ตอนที่ 2554 อาวุธปฐมบรรพบุรุษสี่ชิ้น
ในเวลานี้เอง พวกของโต้วจ้านหวงเรียกได้ว่าหมดอารมณ์ไปแล้ว ก่อนหน้านั้นพวกเขามีเพลิงแห่งความโกรธสุมอยู่เต็มอก กระทั่งอยากจะจับหลี่ชิเย่มาบดขยี้ให้แหลกเป็นผุยผงให้มันรู้แล้วรู้รอดไป แต่ว่า เวลานี้พวกเขาทั้งหมดล้วนแล้วแต่มีสีหน้าที่ซีดเผือด
ในเวลานี้เอง พวกของโต้วจ้านหวงเรียกได้ว่าหมดอารมณ์ไปแล้ว ก่อนหน้านั้นพวกเขามีเพลิงแห่งความโกรธสุมอยู่เต็มอก กระทั่งอยากจะจับหลี่ชิเย่มาบดขยี้ให้แหลกเป็นผุยผงให้มันรู้แล้วรู้รอดไป แต่ว่า เวลานี้พวกเขาทั้งหมดล้วนแล้วแต่มีสีหน้าที่ซีดเผือด
ก่อนหน้านั้น แม้ว่าพวกเขาต่างก็รู้ว่าหลี่ชิเย่นั้นแข็งแกร่งอย่างยิ่ง แต่ว่ายังไม่มีแนวความคิดที่เป็นรายละเอียดเกี่ยวกับระดับความแข็งแกร่งของหลี่ชิเย่ โดยพวกเขามองว่า หลี่ชิเย่ก็แค่แข็งแกร่งกว่าพวกตนมากมายเท่านั้นเอง ต่อให้สู้กันเดี่ยวๆ จะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลี่ชิเย่ แต่หากพวกเขาทั้งสี่ร่วมมือกันก็คงไม่ถึงกับพ่ายแพ้ได้อย่างง่ายดาย
หรือถอยไปก้าวหนึ่ง ต่อให้พวกเขาทั้งสี่ร่วมมือกันแล้วไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลี่ชิเย่ล่ะก็ แต่ว่า พวกเขายังคงมีท่าไม้ตายที่ปราศจากผู้ต่อกร เรียกว่าภายในใจของพวกเขายังคงมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมในท่าไม้ตายของพวกตน เข้าใจว่าภายใต้ท่าไม้ตายของพวกเขา ต่อให้หลี่ชิเย่แข็งแกร่งมากกว่านี้ พวกเขาก็สามารถปราบได้
แต่ว่า ในเวลานี้ ภายในใจของพวกโต้วจ้านหวงพลันสูญเสียความมั่นใจในท่าไม้ตายของตนไปแล้ว ในเวลานี้ ความเชื่อมั่นของพวกเขาสั่นคลอน ภายในใจของพวกเขาก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่า ท่าไม้ตายของพวกเขาสามารถปราบหลี่ชิเย่ได้จริงรึ?
แม้จะกล่าวว่า ท่าไม้ตายของพวกเขามีโอกาสปราบฮ่องเต้ไท่ชิงได้อย่างแน่นอน ก่อนหน้านั้นพวกเขาก็เข้าใจว่าสามารถปราบหลี่ชิเย่ได้เช่นกัน แต่ทว่า เวลานี้พวกเขาไม่มีความมั่นใจแล้วอย่างสิ้นเชิง จะสามารถสยบหลี่ชิเย่ได้หรือไม่นั้น พวกเขาพลันไม่มีความมั่นใจเสียแล้ว
ในเวลานี้ พวกโต้วจ้านหวงทั้งสี่คนอดที่จะจ้องมองตาซึ่งกันและกัน
เฉกเช่นที่หลี่ชิเย่ได้พูดเอาไว้อย่างนั้น ในเวลานี้ที่พวกเขายังสามารถยืนอยู่ที่ตรงนี้โดยไม่หันหลังหนีไป พวกเขาต้องอาศัยความกล้าหาญเป็นอันมากทีเดียว
ถ้าหากละทิ้งเกียรติยศและศักดิ์ศรี ละทิ้งความเป็นตายร้ายดีของสำนัก ลำพังมุมมองส่วนตัวแล้วล่ะก็ ในเวลานี้พวกของโต้วจ้านหวงก็อยากจะหันหลังและหลบหนีไป หนีไปให้ไกลได้เท่าไรยิ่งดี ดีที่สุดชาตินี้อย่าได้พบเจอกับหลี่ชิเย่อีกเลย
แต่ว่า ในเวลานี้พวกเขาหนีไปไม่ได้ พวกเขาจะต้องยืนอยู่ที่ตรงนี้ ต่อให้ต้องตาย พวกเขาก็ต้องสู้ให้ถึงที่สุด
“เอาล่ะ เริ่มต้นได้แล้ว พวกเจ้ามีท่าไม้ตายอยู่มิใช่รึ? งัดออกมาใช้ก็แล้วกัน หากข้าลงมืออีกครั้งพวกเจ้ามีแต่ตายสถานเดียว นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเจ้าแล้ว” หลี่ชิเย่ที่ยืนเอามือไพล่หลัง เอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ท่าทางไม่ได้ใส่ใจอย่างสิ้นเชิง
พวกของโต้วจ้านหวงถึงกับอึดอัดหายใจไม่ออกเมื่อได้ฟังคำเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ พวกเขาผาดโผนมาชั่วชีวิต เคยถูกดูแคลนเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ที่แย่ยิ่งกว่านั้นก็คือ เมื่อถูกดูแคลนเช่นนี้แล้วพวกเขาก็ปราศจากเรี่ยวแรงไปตอบโต้ พวกเขาดูช่างไร้กำลังอะไรอย่างนั้น นี่แหละคือสิ่งที่ทำให้รู้สึกสิ้นหวังมากที่สุด
ในเวลานี้ พวกของโต้วจ้านหวงสี่คนอดจ้องตากันและกันไม่ได้ พวกเขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง สุดท้ายเข้าต่อสู้อย่างฉับพลัน กัดฟันและกล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “แลกชีวิตแล้ว”
การก้าวมาถึงนาทีนี้ พวกของโต้วจ้านหวงไม่มีทางเลือกอีกแล้ว ไม่ก็พวกเขาตาย ไม่ก็หลี่ชิเย่ตาย! เป็นทางเลือกเพียงทางเดียวเท่านั้น
พวกเขาได้หักหน้ากันเปิดเผยอย่างสิ้นเชิงกับหลี่ชิเย่เสียแล้ว ไม่มีช่องว่างจะกลับลำกันได้อีกแล้ว ต่อให้พวกเขาหันหลังหนีไปในเวลานี้ หลี่ชิเย่ก็ต้องตามล่าพวกเขาอยู่ดี และจะต้องทำลายล้างสำนักของพวกเขา
ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องตาย มิสู้พวกเขาถือโอกาสเสี่ยงให้มันรู้แล้วรู้รอดไป ไม่แน่นักอาจมีโอกาสพลิกกลับได้ จะอย่างไรเสียท่าไม้ตายของพวกเขาจะมากหรือน้อยก็ต้องนำพาความหวังเล็กน้อยให้กับพวกเขา
ในเวลานี้ พวกของโต้วจ้านหวงต่างค่อยๆ ล้วงเอาอาวุธออกมาชิ้นหนึ่ง ท่าทางของพวกเขาดูหนักแน่นจริงจังยิ่งนัก และระวังอย่างยิ่ง นี่คือความหวังสุดท้ายของพวกเขา และเป็นความหวังเพียงหนึ่งเดียว
แว้งค์…เสียงหนึ่งดังขึ้น จากการที่พวกเขาค่อยๆ ล้วงหยิบเอาอาวุธชิ้นหนึ่งขึ้นมานั้น ปรากฎประกายแต่ละสายที่วูบวาบ ขณะประกายแต่ละสายเบ่งบานขึ้นมาคล้ายดั่งเป็นการผ่าเอาฟ้าดินแห่งหนึ่งเปิดออกมาอย่างนั้น กลิ่นอายที่ขมุกขมัวลอยล่อง ปรากฏกลิ่นอายที่เก่าแก่โบราณเข้ามาปะทะใบหน้า เสมือนดั่งยุคดึกดำบรรพ์ได้ปรากฏต่อหน้าทุกคนอย่างนั้น
ในเวลานี้ มองเห็นโต้วจ้านหวงได้หยิบเอาทวนวงเดือนมาเล่มหนึ่ง ปิงฉือเจี๋ยจุนได้หยิบเอาระฆังโบราณมาใบหนึ่ง ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดวัดจิ้งเหลียนกวานได้หยิบตราประทับหินมาอันหนึ่ง ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดแคว้นว่านเจิ้นนำดาบศักดิ์สิทธิ์ออกมาเล่มหนึ่ง
ตูม…เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ภายใต้พลังขับเคลื่อนของพวกโต้วจ้านหวง ฉับพลันนั้น อานุภาพปฐมบรรพบุรุษสายหนึ่งพุ่งขึ้นอย่างรุนแรง ขณะที่อานุภาพปฐมบรรพบุรุษสายนี้พุ่งขึ้นฟ้านั้น ได้สั่นคลอนทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่โดยพลัน
ภายใต้กลิ่นอายที่น่ากลัวเช่นนี้ ทำให้สรรพสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนทั่วระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ถูกทำให้หวั่นไหวและสยบ ขณะมองเห็นประกายสายหนึ่งที่พุ่งขึ้นท้องฟ้าอย่างรุนแรง ผู้คนจำนวนมากบังเกิดอารมณ์จะก้มลงกราบ เป็นอารมณ์ที่ต้องการก้มกราบปฐมบรรพบุรุษ กระทั่งมีผู้ที่ได้คุกเข่าลงกับพื้นแล้วโดยไม่ทันรู้ตัว
อาวุธสี่ชิ้น ทุกชิ้นต่างพวยพุ่งกลิ่นอายที่น่าเกรงขามปราศจากผู้ต่อกรออกมา อาวุธทุกๆ ชิ้นล้วนแล้วแต่แผ่อานุภาพปฐมบรรพบุรุษที่เก่าแก่โบราณที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสองออกมา เหมือนว่าปฐมบรรพบุรุษที่นอนหลับสนิทอยู่ตรงนั้น วันใดตื่นขึ้นมาก็จะปราศจากผู้ต่อกรทั่วหล้า
“อาวุธปฐมบรรพบุรุษ เป็นอาวุธปฐมบรรพบุรุษระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่พวกเรา ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่พวกเรามีอาวุธปฐมบรรพบุรุษเหลืออยู่จริงๆ อีกทั้งยังมีถึงสี่ชิ้น” ระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิล้วนแล้วแต่ถูกทำให้หวั่นไหว และรู้สึกตื่นเต้นยิ่งนักเมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว
ทุกคนต่างก็รู้ว่าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่นั้นคือหนึ่งในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่เก่าแก่โบราณที่สุด จิ่วมี่ที่เป็นปฐมบรรพบุรุษนั้นคือศิษย์ของเป้าปู่ ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่เก่าแก่โบราณถึงระดับใดแล้ว
กล่าวได้ว่าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ได้ก้าวข้ามกาลเวลาที่สุดแสนจะยาวนาน เคยเจริญรุ่งเรืองและเสื่อมโทรมมาหลายต่อหลายครั้ง กระทั่งเกือบล่มสลายด้วยซ้ำ แต่ว่า ในที่สุดระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ก็ก้าวข้ามมาได้
ถึงจะกล่าวว่าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ได้ก้าวไปถึงยุคเจริญรุ่งเรืองสุดขีดในมือของฮ่องเต้ไท่ชิง กลายเป็นหนึ่งในสามผู้ยิ่งใหญ่ของแดนลัทธิราชัน
กล่าวสำหรับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่แล้ว สำหรับศิษย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่จำนวนมากแล้ว การที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่แข็งแกร่งมาได้ถึงระดับนี้ย่อมถือเป็นเกียรติอย่างหนึ่ง แต่ทว่า ภายในใจของผู้คนจำนวนไม่น้อยยังคงมีความเสียใจอยู่บ้าง นั่นก็คือระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ไม่มีอาวุธปฐมบรรพบุรุษ
ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่สืบทอดกันมานานเกินไปแล้ว เล่าลือกันว่า ครั้งนั้นอาวุธปฐมบรรพบุรุษที่ปฐมบรรพบุรุษเหลือเอาไว้นั้นล้วนแล้วแต่หายไปจนสิ้น ชนรุ่นหลังไม่มีใครได้พบเห็นอีกเลย
เนื่องเพราะเหตุนี้เอง แม้ว่าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในสิ่งสืบทอดที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนลัทธิราชัน แต่ยังคงทำให้ภายในใจของศิษย์จำนวนมากรู้สึกไม่สบายใจ และไม่มีความมั่นใจ
จะอย่างไรเสีย ท่ามกลางสามยักษ์ใหญ่แห่งแดนลัทธิราชันนั้น ไม่ว่าจะเป็นตระกูลหลี่ หรือตระกูลมู่ต่างก็มีอาวุธปฐมบรรพบุรุษอยู่ในครอบครอง มีเพียงระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ของพวกเขาที่ไม่มี
ถ้าหากวันไหนระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ของพวกเขาเกิดความขัดแย้งขึ้นมา ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ของพวกเขาจะนำสิ่งใดมาต้านกับอาวุธปฐมบรรพบุรุษของพวกเขาล่ะ? เกรงว่าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่จะไม่สามารถรับมือได้ ภายใต้การปราบด้วยอาวุธปฐมบรรพบุรุษของฝ่ายตรงข้าม
เวลานี้พวกของโต้วจ้านหวงได้นำเขาอาวุธปฐมบรรพบุรุษออกมา อีกทั้งปรากฏอาวุธปฐมบรรพบุรุษถึงสี่ชิ้นพร้อมๆ กันในที่นี้ มาคราวนี้พลันสร้างความสะเทือนหวั่นไหวต่อจิตใจของผู้คนจำนวนมาก ศิษย์และยอดฝีมือของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่จำนวนมากไม่นึกไม่ฝันเลยว่า ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ของพวกเขายังคงมีอาวุธปฐมบรรพบุรุษในครอบครอง อีกทั้งยังมีถึงสี่ชิ้นด้วยกัน
ผู้คนจำนวนไม่น้อยพลันสั่นเทิ้มในใจทีหนึ่งเมื่อได้เห็นอาวุธปฐมบรรพบุรุษทั้งสี่ชิ้นนี้ นี่แหละเหตุผลที่ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ของพวกเขาสามารถกลายเป็นหนึ่งในสามยักษ์ใหญ่ของแดนลัทธิราชัน
“อาวุธปฐมบรรพบุรุษนะเนี่ย พวกเราก็มีอาวุธปฐมบรรพบุรุษเหมือนกัน” บางคนรู้สึกตื่นเต้นยิ่งนักเมื่อเห็นพวกของโต้วจ้านหวงหยิบเอาอาวุธปฐมบรรพบุรุษออกมา ไม่ว่าจะต่อสู้กันอย่างไร แต่อาวุธปฐมบรรพบุรุษทั้งสี่นี้จะอย่างไรก็ถือเป็นของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ของพวกเขา
“ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ่วมี่ของพวกเจ้ายังมีอาวุธปฐมบรรพบุรุษนะเนี่ย ดูจะชะตาแข็งเหลือเกิน สามารถทนได้ดีเหลือเกินแล้ว” พวกของวัวคลั่งต่างตกใจเป็นอันมากเมื่อเห็นพวกของโต้วจ้านหวงล้วงหยิบเอาอาวุธปฐมบรรพบุรุษออกมา
ถ้าหากต่อสู้กันเดี่ยวๆ พวกเขากล้าที่จะสู้กับพวกของโต้วจ้านหวง แต่ว่า เมื่อพวกของโต้วจ้านหวงหยิบเอาอาวุธปฐมบรรพบุรุษออกมาทุกอย่างก็ไม่เหมือนกันแล้ว เมื่ออาวุธปฐมบรรพบุรุษอยู่ในมือ จะไม่ใช่อาวุธทั่วไปของเทพแท้จริงขั้นอมตะ หรือราชันแท้จริงสามารถเทียบเคียงได้อยู่แล้ว
“เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ?” ปิ้งจวินกล่าวเรียบเฉยว่า “ถ้าหากไม่มีสิ่งใดสามารถสยบฮ่องเต้ไท่ชิงได้ ด้วยนิสัยคนอย่างเขาจะปล่อยให้ห้าแกร่งมาดุลกำลังถ่วงดุลอำนาจรึ? จะปล่อยให้ปรมาจารย์ผู้มีอำนาจสูงสุดทั้งห้ามาส่งผลกระทบต่ออำนาจสูงสุดในมือของเขารึ? ถ้าหากไม่มีสิ่งใดสามารถสยบเขาได้ เจ้าคิดว่าคณะมนตรีศักดิ์สิทธิ์สามารถคงอยู่มาได้รึ?” ฮ่องเต้ไท่ชิงเป็นใหญ่แต่ผู้เดียวใต้หล้า เขาจะไม่อนุญาตให้ใครก็ตามมาคุกคามอำนาจในมือของเขาเด็ดขาด หากไม่เป็นเพราะถูกสยบเอาไว้เขาคงกวาดห้าแกร่งจนราบคาบไปนานแล้ว ครั้งนั้นคณะมนตรีศักดิ์สิทธิ์ที่แย่งอำนาจกับเขาแล้วสามารถรอดมาได้ก็เป็นเพราะมีอาวุธปฐมบรรพบุรุษอยู่ในมือ
แน่นอน ห้าแกร่งก็ไม่ต้องการเห็นคณะมนตรีศักดิ์สิทธิ์ต้องล้มลง มิฉะนั้นล่ะก็อาวุธปฐมบรรพบุรุษชิ้นนี้ก็จะตกไปอยู่ในมือของฮ่องเต้ไท่ชิง ดังนั้น ท้ายที่สุดแล้วผลก็คือโต้วจ้านหวงพร้อมด้วยหอศักดิ์สิทธิ์หลบไปอยู่อย่างสันโดษ
“นี่เป็นอาวุธปฐมบรรพบุรุษที่เป็นชุด ฮ่องเต้ไท่ชิงไม่สามารถทำอะไรมันได้ตลอดเวลาที่ผ่านมา ถ้าหากอาวุธปฐมบรรพบุรุษชุดนี้สำแดงขึ้นมาพร้อมกันเขาก็ปราศจากกำลังที่จะรับมือ แน่นอน สิ่งนี้ก็คือท่าไม้ตายของพวกเขา หากไม่ถึงคราวจำเป็นก็จะไม่นำออกใช้อย่างง่ายดาย อาวุธปฐมบรรพบุรุษชุดนี้อาศัยศักยภาพของพวกเขาก็สามารถลงมือได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้นเอง มากกว่านั้นก็ยากจะประคับประคองได้ไหว…”
ปิ้งจวินมองดูอาวุธปฐมบรรพบุรุษในมือของพวกโต้วจ้านหวงแล้ว กล่าวท่าทีเรียบเฉยว่า “มาวันนี้แม้ว่าไม่สามารถรวบรวมได้ครบ แต่ว่า อานุภาพยังคงยอดเยี่ยม หากพูดถึงเรื่องของอานุภาพแล้ว คาดว่ารวบรวมให้ได้ครบสามชิ้นก็สามารถปราบฮ่องเต้ไท่ชิงให้อยู่หมัดได้แล้ว”
“มีอาวุธปฐมบรรพบุรุษในมือก็คือสุดยอดแล้วล่ะ มิน่าเล่าตาเฒ่าไท่ชิงจึงไม่ได้ทำลายห้าแกร่งตลอดมา” มังกรทองแปดแขนก็อดพึมพำขึ้นมาไม่ได้
“อาวุธปฐมบรรพบุรุษหากรวบรวมจนครบจะมีอานุภาพเช่นใด?” อวี่เหยียนเซินอดที่จะอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา
“รวบรวมครบหรือไม่ครบก็เหมือนกัน” ปิ้งจวินมองดูอาวุธปฐมบรรพบุรุษ และกล่าวด้วยท่าทีเรียบเฉยว่า “สถานการณ์วันนี้ได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว ลำพังแค่อาวุธปฐมบรรพบุรุษไหนเลยจะพลิกสถานการณ์ได้? อาศัยพวกเขาต่อให้มีอาวุธปฐมบรรพบุรุษในมือก็ไม่สามารถต้านกับคุณชายได้ สถานการณ์ในวันนี้ แม้ว่าปฐมบรรพบุรุษมาเองก็เคว้ง”
พวกอวี่เหยียนเซินต่างทยอยกันพยักหน้าเมื่อได้ฟังคำพูดนี้แล้ว ในใจของพวกเขาเข้าใจดี ระดับปฐมบรรพบุรุษทั่วไปไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลี่ชิเย่อีกแล้ว ไม่สามารถต่อกรกับหลี่ชิเย่ได้ คิดจะต่อต้านหลี่ชิเย่อย่างน้อยต้องระดับปฐมบรรพบุรุษแดนลัทธิเซียนเป็นผู้ลงมือแล้ว
“นี่ก็คือท่าไม้ตายนะเนี่ย พลันที่อาวุธปฐมบรรพบุรุษสำแดงออกมายังคงมีความหวังอยู่” มีบางคนที่คาดหวังอดพึมพำขึ้นมา เมื่อมองเห็นพวกของโต้วจ้านหวงหยิบเอาอาวุธปฐมบรรพบุรุษออกมาสี่ชิ้น
จะอย่างไรเสียในทัศนะคติของผู้คนจำนวนมากนั้น อาวุธปฐมบรรพบุรุษคือสิ่งปราศจากผู้ต่อกร เวลานี้พวกของโต้วจ้านหวงได้หยิบเอาอาวุธปฐมบรรพบุรุษออกมาพร้อมกันทีเดียวสี่ชิ้น ความแข็งแกร่งด้านอานุภาพนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถจินตนาการได้อยู่แล้ว ดังนั้น จึงมีผู้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกว่าเมื่อพวกโต้วจ้านหวงลงมือด้วยอาวุธปฐมบรรพบุรุษ ยังคงมีความเป็นไปได้ที่จะพลิกสถานการณ์ได้
“พลันที่อาวุธปฐมบรรพบุรุษสำแดงออกมา ปราศจากผู้ต่อกรนะเนี่ย ฮ่องเต้องค์ใหม่ต้านได้หรือไม่นะ?” ศิษย์กลุ่มคนรุ่นใหม่อดแปลกใจไม่ได้
……………………………………………..