศัยกำปั้นเข้าขย่มต่ออาวุธแล้ว
ท่ามกลางเสียงปังเสียงนี้ ทุกคนล้วนแล้วแต่มองเห็นกระบี่โบราณจูเซียนถูกซัดจนกระเด้งขึ้น ขณะที่ราชันแท้จริงปาเจิ้นคนนี้ก้าวถอยหลังตึง ตึง ตึงติดต่อกันหลายก้าว

ตอนที่ 2531 ค่ายกลโบราณจูเซียน
ในเวลานี้ ดวงตาทั้งสองของราชันแท้จริงปาเจิ้นดูเข้มและน่าเกรงขาม ดวงตาทั้งสองของเขาได้เปล่งประกายที่เจิดจ้าละลานตาออกมา เสมือนดั่งสามารถสาดส่องหมื่นยุคให้สว่างไสว ส่องสว่างชั้นที่ลึกที่สุดของนรกอเวจี
“พูดมั่นใจเกินไปแล้ว” ราชันแท้จริงปาเจิ้นตวาดเสียงทุ้มต่ำ เสียงดั่งฟ้าร้องในฤดูใบไม้ผลิ มาเป็นลูกๆ สั่นสะเทือนทั่วหล้า อานุภาพสะกดจิตใจผู้คน ยามที่เขายืนตระหง่านอยู่ตรงนั้น คล้ายดั่งเป็นผู้มีอำนาจสูงสุด ให้ความรู้สึกผู้คนจนหายใจไม่ออก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระบี่จูเซียนทั้งสามเล่มที่ส่งประกายเยือกเย็นแวบวับ ยิ่งจะส่งผลให้ผู้คนอดที่จะสั่นเทาไม่ได้ ยามที่ประกายเยือกเย็นกระบี่จูเซียนทั้งสามเล่มส่งประกายวูบวาบนั้น ประกายทุกสายคล้ายดั่งทิ่มแทงเนื้อขูดกระดูกอย่างนั้น ทำให้รู้สึกถึงความเจ็บปวด อดไม่ได้ที่จะเจ็บปวดด้วยความผิดหวัง
แม้ยังไม่ทันลงมือด้วยกระบี่จูเซียนทั้งสามเล่ม ก็ทำให้ผู้คนรับรู้ถึงการฆ่าฟันที่น่ากลัว กระทั่งเกิดเป็นภาพมายาขึ้นภายในใจ พริบตาเดียวนั่นเอง เสมือนดั่งกระบี่จูเซียนทั้งสามเล่มได้จ่ออยู่ที่ลำคอของตน เพียงชั่วพริบตาเดียวก็สามารถตัดเอาศีรษะของตนลงมาได้
“ลงมือเถอะ” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมยและอย่างไรก็ได้ กล่าวด้วยท่าทีตามอมรมณ์ว่า “ข้ารอดูค่ายกลโบราณจูเซียนของเจ้าอยู่ จะดูว่าค่ายกลโบราณจูเซียนของเจ้าบรรลุมาได้กี่ส่วนแล้ว”
ฮึ… ราชันแท้จริงปาเจิ้นส่งเสียงฮึเย็นชา ดวงตาทั้งสองดูน่าเกรงขาม พริบตาเดียวนั่นเอง ได้ยินเสียงคำรามกระบี่ดังตึงขึ้นมาเสียงหนึ่ง กระบี่จูเซียนทั้งสามเล่มคำรามออกมาพร้อมกัน
ทุกคนต่างก็เคยได้ยินเสียงคำรามของกระบี่มาก่อน แต่ เมื่อกระบี่จูเซียนทั้งสามเล่มคำรามขึ้นพร้อมกันนั้น ทุกคนถึงกับรู้สึกหวาดผวาจนขนลุกซู่ขึ้นมา เนื่องจากเสียงคำรามกระบี่ดังกล่าวหาใช่ส่งเข้าประสาทหู แต่ส่งตรงเข้าไปในจิตใจของผู้คน กระทั่งเสมือนหนึ่งเป็นเสียงคำรามของกระบี่ที่ดังขึ้นมาจากจิตใจของผู้คนอย่างนั้น
ทันทีที่เสียงคำรามของกระบี่ลักษณะเช่นนี้ดังขึ้นภายในใจ เสมือนหนึ่งเป็นกระบี่จูเซียนทั้งสามเล่มกำลังทิ่มแทงหัวใจของตนเองอย่างนั้น หัวใจทั้งดวงถูกทิ่มแทงจนเย็นวาบ ทำเอาผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องถอยหลังออกไป ขนลุกซู่ขึ้นมาทั่วตัว
แว้งค์…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในพริบตาเดียวนั่นเอง ช่องว่างกระเพื่อมทีหนึ่ง เหมือนถูกตัดให้แยกออกอย่างนั้น มองเห็นกระบี่จูเซียนทั้งสามเล่มหมุนวนอยู่รอบๆ กายของราชันแท้จริงปาเจิ้น
ขณะที่กระบี่จูเซียนทั้งสามเล่มหมุนไปรอบๆ ตัวของราชันแท้จริงปาเจิ้นอยู่นั้น ตัวของราชันแท้จริงปาเจิ้นเองก็ปรากฎเสียงแว้งค์เสียงหนึ่งดังขึ้นมา ในพริบตาเดียวนั่นเอง ราชันแท้จริงปาเจิ้นเหมือนทะลักออกมาเป็นอักขระยันต์จำนวนนับไม่ถ้วนออกมาทั่วทั้งตัว
ในชั่วพริบตาเดียวนั้นเอง ร่างกายของราชันแท้จริงปาเจิ้นก็คล้ายเป็นช่องว่างที่เก็บรวบรวมอักขระยันต์นับไม่ถ้วนที่มีอยู่ในโลกอย่างนั้น ในเวลานี้ อักขระยันต์จำนวนนับไม่ถ้วนได้ทะลักออกมาจากภายในร่างกายของเขา เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น ตัวของราชันแท้จริงปาเจิ้นเสมือนหนึ่งถูกอักขระยันต์ที่มากมายมหาศาลไม่มีสิ้นสุดท่วมจนจมมิด อีกทั้งอักขระยันต์ที่ทะลักออกมาจากตัวของราชันแท้จริงปาเจิ้นนั้นมีความเก่าแก่ลึกซึ้งยอดเยี่ยม ทุกๆ ตัวอักขระยันต์ล้วนแล้วแต่แบกรับพลังที่ไม่มีสิ้นสุดเอาไว้ ดังนั้น ยามที่อักขระยันต์จำนวนนับไม่ถ้วนทะลักออกมานั้น เสมือนดั่งเป็นทะลักออกมาทั้งโลก มหาศาลไร้ขอบเขต
ตึง…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้เอง กระบี่จูเซียนทั้งสามเล่มคำรามพร้อมกัน พริบตาเดียวนั่นเอง กระบี่โบราณทั้งสามเล่มเสมือนดั่งได้เปิดโลกธาตุที่มีมาแต่อดีตขึ้นมา พวยพุ่งประกายที่เจิดจ้าขึ้นมาทันที ฉับพลันนั้นได้พันธนาการอักขระโบราณที่ทะลักออกมาจากร่างกายของราชันแท้จริงปาเจิ้นในทันที
เสียงตูม…ดังสนั่นหวั่นไหว เมื่อประกายกระบี่จูเซียนทั้งสามเล่มที่พวยพุ่งออกมาและพันธนาการอักขระยันต์เอาไว้แล้วนั้น พลันได้กลายเป็นค่ายกลขนาดยักษ์ที่ปราศจากผู้เทียบเทียมขึ้นมา
เพียงพริบตาเดียว สุดยอดค่ายกลแห่งยุคได้หลอมรวมเอาหลี่ชิเย่เข้าไปอยู่ท่ามกลางสุดยอดค่ายกลแห่งยุค หลี่ชิเย่เสมือนหนึ่งอยู่ในโลกธาตุที่มีมาแต่อดีตท่ามกลางสุดยอดค่ายกลแห่งยุคลักษณะเช่นนี้
ณ ที่ตรงนี้ สุริยันจันทราลอยล่อง เหล่าเซียนอยู่ในท่าครุ่นคิด ฟ้าดินเสมือนดั่งเลือดเซียนกำลังไหลริน ทำให้สามารถสูดดมได้กลิ่นคาวเลือดที่เข้มข้น โดยเฉพาะเมื่ออยู่ท่ามกลางกลิ่นอายการฆ่าฟันที่น่ากลัว ไม่เพียงทำให้ต้องตัวสั่นดั่งลูกนก กระทั่งทำให้มีความรู้สึกสะอิดสะเอียนยิ่ง
ท่ามกลางสุดยอดค่ายกลแห่งยุคนี้สามารถได้ยินเสียงฉึก ฉึก ฉึก เป็นเสียงฆ่าฟัน บีบคอสิ่งมีชีวิตใดๆ ก็ตามที่อยู่ภายในค่ายกล กลิ่นอายการฆ่าฟันที่น่ากลัวสามารถบีบคอฆ่าผู้ที่ดูอ่อนแอสักนิดให้กลายเป็นหมอกเลือดในพริบตาเดียว
สิ่งนี้ช่างเป็นเรื่องราวที่น่ากลัวเพียงใด ลำพังแค่ภายใต้กลิ่นอายการฆ่าฟันก็สามารถบีบคอฆ่าคนให้กลายเป็นหมอกเลือดได้ ด้วยอานุภาพเช่นนี้เรียกได้ว่าปราศจากผู้เทียบเทียม
เสียงตูม…ดังสนั่นหวั่นไหว ชั่วพริบตาเดียวระหว่างที่ค่ายกลจูเซียนปรากฎเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมานั้น พลังลมปราณทั่วร่างของราชันแท้จริงปาเจิ้นเป็นปฏิปักษ์กันกับทางช้างเผือก พริบตาเดียวนั่นเอง ร่างของเขาดูเจิดจ้าไปทั้งร่าง
ตูม ตูม ตูมในเวลาเดียวกันนี้ แคว้นว่านเจิ้นที่อยู่ห่างไกลสุดขอบฟ้าก็พลันเกิดการปะทุขึ้นของประกายที่ไม่มีสิ้นสุด เมื่อประกายทั้งหมดของแคว้นว่านเจิ้นล้วนแล้วแต่ทะลักออกมานั้น ได้ยินเสียงแว้งค์ แว้งค์ แว้งค์แต่ละเสียงที่ดังขึ้น
พริบตาเดียวนั่นเอง แคว้นว่านเจิ้นที่เป็นศูนย์กลาง ลำแสงนับไม่ถ้วนตรงไปยังทุกๆ ที่ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ในพริบตาเดียวนี้เอง เสมือนดั่งพลังที่ไม่มีสิ้นสุดถูกดึงออกมา ไม่เพียงแค่พลังของแคว้นว่านเจิ้น ยังรวมถึงพลังสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่อีกด้วย
เสียงตูมเสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้มองเห็นพลังของแคว้นว่านเจิ้น และพลังระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ล้วนแล้วแต่รวมตัวกันเป็นสายๆ หนึ่ง กลายเป็นลำแสงมหาประลัยที่ยิงเข้าไปยังราชันแท้จริงปาเจิ้น
เสียงจี๊ด จี๊ด จี๊ดดังขึ้นมาไม่ขาดสาย ลำแสงมหาประลัยที่ทรงพลังปราศจากผู้ต่อกรพลันยิงถูกร่างของราชันแท้จริงปาเจิ้นนั้น ลัคนาของราชันแท้จริงปาเจิ้นปรากฏขึ้น และเปิดออก จัดการดูดซับเอาพลังลำแสงมหาประลัยที่ยิงโจมตีเข้ามาเอาไว้ทั้งหมด
ตูม…เสียงดังสนั่นหวั่นไหวสะเทือนฟ้าดิน หลังจากที่ราชันแท้จริงปาเจิ้นได้ดูดกลืนเอาพลังที่น่าเกรงขามปราศจากผู้เทียบเทียมเช่นนี้ไปแล้ว ร่างกายของเขาพวยพุ่งเป็นเปลวแสงที่ดั่งคลื่นยักษ์ขึ้นมา เสมือนดั่งได้พลิกเอาล้านล้านโลกธาตุขึ้นมาอย่างนั้น
ในพริบตาเดียวนั่นเอง ราชันแท้จริงปาเจิ้นเสมือนดั่งได้กลับกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ไม่มีผู้ใดเทียม ร่างทั้งร่างส่งเปลวแสงที่สูงหนึ่งล้านล้านล้านจ้างออกมาวูบวาบ นาทีนี้ตัวเขาราวไม่ใช่มนุษย์โลกอีกต่อไป เหมือนเป็นผู้ที่ลงมาจากแคว้นๆ หนึ่งบนสวรรค์อย่างนั้น ถือกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ตลอดกาลอยู่ในมือ ตัดสินความจอมมารตลอดกาล
ในเวลานี้เอง พลังต่อสู้ของราชันแท้จริงปาเจิ้นไม่รู้ว่าได้เพิ่มขึ้นกี่เท่าตัว ทุกๆ ความเคลื่อนไหวของเขาเปี่ยมด้วยพลังที่ทำลายฟ้าดินจนพินาศย่อยยับได้อยู่ในครอบครอง
ผู้คนจำนวนมากต่างอดที่จะเสียวสันหลังวาบไม่ได้เมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว ราชันแท้จริงปาเจิ้นที่ได้รวบรวมพลังจากแคว้นว่านเจิ้น และพลังจากระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่นั้น ด้วยสภาพเช่นนี้ก็คือผู้ที่ปราศจากผู้ต่อกรโดยแท้ อย่าว่าแต่กลุ่มคนรุ่นใหม่เลย ต่อให้เป็นระดับปรมาจารย์ทั้งหมดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ก็มีไม่กี่คนที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้
เสียงตูม…ดังสนั่นหวั่นไหว จังหวะที่ราชันแท้จริงปาเจิ้นได้พวยพุ่งเปลวแสงออกมาทั้งตัวนั้น ตัวเขาก็ได้เข้าไปอยู่ท่ามกลางค่ายกลโบราณจูเซียน
จังหวะนี้เองราชันแท้จริงปาเจิ้นได้แยกร่างจากหนึ่งเป็นสามในชั่วพริบตาเดียว ราชันแท้จริงปาเจิ้นสามคนได้ปรากฎตัวอยู่ท่ามกลางค่ายกลโบราณจูเซียนในเวลาเดียวกัน
ราชันแท้จริงปาเจิ้นทั้งสามคนที่อยู่ภายในค่ายกลโบราณจูเซียนล้วนแล้วแต่เหมือนกันอย่างกับแกะ ราชันแท้จริงปาเจิ้นทุกคนล้วนแล้วแต่พวยพุ่งเป็นเปลวแสงที่ดั่งคลื่นยักษ์ออกมาทั่วทั้งตัว อีกทั้งพลังของราชันแท้จริงปาเจิ้นทั้งสามล้วนแล้วแต่เหมือนกัน ไม่ได้กลับกลายเป็นอ่อนลงเพราะแยกร่างจากหนึ่งเป็นสาม
“คนไหนเป็นตัวจริง?” ทุกคนต่างมองดูด้วยความงงงัน เมื่อราชันแท้จริงปาเจิ้นที่อยู่ท่ามกลางค่ายกลโบราณจูเซียนถึงกับแยกร่างจากหนึ่งเป็นสาม กลายเป็นราชันแท้จริงปาเจิ้นสามคน ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากต่างทยอยกันเปิดเนตรฟ้าขึ้นมา หวังจะแยกให้ได้ว่าคนไหนเป็นร่างจริง คนไหนเป็นร่างจำแลง แต่ว่า พวกเขาต้องผิดหวัง ไม่ว่าพวกเขาจะจ้องมองดูละเอียดเช่นใดก็ตาม ก็ไม่สามารถดูออกว่าราชันแท้จริงปาเจิ้นคนไหนเป็นร่างจริง ราชันแท้จริงปาเจิ้นคนไหนเป็นร่างจำแลง
“ดูไม่ออก” แม้แต่ระดับบรรพบุรุษของตระกูลขุนนางโบราณก็ต้องส่ายหน้า และไม่สามารถแยกเยะได้ว่าคนไหนคือราชันแท้จริงปาเจิ้นตัวจริง
“ร่างจำแลงเกรงว่าคงไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้นกระมัง” มีผู้ที่พึมพำขึ้นมา
แม้จะกล่าวว่าเมื่อผู้บำเพ็ญตนแข็งแกร่งจนถึงระดับหนึ่งแล้วสามารถมีร่างจำแลงได้ แต่ทว่าร่างจำแลงนั้นจะอ่อนกว่าร่างจริงมากทีเดียว ร่างจำแลงจำนวนมากกระทั่งไม่ได้มีความสามารถสองถึงสามส่วนในสิบส่วน
“เกรงจะไม่เป็นเช่นนั้น” ระดับบรรพบุรุษผู้หนึ่งท่าทางหนักแน่นจริงจัง มองดูค่ายกลโบราณจูเซียนและเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ภายในค่ายกลโบราณจูเซียนนี้ ราชันแท้จริงปาเจิ้นได้เข้าสู่สภาพที่ถูกกำหนดเอาไว้เป็นพิเศษ แม้จะเป็นเพียงร่างจำแลงของเขาก็จะแข็งแกร่งเท่ากับร่างจริง ดังนั้น เวลานี้มีราชันแท้จริงปาเจิ้นที่แข็งแกร่งเหมือนๆ กันสามคน อีกทั้งยังเป็นราชันแท้จริงปาเจิ้นที่อยู่ในสภาพผ่านการปลุกเสกมาแล้ว”
“ค่ายกลโบราณจูเซียนลักษณะเช่นนี้ออกจะแข็งแก่งและน่ากลัวมากเกินไปแล้วกระมัง” ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างเสียวสันหลังวาบเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้
ราชันแท้จริงปาเจิ้นสามคนที่เหมือนกันอย่างกับแกะ ในบางแง่มุมนั้นเท่ากับทำให้กำลังความสามารถของราชันแท้จริงปาเจิ้นเพิ่มขึ้นสามเท่าไปแล้ว บวกกับได้รับการพลังปลุกเสกจากแคว้นว่านเจิ้น และระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ ทั้งยังมีลักษณะการฆ่าฟันเช่นนี้ของค่ายกลโบราณจูเซียนเพิ่มเข้าไปอีก
ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่า ราชันแท้จริงปาเจิ้นในเวลานี้แข็งแกร่งกว่าปรกติเท่าไร
“เรื่องนี้ไม่นับเป็นเรื่องแปลก” ระดับบรรพบุรุษเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “จะอย่างไรเสีย ค่ายกลโบราณจูเซียนมีประวัติความเป็นมาที่ไม่ธรรมดา ในห้วงพันล้านปีที่ผ่านมา ผู้ที่สามารถบรรลุค่ายกลโบราณจูเซียนได้ในแคว้นว่านเจิ้นก็มีอยู่ไม่กี่คนเท่านั้น”
ตึง…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในขณะนี้ราชันแท้จริงปาเจิ้นสามคน ทุกคนต่างถือกระบี่โบราณจูเซียนในมือเล่มหนึ่ง พวกเขาอาศัยมือสองข้างกำกระบี่โบราณจูเซียนตั้งขึ้นด้านหน้าในท่าทางที่เตรียมโจมตี
ในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง กระบี่โบราณจูเซียนในมือของพวกเขาส่งเสียงคำรามขึ้นมา กระบี่โบราณจูเซียนทั้งสามเล่มประดุจดั่งมีสีสันสีทองแวววาวไหลรินลงมา ยามที่สีสันสีทองแวววาวไหลรินลงบนตัวของราชันแท้จริงปาเจิ้นนั้น บนตัวของราชันแท้จริงปาเจิ้นเหมือนได้เคลือบเป็นสีทองบนตัวชั้นหนึ่ง
เมื่อมองไปก็จะเห็นราชันแท้จริงปาเจิ้นทั้งสามเสมือนดั่งเป็นเทพยาดาสามองค์ แผ่กลิ่นอายเซียนออกมาทั่วตัว แต่ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ กระบี่โบราณจูเซียนที่อยู่ในมือของพวกเขาได้แผ่กลิ่นอายฆ่าฟันที่น่ากลัวปราศจากผู้เทียยเทียมออกมา
“ฆ่า…” ในพริบตาเดียวนั่นเอง ราชันแท้จริงปาเจิ้นคำรามเสียงดัง ราชันแท้จริงปาเจิ้นคนหนึ่งได้ลงมือแล้ว กระบี่โบราณจูเซียนในมือได้ฟาดฟันลงมา
ตึงเสียงหนึ่งดังขึ้น กระบี่โบราณจูเซียนที่ฟาดฟันลงมานั้น สังหารเซียน ฆ่าฟันอย่างไร้ความปราณี หนึ่งกระบี่สังหารสิ้นทุกสิ่ง
ในขณะที่หนึ่งกระบี่ลักษณะนี้ฟาดฟันลงมานั้น ผู้คนจำนวนมากต่างรู้สึกว่าคอหอยของตนนั้นเจ็บแปลบ รู้สึกเหมือนถูกกระบี่โบราณจูเซียนฟันคอของตนจนขาดไปแล้ว
“มาได้จังหวะ…” หลี่ชิเย่หัวเราะเสียงดังเมื่อต้องเผชิญกับกระบี่โบราณจูเซียนที่ฟาดฟันเข้ามา หนึ่งหมัดซัดออกไปตามอารมณ์
ตูม…เสียงดังสนั่นหวั่นไหว หนึ่งหมัดทำลายพินาศย่อยยับ หนึ่งหมัดที่ซัดออกไป พลังไม่อาจขวางได้ ทุกอย่างที่ขวางหน้าจะต้องถูกซัดจนแหลกละเอียด หมัดนี้เมื่อซัดออกไปแล้วจะไม่ย้อนกลับ ขอเพียงได้ซัดออกไป มีเพียงความพินาศย่อยยับเท่านั้น
ปัง…เสียงดังสนั่นหวั่นไหว หมัดนี้ได้ปะทะกับกระบี่โบราณจูเซียนที่ฟาดฟันลงมาอย่างแรง
ทุกคนที่ได้เห็นภาพนี้ต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำ แต่ก็เป็นสิ่งที่เฝ้ารอคอย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฮ่องเต้องค์ใหม่อาศัยกำปั้นเข้าขย่มต่ออาวุธแล้ว
ท่ามกลางเสียงปังเสียงนี้ ทุกคนล้วนแล้วแต่มองเห็นกระบี่โบราณจูเซียนถูกซัดจนกระเด้งขึ้น ขณะที่ราชันแท้จริงปาเจิ้นคนนี้ก้าวถอยหลังตึง ตึง ตึงติดต่อกันหลายก้าว
ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล

Status: Ongoing

สิบล้านปีก่อน หลี่ชีเย่ตัดไผ่เขียวขจีหนึ่งลำ   แปดล้านปีก่อน หลี่ชีเย่เลี้ยงปลาไนหนึ่งตัว ห้าล้านปีก่อน หลี่ชีเย่รับเลี้ยงเด็กสาวหนึ่งคน   วันนี้ ทันทีที่หลี่ชีเย่ตื่นขึ้น กิ่งไผ่เขียวบำเพ็ญตนจนกลายเป็นวิญญาณเทพ ปลาไนกลายร่างเป็นมังกรทอง เด็กสาวกลายเป็นจักรพรรดินีเก้าแดน  นี่คือเรื่องราวของการฝึกฝน เรื่องราวของเด็กหนุ่มปุถุชนที่มีชีวิตอมตะ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท