ตอนที่ 141 พลังแห่งแผ่นยันต์
ด้วยระดับการบ่มเพาะผู้เชียวชาญยุทธระดับสูงของเซี่ยวเฉิน มันไม่ใช่แค่เป็นเรื่องยากสําหรับเขาที่จะฆ่าสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 5 แต่มันแทบที่จะไม่มีทางสําเร็จ
“มาตราฐานของศาลากระบี่สวรรค์นั้นสูงถึงเพียงนี้” เซี่ยวเฉินถามตนเองและรู้สึกสงสัย เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ถ้าเขาพยายามทําภารกิจนี้ให้สําเร็จ เขาอาจจะไม่มีโอกาสรอดชีวิตถึง 10 เปอร์เซ็นต์
เซี่ยวเฉินถอนหายใจและค่อยๆดึงกระบี่เงาจันทร์ออกจากฝัก
มีประกายหนาวเหน็บปรากฏอยู่บนคมกระบี่สีดํา คมกระบี่ที่คมถึงขนาดสามารถตัดเส้นผมที่ตกลงมาที่มันได้ เซี่ยวเฉินสัมผัสคมกระบี่อย่างอ่อนโยนขณะที่รูปร่างงดงาม ปรากฏขึ้นในใจ, คิดถึงทุกสิ่งที่นางทําเพื่อเขา
ไม่นาน สายตาแน่วแน่ก็ปรากฏในดวงตาเขา เขาพึมพํากับตนเอง “โดยไม่คํานึงถึงเหตุผลที่นางเลือกผนึกตนเอง ข้าจะทําให้ดีที่สุดเพื่อปลุกเจ้าขึ้นมา”
“ข้าจะไม่ทําให้เจ้าต้องเสียน้ําตา แม้ว่าจะต้องสละชีวิตข้าขอสัญญากับเจ้า” ไม่นานหลังจากที่เขาได้ครอบครองกระบี่เงาจันทร์ และรับมรดกของจักรพรรดิสายฟ้า, นี่เป็นสัญญาที่เขาจะต้องรักษาไว้
“ฝึบ!”
เซี่ยวเฉินเก็บกระบี่เงาจันทร์เข้าไปในผัก จากนั้นเขาก็นําหัตถ์จับมังกรที่ได้จากเอี้ยนเชียนหยุนออกมาจากแหวนห้วงจักรวาล และเริ่มอ่านมัน
นี่เป็นทักษะต่อสู้ระดับปฐพี่ที่ต้องการผู้ที่มีจิตวิญญาณสืบทอดโดยเฉพาะ มันก็เหมือนกับฟันสยบมังกรของเซี่ยวเฉิน อย่างไรก็ตาม เซี่ยวเฉินมีทักษะแปรลักษณ์ของต้นกําเนิดปัญญายุทธ
การไร้จิตวิญญาณยุทธพิเศษไม่อาจขัดขวางให้เขาไม่ใช้มันได้
TL: เปลี่ยนจากมังกรดิ่งทลายทัพเป็น ฟันสยบมังกรนะครับ ตอนนั้นผมดูคําผิดเพิ่งมาเจอ
ในสถานการณ์ที่เขาไม่สามารถใช้ทักษะต่อสู้ระดับสวรรค์ ทักษะต่อสู้ระดับปฐพี่เป็นทักษะต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุด นอกจากนี้ ทักษะต่อสู้ที่สืบทอดกันมาของสายเลือดสืบทอดในตระกูลชั้นสูงนั้นแข็งแกร่งกว่ามาก
หัตถ์จับมังกรอันนี้แข็งแกร่งกว่าทักษะต่อสู้โบราณที่เซี่ยวเฉินได้รับมาจากซากโบราณ เซี่ยวเฉินอ่านมันอย่างละเอียดในช่วงครึ่งค่ําคืนเพื่อทําความเข้าใจมัน
“ พรึ่บ!”
ทันใดนั้น เขาก็ขยับ ทักษะแปรลักษณ์และหัตถ์จับมังกรเริ่มหมุนเวียนพร้อมกัน เซี่ยวเฉินคํารามและส่งฝามือไปข้างหน้า
มือสีดําขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น และบดโต๊ะหินที่อยู่ในสวนกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เศษหินกลายเป็นกระสุนและพุ่งบินไปทุกที่
เซี่ยวเฉินชักมือกลับมา เปิดเผยรอยยิ้มจางๆ หลังจากได้รับตําราทักษต่อสู้ มันเป็นเรื่องง่ายกว่ามากที่จะใช้ต้นกําเนิดปัญญายุทธในการใช้ออกทักษะ
เซี่ยวเฉินฝึกฝนต่อเนื่องในสวนด้านหลัง นอกเหนือจากหัตถ์จับมังกร, เขาก็ยังใช้ทักษะแปรลักษณ์ของต้นกําเนิดปัญญายุทธเพื่อเลียนแบบดาบดาราร่ายรําของจี้ฉาง คง จิตวิญญาณสืบทอดของต้วนมู่ฉิง, และมรณาเลือดใต้สวรรค์ของฮวาหยุนเฟย
ในที่สุด หลังจากที่ฝึกฝนสองสามครั้ง เขาพบว่าเขาสามารถใช้ออกทักษะพวกนั้นได้ อย่างไรก็ตาม มันใช้พลังปราณเป็นจํานวนมาก มันไม่ง่ายเลยที่จะใช้ทักษะออกมา
สําหรับหัตถ์จับมังกร เนื่องจากเขามีตําราทักษะต่อสู้และเข้าใจวิธีการหมุนเวียนของทักษะ เขาจึงต้องใช้พลังปราณน้อยในการแสดงทักษะออกมา มีเพียงภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เท่านั้น ทักษะต่อสู้ถึงควรค่าจะใช้ออกมา
หลังจากพลังปราณของเขาหมดลง เซี่ยวเฉินไม่ได้เข้าสู่สภาวะบ่มเพาะเพื่อดูดซับพลังวิญญาณ เขานําหินวิญญาณระดับต่ําออกมาและดูดซับมันอย่างสมบูรณ์ ทันใดนั้นพลังปราณของเขาก็กลับสู่สภาพสูงสุด
หลังจากเซี่ยวเฉินดูดซับพลังงานทั้งหมดจากหินวิญญาณ สระน้ําที่อยู่ภายในตันเถียนของเขาขนาดมันใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นี่เป็นสิ่งที่น่าประหลาดสําหรับเขา
เซี่ยวเฉินยิ้มเล็กน้อย “ไม่สงสัยเลยว่าทําไมทุกคนถึงชอบหินวิญญาณ สิ่งเหล่านี้เป็นประโยชน์กับการบ่มเพาะเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ยังไร้ผลข้างเคียง ในอนาคตข้าควรดูดซับมันหนึ่งชิ้นในทุกวัน ข้าไม่ควรวางมันทิ้งไว้เฉยๆ”
มีเพียงเซี่ยวเฉินเท่านั้นที่พูดเช่นนี้ได้โดยไม่รู้สึกเสียใจ แม้แต่สานุศิษย์ของตระกูลชั้นสูงยังไม่กล้าสิ้นเปลืองเช่นนั้น
หลังจากเซี่ยวเฉินฟื้นฟูพลังปราณเสร็จ เขาเริ่มฝึกฝนหัตถ์จับมังกร เมื่อพลังปราณเขาหมดลง เซี่ยวเฉินใช้หินวิญญาณเพื่อฟื้นฟูพลังปราณของเขา ไม่มีสักชิ้นที่เสียเปล่า
หลังจากผ่านไปนาน เซี่ยวเฉินได้ใช้ออกด้วยหัตถ์จับมังกรไปหลายร้อยครั้ง; เขาค้นพบเคล็ดลับเล็กน้อยของทักษะต่อ
เมื่อมือขนาดใหญ่โจมตีไปที่คู่ต่อสู้ เขาสามารถใช้ออกด้วยการตั้งท่าที่เหมาะสม ด้วยวิธีนี้มันจะทรงพลังมากยิ่งขึ้น
หลังจากค้นพบเคล็ดลับ เซี่ยวเฉินตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เขาฝึกฝนหัตถ์จับมังกรตั้งแต่เช้ายันค่ํา จนกว่าเขาสามารถรู้สึกผ่อนคลายในขณะที่เขาใช้หัตถ์จับมังกรออกไปได้ราวกับใช้กําปั้นของเขา
เขาได้ไปถึงระดับนั้นแล้วโดยใช้เวลาเพียงวันเดียว นอกเหนือจากการใช้ทักษะแปรลักษณ์ เหตุผลหลักที่เขาทําเช่นนั้นได้เพราะกองหินวิญญาณว่างเปล่าที่อยู่บนพื้น
หินวิญญาณที่เอี้ยนเชียนหยุนตั้งใจจะเก็บไว้ใช้เป็นเวลาหกเดือนถูกเซี่ยวเฉินใช้หมดภายในวันเดียว เอี้ยนเชียนหยุนที่อยู่ในนรกจะแสดงออกเช่นไรเมื่อเขาได้รับรู้เรื่องนี้?
ดวงอาทิตย์ยามเช้าลอยขึ้นมาทางทิศตะวันออก เซี่ยวเฉินตื่นขึ้นมาจากการหลับลึก หลังจากชําระร่างกาย เซี่ยวเฉินนําเขาของราชันย์สิงโตทองคําหนุ่มออกมาและแกะสลักลงไป
ในเมื่อจะท้าทายสัตว์อสูรวิญญาณที่มีความแข็งแกร่งระดับนักบุญ เซี่ยวเฉินไม่กล้าประมาท เขาคิดเกี่ยวกับมันและตัดสินใจว่าเขาควรจะสร้างรูปแกะสลักของราชันย์สิงโตทองคํา
ปราศจากฉีมังกรของเยว่อิง รูปแกะสลักของอิงเยว่คงไม่แข็งแกร่งได้เทียบเท่า
อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่ใช้เขาราชันย์สิงโตทองคําที่ได้มาจากราชันย์สิงโตทองคําที่เป็นต้นกําเนิดการควบคุมจะทําได้ง่ายขึ้น
เวลานี้ เซี่ยวเฉินไม่ได้เร่งรีบในการแกะสลัก เขาแกะสลักไปขณะที่กําลังเดิน เขาพิถีพิถันในการแกะสลักอย่างมาก ทุกเส้นผมและทุกรายละเอียดสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน
จากนั้นไม่นาน เขาได้เสร็จสิ้นการแกะสลักรูปปั้นราชันย์สิงโตทองคําที่ดูสมจริงออกมา เซี่ยวเฉินยิ้มขณะที่เก็บมันลงไปในแหวนห้วงจักรวาล
จากนั้น เขาหยิบขวดหมึกออกมา และเทเลือดสัตว์อสูร ทองคําศักดิ์สิทธิ์ลงไป จากนั้น เขากรีดมือของเขา และปล่อยให้เลือดปราณผสมไปกับเลือดสัตว์อสูรทองคําศักดิ์สิทธิ์,
เซี่ยวเฉินนํายันออกมาอีกครั้ง ในสถานการณ์ที่ระ ดับการบ่มเพาะของเขาไม่ได้สูง ถ้าเขาต้องการที่จะยกระดับพลังทําลายของแผ่นยันต์ เขาทําได้เพียงแค่เพิ่มคุณภาพของวัตถุดิบ
ราชันย์สิงโตทองคํามีสายเลือดของสัตว์อสูรทองคํา ศักดิ์สิทธิ์บรรพกาล เลือดของมันแข็งแกร่งกว่าเลือดของสัตว์อสูรวิญญาณมาก เมื่อใช้มันมาเขียนแผ่นยันต์, พลังของ มันอาจจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง
หลังจากที่เขาผสมเลือดสัตว์อสูรทองคําศักดิ์สิทธิ์กับเลือดปราณของเขาแล้ว เซี่ยวเฉินน้ําพู่กันและกระดาษออกมา เขาเพ่งสมาธิและเริ่มลงพู่กันวาดที่ละเส้น มีแสงสีทองปรากฏที่ปลายของพู่กัน
เซี่ยวเฉินวาดช้ามาก แต่เขาเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ท่าทางของเขาดูเป็นธรรมชาติมาก; ราวกับการเคลื่อนไหวที่สมบูรณ์แบบ เมื่อเขาเสร็จสิ้นการวาดมันเสร็จภายใน หนึ่งลมหายใจ; เขาสําเร็จเป็นอย่างมากในการสร้างแผ่นยันต์คุณสมบัติสายฟ้าระดับสาม
เซี่ยวเฉินเช็ดเหงื่อที่หน้าผากขณะที่สูดให้ใจ การวาดแผ่นยันต์เป็นสิ่งที่น่าเบื่อเป็นอย่างมาก เขาต้องตั้งสมาธิให้สมบูรณ์ และไม่สามารถเร่งรีบ หากมีความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยงานทั้งหมดจะล้มเหลว
นอกจากนี้ มันยังใช้พลังปราณเป็นอย่างมาก เซี่ยวเฉินพักครู่หนึ่งก่อนที่จะวาดแผ่นยันต์ต่อ เขาวาดแผ่นยันต์ทั้งหมดยี่สิบชิ้น เขาค่อนข้างโชคร้ายจนตอนสุดท้าย และสูญเสียเป็นจํานวนมาก อัตราความสําเร็จของเขามีเพียงแค่ 50 เปอร์เซ็นต์
หลังจากเซี่ยวเฉินหมดพลังปราณ เขานําหินวิญญาณระดับต่ําออกมาและใช้มัน จากนั้นไม่นาน พลังปราณของเขาถูกเติมเต็มอีกครั้ง สระน้ําใสในตันเถียนของเขาขยายขนาดขึ้นอีกครั้ง
เซี่ยวเฉินได้มาถึงระดับเชี่ยวชาญยุทธขั้นสูงสุดแล้ว ตราบใดที่เซี่ยวเฉินต้องการเขาสามารถเข้าสู่ระดับปรมาจารย์ยุทธได้ตลอดเวลา นี่เป็นเรื่องมหัศจรรย์ของหินวิญญาณ
หลังจากเตรียมทุกสิ่ง เซี่ยวเฉินเร่งรีบไปที่ทางออกของเมือง เขานําเหรียญไม้แสดงตัวตนออกมาและแสดงมันให้ยามดู เพื่อให้เขาผ่านไปอย่างไร้ปัญหา
หุบเขาสายลมอสูรเป็นสถานที่เหมาะสมมากสําหรับศิษย์ นิกายชั้นนอกจะมาฝึกฝน มันอยู่ใกล้กับทางเข้าทิศตะวันตกของเมือง มีศิษย์ชั้นนอกรวมตัวอยู่ที่นั่นจนกลายเป็นกลุ่ม มีสองสามคนที่ชวนเซี่ยวเฉินเข้าร่วมกลุ่มพวกเขา
เซี่ยวเฉินยิ้มเล็กน้อยขณะปฏิเสธพวกเขา; ภารกิจของเขาทําได้แค่เพียงลําพัง หากมีบาดแผลจากฝีมือผู้อื่นอยู่บนศพของสัตว์อสูรวิญญาณ, เขาคงจะถูกพิจารณาว่าล้มเหลวในภารกิจ
มีหลายคนที่ไปยังหุบเขาสายลมอสูร เซี่ยวเฉินเลือกกลุ่มสุ่มๆ และตามอยู่ด้านหลัง เขาไม่ได้กังวลเกี่ยวกับการหลงทาง ความเร็วของกลุ่มนั้นเร็วมาก; พวกเขามาถึงหุบเขาสายลมอสูรภายในหนึ่งชั่วโมง
เซี่ยวเฉินประหลาดใจ, ด้านนอกของหุบเขาสายลมอสูรแตกต่างจากที่เขาจินตนาการเอาไว้ ภายนอกหุบเขาดูเหมือนกับตลาดเป็นอย่างมาก
มีหลายคนที่ขายอุปกรณ์ของเขาอยู่ทั้งสองฟากฝั่ง บนพื้นเต็มไปด้วยผ้าที่มีสมุนไพรอยู่ทุกประเภท, ทั้งแก่นวิญญาณ, หรือชิ้นส่วนสัตว์อสูรวิญญาณถูกวางขายอยู่
ที่นั่น ทุกคนกําลังสวมเครื่องแบบศิษย์ชั้นนอกของศาลากระบี่สวรรค์ มีเพียงบางครั้ง ที่จะมีพ่อค้ามาเพื่อต่อรองราคา มันคึกคักและเสียงดังเป็นอย่างมาก
“ขายแผนที่หุบเขาสายลมอสูรที่สมบูรณ์ที่สุด มีการแต้มจุดที่อยู่ของสัตว์อสูรวิญญาณและสมุนไพร ราคาถูกที่สุดในตลาด, ราคาถูกที่สุดไม่ได้โกหก”
เสียงตะโกนร้องดังดึงดูดความสนใจของเซี่ยวเฉิน แผนที่หุบเขาสายลมอสูร… นั่นคือสิ่งที่เซี่ยวเฉินต้องการโดยด่วน
เซี่ยวเฉินเดินไปด้วยท่าทางผ่อนคลาย; เขาไม่ได้แสดงความกังวลใจออกมาในการเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย นี่เป็นเคล็ดลับในการซื้อของ; เจ้าไม่สามารถปล่อยให้คนผู้อื่นรับรู้ได้ถึงความตั้งใจของตนได้
คนที่ดูแลแผงลอยยังเป็นชายหนุ่ม; เขาสวมเครื่องแบบศิษย์ชั้นนอกของศาลากระบี่สวรรค์ เมื่อเขาเห็นเซี่ยวเฉินเดินมา เขาเรียกอย่างอบอุ่น
เซี่ยวเฉินดูแผนที่และตรวจสอบอย่างละเอียด จากนั้นไม่นาน เขาถาม, “ทําไมไม่มีตําแหน่งของสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 5?”
ชายหนุ่มยิ้ม “เจ้าต้องเป็นผู้มาใหม่ สัตว์อสูรวิญญาณระดับ 5 ในหุบเขาสายลมอสูรไม่มีตําแหน่งที่แน่นอน นอกจากนี้ เหล่าศิษย์ชั้นนอกไม่กล้าที่จะไปต่อสู้กับสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 5 มิเช่นนั้นมิใช่การแสวงหาความตายหรือ?”
ศิษย์ชั้นนอกไม่ต่อสู้กับสัตว์อสูรวิญญาณระดับห้า? ทําไมมันถึงแตกต่างจากสิ่งที่เก่อหยุนปินกล่าว? เซี่ยวเฉินวางแผนที่ลงและถาม “มิใช่ว่าการทดสอบสิ้นปีของศิษย์นิกายชั้นนอกคือการสังหารสัตว์อสูรระดับห้า?”
ชายหนุ่มเผยการแสดงออกอย่างตกใจ, “มันจะเป็นไปได้เช่นไร? ในการทดสอบสิ้นปีปกติมักจะเป็นการสังหารสัตว์อสูรจิตวิญญาณระดับสีจํานวนหนึ่ง หลังจากสังหาร ครบจํานวนคนผู้นั้นก็จะสอบผ่าน เนื่องจากมีการเตรียมสัตว์อสูรวิญญาณที่จํานวนแตกต่างกันทุกปี มันจึงมีเพียงจํานวนในการสังหารเท่านั้นเท่าเปลี่ยนแปลง
“อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงเท่าใด ข้าก็ไม่เคยได้ยินว่าการทดสอบปีใดจะต้องสังหารสัตว์อสูรวิญญาณระดับห้า นั่นมิใช่การแสวงหาความตายหรือ? แม้แต่ศิษย์นิกายชั้นในผู้ฝึกสอนยังแนะนําให้พวกเขาหนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่ทําได้”
เจ้าแก่สวะ เจ้าหลอกลวงข้า! เซี่ยวเฉินสาปแช่งอย่างโกรธแค้นภายในใจ เขาไม่คาดคิดว่าผู้อาวุโสอย่างเก่อหยุนปินจะวางแผนคิดไม่ซื่อตั้งใจจะสังหารเขา
“น้องชาย ข้าเชื่อว่าท่านจะต้องโดนคนอื่นหลอก ความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรวิญญาณระดับห้าเทียบเท่ากับขอบเขตนักบุญ พวกเราจะต่อกรมันได้อย่างไร? ข้าแนะนําว่าท่านอย่าได้ทําอะไรโง่เง่า” ชายผู้นั้นพูดด้วยความเมตตา
การแสดงออกของเซี่ยวเฉินไม่เปลี่ยน เขาเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อย “แค่ถามเรื่อยเปื่อยนะ ขอบคุณพี่ชายมาก สําหรับการเตือน ข้าชื่อว่าเย่เฉิน, ข้ายังไม่ได้ถามชื่อท่านเลย”
“หลิวเฉิน เป็นเพียงแค่ศิษย์ชั้นต่ําของนิกายศาลากระบี่สวรรค์ชั้นนอก”
เซี่ยวเฉินมองไปรอบตัวของเขา; ทุกคนที่ยืนอยู่ที่แผงลอยเองก็เป็นศิษย์นิกายชั้นนอกเช่นกัน เขาถาม “พี่ชายหลิวเฉิน ทําไมถึงมีผู้คนมากมายเปิดร้านค้าอยู่ภายนอกหุบเขาสายลมอสูร? ทําไมพวกเขาไม่ใช้เวลาในการบ่มเพาะพลังแทนการทําธุรกิจหรือ?”