หลังจากเผ่าภูตนางฟ้าผ่านพ้นจากหายนะ ต่อมาในเวลาไม่นานพวกเขาก็จัดงานรื่นเริงขึ้น ซึ่งก็คืองานแต่งระหว่างเผ่าภูตนางฟ้าและภูตดิน
ภูตนางฟ้าจำนวน 20 ตนที่ยินยอมพร้อมใจถูกส่งตัวให้แต่งงานกับภูตดินหนุ่ม 5 ตน
เหล่าภูตนางฟ้าสาวทั้ง 20 ตนต่างรู้ดีว่าภารกิจของพวกนางนั้นคือการให้กำเนิดทายาทของเหล่าภูตดินให้เร็วที่สุด ดังนั้นพวกนางจึงรู้งานและให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
หลังจากผ่านไป 3 เดือน พวกนางทั้งหมดก็ตั้งครรภ์ ซึ่งทำให้เหล่าภูตดินดีใจกันจนแทบจะหลั่งน้ำตาออกมา
ก่อนหน้านี้กว่าพวกเขาจะให้กำเนิดทายาทได้แต่ละตนพวกเขาต้องใช้เวลานับพันปี แต่ตอนนี้แค่เพียงเวลาช่วงสั้น ๆ พวกเขากลับมีทายาทเพิ่มขึ้นแล้วหลายสิบ และถึงแม้ว่าทายาทเหล่านี้จะไม่ใช่สายเลือดบริสุทธิ์ พวกเขาก็ไม่สนใจเรื่องนั้นเท่าไหร่เพราะพวกเขาปรับความคิดของตัวเองแล้วว่าความอยู่รอดของเผ่าจะต้องมาก่อนเป็นอันดับแรก ส่วนเรื่องสายเลือดบริสุทธิ์อะไรนั่นเอาไว้ในอนาคตค่อยว่ากันอีกที
เมื่อเห็นสีหน้าของภูตดินที่สุดแสนจะตื่นเต้น เซียวเฟิงอู่จึงขอเข้าพบกับองค์จักรพรรดินีของเขาและพูดกับนางด้วยสีหน้าหนักใจ “ฝ่าบาท มีบางสิ่งบางอย่างที่กระหม่อมไม่แน่ใจว่าควรจะบอกพระองค์ดีหรือไม่”
“เรื่องอะไรกัน?” จักรพรรดินีภูตนางฟ้ายิ้ม และถามกลับ “เฒ่าเซียว พวกเราเพิ่งร่วมเป็นร่วมตายกันมา ดังนั้นท่านจะมาเกรงใจอะไรกับข้าอีก?”
หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก เซียวเฟิงอู่จึงพูดว่า “บรรดาภูตนางฟ้าส่วนใหญ่ที่ถูกช่วยเหลือมา พวกนางได้มาหากระหม่อมและขอร้องให้กระหม่อมพิจารณาส่งพวกนางให้แต่งงานกับเหล่าภูตดิน เพื่อที่พวกนางจะได้มีส่วนช่วยให้เผ่าของเรามีสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับเหล่าภูตดินมากยิ่งขึ้น”
“ซึ่งกระหม่อมเองก็ไม่รู้ว่าจะตัดสินใจอย่างไรดี เพราะเป็นอย่างที่รู้กันอยู่ว่าพวกนางทั้งหมดนั้นเคยถูกทำร้ายมาอย่างสาหัส ถึงแม้ว่าพวกนางจะเป็นคนเอ่ยปากเอง แต่กระหม่อมก็ไม่แน่ใจว่าพวกนางจะพร้อมทำแบบนี้จริง ๆ หรือไม่ และยิ่งไปกว่านั้นในมุมมองของเหล่าภูตดิน กระหม่อมยิ่งไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะดูถูกคนของเรารึเปล่า ดังนั้นกระหม่อมจึงอยากให้ฝ่าบาทลองพิจารณาในเรื่องนี้ดู”
แน่นอนว่าถ้าเป็นในมุมมองของเผ่าเดียวกันเอง ภูตนางฟ้าเหล่านั้นที่ถูกช่วยเหลือมาไม่ได้ถูกคนในเผ่ามองอย่างหยามเหยียดแต่อย่างใด เพราะพวกเขาต่างเข้าใจดีว่าไม่มีผู้ใดเต็มใจที่จะไปเผชิญกับชะตากรรมแบบนั้น
แต่ในทางกลับกัน ถ้าเป็นเผ่าอื่น ๆ ที่รู้ประวัติพวกนางและรู้ว่าพวกนางเคยถูกทำอะไรมาบ้าง พวกเขาอาจจะรับไม่ได้กับมลทินที่อยู่บนร่างกายของพวกนาง
จักรพรรดินีภูตนางฟ้าคิดอยู่สักพัก จากนั้นนางพูดว่า “งั้นเดี๋ยวข้าจะลองเอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับผู้มีพระคุณของพวกเราดูก่อนว่าเขาจะมีความเห็นว่ายังไง”
“ฝ่าบาท ท่านพอจะบอกกระหม่อมได้ไหมว่าชายผู้นั้นเป็นใครกันแน่?” เซียวเฟิงอู่ถามขึ้น “กระหม่อมไม่เคยเห็นพระองค์แสดงท่าทีนอบน้อมต่อผู้ใดขนาดนี้มาก่อนเลย ข้าขอเดาว่าท่านน่าจะรู้ว่าจริง ๆ แล้วชายผู้นั้นเป็นใครใช่ไหม?”
จักรพรรดินีภูตนางฟ้ายิ้มและตอบกลับ “เขาคือผู้ที่ช่วยให้เผ่าของเรารอดพ้นจากหายนะยังไงล่ะ แค่เหตุผลนี้มันไม่เพียงพอที่ข้าจะให้ความนับถือเขางั้นเหรอ? เอาเป็นว่าเฒ่าเซียวตอนนี้เจ้าก็อย่าเพิ่งถามอะไรให้มันมาเลย เดี๋ยวสักวันหนึ่งเจ้าก็จะรู้เองนั่นแหละว่าเขาเป็นใคร”
หลังจากคุยกับเซียวเฟิงอู่เสร็จ จักรพรรดินีภูตนางฟ้าก็เดินไปที่ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่หลิงตู้ฉิงใช้บ่มเพาะทันที
แต่แล้วเมื่อนางไปถึง นางก็ยังเห็นว่าหลิงตู้ฉิงกำลังนั่งหลับตาและเปล่งอำนาจของธาตุโลหะออกมาจากร่าง นางจึงรู้ว่าในเวลานี้หลิงตู้ฉิงยังคงบ่มเพาะไม่เสร็จ ดังนั้นนางจึงนั่งรออย่างเงียบ ๆ ไม่รบกวนเขา
หากเทียบเรื่องการบ่มเพาะของหลิงตู้ฉิงแล้ว นางรู้ดีกว่าปัญหาเรื่องการแต่งงานอะไรนั่นมันเป็นเรื่องเล็กและไม่ควรเอามาพูดในเวลานี้
จักรพรรดินีภูตนางฟ้ารออย่างใจเย็นถึง 2 ปี จนในที่สุดหลิงตู้ฉิงก็ลืมตาขึ้นและเมื่อเขาเห็นว่าจักรพรรินีภูตนางฟ้ากำลังจ้องเขาอยู่ เขาจึงถามว่า “เจ้ามีเรื่องอะไร?”
เขาสัมผัสได้นานแล้วว่านางมานั่งรอเขาอยู่หลายปี ดังนั้นเมื่อเขาลืมตาขึ้น เขาจึงถามเข้าประเด็นทันที
จักรพรรดินีภูตนางฟ้ายิ้มและตอบกลับ “อันที่จริงมันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย…”
จากนั้นนางจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้กับหลิงตู้ฉิงฟังก่อนจะถามว่า “องค์เหนือหัว ท่านมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้?”
หลิงตู้ฉิงยิ้ม “จากที่ข้าเข้าใจในพวกภูตดิน พวกเขาตอนนี้อยากจะขยายจำนวนคนของเผ่าพวกเขาเป็นอย่างมาก ซึ่งข้าเองก็ไม่เคยเห็นว่าพวกเขาจะกำหนดเงื่อนไขอะไรพิเศษกับบรรดาหญิงสาวที่จะรับหน้าที่เป็นแม่ให้กับทายาทของพวกเขา”
“เอาเป็นว่าเจ้าไปเรียกพวกภูตดินมาหาข้าก่อนแล้วกัน ข้าจะได้ถามพวกเขาให้กับเจ้าว่าพวกเขายินดีหรือไม่ที่จะรับคนของเจ้าเอาไว้ หากเหล่าภูตดินตอบตกลงมันก็ยิ่งเป็นเรื่องดีเพราะคนของเจ้าเหล่านั้นได้รับความทุกข์ทรมานมามาก หากพวกนางได้รับการปลอบประโลมจากเหล่าภูตดิน พวกนางก็จะสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติเร็วมากขึ้น”
จักรพรรดินีภูตนางฟ้าพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “องค์เหนือหัว ข้าไม่นึกเลยว่าท่านจะรู้สึกห่วงใยในความรู้สึกของพวกนางที่น่าสงสารด้วย นี่มันต่างจากเรื่องเล่าในตำนานที่ข้าได้ยินมากจริง ๆ”
“ลั่วเอ๋อยังไม่ได้เล่าให้เจ้าฟังงั้นเหรอว่า ตอนนี้ข้ามีภรรยาและลูก ๆ อยู่หลายคน?” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ
จักรพรรดินีภูตนางฟ้าพยักหน้าอีกครั้งและพูดว่า “ลั่วเอ๋อเล่าให้ข้าฟังเช่นกัน ว่าแต่องค์เหนือหัวอยากได้สนมเพิ่มอีกสักหน่อยหรือไม่ ข้าสามารถคัดเลือกสาวงามที่สุดให้กับองค์เหนือหัวได้เพื่อให้พวกนางคอยรับใช้ให้ความสุขกับท่าน ข้ามั่นใจว่าพวกนางจะต้องเต็มใจแน่นอน!”
“เรื่องนั้นไม่จำเป็น” หลิงตู้ฉิงโบกมือปฏิเสธ
ในตอนนี้อารมณ์ความปรารถนาของเขาส่วนใหญ่อยู่ในความควบคุมเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีผู้หญิงมามอบความสุขให้กับเขาเพิ่มเติม.Aileen-novel.
“เฮ้อ คนของข้านี่ช่างไม่มีโชคเลยจริง ๆ” จักรพรรดินีส่ายหัวและถอนหายใจ จากนั้นนางจึงเดินออกไปและพาตัวเหล่าภูตดินกลับเข้ามา
จากนั้นหลิงตู้ฉิงจึงอธิบายเรื่องเกี่ยวกับเหล่าภูตนางฟ้าที่เคยถูกจับตัวไปให้กับซวนหยวนตู่ฟัง
เมื่อได้ยินเรื่องราวทั้งหมด แววตาของซวนหยวนตู่ก็เปล่งประกายในทันทีและพูดว่า “นายท่าน นี่ท่านกำลังหมายความว่าจักรพรรดินีต้องการจะมอบคนของนางให้มาแต่งงานกับคนของข้าเพิ่มงั้นเหรอ? ฝ่าบาท ข้ายินดี! ข้าขอขอบคุณมากจริง ๆ!”
หากภูตนางฟ้ายินดีที่จะแต่งงานกับคนของเขาเพิ่ม มันก็หมายความว่าพวกเขาจะมีทายาทเพิ่มขึ้นอีกเป็นร้อยตนเลยไม่ใช่เหรอ? ดังนั้นเขาจะไม่รีบคว้าโอกาสงามแบบนี้ได้ยังไง ส่วนเรื่องมลทินอะไรนั่นหาเทียบกับความอยู่รอดของเผ่าเขาแล้ว เขาไม่ได้ใส่ใจมันเลย!
จักรพรรดินีภูตนางฟ้าพูดย้ำกับซวนหยวนตู่อีกรอบ “ท่านเข้าใจใช่ไหมว่าภูตนางฟ้ากลุ่มใหม่ที่จะแต่งงานกับคนของท่านรอบนี้นั้นคือกลุ่มที่ถูกช่วยเหลือมาจากสำนักต่าง ๆ ดังนั้นพวกนางไม่ได้บริสุทธิ์เหมือนภูตนางฟ้าพวกแรกที่แต่งงานกับพวกของท่าน”
เหล่าภูตดินมองหน้ากันเองด้วยสีหน้างุนงงและถามกลับว่า “แล้วมันยังไงกันล่ะ?”
“พวกนางเคยถูกชายเป็นจำนวนมากย่ำยีโดยที่พวกนางไม่ได้ยินยอมมาก่อนยังไงล่ะ” จักรพรรดิภูตนางฟ้าตอบกลับ
“ถ้าอย่างนั้นก็ยิ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกข้าถึงยิ่งต้องรับพวกนางมาเอาใจใส่ดูแลไม่ใช่เหรอไง?” ซวนหยวนตู่พูดขึ้นด้วยสีหน้าหนักแน่น “ตราบใดที่พวกนางยอมใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับพวกเราและให้กำเนิดทายาทของเผ่าเรา พวกนางจะได้รับสถานะเป็นผู้มีพระคุณของเผ่าเรา! หากต่อไปใครกล้าที่จะรังแกพวกนาง เผ่าภูตดินทั้งหมดจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องพวกนางอย่างสุดความสามารถ ท่านผู้ส่งสาสน์ ข้าควรส่งข่าวให้เผ่าของข้าส่งคนของเรามาปกป้องพวกนางเพิ่มเติมดีไหม?”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัว “เรื่องนั้นยังไม่จำเป็นตอนนี้และยิ่งเมื่อพวกเจ้าเดินทางไปถึงอาณาจักรจันทราของลูกชายข้า เรื่องส่งคนมาคุ้มกันเพิ่มยิ่งไม่จำเป็นเข้าไปใหญ่ เอาล่ะตอนนี้พวกเจ้าก็จงใช้เวลาที่เหลืออยู่ให้คุ้มค่ามากที่สุดในการให้กำเนิดทายาท หลังจากนั้นเมื่อครบกำหนดเวลา พวกเจ้าก็จงกลับไปที่อาณาเขตเหยาชานเพื่อสร้างประตูเคลื่อนย้ายของพวกเจ้าเองซะ ในอนาคตเจ้าและพวกของเจ้าจะได้สามารถเดินทางมาที่นี่หรือไปหาลูกชายของข้าได้สะดวก”
“น้อมรับบัญชาท่านผู้ส่งสาสน์!” ซวนหยวนตู่โค้งคำนับ “เอาล่ะฝ่าบาท ไหนล่ะคนของท่านที่ท่านพูดว่าจะให้แต่งงานกับคนของข้า? พวกเรารีบไปจัดการให้เสร็จเลยตอนนี้เถอะ!”
หลิงตู้ฉิงขมวดคิ้วและถามแทรก “นี่เจ้าได้เตรียมสินสอดไว้บ้างรึยัง?”
“สินสอด?” ซวนหยวนตู่แสดงสีหน้างุนงง
เผ่าภูตดินนั้นไม่มีงานแต่งอะไรทั้งนั้นมาไม่รู้กี่ปีต่อกี่ปีแล้ว ดังนั้นนอกเหนือจากมารยาทเบื้องต้นต่าง ๆ ที่หลิงตู้ฉิงเคยสอน พวกเขาจึงไม่รู้ว่าอะไรคือสินสอด!
หลิงตู้ฉิงมองไปที่ซวนหยวนตู่ด้วยสีหน้าจนใจทันที และย้อนนึกไปถึงตัวของเขาเองในอดีตที่ก็ไม่รู้เรื่องนี้เหมือนกันในตอนแรก
หลิงตู้ฉิงกวักมือเรียกให้ซวนหยวนตู่เดินเข้ามาใกล้ ๆ และพูดว่า “เข้ามานี่ เดี๋ยวข้าจะให้เจ้าดูสิ่งต่าง ๆ จงอย่าขัดขืนปล่อยใจให้สงบ”
เหล่าภูตดินนั้นขาดความรู้เกี่ยวกับโลกมากไป หากเขาจะอธิบายด้วยปากเปล่านั้นมันคงจะต้องใช้เวลานานเกินไป ดังนั้นเขาจึงสร้างห้วงความฝันที่มีเรื่องราวเกี่ยวประเพณีต่าง ๆ ที่พวกภูตดินจำเป็นต้องรู้ขึ้นมาและใช้ห้วงนิทราแห่งราชันกับซวนหยวนตู่ให้เข้าไปสัมผัสเอาเอง
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ ซวนหยวนตู่ก็ตื่นขึ้น จากนั้นเขาหันไปพูดกับจักรพรรดินีภูตนางฟ้าด้วยสีหน้าอับอายว่า “ฝ่าบาท ข้าต้องขออภัยด้วยจริง ๆ เนื่องจากข้าไม่รู้เรื่องราวเหล่านี้มาก่อน ข้าจึงทำเรื่องราวน่าอับอายไปลงไป เอาเป็นว่าเพื่อเป็นการขออภัยและทำทุกอย่างให้เหมาะสมกับที่เผ่าของท่านนับได้ว่าเป็นผู้มีพระคุณของเผ่าข้า”
“นับจากนี้ข้าจะส่งคนของข้าที่มีความแข็งแกร่งขอบเขตมหาจักรพรรดิขั้นสูงสุดให้กับท่าน 3 ตน เพื่อเอาไว้คอยติดตามรับใช้และฟังคำสั่งจากท่านเป็นการถาวรหรือจนกว่าชีวิตของพวกเขาจะหาไม่!”