Immortal and Martial Dual Cultivation – บทที่ 119 ประจัญหน้าสี่ตระกูลใหญ่

บทที่ 119 ประจัญหน้าสี่ตระกูลใหญ่

ตอนที่ 119 ประจัญหน้าสี่ตระกูลใหญ่

ดวงตาของขุนนางกุยยี่เบิกกว้าง เขามองอย่างเย็นชาไปที่ฮวาหยุ่นเฟย,ผู้ที่กลายร่างเป็นธารโลหิต เขาฟาดกวาดหอกยาวไปที่ธารโลหิต มันมีพลังมากกว่าหนึ่งพันกิโลกรัมเป็นอย่างน้อยฟาดข้ามไปราวกับหางมังกร,มันไม่อาจป้องกันได้

ธารโลหิตหยุดชะงักในทันที ฮวาหยุ่นเฟยปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับตั้งรับหอกด้วยมือทั้งสองของเขา ถึงอย่างนั้น, พลังที่บรรจุลงมาในหอกมีมากมายมหาศาลเกินไป ฮวาหยุ่นเฟยถูกดีดกลับหลังในทันที เขาลื่นไถลไปบนพื้นหลายก้าวก่อนที่จะตั้งตัวได้มั่นคงอีกครั้ง

ขุนนางกุยยี่กล่าวอย่างเย็นช้า “ข้า,ขุนนางกุยยี่,ต้องการหัวของเขา มันยังไม่ถึงตาเจ้าลงมือ”

ฮวาหยุ่นเฟยราวกับถูกลากไปตบต่อหน้าประชาชน เขาหน้าชาและมีร่างสีแดงปรากฏขึ้นด้านหลังของเขา ฮวาหยุ่น เฟยตอบกลับด้วยเสียงเย็นชา “ขุนนางกุยยี่, ท่านหมายความเช่นไร? ท่านอยากจะมีเรื่อง?”

ขุนนางกุยยี่ยิ้มเย็นชาและไม่ไปสนใจเขาอีก เขาเบนสายตากลับมาที่เซียวเฉิน นักรบทองคําข้างหลังของเขาชักอาวุธออกมาพร้อมเพรียงกัน

ขณะที่มีเสียงดาบถูกชักออกมารังสีฆ่าฟันที่น่าหวาดกลัวแพร่ขยายออกมาทันที นักรบทองคําที่มีประสบการณ์ฆ่าฟันนับไม่ถ้วนผสานเจตนาฆ่าพุ่งตรงไปที่ตระกูลฮวา

ฮวาหยุ่นเฟยและคนของเขาทั้งหมดรู้สึกหนาวเหน็บ

ฮวาหยุ่นเฟยถึงจะโกรธจัดแต่เขารู้ดีว่ากองกําลังที่เขาพามาไม่เพียงพอ ต่อหน้ารังสีฆ่าฟันของนักรบทองคําระดับขอบเขตปรมจารย์ 200 คน,เขาเสียเปรียบอย่างใหญ่หลวง

เขาทําได้เพียงหายใจฟืดฟาดและหุบปากเงียบ เขาหันสายตาเย็นชาไปที่เซียวเฉิน,เอาความคับข้องใจทั้งหมดไปลงที่เขา ความเกลียดชังของเขาฝังลึกในใจ

เซียวเฉินลุกขึ้นและถอยกลับสองก้าว เขาตกตะลึงที่ขุนนางกุยยี่กระทําเช่นนี้ เขาไม่คาดคิดว่าขุนนางกุยยี่ จะหยิ่งผยองถึงเพียงนี้ เป็นไปตามข่าวลือที่ได้ยินมาเกี่ยวกับเขา

ทันใดนั้นจีชางคงก็หัวเราะออกมาเย็นชา “ช่างพูดจาใหญ่ โต,ข้าอยากจะเห็นว่าเจ้าจะหยุดข้าได้เช่นไร”

จีชางคงเคยท้าทายรุ่นเยาว์ทั้งหมดจากเมืองหลวง ตามข่าวลือ,เขาได้ประมือกับขุนนางกุยยอย่างไม่เป็นทางการและผลออกมาเป็นเสมอกัน

เป็นเพราะขุนนางกุยยี่มีระดับพลังสูงกว่าจีชางคงในตอนนั้น,จีชางคงไม่สนใจคําขู่ ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ ดูเหมือนการประลองในครั้งนั้นจะเกิดขึ้นจริง

ดาบสีดําปรากฏขึ้นในมือของจีชางคง ท้องฟ้าดวงดาว สุกสกาวปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา มันช่างกว้างใหญ่และ ทรงพลัง,ไม่อาจหยั่งถึงความลึกของมันได้ ร่างของเขากลาย เป็นลําแสงและลอยตรงไปที่เซียวเฉิน ดาบในมือของเขาร่ายรําและแสงดาวแพรวพราว

ดาบเรียวบางในมือของตวนมู่ฉิงสั่นไหวและเกล็ดหิมะเป็นประกายปรากฏขึ้น,พุ่งใส่เซียวเฉินพร้อมกับสายลมหนาวเหน็บ

ฮวาหยุ่นเฟยสูดหายใจเย็นชาและไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไป เขากลายร่างเป็นธารโลหิตอีกครั้งและพุ่งเข้าใส่เซียวเฉินพวกเขาทั้งสามใช้กระบวณท่าสังหารของแต่ละคนออกมาและพุ่งเข้าใส่เซียวเฉินจากสารพัดทิศ

ขุนนางกุยยีใจสั่น เขาไม่มั่นใจว่าจะรับการโจมตีของพวกเขาทั้งสามได้พร้อมกัน ถึงแม้ว่าเขาจะรับไว้ได้ หมด,เขาก็ไม่รู้ว่าจะรับไว้ทําไม เขาไม่อยากให้เซียวเฉินหลุดมือไปแต่ด้วยลักษณะนิสัยของเขา เขาก็ไม่อยากยืมมือคนอื่นเข้ามาช่วยเช่นกัน

ขุนนางกุยยี่หยิบหอกสีแดงที่หลังของเขามาถือด้วยมือ ซ้าย เขาพูดขึ้นอย่างไม่แยแส “คนที่ข้า, ขุนนางกุยยี่ต้องการชีวิต ผู้ใดอย่าหวังจะมาฉกไปต่อหน้าต่อตาข้า”

เขาตะโกนขึ้นเบาๆและกระทืบลงไปที่พื้นอย่างรุนแรง รอยแตกมากมายปรากฏขึ้นบนพื้นพร้อมกับเสียงร้าวลั่น เขากระโดดขึ้นหน้าสามคนนั้นไปในทันที

เซียวเฉินตอนนี้ถูกต้อนจนมุม เขาไม่มั่นใจว่าจะรับกระบวณท่าสังหารพวกนี้ได้ ตอนนี้ทั้งสี่จู่โจมเข้ามาพร้อมกัน,สถานการณ์ของเขาย่ําแย่

เซียวเฉินไต่ขึ้นไปบนกําแพงภาพมหาปราชญ์รู้แจ้ง เมื่อเขาเห็นทั้งสามคนพุ่งตรงมาใส่เขา เขาก็ยิ้มเย็นชาในใจ เขาไม่เผยความหวาดกลัวแม้แต่น้อย

“คาถาสละชีพ!”

เขาตะโกนขึ้นเบาๆและรีบหยิบรูปสลักออกมาจากแหวน ห้วงจักรวาล ราชันย์สิงโตทองคําตัวขนาดเท่าภูเขา ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าเซียวเฉิน

“ปัง!”

ขุนนางกุยยี่ผู้ที่มาถึงเป็นคนแรก ซัดโดนไปที่ร่างของราชันย์สิงโตทองคํา เขาถูกดีดกลับหลังไปในทันที เซียวเฉินกระโดดขึ้นไปยืนบนหลังของราชันย์สิงโตทองคํา เขาออกคําสั่งให้ราชันย์สิงโตทองคํากระทืบพื้นอย่างรุนแรง

คลื่นกระแทกหนาแน่นแพร่ขยายไปบริเวณโดยรอบ,ตบเอาฝุ่นควันลอยขึ้นมา แรงมหาศาลของคลื่นพลังผลักร่างของตวนมู่ฉิง,ฮวาหยุ่นเฟยและจีชางคงลอยออกไปในทันที

เมื่อขุนนางกุยยี่เห็นร่างราชันย์สิงโตทองคํา,สมองของเขาราวกับลัดวงจร เขาไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น ราชันย์สิ่งโตทองคํามาอยู่ภายใต้การบัญชาของเซียวเฉินได้เยี่ยงไร?

“บูม!”

เท้าของราชันย์สิงโตทองคําราวกับเสาหินขนาดยักษ์ อุ้งเท้าตบลงไปที่ขุนนางกุยยี่ ขุนนางกุยยี่ตีลังกากลับหลังหลบเลี่ยงออกไปในทันที

“ปัง!” เศษหินดินนับไม่ถ้วนถูกตบลอยขึ้นไป หลุมขนาใหญ่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของเขา อุ้งเท้าของราชันย์สิงโตทองคําราวกับทัณฑ์สวรรค์ทิ้งลงมาจากท่องฟ้า มันไล่ตบขุนนางกุยยี่ด้วยความรวดเร็ว

ขุนนางกุยยี่ตกตะลึง ทําไมราชันย์สิงโตทองคําตัวนี้ ถึงรวดเร็วได้ถึงเพียงนี้? ในตอนที่ข้าปะทะกับมัน,เห็นได้ชัดว่ามันผ่านช่วงยุคทองของมันมาแล้ว การเคลื่อนไหวขอ งมันเชื่องช้า เกิดบ้าอะไรขึ้น?

ขุนนางกุยยี่ยังหลบเลี่ยงต่อไปด้วยสภาพน่าสลด มันดําเนินเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆจนในที่สุดเขาก้าวเข้าไปจนมุมในรอยแยก เซียวเฉินปราศาจากสีหน้าอารมณ์พร้อมกับควบคุมราชันย์สิงโตทองคําเข้าทุบซ้ําไปที่พื้น

“ปังปังปังปัง!”

หลุมลึกปรากฏขึ้นที่พื้น ไม่อาจรู้ได้ว่าขุนนางกุยยี่ยังหาย ใจหรือตกตายไปที่ก้นหลุม นักรบทองคํา 200 คนของเขา เข้าปิดล้อมเซียวเฉินเพื่อจู่โจมในทันที

เซียวเฉินควบคุมราชันย์สิงโตทองคําพุ่งขึ้นหน้าไปในทันที,บุกชนทุกอย่างที่ขวางหน้า ไม่มีใครอาจสกัดกั้นไว้ได้ ความแข็งแกร่งและความรวดเร็วของราชันย์สิงโตทองคําไม่อาจเทียบเคียงกับตัวที่เซียวเฉินสร้างขึ้นมาจากคาถาสละชีวิต

ราชันย์สิงโตทองคําพุ่งชนอย่างเกรี้ยวกราด,ฆ่าทุกชีวิตที่ขวางทางของมัน ร่างขนาดเท่าภูเขาของมันเหยียบย่ําไปบนพื้น ผืนดินเริ่มสั่นไหวช้าๆ

เกิดเสียงร้องน่าเวทนา,นักรบทองคําต่างถูกไล่เหยียบเละ เป็นข้าวต้ม เมื่อหกระดับขอบเขตนักบุญของตระกูลตวนมู่เห็นสถานการณ์,พวกเขาร่วมมือกันยิงเส้นสายลมหนาว เย็นตรงไปที่เซียวเฉิน

เมื่อวายลมพัดผ่านแม้แต่อากาศยังถูกแช่แข็ง ลูกน้ําแข็งเล็กๆหล่นลงมาจากอากาศราวกับห่าฝน

“ฟุ่ว! ฟิ่ว”

ราชันย์สิงโตทองคําพ่นเปลวเพลิงสีทองออกมาจากปากของมัน สายลมหนาวเย็นละเหยกลายเป็นไอหายไปในทันที แต่เปลวเพลิงนั้นยังคงพุ่งตรงต่อไปที่หกระดับขอบเขตนักบุญ

ราวกับสายลมฤดูใบไม้ร่วงพัดผ่าน,หกระดับขอบเขตนักบุญถูกเป่ากระเด็น พวกเขากระอักเลือดออกมาเต็มปากพร้อมกับมองไปที่เซียวเฉินอย่างหวาดกลัว

“บูม!”

หกระดับขอบเขตนักบุญของตระกูลฮวาทั้งหมดกลายร่างเป็นธารศักดิ์สิทธิ์ สามารถมองเห็นเต่ามังกรและสัตว์อสูรอมตะหลากชนิดชนิดแหวกว่ายในธารศักดิ์สิทธิ์ มันมีพลังอํานาจศักดิ์สิทธิ์อันไร้ขอบเขต,ราวกับว่ามันสามารถชําระล้างบาปของผู้คนออกไปได้

เซียวเฉินมองเย็นชาไปที่ธารศักดิ์สิทธิ์ ราชันย์สิงโตทองคําดีดเท้าออกจากพื้นและพุ่งตรงไปราวกับสายฟ้า พื้นดินสั่นไหวไม่หยุดหย่อน เสาหินกําแพงดินพังครืนลงมาเมื่อปะทะกับพวกเขา

“ร้องคําราม!”

เมื่อมันมาอยู่ตรงหน้าของธารศักดิ์สิทธิ์, ทันใดนั้นราชันย์ สิงโตทองคําก็คํารามออกมาเสียงดัง คลื่นเสียงสั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณ กําแพงหินนับไม่ถ้วนกลายเป็นผุยผง ธารศักดิ์ สิทธิ์อันกว้างใหญ่และทรงพลังถูกส่งลอยขึ้นไปบนฟ้าก่อนที่มันจะไหลย้อนกลับไป

“มันเป็นไปไม่ได้…” หกระดับขอบเขตนักบุญของตระกูลฮวาอุทาน ใบหน้าของเขาเติมเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ธารศักดิ์สิทธิ์พุ่งปะทะผ่านร่างของพวกเขาทั้งหก,ส่งเสียง “ซ่าซ่า” ออกมาอย่างต่อเนื่อง

เมื่อธารศักดิ์สิทธิ์ถูกลบหายไป,หกระดับขอบเขตนักบุญกลายเป็นหน้าซีด เสื้อผ้าทั้งหมดของพวกเขาถูกลบหายไป พวกเขาดูเหมือนกับถูกรีดจนแห้ง พื้นที่สีขาวสะอาดปรากฏขึ้นบนผืนดิน,ไม่มีแม้แต่ฝุ่นหลงเหลือ

“ข้าจะฆ่าเจ้า!” ดวงตาของฮวาหยุ่นเฟยกลายเป็นแดงกํา ดาบสีแดงปรากฏขึ้นในมือของเขา ชายสวมชุดสีแดงยืนอยู่ด้านหลังของเขา

กระแสพลังปีศาจอันไร้ขอบเขตถูกปลดปล่อยออกมาจาก ชายชุดแดง

“บูม!”

แสงดาบยาว 33 เมตร ปรากฏขึ้นที่ตัวดาบ มันกวาดไปถึงหลังคาของราชวังให้ดินและเจาะทะลุเป็นรู เศษหินดินทรายนับไม่ถ้วนร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า

“กระหายมรณาใต้สวรรค์,ตายซะ!” ฮวาหยุ่นเฟยตะโกนออกมาเสียงดัง ดาบแสงฟันล งมาตรงไปที่เซียวเฉิน เซียวเฉินสีหน้านิ่งสงบพร้อมกับตะโกนขึ้นมาเบาๆ เขาสีทองของราชันย์สิงโตทองคําส่งลําแสงรุ่งโรจน์ออกมา

แสงสีทองปะทะเข้ากับแสงสีแดง,ส่งเสียงดังกึกก้อง ท้ายที่สุด,แสงสีแดงถูกลบหายและแสงสําทองยิ่งขึ้นไปบนฟ้า มันสร้างรูเล็กๆขึ้นบนเพดานและมีแสงอาทิตย์ส่องผ่านมันลงมา

ลําแสงสีทองสามารถเจาะทะลุภูเขาทั้งลูกเหนือราชวังใต้ดิน ทุกคนต่างสูดหายใจเข้าลึก มันจะต้องแข็งแกร่งถึงเพียงไหนถึงจะทําเช่นนั้นได้!

วิหคน้ำแข็งปรากฏตัวขึ้นและส่งเสียงร้องออกไปในท้องฟ้า มันพุ่งตรงไปที่เซียวเฉินนําพาสายลมหนาวอันไร้ขอบเขต เปลวเพลิงอันไร้ขีดจํากัดเริ่มเผาไหม้ ในดวงตาข้างขวาของเซียวเฉิน ในที่สุดเปลวเพลิงอันไร้ ขอบเขตก็แปลเปลี่ยนเป็นสีม่วงและยิงลําแสงสีม่วงออกไป

วิหคน้ำแข็งถูกซัดด้วยลําแสงสีม่วงและเริ่มลุกไหม้ในทันที เสียงร้องเจ็บปวดดังออกมาจากวิหคน้ําแข็ง,และวิหคน้ำแข็งก็ยังคงพุ่งมาที่เซียวเฉินด้วยร่างที่ลุกไหม้ ร่างน้ําแข็งของ มันละลายอย่างต่อเนื่อง ในจังหวะที่มันเข้ามาถึงตัวเซียวเฉิน,มันก็หายไปอย่างสมบูรณ์

“ดวงดาวดาบร่ายรํา รูปแบบที่สาม – แสงนิรันดร์” จีชาง คงสัมผัสได้ถึงกระแสพลังน่ากลัวของราชันย์สิงโตทองคํา และไม่กล้าที่จะประมาท เขาใช้ทักษะจู่โจมที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาออกมาทันที

ท้องฟ้าดวงดาวสุกสกาวปรากฏขึ้นด้านหลังของเขา ท่ามกลางท่องฟ้าดวงดาว,มีดาวที่เป็นดุจตัวแทนของเขา ทันใดนั้นมันก็ลอยขึ้นไปเปลี่ยนกลายเป็นเสาแสงแพรวพราว มันพุ่งขึ้นสู่สวรรค์และเจาะผ่านภูเขาลึกพันเมตรเหนือราชวังใต้ดิน

มันพุ่งไปสู่จักรวาลอันไร้ขอบเขตและมาถึงอีกฟากหนึ่ง ราชวังใต้ดินอันมืดมิดสว่างจ้าไปด้วยแสงนิรันดร์ของท้องฟ้าดวงดาว

ทันใดนั้นแสงสว่างก็หายไปและราชวังใต้ดินก็กลับไปเป็นมืดมิด ในเวลาต่อมา,ประกายแสงอันไร้ขอบเขต ปรากฏขึ้นบนดาบสีดําของเขา คนนับไม่ถ้วนถึงกับตาบอด ไปชั่วขณะ

แสงนิรันดร์ที่มาจากท้องฟ้าดวงดาวพุ่งเข้าใส่เซียวเฉิน แสงสว่างตัดผ่านความมืด,มันราวกับว่าตัดความมืดขาดออกเป็นสองท่อน

ราชันย์สิงโตทองคําเปิดปากของมันขึ้นมาและเกิดเป็นแรงดูดมหาศาลออกมาจากมัน มันดูดกลืนเอาท้องฟ้าดวงดาวข้างหลังของจีชางคง จีชางคงกระอักเลือดออกมาเต็ม ปากและแสงนิรันดร์มีดดับลง

“นั้นมันเซียวเฉิน,ทําไมเขาถึงได้ไปสู้รบตบมือกับสี่ตระกูลใหญ่? แถมไม่ได้กําลังพ่ายแพ้”

Immortal and Martial Dual Cultivation

Immortal and Martial Dual Cultivation

เซี่ยวเฉินได้ซื้อ ‘ตำราบ่มเพาะพลัง’ มาจากเถาเป่าพร้อมกับเม็ดยาเซียนที่จะทำให้เซี่ยวเฉินเข้าสู่โลกแห่งเซียนได้ ถึงกระนั้นเขาได้เขาได้ฝึกฝนตามตำรามากว่าสามปีแต่กลับไม่มีความคืบหน้าแม้แต่น้อย เขาจึงตัดสินใจที่จะกินเม็ดยาเซียนเข้าไปและมันทำให้เขาข้ามภพไปเกิดในร่างของเด็กหนุ่มที่มีชื่อเดียวกับเขา ไปสู่โลกทวีปเทียนหวู่ไปสู่โลกที่ถูกปกครองด้วยศิลปะการต่อสู้ไปสู่จุดเริ่มต้นใหม่ของเขา

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท