ตอนที่ 149 โกง?
“เช่นนั้นแล้วยอดเทียนเยว่? พวกเขาแข็งแกร่งเพียงใด?” เซียวเฉินถามต่อ
ถังติ่งเทียนตอบกลับอย่างไม่มีความลังเล “ในเจ็ดยอดเขา แข็งแกร่งที่สุดก็คือยอดเทียนเยว่ นอกจากนั้น,การแข่งขันยังสูงเช่นกัน”
เป็นเช่นนั้นจริงๆ เซียวเฉินยิ้มกับตัวเอง มิฉะนั้นมันคงไม่คุ้มค่ากับเม็ดยาต่อชีวิตเมฆาอมตะ อย่างไรก็ตามเม็ดยาต่อชีวิตเมฆาอมตะก็ไม่ได้อยู่ในมือของเขาแล้ว เขาสงสัยว่าเก่อหยุนปืนจะทําหน้าเช่นไรเมื่อรู้เข้า
ในลานด้านหลังของบ้านท่านเจ้าเมือง,ถังติ่งเทียนค่อยๆหยุดลงและหยิบเอาเหรียญแสดงตนของเก่อหยุนปืนออกมา,และแสดงตรงไปข้างหน้าที่ว่างเปล่า
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง,เซี่ยวเฉินประหลาดใจ เรือที่โปร่งแสงและเป็นประกายปรากฏขึ้นที่พื้น มีหมอกควันหลายชั้นรอบตัวมัน สามารถสัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณทรงพลัง และมีเสียงดนตรีรื่นรมย์ดังออกมาจากที่ไหนสักแห่งเสียงของมันให้สัมผัสถึงท้องฟ้า
นี่เป็นสมบัติลับที่เต็มไปด้วยเต๋าแม้ว่ามันจะไม่ใช่สมบัติลับประเภทโจมตี,มันก็ยังน่าตกตะลึง
ยุคโบราณได้ผ่านมากว่าสองหมื่นปี สําหรับเรือลํานี้ที่เก็บรักษาไว้ได้สมบูรณ์เช่นนี้ นับได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์เซี่ยวเฉิน นึกถึงระฆังจักรพรรดิตะวันตกของเขาแล้วก็รู้สึกรันทด จนถึงตอนนี้เขายังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับมัน
ถังติ่งเทียนพึงพอใจกับสีหน้าประหลาดใจของเซียวเฉิน เขาพูดขึ้น “ไปกัน!”
พวกเขาทั้งสองขึ้นไปบนเรือถังดั่งเทียนโยนเหรียญแสดงตนสีทองขึ้นไปบนยอดของเรือ จากนั้นมันก็หยุดนิ่งและหมุนไปในอากาศอย่างน่อเนื่อง สายกระแสพลังสีทองถูกปลดปล่อยออกมาจากมัน
เรือลํานี้ไม่ใช่ของส่วนตัวของเก่อหยุนปืน ดังนั้นมันจึงใช้ไม่ได้สะดวกเหมือนเรือสงครามสีเงินของเซี่ยวเฉิน
ผ่านไปครู่หนึ่ง,ค่ายกลที่ติดตั้งไว้บนเรือลํานี้ก็เริ่มขยับ เรือส่องแสงหลายสีออกมา เสียงบรรเลงไพเราะถูกเร่งขึ้นอีกครั้ง เรือเดินทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับเสียง “ซูว”
ถังติ่งเทียนนําทางเซียวเฉินเข้าไปภายในเรือ, ห้องข้างในถูกทําขึ้นมาด้วยหยกขาวและพวกมันถูกตกแต่งเครื่องเรือนด้วยโต๊ะเก้าอี้ มีอาหารเตรียมพร้อมไว้พร้อมทาน
เซี่ยวเฉินหยิบขวดเหล้าหยกขึ้นมาแล้วก็นึกถึงเรือสงครามสีเงินโล่งๆของเขา เขาถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้,ช่างต่างกันเหลือเกิน
ทั้งสองคนกินดื่มไปพร้อมกับพูดคุย หลังจากบินมาเป็นเวลานาน,มันรู้สึกราวกับเซียวเฉินได้ผ่านขีดกั้นม่านพลังเข้ามา มีแรงกดมหาศาลกดลงไปบนตัวเขาเขารีบหมุนเวียนพลังปราณของเขาเพื่อต่อต้าน
เมื่อถึงติ่งเทียนเห็นเช่นนั้น เขารีบหยุดเตี๋ยวเฉิน,กล่าวขึ้น “ผ่อนคลาย, อย่าต่อต้าน นี้เป็นเพียงชั้นแรกของเขตกั้น ยังมีอีก 19 ชั้น,แต่ละชั้นจะแข็งแกร่งขึ้น หากเจ้าต่อต้านมัน เจ้าจะตาย”
เซี่ยวเฉินตกใจจนเหงื่อเย็นเฉียบปรากฏขึ้นมา เขารีบหยุดการหมุนเวียนพลังต่อต้าน ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็รู้สึกดีขึ้น หลังจากผ่านเขตกั้นไปหลายชั้น,ถังติ่งเทียนก็ลุกและพูดขึ้น”ไปกันเถอะ,พวกเราได้มาถึงแล้ว”
พวกเขาทั้งสองเดินออกมาจากท้องเรือ เมื่อพวกเขามายืนที่หางเสือ,พวกเขาเห็นเมฆสีขาวลอยอยู่รอบตัว เซียวเฉินมองไปข้างล่างและพบฉากอันงดงามปรากฏขึ้นตรงหน้า ทําให้เขาตกตะลึงเป็นอย่างมาก
่ ่
พวกเขาถูกล้อมไปด้วยภูเขาสูงตรง บางครั้ง,จะมีนกบินผ่านก้อนเมฆ เมื่อเหี่ยวเฉินมองอย่างละเอียด,มีคนกําลังขี่อยู่บนนกพวกนั้น บางคนจําถังติ่งเทียนได้และยิ้มให้เขาจากนั้นพวกเขาก็จากไป
เมื่อเหี่ยวเฉินมองไปรอบๆ เหนือก้อนเมฆขึ้นไปมีปาไม้ เติมเต็มไปบนภูเขา,ปิดซ่อนเรือนไม้เก่าแก่สวยงามประณีตเอาไว้ มียอดเขาโดดสูงขึ้นไปจากพื้น,สูงขึ้นไปบนท้องฟ้าไม่รู้ว่ามันสูงถึงเพียงใดแต่มันช่างงดงามตระการตา
เบื้องล่างของเรือมีฐานราบเรียบอยู่ แท้จริงมันเป็นยอดเขาที่ถูกปาดให้เรียบบนฐาน,มีห้องโถงสูงหลายแห่ง พื้นที่ของมันใหญ่จนเกือบจะเท่าเมืองเล็กๆ
ถังติ่งเทียนยิ้มขึ้นบางๆ “นี่คือฐานส่องสวรรค์ของศาลากระบี่สวรรค์ โถงหลักของศาลากระบี่สวรรค์จะตั้งอยู่ที่นี่ เรียกได้ว่าเป็นใจกลางของศาลากระบีสวรรค์ ตอนนี้,พวกเราต้องไปลงทะเบียนข้อมูลของเจ้า”
เรือนําพวกเขาทั้งสองค่อยๆลงมุ่งหน้าไปยังด้านตะวันออกของฐานส่องสวรรค์ ฐานนี้ช่างอึกทึก ตอนนี้เซี่ยวเฉินได้เข้าไปใกล้เชี่ยวเฉินสัมผัสได้ถึงความใหญ่โตของฐานส่องสวรรค์
เรือหยุดลงที่หน้าศาลา เซี่ยวเฉินมองไปข้างหน้าและเขาก็เจอกับแผ่นป้ายเก่าแก่, คําว่า “ห้องโถงเมฆาหวนคืน” เขียนอยู่บนนั้น
พวกเขาทั้งสองกระโดดลงมาจากเรือหลังจากที่ถังติ่งเทียนแสดงเหรียญแสดงตน,พวกเขาก็สามารถเดินไปได้อย่างไม่ติดขัด
ผู้คนหลายคนจําถังติ่งเทียนได้ ถังดั่งเทียนมีรอยยิ้มบางเบาบนใบหน้าพร้อมกับทักทายทุกคน ภายในของศาลาช่างกว้างขวาง มีผู้คนเพียงเล็กน้อยข้างในนี้, ทําให้ดูเย็นชาและเศร้าสร้อย
เชี่ยวเฉินเดินตามหลังถังติ่งเทียนพร้อมกับมองดูไปที่การตกแต่งของโถงเมฆาห้วนคืนอย่างอยากรู้อยากเห็น มีรูปคัมภีร์ยุทธมากมายสลักอยู่บนกําแพง
เซียวเฉินรู้สึกเหมือนมันได้เปิดหูเปิดตาเขากําแพงไม้นั้น เต็มไปด้วยทักษะต่อสู่ระดับลึกล้ํา-มีแม้แต่ทักษะต่อสู่ระดับปฐพี
“พี่น้องถัง,เจ้ามาเพื่อประลองกับข้าอีกแล้ว? หลังจากที่พ่ายแพ้ไปเมื่อครั้งก่อน,เจ้ายังไม่ได้เลี้ยงเหล้าที่ติดข้าเอาไว้เลย” มีเสียงโผงผางดังมาจากเบื้องหน้าพร้อมกับชายแต่งชุดสีเขียวเดินตรงเข้ามาช้าๆ
ถังติ่งเทียนยิ้มอย่างอึดอัดใจ “ความจําพี่น้องลู่เฉินช่างยอดเยี่ยม ครั้งนี้ข้ามาทําธุระ,ท่านเจ้าเมืองเก่อพาคนมาแนะนํา”
หลังจากที่เขาพูดจบ,เขาก็ยื่นเหรียญแสดงตนของเก่อหยุนปินไปทางลู่เฉิน เหรียญแสดงตนของศาลากระบี่สวรรค์ ไม่ใช่เพื่อยืนยันตัวตนของคนผู้นั้นเพียงอย่างเดียว แต่แสดงถึงตําแหน่งของพวกเขาด้วย
บุคคลทั่วไปในเมืองกระบี่จะมีเป็นเหรียญไม้เศิษย์ชั้นนอก จะเป็นเหรียญโลหะและศิษย์ภายในจะเป็นเหรียญทองคําขาว
สําหรับเหรียญทอง,นั้นจะเป็นสิ่งที่คนระดับเจ้าแห่งยอดเขาเท่านั้นถึงจะมีได้ เหรียญแสดงตนใช้ทําอะไรได้หลายอย่าง บางครั้งก็มีเหตุการณ์ที่ว่าผู้คนจําเหรียญได้มากว่าจําหน้าคนเกิดขึ้น
โดยการแสดงเหรียญของเขาจากถังติ่งเทียน,มันเทียบเท่า ได้กับเก่อหยุนปืนมาด้วยตัวเอง คําพูดของถังติงเทียนเปรียบ ได้เท่ากับคําพูดของเก่อหยุนปืน
“โอ้!” สู่เฉินรับเหรียญสีทองและตรวจดูอย่างละเอียด ผ่านไปครู่หนึ่ง,ก็มองไปที่เซียวเฉิน,ผู้ที่อยู่ด้านหลังของถังติ่งเทียนและพูดขึ้น “ผู้ที่เขาแนะนํามาก็คือน้องชายผู้นี้?”
ถังติ่งเทียนพยักหน้าและทําการแนะนํา “นี่คือสู่เฉินเจ้าแห่งโถงนี้ เขาคือเจ้าโถงเมฆาหวนคืนที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ ทางนี้คือเย่เฉิน ผู้บ่มเพาะพลังที่ตระกูลเฟิงได้แนะนํามา”
เซี่ยวเฉินเดินขึ้นหน้าและมองไปที่ลู่เฉิน เซี่ยวเฉินตกตะลึง:ใบหน้าอันหล่อเหลาของลู่เฉินดูแล้วอายุของเขาไม่น่าจะเกิน 30ปี อย่างไรก็ตาม,เขาทําให้เซียวเฉินรู้สึกหวาดกลัว เชี่ยวเฉินไม่อาจหยั่งถึงความแข็งแกร่งของเขาได้
“เย่เฉินคารวะเจ้าห้องโถง
ลู่เฉินพยักหน้าพร้อมกับยิ้มขึ้น เขาถาม “ท่านเจ้าเมืองคิดจะแนะนําเจ้าไปที่ยอดเขาเทียนเยว่ใช่หรือไม่? ข้าจําได้ว่ามีเพียงยอดเขาเทียนเยว่ที่มีที่ว่าง ให้ข้าบันทึกลงไปที่นั่นแล้วกัน”
ถังติ่งเทียนมีสีหน้านิ่งอึ้งและเขาก็พูดขึ้นอย่างเลิ่กลั่ก “คือมัน…ท่านเจ้าเมืองฝากให้ไปที่ยอดเขาฉิงหยุนไม่ใช่ยอดเขาเทียนเยว่”
ได้ยินดังนั้น,ลู่เฉินมีสีหน้านิ่งอึ้งเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เขาก็ตั้งสติกลับอย่างรวดเร็วและพูดขึ้น “ยอดเขาฉิงหยุนใช่หรือไม่? นั่นก็ไม่เลวเช่นกัน ศิษย์พี่หรูเยว่กลับมาแล้วก็ขอให้หาคนเพิ่มเมื่อสองสามวันก่อน”
เซียวเฉินสีหน้าไม่เปลี่ยนพร้อมกับเดินตามหลังพวกเขาทั้งสองไป ก่อนที่จะไปถึงห้องห้องหนึ่ง ห้องนี้เต็มไปด้วยหนังสือเรียงเป็นแถว แต่ละชั้นหนังสือมันสูงกว่า ของทั่วไปพวกมันสูงมากกว่าสี่เมตร
มีหมายเลขเรียงสลักอยู่บนสันของหนังสือ คู่เฉินเดินเข้ามาและเปิดฝามือ,หนังสือสีดําลอยเข้ามาอย่างช้าๆ
ถังติ่งเทียนยื่นข้อมูลของเชี่ยวเฉินให้ ลู่เฉินรับไปพร้อมกับยิ้มขึ้น “มาถึงระดับขอบเขตปรมาจารย์ยุทธ์ขั้นต้นตอนอายุ 16 พรสวรรค์ไม่เลว ข้าคิดว่าพี่ใหญ่หรูเยวจะต้องพอใจแน่ครั้งนี้”
หลังจากการลงทะเบียนเสร็จสิ้นคู่เฉินนําพวกเขาทั้งสองขึ้นไปด้านบนของโถงเมฆาหวนคืน เขากล่าวกับเซี่ยวเฉิน “การทําเหรียญแสดงตนจะใช้เวลาสองวัน ข้าจะส่งคนนํามันไปให้ที่ยอดเขาฉิงหยุน”
่ ่
บนชั้นบนสุด,ลู่เฉินปล่อยพิราบสื่อสารออกไป ถังติ่งเทียนยืนอยู่ด้านข้างและอธิบายให้เซี่ยวเฉินฟัง “นี่เป็นการแจ้งยอดเขาฉิงหยุนให้ส่งคนมารับเจ้าขึ้นไป”
ทั้งสามคนต่างทรหดอดทน พวกเขายืนคอยอยู่ตรงนั้นอย่างนิ่งเงียบ ผ่านไปครู่หนึ่ง,มีนกสีเขียวกําลังบินลงมาจากท้องฟ้ามีผู้หญิงดูดีผู้หนึ่งกําลังขี่อยู่บนหลัง
่ ่
เซียวเฉินเห็นเพียงร่างเลือนลางขณะที่ยืนอยู่ด้านหลัง อย่างไรก็ตามเชี่ยวเฉินรู้สึกได้ว่าสตรีนางนี้ช่างโดดเด่น ลู่เฉินมองไปยังท้องฟ้าและยิ้มขึ้นบางๆ “พวกเขามาถึงแล้ว”
มีเสียงร้องไพเราะดังขึ้นพร้อมกับนกสีเขียวค่อยๆลงจอดบนหลังคา ผู้หญิงคนนี้สวมชุดคลุมยาวสีเขียวรัดรูปกระโดดลงมาจากนกสีเขียวอย่างคล่องแคล่ว
่ ่
ชุดคลุมยาวรัดรูปทําให้นางดูเร่าร้อนและขับรูปร่างที่งดงามให้เด่นชัด ใบหน้าของนางเรียว ใบหน้าของนางดูอบอุ่น ให้ความรู้สึกของสาวใหญ่ไม่มีความไร้เดียงสาของเด็กสาว
ขณะที่เซียวเฉินมองดูนางมาถึงอย่างสบายๆ เซียวเฉินก็ชื่นชมนางในใจ ตามแบบรูปร่างและใบหน้าอันงดงามของนาง,นางคงจะได้เป็นไอดอลของเหล่าผู้ชายในชีวิตก่อนของเขา
เชี่ยวเฉินตกตะลึงที่เหรียญแสดงตนตรงเอวของ นางเป็นเหรียญทองสะดุดตา อย่างไรก็ตาม,นางดูไม่น่าจะอายุเกินไปกว่ายี่สิบ แม้ว่าระดับของนางจะเป็นนักบุณขั้นกลาง,นางก็ยังห่างไกลจากมาตราฐานของเจ้าแห่งยอดเขาแน่นอน
อย่างไรก็ตาม คงจะไม่มีใครถือห้อยเหรียญแสดงตนของบางคนไปมาเช่นนี้ หรือผู้หญินางนี้จะเป็นท่านเจ้าแห่งยอดเขาจริง?
ขณะที่เซียวเฉินกําลังสงสัย,หญิงสาวก็เดินตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว หลังจากที่มองมาที่เชี่ยวเฉิน,นางก็ตรงไปที่ลู่เฉินและเริ่มอ่านข้อมูลของเซียวเฉิน
“เย่เฉิน, อายุ 16,ขอบเขตปรมจารย์ยุทธ์ขั้นต้น” นางอ่านออกด้วยเสียงอันไพเราะ หลังจากนั้นนางก็พูดกับลู่เฉินด้วยเสียงมืดมน “ศิษย์น้องลู่เฉิน,เจ้าพยายามจะทําให้ข้าเข้าใจผิด? ทุกครั้งที่ข้ามาหาเจ้าเพื่อขอคน เจ้าป่วนข้าตลอด”
สู่เฉินยิ้มขึ้น “ไม่,ศิษย์พี่หรูเยว่เข้ารับประกันว่าไม่ใช่ครั้งนี้ นี่เป็นคนที่ตระกูลเฟิงแนะนํามา ท่านเจ้าเมืองจัดให้เขาไปที่ยอดเขาฉิงหยุน”
“เฟิงเฟยเสวี่ยแนะนําเขา?” หลิวหรูเยว่พูดขึ้นด้วย เสียงนุ่มประกายแสงปรากฏในดวงตาใสๆของนางก่อนที่นางจะสํารวจเซียวเฉินอย่างละเอียด
ในตอนนั้นเซี่ยวเฉินสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าฟันอันแหลมคม ขยายตรงมาที่เขา เจตนาฆ่าฟันนี้พุ่งมาที่เขาโดยตรง
“ชั๊วะ!”
กระบี่วูบผ่าน ภายใต้สายตาอันตกตะลึงของเซี่ยวเฉิน,กระบี่กว้างสองนิ้วยาวหนึ่งเมตรของหลิวหรูเยว่ ทันใดนั้นก็ถูกดึงออกมาจากฝัก กระบี่เรืองแสงเย็นเฉียบพร้อมกับฟันไปอย่างรวดเร็ว
หลิวหรูเยว่ช่างรวดเร็วเซียวเฉินเห็นเพียงแสงเย็นเฉียบ และคมกระบี่ก็ได้มาถึงหน้าเขาแล้ว ไม่มีเวลาให้คิด เซียวเฉินโน้มตัวไปข้างหลังเก็บเข่าทั้งสองข้างของเขาและม้วนตัวกลับหลัง
กระบี่ตัดเฉียดหน้าของเซี่ยวเฉิน เส้นผมเล็กน้อยร่วงหล่นลงไปที่พื้น
เซี่ยวเฉินดีดตัวออกจากพื้นและปลดปล่อยทักษะมังกรฟ้าเมฆาทะยาน เขาลอยกลับหลังและใช้จังหวะนั้นชักกระบี่เงาจันทร์ออกมาจากฝัก
หลิวหรูเยว่เห็นถึงความเร็วในการตอบโต้ของเซียวเฉิน และรูม่านตาของนางหดลง มีความประหลาดใจอยู่ในดวงตาของนาง นางตะโกนขึ้นเบาๆและกระบี่ในมือของนางร้องออกมา เสียงนั้นช่างรื่นรมย์อย่างที่สุด,ดังก้องไปในอากาศ