ตอนที่ 2546 เป็นเซียนหรือเป็นมาร
พวกปิ้งจวินต่างได้สติคืนกลับมา เมื่อเห็นหลี่ชิเย่กลับออกมาจากหลุมมรณะ ก้มกราบลงกับพื้นส่งเสียงดังขึ้นมาว่า คารวะคุณชาย
กล่าวได้ว่า ในเวลานี้พวกของปิ้งจวินสยบทั้งกายทั้งใจต่อหลี่ชิเย่ ยอมศิโรราบต่อหลี่ชิเย่อย่างสิ้นเชิง กล่าวสำหรับพวกเขาแล้ว หลี่ชิเย่เป็นนายของพวกเขาได้เหลือเฟือ สามารถทำงานรับใช้ภายใต้หลี่ชิเย่ถือเป็นเกียรติอย่างหนึ่ง
หลังจากที่หลี่ชิเย่ออกมาจากหลุมมรณะ ตบมือและยิ้มกล่าวว่า เอาล่ะ ที่ตรงนี้ไม่มีเรื่องอะไรอีกต่อไป สมควรไปจากได้แล้ว
คุณชายทำสำเร็จแล้วรึ? แม้วัวคลั่งจะใจร้อน แต่ก็คือผู้ที่ปากโป้งในบรรดาคนทั้งหมด ก้าวเข้าไปตีหน้ายิ้มแย้มและกล่าวว่า คุณชายไปได้สิ่งใดมาจากด้านในรึ? เป็นสิ่งที่ทำให้มีอายุวัฒนะจริงๆ รึ?
หลี่ชิเย่จ้องมองวัวคลั่งทีหนึ่ง ยิ้มกล่าวเรียบเฉยว่า ทำไม อยากดู?
พลันที่หลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมา ใช่เพียงวัวคลั่งเท่านั้น พวกของมังกรทองแปดแขนล้วนแล้วแต่ดวงตาทั้งสองข้างลุกวาว แม้แต่ปิ้งจวินก็ดูจะควบคุมตนเองไม่ได้อยู่บ้าง รีบก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว จ้องมองตาปริบๆ ไปที่หลี่ชิเย่
ย่อมไม่ต้องสงสัย พวกของปิ้งจวินต่างต้องการเห็นว่าสิ่งที่หลี่ชิเย่ไปได้มาจากหลุมมรณะเป็นสิ่งใดกันแน่ เพียงแต่พวกเขามีความกังวลไม่กล้าพูดออกมาตรงๆ เท่านั้นเอง
เหอะ เหอะ เหอะอยากแน่นอน ย่อมอยากดูแน่นอน วัวคลั่งนับว่าปากกับใจตรงกัน ไม่คิดอะไรมาก เกาหัวแครกๆ และกล่าวว่า วัวเฒ่าอย่างข้าชาตินี้นับว่าไม่เคยได้เห็นของที่ทำให้มีอายุวัฒนะจริงๆ
เมื่อวัวคลั่งออกปากพูดไปแล้ว พวกของมังกรทองแปดแขนก็ไม่มีอะไรต้องเขินอีก มังกรทองแปดแขนจึงยิ้มหน้าทะเล้น และกล่าวว่า คุณชาย ให้พวกเราได้เปิดหูเปิดตาได้หรือไม่ ดูว่าของที่ทำให้มีอายุวัฒนะนี้มีอะไรที่แปลกประหลาดตรงไหน
คุณชาย มันคือหญ้าเซียนต้นหนึ่งใช่หรือไม่? เทพไฉไลหงส์พิษก็ดูจะอดรนทนไม่ไหวอยู่บ้าง
เอาเถอะ ในเมื่อพวกเจ้าล้วนแล้วแต่ต้องการดู หลี่ชิเย่หัวเราะ และหยิบเอาดินสีดำกองนั้นออกมาตามอารมณ์ และยื่นให้กับพวกเขา
ผู้ที่รับเอากองดินสีดำไปจากมือของหลี่ชิเย่เป็นคนแรกก็คือวัวคลั่ง ขณะที่วัวคลั่งรับเอาดินสีดำกองนี้มานั้นถึงกับตะลึงงัน จ้องมองกองดินสีดำที่อยู่ตรงหน้าด้วยท่าทีงุนงง
คุณชาย ท่านคงไม่ล้อข้ากระมัง? ดินลักษณะเช่นนี้ไหนเลยจะเป็นสิ่งที่ทำให้มีอายุวัฒนะได้ มันก็แค่ดินโคลนที่อยู่ในบ่อปลามิใช่หรือ? วัวคลั่งมองดูดินสีดำที่อยู่ในมือ สีหน้าเต็มไปด้วยความงงงัน
พวกไร้สมอง หนึ่งฝ่ามือของปิ้งจวินตบเข้าไปที่ท้ายทอยของวัวคลั่ง จ้องตาเขม็งทีหนึ่ง และกล่าวว่า ดินโคลนบ่อปลาบ้านเจ้ามีความมีชีวิตชีวาที่น่าเกรงขามเช่นนี้รึ? มีกลิ่นอายที่สามารถหล่อเลี้ยงโลกทั้งโลกแบบนี้ด้วยหรือ? ถ้าหากมี เจ้าก็คือเซียนแล้วสิ แล้วเจ้ายังจะถูกจับขังเอาไว้ในสถานที่ที่ไม่มีใครอยากจะมาอย่างนี้รึ?
วัวคลั่งพลันสำนึกได้ทันทีเมื่อถูกหนึ่งฝ่ามือของปิ้งจวินที่ตบเข้าให้ทีหนึ่ง เขามองดูดินสีดำที่อยู่ในมือ เกาหัวทีหนึ่ง และกล่าวว่า ที่ปิ้งจวินพูดมาเหมือนมีเหตุผล เหมือนเป็นเช่นนี้จริงๆ
นี่คือดินอะไร มันคือดินเซียนอย่างนั้นรึ? อวี่เหยียนเซินครุ่นคิดพิจารณาอย่างละเอียดดินสีดำกองนี้แล้วอดที่จะตื่นตระหนกไม่ได้ และกล่าวว่า ดินที่อัศจรรย์เช่นนี้ข้าเพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก ลักษณะของดินสีดำกองนี้เหมือนว่าสามารถบ่มเพาะโลกทั้งโลกอย่างนั้น
ถ้าหากโลกนี้มีเซียนอยู่จริง เมื่อเป็นเช่นนั้น เจ้าจะเรียกมันว่าดินเซียนก็ไม่นับว่าเกินเลย หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเรียบเฉยว่า แต่ว่า โลกนี้ไม่มีเซียน มันคือดินอะไรก็คงพูดยาก
ถ้าหากไม่มีเซียน เช่นนั้นแล้วมันคือดินอะไร? เทพไฉไลหงส์พิษอดที่จะรู้สึกแปลกใจกับสิ่งนี้ไม่ได้ มองดูดินสีดำกองนี้แล้วกล่าวว่า ข้ารู้สึกว่าดินสีดำกองนี้มันคืออะไรที่สามารถปลูกหญ้าเซียนอะไรก็ได้จริงๆ กระทั่งสามารถปลูกโลกๆ หนึ่งขึ้นมาได้อย่างนั้น
หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเฉยเมยว่า คิดจะปลูกเป็นหญ้าเซียนสักต้น เจ้าก็ต้องมีเมล็ดพันธุ์หญ้าเซียนเสียก่อน เจ้าคิดจะปลูกเป็นโลกๆ หนึ่งขึ้นมา ก็ต้องมีเมล็ดพันธุ์ของโลกๆ หนึ่งเช่นกัน มิฉะนั้นล่ะก็ยากจะทำได้สำเร็จหากปราศจากเงื่อนไขที่จำเป็น
มัน มันสามารถปลูกโลกๆ หนึ่งขึ้นมาได้จริงๆ รึ? ดวงตาคู่นั้นของมังกรทองแปดแขนเบิกกว้างจ้องเขม็งไปที่ดินสีดำกองนั้น
เจ้ามีเมล็ดพันธุ์ของโลกหรือไม่? หลี่ชิเย่มองดูเขาแวบหนึ่ง
เอิก…มังกรทองแปดแขนจนกับคำถาม เขาไม่เคยเห็นเมล็ดพันธุ์ของโลกมาก่อนจริงๆ ยิ่งกว่านั้น ยังไม่รู้ว่าบนโลกมนุษย์มีสิ่งนี้อยู่หรือไม่
ตามที่คุณชายพูดมา โลกนี้ปราศจากเซียน หากปราศจากเซียน สิ่งนี้หาใช่ดินเซียน? ถ้าเช่นนั้นดินนี้มาจากที่ใด? การมองปัญหาของปิ้งจวินลึกซึ้งกว่าพวกของมังกรทองแปดแขน พวกของมังกรทองแปดแขนหยุดอยู่แค่ของล้ำค่าเท่านั้น
เรื่องนี้พูดยาก หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมยและกล่าวว่า ของบางสิ่งหาใช่สิ่งที่พวกเจ้าสามารถเอื้อมถึงได้
แหะคุณชาย ไหนๆ ที่นี่ก็ไม่มีใครอยู่แล้ว เล่าให้ฟังหน่อยสิ วัวคลั่งปากกับใจตรงกัน หัวเราะแหะแหะและเอ่ยขึ้น
จะให้ข้าบอกเจ้าหรือไม่? หลี่ชิเย่มองดูวัวคลั่งทีหนึ่ง ชี้ไปที่ฟ้าดินแห่งนี้และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า เจ้าคิดว่าคุกหลวงดึกดำบรรพ์เอาไว้ขังคนประเภทไหน? หรือว่าจะเป็นระดับเช่นพวกเจ้ารึ? เปล่าเลย อีกทั้งการกักขังของมันนั้น หาใช่เป็นการขังร่างกายของพวกเจ้า เห็นหลุมมรณะนั้นหรือไม่…
ครั้นหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วได้ชี้ไปที่หลุมมรณะ กล่าวเรียบเฉยว่า ข้างในเคยพันธนาการสิ่งมีชีวิตอยู่ คุกหลวงดึกดำบรรพ์แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อตัวของคนผู้นั้นอย่างแท้จริง สำหรับระดับเช่นพวกเจ้ามันก็แค่ยุงตัวหนึ่งที่ตกลงมาเท่านั้นเอง…
…เห็นเม็ดทรายที่นี่หรือไม่? หลี่ชิเย่ชี้ไปที่ทรายเต็มพื้นที่ด้วยท่าทีเรียบเฉย และกล่าวว่า รู้หรือไม่ว่าเม็ดทรายที่เต็มพื้นที่เหล่านี้ทำไมถึงตกผลึกได้? นั่นเป็นเพราะสิ่งมีชีวิตที่ถูกพันธนาการอยู่ข้างในเคยอาศัยไฟโลกันตร์ที่น่ากลัวที่สุดมาเผาโซ่เหล็กที่พันธนาการตัวเขาเอาไว้…
…ไม่รู้ว่ามีการเผาไหม้ไปเป็นเวลานานเท่าไร เผาจนหลุมมรณะกลายเป็นคริสตัลอย่างนั้น สำหรับเม็ดทรายที่มีอยู่เต็มพื้นที่ถูกเผาไหม้ภายใต้อุณหภูมิที่สูงเป็นวันเป็นเดือน ทำให้ทรายทุกเม็ดล้วนแล้วแต่ตกผลึกไปสิ้น ครั้นกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว หลี่ชิเย่จ้องมองดูพวกของวัวคลั่ง
จากนั้นกล่าวด้วยท่าทีเรียบเฉยว่า พวกเจ้าสามารถจินตนาการดูว่า สิ่งมีชีวิตหนึ่งถูกคนเขาสยบอยู่ที่ตรงนี้ ถูกพันธนาการด้วยโซ่เหล็กอยู่ตรงนี้ ยังคงสามารถอาศัยไฟโลกันตร์ที่น่ากลัวปราศจากสิ่งเทียบเทียมมาเผาโซ่เหล็กของตนได้ เกรงว่านั่นคือพลังที่อ่อนมากของเขาเท่านั้นเอง เมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเจ้าสามารถจินตนาการได้ว่า ขณะที่เขามีชีวิตอยู่จะมีความน่ากลัว มีความแข็งแกร่งเพียงใด
พวกของมังกรทองแปดแขนถึงกับหวาดหวั่นพรั่นพรึงเมื่อได้ฟังคำของหลี่ชิเย่ สำหรับปิ้งจวินนั้นได้บรรลุในใจมานานแล้ว แต่ยังคงรู้สึกสั่นเทาในใจ
ปิ้งจวินอดที่จะรู้สึกใจหายใจคว่ำ และพึมพำขึ้นมาว่า แข็งแกร่งจนถึงระดับเช่นนี้ ใครกันแน่ที่นำโซ่เหล็กมาพันธนาการพวกเขาเอาไว้ที่นี่?
นี่แหละคือจุดที่น่าสนใจมากทีเดียว หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมยและกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งถึงปานนี้และถูกพันธนาการขังเอาไว้ที่นี่ เจ้าคิดว่าเขาเป็นเซียนหรือเป็นมารร้ายล่ะ? ถ้าหากเขาเป็นเซียน เช่นนั้นแล้ว ผู้ที่พันธนาการเขาเกรงว่าจะเป็นมารร้ายแล้วล่ะ ถ้าหากเป็นมารร้าย ผู้ที่พันธนาการเขาเกรงว่าจะเป็นเซียน สิ่งนี้พวกเจ้าสามารถไปจินตนาการนิดหนึ่ง… หัวข้อสนทนาเช่นนี้เสมือนดั่งสายฟ้าที่ฟาดเข้าใส่พวกของมังกรทองแปดแขน ในใจของพวกเขาอดที่จะรู้สึกสั่นเทาไม่ได้ และอดที่จะหวาดผวาจนขนลุกซู่ไม่ได้
ในเวลานี้ ปิ้งจวินได้พึมพำขึ้นมาว่า แต่ บนโลกนี้ไม่มีเซียน ในขณะนี้เอง ปิ้งจวินอดที่จะหวาดหวั่นพรั่นพรึง ขนตั้งขึ้นเสมือนดั่งระเบิดขึ้นมาอย่างนั้น
ความน่ากลัวบนโลกไหนเลยเป็นสิ่งที่พวกเจ้าสามารถจินตนาการได้ หลี่ชิเย่กล่าวด้วยท่าทีเฉยเมย
ในเวลานี้เอง พวกของมังกรทองแปดแขนอดที่จะเหงื่อเย็นไหลท่วมตัวไม่ได้ คำบอกเล่าเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ได้เปิดประตูบานใหม่เอี่ยมทั้งหมดให้กับพวกเขา ให้พวกเขาได้ตระหนักถึงความกว้างใหญ่ของโลก
แม้แต่ปิ้งจวินก็ไม่เว้น และอดที่จะหวาดหวั่นพรั่นพรึงกับสิ่งนี้ไม่ได้
ปิ้งจวินก็ดี พวกของมังกรทองแปดแขนก็ช่าง ในอดีตนั้นพวกเขามีความรู้สึกที่หยิ่งยโส และความโดดเด่นเหนือผู้อื่นที่รุนแรงยิ่งภายในใจของตนเอง แม้ว่าพวกเขาจะรู้ตัวว่าตนเองนั้นเทียบไม่ได้กับระดับปฐมบรรพบุรุษ แต่ จะอย่างไรเสียพวกเขาคือผู้ที่ยืนอยู่จุดสูงสุดของแดนลัทธิราชัน สามารถหมางเมินต่ออาณาประชาราษฎร์ ที่อยู่เหนือกว่าพวกเขาก็คือผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะระดับปฐมบรรพบุรุษแล้ว ที่เหลือนั้นล้วนแล้วแต่ธรรมดาๆ เท่านั้น
โดยเฉพาะผู้ที่แข็งแกร่งจนถึงขั้นของปิ้งจวิน ใต้ระดับปฐมบรรพบุรุษ ยอดฝีมือที่สามารถเข้าตาเขานั้นมีอยู่ไม่มาก แต่ว่า เมื่อได้ตระหนักในวันนี้แล้ว พวกเขาจึงรู้สึกได้ว่าโลกนั้นยิ่งใหญ่และห่างไกลจากที่พวกเขาได้จินตนาการเอาไว้ และยอดฝีมือในโลกน่ากลัวยิ่งกว่าที่พวกเขาได้จินตนาการเอาไว้
เหมือนที่หลี่ชิเย่ได้พูดเอาไว้อย่างนั้น ความน่ากลัวบนโลกนี้ ไหนเลยพวกเขาจะสามารถจินตนาการได้ เมื่อเปรียบเทียบกับบรรดาผู้น่ากลัวยิ่งแล้ว พวกเขาเป็นได้แค่มดปลวกเท่านั้น ช่างไร้ค่าคู่ควรจะกล่าวถึงเหลือเกิน
บนโลกนี้ พวกเราเหมือนดั่งมดปลวก แม้ต่อปิ้งจวินที่หยิ่งยโสก็อดที่จะทอดถอนใจและปลงอนิจจังยิ่งออกมา
สำหรับพวกของมังกรทองแปดแขนต่างนิ่งเงียบ แม้แต่ปิ้งจวินที่แข็งแกร่งปานนี้ยังทอดถอนใจปลงอนิจจังเช่นนี้ เกรงว่าพวกเขาแม้แต่จะปลงอนิจจังก็ไม่มีสิทธิ์
จะอย่างไรเสียพวกเขาทั้งสี่ร่วมมือกันก็หาใช่คู่ต่อสู้ของปิ้งจวิน ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงผู้ที่แกร่งมากกว่า?
เอาล่ะ พวกเราสมควรไปจากได้แล้ว หลี่ชิเย่กล่าวท่าทีเฉยเมยว่า สถานที่แห่งนี้ไม่มีอะไรต้องไปรั้งอยู่อีกต่อไป
ไปตอนนี้เลยรึ? แม้แต่อวี่เหยียนเซินก็อดที่จะดวงตาทั้งสองลุกวาวเมื่อได้ฟังคำๆ นี้ พลันรู้สึกดีใจอย่างยิ่ง
ฮ่า ฮ่าพวกเราจะไปตอนนี้เลยรรึ? ยิ่งวัวคลั่งที่ปากไวใจเร็วยิ่งอดทนไม่ไหว กล่าวด้วยท่าทีดีใจยิ่งว่า ในที่สุดก็จะไปจากสถานที่บ้าๆ แห่งนี้แล้ว ฮ่า ฮ่าสถานที่บ้าๆ แห่งนี้ได้กักขังพวกเรามาหนึ่งยุคสมัยเต็มๆ แล้ว สมควรไปจากได้แล้ว สถานที่ที่ไม่มีใครอยากจะก้าวเข้ามาทำเอาคนแทบจะบ้าตายแล้ว
อย่าว่าแต่พวกมังกรทองแปดแขนเลย แม้ต่อปิ้งจวินเขาก็อดที่จะดีใจไม่ได้ เวลานี้อยากจะทดลองแล้ว และดีใจอย่างยิ่ง
จะอย่างไรเสียพวกเขารั้งอยู่ที่นี่มานานมากเกินไปแล้ว ในที่สุดเวลานี้จะได้ไปจาก แล้วจะไม่ให้พวกเขาดีใจได้อย่างไรกันเล่า
ก่อนหน้านี้ พวกเขาล้วนแล้วแต่เข้าใจว่าตนเองจะต้องเหมือนเช่นคนก่อนหน้าอย่างนั้น จะต้องถูกกักขังจนตายไปชั่วชีวิต สุดท้ายกลายเป็นโครงกระดูกอยู่ที่นี่ กล่าวได้ว่า พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าจะได้ไปจากที่นี่แบบตัวเป็นๆ แล้ว
มาวันนี้ พวกเขาถึงกับสามารถมีชีวิตไปจากที่นี่ มันคือความฝันอะไรอย่างนั้น แล้วจะไม่ให้พวกเขาดีใจอย่างยิ่งได้อย่างไร
พวกเราออกไปจากที่นี่จากตรงไหน? ในขณะนี้ อวี่เหยียนเซินก็เอ่ยขึ้นมาด้วยรอไม่ไหวต่อไปแล้ว
ขอเพียงจิตของเจ้าอยู่ที่ใด เจ้าก็ไปจากที่นี่ตรงนั้น หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉยว่า การไปจากคุกหลวงดึกดำบรรพ์ไม่ได้มีสถานที่ที่แน่นอน มันก็ไม่มีทางออกแต่เดิมอยู่แล้ว จะเอ่ยเรื่องทางออกที่จะไปจากได้อย่างไร?
ไม่มีทางออก? คำพูดนี้สร้างความตกตะลึงให้กับพวกของปิ้งจวิน รู้สึกงุนงงอยู่บ้าง และกล่าวว่า ไม่มีทางออก แล้วพวกเราจะออกไปได้อย่างไรกันเล่า? จะออกไปจากทางไหน?
………………………………………………