ตอนที่ 125 การต่อสู้แย่งชิงสมบัติ : ต่อสู้ดุเดือดระหว่างยักษ์
ฉู่เฉาหยุ่นรู้ว่าเขากําลังคิดอะไรอยู่,เขาพูดขึ้น “ข้าก็มาถึงไม่ได้ช้าไม่ได้เร็วไปกว่าเจ้า หากข้าไปเปิดฝาโลงเจ้าก็ต้องได้ยิน”
ทันใดนั้น,ต้วนมู่ฉิงเดินตรงเข้าไปที่ฝาโลง,ที่วางราบอยู่บนพื้น ฝาโลงศพสีทองปกคลุมไปด้วยตัวอักษะจากยุคโบราณ
** ตวนมู่ฉิง เปลี่ยนเป็น ต้วนมู่ฉิง
นางหยิบเอากระดาษและพู่กันออกมาอย่างรวดเร็ว,จดบันทึกรายละเอียดของมันทุกอย่าง นี่มันคือทักษะต่อสู้ของมหาปราชญ์ แม้ว่านางไม่อาจทราบว่ามันเป็นเช่นไร,แต่มันน่าจะมีอะไรพิเศษ
“ปัง!”
ภายใต้สายตาอันตกตะลึงของทุกคน,เซียวเฉินและกลุ่มของเขากระโดดขึ้นมาบนแท่นหินจากบันไดขั้นสุดท้าย เมื่อพวกเขามาถึงแท่นหิน,ม่านพลังที่ค่อยปกป้องพวกเขาอยู่แตกออก,มลายหายไป
เจ้าหมูเป็นคนแรกที่รู้สึกได้ว่ามีอะไรบ้างอย่างผิดปกติ “ให้ตายเถอะ,พวกเราไม่อาจหมุนเวียนพลังหรือใช้จิตวิญญาณยุทธได้ที่นี่”
เซียวเฉินลองดู,และพบว่าเป็นอย่างที่เจ้าหมูพูด จิตวิญญาณยุทธบริเวณจุดตันเทียนถูกจํากัด ไม่ว่าเขาจะทําเช่นไร,ก็ไม่มีการตอบสนอง และยังไม่อาจหมุนเวียนพลังปราณได้
จีชางคงมองไปที่เซียวเฉินด้วยสายตาเย็นชา เขากระโดดขึ้นไปในอากาศและปล่อยหมัดลงไปที่เซียวเฉินโดยไม่มีบอกกล่าว
เซียวเฉินตกตะลึงในตอนแรก,แต่หลังจากนั้นมุมปากของเขาก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นชา เห็นได้ชัดว่าผู้คนที่อยู่ที่นี้ต่างใช้พลังปราณไม่ได้ ด้วยความแข็งแกร่งทางกายของเซียวเฉิน,เขาไร้เทียมทานที่แท่นหินแห่งนี้
“บูม!”
เซียวเฉินปล่อยหมัดออกไปต้อนรับเขา เมื่อกําปั้นของทั้งสองปะทะกัน เกิดเป็นเสียงแตกหัก นิ้วทั้งห้าของมือของจีชางคงแตกหัก
จีชางคงถอยกลับไปห้าก้าว เขามองไปที่บาดแผลบนมือของเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ นิ้วที่เชื่อมต่อไปที่หัวใจ เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดมหาศาล,และใบหน้าชักกระตุก
** นิ้วเชื่อมต่อไปที่หัวใจ,เหมือนเป็นแบบการแพทย์ของจีนโบราณ แต่ละนิ้วจะเชื่อมต่อกับอวัยวะภายในแต่ละส่วนและส่งผลต่อกัน
ขุนนางกุยยี่จับหอกยาวของเขาไว้มั่นเมื่อเขาเห็นเซียวเฉินกระโดดขึ้นมา เขากวาดคนของตระกูลฮวาไปด้านข้างด้วยหอกของเขาและพุ่งไปที่เซียวเฉิน เพียงชั่วพริบตาเดียวเขาก็ขึ้นมาถึงตรงหน้าของเซียวเฉิน
“ฮ่ะ! ฮ่ะ! ฮ่ะ!”
หอกเป็นชุดแทงออกมาตรงหน้าของเซียวเฉิน,ราวกับดอกไม้ ขุนนางกุยยี่ชํานาญการใช้หอกเป็นอย่างมาก แม้จะไม่มีการเสริมพลังปราณ,หอกของเขาก็ยังแทงออกมาได้ หนักแน่นเหมือนเช่นเดิม
เซียวเฉินถอยสองก้าวและขุนนางกุยยี่ก็รุกตาม หอกยาวไล่ตามติดเซียวเฉินราวกับตังเม ไม่ว่าเขาจะหลบหลีกเช่นไร,เขาก็ไม่อาจหลบการโจมตีได้พันอย่างหมดจด
“ปุ!” เท้าของเซียวเฉินเหยียบลงไปบนอากาศว่างเปล่า,เขาได้ล่าถอยจนไปถึงขอบของแท่นหิน หากเขาเหยียบลงไปอีกหนึ่งก้าวเขาจะตกถูกผลักตกลงจากแท่นหินไป
พิจารณาถึงลักษณะพิเศษของแท่นหินแห่งนี้ หากเซียวเฉินตกลงไปเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน ขุนนางกุยยี่ก็หวังให้เป็นเช่นนั้น เขาผลักมือขวาออกไปข้างหน้าส่งหอกยาวไปที่หน้าอกของเซียวเฉินอย่างรุนแรง
“ฟุ่ว!”
ทันใดนั้นกระบี่เงาจันทร์ก็ปรากฏขึ้นในมือของเซียวเฉิน เซียวเฉินเบี่ยงหอกออกไปอย่างเรียบง่าย เป็นเพราะขุนนางกุยยี่ใส่แรงทั้งหมดลงไปในการโจมตีครั้งนี้ เขาก้าวขึ้นหน้าไปหนึ่งก้าว คมกระบี่รูดไปตามด้ามของหอกยาว
ไม่ช้า,คมกระบี่ก็ได้มาถึงมือขวาของขุนนางกุยยี่ เขารีบปล่อยมันออกไปทันที,และหอกยาวสีทองได้ตกลงไปที่พื้น
เบี่ยงร่างกระแทก!
เซียวเฉินเบี่ยงร่างกายของเขาและพุ่งชนตรงไปข้างหน้า ความแข็งแกร่งทางกายทั้งหมดของเขารวมไปที่ไหล่ขวา ร่างกายของเขา,ที่เสริมบํารุงมาด้วยอัสนีสวรรค์และบุปผาเจ็ดกลีบ,ทันใดนั้นก็ระเบิดพลังน่ากลัวออกมา
ขุนนางกุยยี่ถูกซัดลอยไปเสียงดังปัง เขากระอักเลือดออกมาเต็มปากขณะที่ลอยไปกลางอากาศ เมื่อเขาตกมาถึงพื้น,เขายังกลิ้งกระดอนต่อไป,และเขาเกือบจะตกลงไปจากแท่นหิน
“โจมตีพร้อมกัน,พลังกายของเจ้าหมอนี่มันจะน่ากลัวเกินไปแล้ว!” ฮวาหยุ่นเฟยตะโกนขึ้นมาเสียงดังเมื่อเขาเห็นขุนนางกุยยี่ถูกซัดคว่ำลงภายในพริบตาเดียว เขารู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
เหล่าผู้บ่มเพาะพลังต่างพึ่งพาพลังปราณจนมากเกินไป ถึงแม้ร่างกายของพวกเขาจะถูกฝึกฝนและแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดาทั่วไป แต่มันก็ยังไม่อาจไปเทียบเคียงกับเซียวเฉินได้
“ปัง!”
เซียวเฉินเก็บกระบี่กลับไปและใช้เพียงกําปั้นของเขา,พร้อมกับพุ่งเข้าใส่นักบ่มเพาะพลังตระกูลที่ด้านหน้าของเขา คนที่ถูกซัดลงไปกองกับพื้น,พวกเขาไม่อาจลุกขึ้นมา ได้อีก,และบางคนถึงขั้นกระดูกแตกหักไปหลายส่วน
เซียวเฉินตะโกนขึ้นเสียงดัง,เขาราวกับเป็นหมาป่าท่ามกลางฝูงแกะ เขาใช้เพียงทักษะกําปั้นธรรมดาสามัญที่เขาได้เรียนมาในอดีต,การเคลื่อนไหวช่างสามัญและเรียบ
ง่าย,แต่มันทั้งแม่นยําและหนักแน่น เมื่อรวมเข้ากับพลังกายอันแข็งแกร่งจนน่ากลัวของเขาไม่มีใครสามารถต่อกรกับเขาได้
เซียวเฉินมองไปที่ฮวาหยุ่นเฟย ท่ามกลางฝูงชน,ฮวาหยุ่นเฟยตกตะลึง,และเร่งรีบถอยกลับ เซียวเฉินยิ้มอย่างเย็นชา “มาดูว่าเจ้าจะหนีไปไหนได้!”
เซียวเฉินกดเท้าลงบนพื้นและกระโดดขึ้นไปในอากาศ เขากวาดเท้าของเขาและเตะไปที่หัวของฮวาหยุ่นเฟย
“ปุ!” ฮวาหยุ่นเฟยพ่นเลือดคายฟันออกมาจากปากของเขา เมื่อเขาลงมาถึงพื้น,เขาหลับหมดสติไปในทันที
เซียวเฉินจอดลงบนพื้นเบาๆ ก่อนที่เขาจะลงถึงพื้น,เขาได้ส่งลูกเตะออกไปด้วยความรวดเร็วอีกสองสามครั้ง เกิดเป็นเสียงร้องน่าเวทนา และคนเหล่านั้นต่างถูกซัดลงไปกองกับพื้น
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง,นอกจากกลุ่มสามคนของเซียวเฉินและฉู่เฉาหยุ่น ทุกคนล้วนนอนลงไปกับพื้น,ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับมองไปที่เซียวเฉินอย่างหวาดกลัว
เจ้าหมูอุทานขึ้นอย่างประหลาดใจ “ช่างเป็นพลังกายที่แข็งแกร่ง! เจ้าหมอนี่ฝึกขึ้นไปถึงขั้นนี้ได้เช่นไร?”
ซู่เสี่ยวเสี่ยวไม่ได้ประหลาดใจอะไรนัก,นางพูดขึ้นอย่างเฉยเมย “หากเจ้าใช้เวลา 15 ปีเพื่อเสริมสร้างพลังกายเจ้าก็คงขึ้นไปถึงระดับนั้นได้เช่นกัน”
เซียวเฉินเหลือบไปมองฉู่เฉาหยุ่นพร้อมกับเดินตรงไปหา,ทีละก้าว เขาราวกับเป็นมีดที่กดลงมาบนใบหน้า,เจตนาฆ่าฟันแผ่ออกมาจากร่างของเขา,แสดงออกถึงพลังของเขา
เมื่อฉู่เฉาหยุ่นเห็นเซียวเฉินเดินเข้ามา เขาไม่ได้ตื่นตระหนก เขาหยิบเอาแก่นกลางวิญญาณสีทองขนาดเท่าลูกบาสเกตบอลออกมาและโยนมันให้กับเซียวเฉิน เขายิ้มขึ้นบางเบา “ดูเหมือนข้าจะได้ตัดสินใจผิดพลาดไป,ข้าไม่ควรปล่อยให้เจ้าเข้ามาถึงที่นี่”
เซียวเฉินรับเอาแก่นกลางวิญญาณของราชันย์สิงโตทองคําและวางมันลงไปในแหวนห้วงจักรวาล เซียวเฉินมองลึกไปที่ฉู่เฉาหยุ่น, แต่ท้ายที่สุดเขาก็ไม่ได้ลงมืออะไร
แม้เซียวเฉินจะได้เปรียบ เขาก็ไม่อาจมองคนผู้นี้ได้ทะลุปรุโปร่ง เซียวเฉินยังสัมผัสได้ถึงอันตรายจากฉู่เฉาหยุ่นเหมือนเช่นเคย
เซียวเฉินหันไปรอบๆและมองไปที่เหล่าสานุศิษย์นระกูลชั้นสูงที่กําลังนอนกลิ้งไปกับพื้น เขาเดินไปที่ฮวาหยุ่นเฟยและปลดเอาแหวนห้วงมิติของเขาออกมา จากนั้นเขาก็หยิบดาบสีชาตของฮวาหยุ่นเฟยใส่ลงไปในแหวนห้วงจักรวาล
** แหวนห้วงอวกาศ เปลี่ยนเป็น แหวนห้วงมิติ
แหวนห้วงมิติของทวีปเทียนวู่แตกต่างจากสมบัติเวทย์มนต์ที่เซียวเฉินสร้างขึ้น ตราบใดที่แหวนห้วงมิติถูกปลดออกมาไม่ว่าใครก็สามารถเข้าถึงของที่อยู่ข้างในได้
จากนั้นเซียวเฉินก็เดินช้าๆตรงไปที่จีชางคง จีชางคงหน้าเทา,พร้อมพูดขึ้นอย่างลุกลน “เซียวเฉิน,หากเจ้ากล้าแตะต้องข้า,ข้าจะทําให้เจ้าแน่ใจว่าชีวิตของเจ้าจะเลวร้ายยิ่งกว่าความตายหลังจากที่เจ้าออกไปจากที่นี่”
เซียวเฉินกระทืบลงไปที่ใบหน้าของจีชางคงอย่างไร้ความปราณี “เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยเจ้าไป? หลังจากนี้สามปี,ข้าจะทําให้เจ้ายอมรับความพ่ายแพ้อย่าหมดรูป”
หลังจากที่เซียวเฉินปลดเอาแหวนห้วงมิติของจีชางคง,เขาก็เตะจีชางคงอย่างรุนแรงอีกครั้ง ระดับขอบเขตนักบุญที่อยู่ด้านหลังของเขาไม่อาจทนดูได้อีกต่อไป,คํารามออกมาเสียงดัง,พุ่งเข้าใส่เซียวเฉิน
“ปัง!”
เซียวเฉินเตะเขาลอยตกไปจากแท่นหิน ทันทีที่ระดับขอบเขตนักบุญคนนั้นหลุดออกไปจากแท่นหิน,ร่างของเขาระเบิดกลายเป็นชิ้นเนื้อนับไม่ถ้วนในทันที ทุกคนที่อยู่บนแท่นหินมองไปอย่างหวาดกลัว
เซียวเฉินเก็บเอาหอกยาวของขุนนางกุยยี่เก็บลงไปในแหวนห้วงจักรวาลก่อนที่จะรูดทรัพย์ของในแหวนห้วงมิติของขุนนางกุยยี่ จากนั้นเซียวเฉินก็หันไปมองที่ต้วนมู่ฉิง
ต้วนมู่ฉิงสีหน้ากลายเป็นเย็นชา มองไม่เห็นอารมณ์ในดวงตาของนาง “คริ่ง!” นางโยนแหวนห้วงมิติของนางลงไปที่แท่นหินและพูดขึ้นอย่างเย็นชา “ของบางสิ่งที่ไม่ได้เป็นของเจ้า ต่อให้เจ้าได้มันไป,เจ้าก็ต้องเสียมันไปอยู่ดี”
เซียวเฉินยิ้มอย่างเย็นชา “เจ้ากําลังบรรยายถึงตัวเอง? หลังจากเห็นจิ้งจอกวิญญาณของข้าเจ้าก็เข้ามาวอแว,อยากได้อยากดี เมื่อข้าปฏิเสธ,เจ้าก็ส่งคนมาเพื่อสังหารข้า มีคนไร้ยางอายเช่นนี้อยู่บนโลกได้เยี่ยงไร?”
ต้วนมู่ฉิงสีหน้าปั่นปวน,พร้อมกับเหมือนนางอยากจะกล่าวอะไรออกมา ถึงอย่างนั้น ท้ายที่สุด,นางก็ไม่ได้กล่าวอะไร
เซียวเฉินไม่อาจไปใส่ใจนางอีก เขาหันไปรอบๆและเห็นเจ้าหมูกําลังพยายามเอาฝาโลงศพใส่ลงไปในแหวนห้วงมิติ เส้นสีดําปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา เจ้าหมูช่างไร้สาระ,เขาอยากได้แม้กระทั่งฝาโลงศพ
เมื่อเจ้าหมูมองเห็นเซียวเฉินกําลังมองมาที่ตัวเองอย่างเหยียดหยันเขาหัวเราะหึ “อย่าได้มองข้าเช่นนั้น ฝาโลงศพนี้หลอมมาจากทองเพลิงโลหิตทมิฬ เพียงแค่ชิ้นเล็กๆมันก็มีค่าถึงหลายล้านเหรียญทอง
“นอกจากนั้น,มหาปราชญ์ได้สลักคัมภีร์ต่อสู้โบราณลงไป มันบรรจุไปด้วยเต๋าสวรรค์และสามารถใช้เป็นอาวุธได้ มันสามารถเทียบได้กับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ แน่นอน,ข้าจะให้สําเนาคัมภีร์โบราณกับเจ้า”
เซียวเฉินรู้สึกละอายในใจ,คงมีเพียงเจ้าหมูที่กล้าใช้ฝาโลงศพเป็นอาวุธ เขาเรียกเจ้าหมูเข้ามา,และพวกเขาก็เข้าไปที่ตรงกลาง,ตรงจุดที่โลงศพมหาปราชญ์ตั้งอยู่
เจ้าหมูมองไปที่จักรพรรดิในชุดม่วงที่กําลังนอนอย่างสงบภายในโลง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความงุนงงพร้อมกับพูดขึ้น “โลงศพของมหาปราชญ์เห็นชัดว่ามีอักษรโบราณสลักเอาไว้ ทําไมถึงมีจักรพรรดิเทียนวู่มานอนอยู่? แล้วร่างของมหาปราชญ์ที่นอนอยู่หายไปไหน?”
เซียวเฉินงุนงงเช่นกัน พวกเขาวิ่งผ่านร่างศพมหาปราชญ์มามากมาย,พวกเขาทั้งหมดไร้หัว เห็นได้ชัดว่าเป็นฝีมือขอ งคนคนเดียวกัน หรือว่านี่จะเป็นฝีมือของคนคนนั้นเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม,ช่องว่างระหว่างเวลามันมากเกินไป ราชวงศ์เทียนวู่ถูกทําลายไปมากกว่าห้าพันปี แต่คนที่อยู่ตามบันไดหินนั้นเป็นผู้คนจากเมื่อหนึ่งพันปีก่อน นอกจากนั้นพวกเขายังมาจากช่วงเวลาเดียวกัน
“บึ้ม!”
ขณะที่เซียวเฉินกับเจ้าหมูกําลังขบคิด,ขอบเขตเล็กแห่งนี้ทันใดนั้นก็สั่นไหว ทันใดนั้น,ภูเขาที่อยู่เหนือพระราชวังใต้ดินก็แตกร้าว
ยอดภูเขาสูงพันเมตรร่วงลง ก้อนหินนับไม่ถ้วนยิงออกไปที่ป่าอํามหิต,สายฝนก้อนหินสาดลงมา
ก่อนหินขนาดใหญ่ลอยลงมาไม่รู้จบ สัตว์อสูรวิญญาณประเภทบินบางตัวไม่อาจหลบได้ทันและถูกชนเข้า,พวกมันร่วงหล่นลงมาพร้อมกับกรีดร้องอย่างน่าเวทนา
เซียวเฉินและคนที่เหลือรู้สึกได้เพียงมึนงง ฉากเบื้องหน้าของพวกเขาหายไป และแสงอาทิตย์จ้าฟ้าเมฆสีขาวปรากฏขึ้นเหนือหัวของพวกเขา แสงแดดสาดฉายลงมาที่แท่นหิน
เซียวเฉินรู้สึกตกตะลึง เขามองไปรอบๆและพูดขึ้น “ทําไมแท่นหินโผล่ขึ้นมาเหนือพื้นดินแล้วตอนนี้? ฉิบหาย!พลังปราณใช้ได้แล้ว”เขา
ทันใดนนสีหน้าของเขาเปลี่ยน คนของตระกูลชั้นสูงที่ยืนอยู่บนแท่นหินล้วนแต่อยู่ที่ระดับขอบเขตนักบุญขึ้นไปทั้งนั้น ตอนนี้พวกเขาฟื้นคืนพลังปราณ,พวกเขาคนใดก็ตามสามารถล้มเซียวเฉินได้อย่างง่ายดาย
เซียวเฉินใช้คาถาแรงโน้มถ่วงและลอยขึ้นไปในอากาศ,รีบพุ่งหนีไปให้ไกล “ชี!” มีเสียงฟีนิกซ์โห่ร้อง,ต้วนมู่ฉิงกลายร่างเป็นฟีนิกซ์น้ำแข็ง นางสยายปีกบินไล่ตามเซียวเฉิน
จีชางคงสาปด่าและกลายร่างเป็นตายหาง ทิ้งสายเปลวเพลิงไว้ข้างหลังและออกไล่ตามเซียวเฉินไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเหล่าตระกูลชั้นสูงเห็นว่าพวกเขาสามารถใช้พลังปราณได้แล้ว พวกเขาทั้งหมดกระโดดลงจากแท่นหินและไล่ตามทิศทางของเซียวเฉินไป ขอบเขตเล็กๆรอบแท่นหินพังลง และเมื่อพวกเขากระโดดลงไป,พวกเขาไม่ได้ตัวระเบิดตายเหมือนกับคนก่อนหน้านี้
ซู่เสี่ยวเสี่ยวและจินต้าเป่าเป็นกังวลเกี่ยวกับเซียวเฉิน
และไล่ตามเขาไปเช่นกัน ภายในพริบตา,มีเพียงฉู่เฉาหยุ่นถูกทิ้งยืนนิ่งอยู่บนแท่นหิน
ฉู่เฉาหยุ่นมีสีหน้านิ่งสงบ เมื่อทุกคนได้จากไป,เขามองไปที่ฮวาหยุ่นเฟยที่หมดสติและเตะเขาร่วงลงไปจากแท่นหินสูงนับพันเมตร