บทที่ 1271 – ศักยภาพของแมงมุมอสูร 7 เศียร หุ่นเชิด
มีคำกล่าวเอาไว้ว่าหญิงสาวทุกๆคนสามารถที่จะเป็นเทพธิดาได้ มีหญิงสาวมากมายที่ผู้คนรู้สึกว่าพวกนางนั้นเป็นเหมือนเทพธิดา ไม่ว่าจะทำอะไรย่อมตราตรึงอยู่ภายในใจของชายหนุ่มทุกคน
ในตอนนี้ชิงสุ่ยรู้สึกว่าติ๊เฉินมันเป็นเทพธิดาที่มีความหมายสำหรับเขายิ่งนัก เขาไปที่ใบหน้าที่งดงามยิ่งรักของนางและดวงตาที่สามารถสั่นคลอนไปทั้งเมืองได้ มีความขี้เล่นที่ซ่อนเอาไว้อยู่ภายในรอยยิ้มที่เอียงอายของนาง ไม่มีสิ่งใดจะงดงามเกินกว่าสิ่งที่เขาได้เห็นในตอนนี้
เมื่อเป็นเช่นนี้ชิงสุ่ยก็กอดนางอย่างเงียบๆขณะพูดคุยกัน เขารอจนกว่าติ๊เฉินจะหลับไป จากนั้นเขาก็ค่อยออกมาช้าๆ ตอนนี้มันใกล้เวลาแล้วที่เขาจะต้องเข้าไปยังดินแดนหยกยุพราชอมตะ
สำหรับในตอนนี้ความก้าวหน้าของพลังของเขาในตอนนี้นั้นถือว่าใช้ยิ่งนัก อย่างน้อยในตอนนี้มันก็คืบหน้าไปได้อย่างช้ามาก แต่เขาก็ใช้โอกาสนี้เพื่อที่จะฝึกฝนให้ใช้พลังของตนเองได้อย่างชำนาญและสร้างสมบัติต่างๆ ขอการใช้โอกาสนี้ในการปรุงยาและสร้างเครื่องมือแพทย์ขึ้นมาหลายชิ้น
ทันทีที่เขาเข้าไปยังดินแดนหยกยุพราชอมตะ พลังวิญญาณที่ทรงพลังก็เข้าปะทะกับใบหน้าของเขา นี่เป็นกลิ่นอายที่คุ้นเคยซึ่งทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกพึงพอใจกับมันยิ่งนัก ไม่ว่าเขาจะมองไปที่ใดในดินแดนแห่งนี้เขาก็รู้สึกมีความสุขอย่างยิ่ง
ทั้งวิหคเพลิงและมังกรไอยราเกล็ดทองคำนั้นสามารถพัฒนาความแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างรวดเร็วในตอนนี้ ชิงสุ่ยสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจน ความเร็วในการพัฒนาความแข็งแกร่งของมังกรไอยราเกล็ดทองคำนั้นทำให้ชิงสุ่ยต้องตกตะลึง อาจเป็นไปได้ว่ามันคือพลังที่หลงเหลืออยู่มังกรเพลิง เพราะสายเลือดของมังกรเพลิงนั้นถือว่าบริสุทธิ์ยิ่งนัก
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาพลังพื้นฐานของมันก็ได้เพิ่มขึ้นมากว่า 3,000 เมฆา นอกจากนี้แทนที่ความเร็วของมันจะลดลงไป ความเร็วของมันกลับเพิ่มขึ้นมาอีก แน่นอนว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะอัตราส่วนของเวลาภายในดินแดนหยกยุพราชอมตะมันเป็นเวลาที่นานมากเมื่อเทียบกับโลกภายนอก
อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ชิงสุ่ยประหลาดใจมากที่สุดนั่นก็คือแมงมุมอสูร 7 เศียร สำหรับในตอนนี้การเติบโตของมันนั้นเกินกว่าความรู้ที่มีของชิงสุ่ยไปแล้ว มันได้กินผลอับเฉา 1000 ปี 1 ใน 3 ลูกเข้าไปและต้นที่มันได้กินไปนั้นตอนนี้ก็ได้ผลิดอกออกผลใหม่มาแล้ว
นี่อาจมีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับแมงมุมที่เติบโตขึ้นจนถึง 7 เศียร นี่ทำให้แมงมุมอสูร 7 เศียรขึ้นเป็นสัตว์อสูรชั้นสูงสุดและหากสายเลือดบรรพกาลภายในร่างกายของมันได้รับการตื่นขึ้นทางสายเลือด นั่นจะช่วยทำให้อัตราการพัฒนาความแข็งแกร่งของมันนั้นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้ว่ามันอาจเทียบไม่ได้กลับมังกรไอยราเกล็ดทองคำ พลังของมันก็ต้องเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 เท่าตัวแน่นอน
ร่างกายของมันในตอนนี้ก็ดูเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้น แมงมุมอสูร 7 เศียรนั้นเป็นสัตว์อสูรสายควบคุม ทางของมันเพิ่มขึ้นมา 10% ความสามารถในการควบคุมของมันก็จะเพิ่มขึ้นมาอย่างน้อย 30% ดังนั้นหากพลังของมันเพิ่มขึ้นมา 1 เท่าตัวนั่นหมายความว่าความสามารถในการควบคุมของมันก็จะเพิ่มขึ้นมากว่า 3 เท่าตัว
ชิงสุ่ยยังคงตรวจสอบพลังในตอนนี้ของแมงมุมอสูร 7 เศียร มันแข็งแกร่งขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ เขาต้องตรวจสอบมันดูด้วยเคล็ดวิชาเบิกเนตรสวรรค์ของตนเอง
พลังพื้นฐานของมันเพิ่มขึ้นมาจนถึง 30,000 เมฆา ซึ่งนั่นเท่ากับพลัง 3 สุริยา นี่มันเกินกว่าที่เขาได้คาดการเอาไว้ มังกรไอยราเกล็ดทองคำและวิหคเพลิงในตอนนี้นั้นจะทรงพลังมากเพียงใดกัน? ดังนั้นชิงสุ่ยรู้ดีว่าย่อมมีสายเลือดชั้นสูงไหลเวียนอยู่ภายในร่างกายของแมงมุมอสูร 7 เศียร เพียงแต่เขาไม่รู้ว่ามันสืบทอดสายเลือดมาจากสัตว์อสูรประเภทใด
จุดปราณ 5 กำเนิด: เคล็ดวิชาที่มีมาแต่กำเนิดของแมงมุมอสูร 7 เศียร ช่วยเพิ่มพลังพื้นฐานของมันขึ้นอีก 30 เท่า ไม่ใช้พลังงานใดๆ
ในตอนนี้ชิงสุ่ยก็ได้เข้าใจนะว่าเหตุใดแมงมุมอสูร 7 เศียรถึงทรงพลังเพียงนี้ นั่นเป็นเพราะจุดปราณ 5 กำเนิดที่ได้ให้ผลมากขึ้นกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้
ใยแมงมุมพิษกัดกร่อน: แมงมุมอสูร 7 เศียรโจมตีออกไปด้วยเส้นใยอันทรงพลังของมัน การโจมตีครั้งนี้เต็มไปด้วยพิษกัดกร่อนและใยแมงมุมนี้ก็เหนียวยิ่งนัก ใยแมงมุมนี้ไม่สามารถตัดด้วยมีดหรือดาบใดๆ ความเสียหายที่สร้างขึ้นจากใยแมงมุมพิษนี้คิดเป็น 3 เท่าของพลังพื้นฐานของมัน
เส้นใยพิษพันธนาการ: แมงมุมอสูร 7 เศียรสามารถปลดปล่อยใยแมงมุมพิษเพื่อโจมตีภายในระยะ 2,000 เมตรได้ มันสามารถเข้าพัวพันศัตรูได้อย่างรวดเร็ว ความเหนียวและความเป็นพิษของใยแมงมุมนี้ก็ทรงพลังยิ่งนัก ความเสียหายที่สร้างขึ้นจากใยแมงมุมพิษนี้คิดเป็น 5 เท่าของพลังพื้นฐานของมัน
ฝูงแมงมุมจู่โจม: ความสามารถที่เป็นเอกลักษณ์ของราชันสัตว์อสูร มันสามารถเรียกลูกน้องที่ทรงพลังออกมาได้และควบคุมให้โจมตีไปพร้อมพร้อมกัน ลูกน้องของมันนั้นสามารถวิวัฒนาการได้จนถึงระดับแมงมุมอสูร 6 เศียร
ฝูงแมงมุมจู่โจมนั้นได้มีการเปลี่ยนแปลงไป ในตอนนี้ชิงสุ่ยโคนันเข้าใจแล้วว่าเหตุใดแมงมุมอสูรที่อยู่รอบรอบตัวของแมงมุมอสูร 7 เศียรไม่มีตัวใดที่ทรงพลังไปกว่ามันเลย นั่นก็เพราะแมงมุมอสูร 7 เศียรนั้นถือเป็นราชันของสายพันธุ์นี้แล้ว นี่เป็นเหมือนกฎแห่งธรรมชาติ
แมงมุมชักใยจู่โจม: เคล็ดวิชาติดตัว ไม่ใช้พลังงานใดๆ เพิ่มความเร็วขึ้นอีก 10 เท่า
แมงมุมชักใยจู่โจมก็ได้เพิ่มความเร็วขึ้นจาก 8 เท่าเป็น 10 เท่า นอกจากนี้มันยังกลายเป็นเคล็ดวิชาติดตัว ชิงสุ่ยมีความสุขอย่างยิ่งที่ได้เห็นเช่นนี้
ขาแห่งราชันย์แมงมุม: ขาทั้ง 8 ข้างของแมงมุมอสูร 7 เศียรนั้นแหลมคมยิ่งนัก มันมีความเป็นพิษสูงและมีความสามารถในการเจาะทะลุ
เปลือกแห่งราชันย์แมงมุม: พลังป้องกันของแมงมุมอสูร 7 เศียรนั้นทรงพลังยิ่งนัก
เกราะราชันย์แมงมุมทองคำ: เพิ่มพลังป้องกันของขาแห่งราชันย์แมงมุมและเปลือกแห่งราชันย์แมงมุมขึ้นอีก 4 เท่า มันยังช่วยเพิ่มความเหนียวของใยแมงมุม ความเป็นพิษ และการติดแน่น ขึ้นอีก 4 เท่า ยิ่งไปกว่านั้นมันยังเพิ่มพละกำลังและความทรหดอดทนขึ้นอีก 1 เท่า ไม่ใช้พลังงานใดๆ!
ความสามารถที่เพิ่มขึ้นของเกราะราชันย์แมงมุมทองคำทำให้ชิงสุ่ยมีความสุขมากที่สุด เพราะว่ามันช่วยเพิ่มความสามารถในการควบคุมของแมงมุมอสูร 7 เศียรและยังเพิ่มความเสียหายที่มันสามารถสร้างขึ้นได้
ภายใต้ขนของจุดปราณ 5 กำเนิด พลังของแมงมุมอสูร 7 เศียรนั้นจะมีมากถึง 93 สุริยา การโจมตีด้วยใยแมงมุมพิษของมันนั้นจะมีพลังมากขึ้น 279 สุริยา ขณะที่พลังโจมตีของเส้นใยพิษพันธนาการนั้นประมาณ 465 สุริยา
ความสามารถนี้ค่อนข้างดีแต่มันก็ถือว่าแค่ดีเท่านั้น เมื่อมันได้อยู่ในการต่อสู้ที่แท้จริงมันยังถือว่าอ่อนแออยู่เล็กน้อย แต่แมงมุมอสูร 7 เศียรนั้นยังมีเกราะราชันย์แมงมุมทองคำ นี่ทำให้ร่างกายของมันแข็งและแหลมคมขึ้นถึง 4 เท่าและยังช่วยเพิ่มความสามารถทั้งหมดของใยแมงมุมของมันขึ้นอีก 4 เท่า นอกจากนี้มันยังสามารถช่วยเพิ่มพละกำลังและความทรหดอดทนขึ้นอีก 1 เท่าโดยไม่ใช้พลังงานใดๆเลย
ดังนั้นพลังในการควบคุมของแมงมุมอสูร 7 เศียรนั้นจะมีมากกว่า 1,000 หรือ 2,000 สุริยา แมงมุมอสูร 7 เศียรในตอนนี้นั้นยังสามารถเพิ่มพลังขึ้นอีกได้ เขาเชื่อว่าในอนาคตแมงมุมอสูร 7 เศียรย่อมสามารถเทียบได้กับมังกรไอยราเกล็ดทองคำและวิหคเพลิง
เมื่อเทียบกันแล้วอสูรอัสนีคลั่งนั้นยังถือว่าด้อยกว่ามันมากนัก อย่างไรก็ตามมันยังคงมีความเร็วที่ถือว่ามากรวมถึงจิตแห่งปราณภายในดินแดนหยกยุพราชอมตะก็มีอยู่อย่างมากมายเช่นกัน เพียงแค่มีระยะเวลาภายในดินแดนแห่งนี้ก็ถือว่าสำคัญยิ่งนัก
หลังจากนั้นชิงสุ่ยก็เริ่มสร้างอาวุธและอุปกรณ์ต่างๆของเขา เขาพยายามจะสร้างมันในทุกๆวัน หากไม่มีเหตุสุดวิสัยแต่อย่างใดเขาก็จะไม่ล่าช้าอย่างเด็ดขาด นอกเหนือจากนี้ชิงสุ่ยย่อมมองหาหนทางต่างๆที่ช่วยยกระดับให้แก่อาวุธและอุปกรณ์ต่างๆของเขาได้ ตราบใดที่อาวุธของเขาได้รับการยกระดับขึ้นเขารู้สึกว่าเขาสามารถเดินทางไปยังทุกแแห่งหนของมหาทวีปอู่เซียตะวันตกพร้อมกับสัตว์อสูรของเขาได้อย่างสบายๆ
ในวันถัดมาหลังจากที่เขาได้ตื่นขึ้น ชิงสุ่ยก็ออกมาฝึกฝนในตอนเช้าเหมือนดังปกติ แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันสิ้นปีแต่เขาก็ยังคงฝึกฝนเพื่อพัฒนาความสามารถของตนเอง เพราะพลังนั้นสำคัญที่สุดในชีวิตของเขา แน่นอนว่าในวันนี้เขาวางแผนที่จะพาพวกนางทุกๆคนไปเดินเล่นรอบๆจักรวรรดิแห่งนี้ มันต้องสนุกอย่างแน่นอน วันนี้คงเป็นวันที่คึกคักอย่างยิ่งแน่นอน
“วันนี้ไม่มีเรื่องอะไรที่เราจำเป็นต้องทำ เช่นนั้นออกไปเดินเล่นซื้อของรอบๆเมืองแห่งนี้กันดีหรือไม่?” ชิงสุ่ยเสนอความคิดนี้ขึ้นมาในระหว่างมื้ออาหาร
“ตกลง!”
“ข้าเกือบจะตายไปเพราะความน่าเบื่อของที่นี่เสียแล้ว”
ทั้งชิงซาและองค์หญิงเจ็ดต่างรีบเห็นด้วยกับความคิดนี้อย่างรวดเร็ว
สำหรับพวกนางการที่ได้ออกไปข้างนอกนั้นเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งนัก กลุ่มของเขานั้นเดินไปพร้อมๆกัน ชิงสุ่ยจับมือของติ๊เฉินเอาไว้ข้างหนึ่งขณะที่มืออีกข้างจับมือขององค์หญิงใหญ่เอาไว้ และหญิงสาวทั้ง 2 คนนี้ก็จับมือของหญิงสาวคนอื่นๆต่อไปเป็นทอดๆเสมือนกับสร้างวงกลมขึ้นมา หลังจากนั้นชิงสุ่ยก็ได้ใช้ทักษะย่างก้าว 9เทวา
จักรวรรดิราชันย์มังกรสวรรค์!
หลังจากใช้ทักษะย่างก้าว 9เทวาอย่างต่อเนื่องไปประมาณ 10 ครั้ง ชิงสุ่ยก็หยุดใช้มัน เขาต้องการที่จะเก็บจำนวนครั้งที่ยังสามารถใช้ได้เอาไว้เดินทางกลับบ้าน หลังจากที่เขาได้สอบถามคนอื่นๆก็พบว่าสถานที่แห่งนี้อยู่ใกล้กับจักรวรรดิเดชสวรรค์
จักรวรรดิราชันย์มังกรสวรรค์งั้นเป็นจักรวรรดิที่อยู่ในจุดสูงสุดของขั้นที่ 3 แน่นอนว่ามันได้สืบทอดการปกครองมาอย่างยาวนาน สำหรับความแข็งแกร่งที่แท้จริงของพวกเขานั้นมีเพียงจักรวรรดิราชันย์มังกรสวรรค์เองเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้
ผู้อาวุโสจากสำนักสวรรค์เร้นลับได้แนะนำเขาก่อนหน้านี้ว่ามิให้ดูถูกจักรวรรดิใดๆ แม้ว่าจะเป็นเพียงจักรวรรดิระดับแรกเท่านั้น เพราะสีพวกเขาจะไม่ได้ดูแข็งแกร่งมากเท่าไหร่แต่สิ่งที่สืบทอดกันมานั้นไม่อาจประมาทได้ มันไม่น่าแปลกใจเลยที่สิ่งเหล่านี้จะสามารถสืบทอดกันมาได้อย่างยาวนานหลายปี สิ่งที่สำคัญที่สุดนั้นคือการที่จะตรวจสอบว่าสิ่งที่พวกเขาสืบทอดนั้นทรงพลังมากเพียงใด มีตำนานกล่าวไว้ว่าผู้พิทักษ์เทวะธรรมขั้นที่ 1 มากมายได้รับพลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและพุ่งทะยานไปถึงขั้นที่ 4 หรือแม้แต่ขั้นที่ 5 แน่นอนว่านั่นเป็นเพียงเรื่องที่บันทึกไว้ในตำนาน เมื่อคนๆหนึ่งสามารถไปถึงจุดสูงสุดของโลกใบนี้ได้ เขาย่อมต้องพาญาติพี่น้องและมิตรสหายของตนเองไปด้วยเช่นกัน ซึ่งหลายคนก็เป็นเช่นนี้โดยที่ไม่ได้มีการตรวจสอบความจริงใดๆ ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าเรื่องนี้อาจจะเคยเกิดขึ้นหรือไม่เคยเกิดขึ้นก็ได้
จักรวรรดิราชันย์มังกรสวรรค์นั้นตั้งอยู่ทางทิศเหนือของจุดศูนย์กลางของมหาทวีปนี้ มันถือว่าเป็นจักรวรรดิที่ก้าวหน้ายิ่งนัก แม้ว่าจะเทียบกับจักรวรรดิขั้นที่ 4 ความแตกต่างนั้นก็ถือว่าไม่มาก กลุ่มของพวกเขาเดินไปตามถนนที่กว้างใหญ่และดูสิ่งต่างๆรอบตัว
ถนนเส้นนี้เต็มไปด้วยความคึกคักมากมาย เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้เครื่องแต่งกายหลากหลายสีสันนั้นมีมาให้เห็นอยู่เรื่อยๆ
ชิงสุ่ยและกลุ่มของเขานั้นเป็นที่จับตามองของผู้คนที่อยู่บนถนน เพราะหญิงสาวที่อยู่รอบตัวเขานั้นพวกนางงดงามยิ่งนักจนบางครั้ง 100 ปีอาจจะปรากฏให้เห็นเพียงแค่คนเดียว จึงทำให้การปรากฏตัวของชิงสุ่ยนั้นดึงดูดสายตาของผู้คนมากมาย ดังนั้นตลอดเส้นทางที่พวกเขาได้เดินไปมีคนมากมายที่ได้กล่าวชื่นชมพวกเขา ผู้ชายจะชื่นชมชิงสุ่ยในขณะที่ผู้หญิงจะอิจฉาหญิงสาวรอบรอบตัวเขา พวกนางอิจฉาที่หญิงสาวรอบๆตัวเขานั้นงดงามกว่าจนพวกนางเทียบไม่ติด
“ชิงสุ่ย ดูสิ! มีคนขายหุ่นเชิดอยู่ที่นี่ด้วย!” เหยียน จินยวี้กล่าวออกมาทันที
ชิงสุ่ยตกตะลึงไป เมื่อเขานึกถึงหุ่นเชิดเขาก็นึกถึงนักปราชญ์สุขสำราญที่ได้พบกัน อวี้ ลู่หยาน ถานท่าย หยวนและตัวเขาเองต่างเคยพบนักปราชญ์สุขสำราญมาแล้วครั้งหนึ่ง นอกจากนี้พลังของพวกเขายังได้เพิ่มขึ้นมากมายหลังจากการพบกันครั้งนั้น ผู้อาวุโสผู้นี้ดูเหมือนจะมีหุ่นเชิดอยู่มากมาย
ดังนั้นชิงสุ่ยจึงมีปฏิกิริยากับคำว่าหุ่นเชิดอยู่เล็กน้อย
ชิงสุ่ยเห็นว่าผู้ที่ขายหุ่นเชิดนี้ก็เป็นชายวัยชรา แต่เขาไม่ใช่นักปราชญ์สุขสำราญ จึงทำให้เหยียน จินยวี้รู้สึกสนใจอย่างยิ่ง เขายิ้มและตอบกลับไปว่า “ดูเหมือนว่าน้องสาวเหยียนจะชื่นชอบหุ่นเชิดยิ่งนัก ทำไมเราไม่ไปดูร้านนั้นกันหน่อยล่ะ?”
เหยียน จินยวี้ยิ้มและพยักหน้า แม้ความงามของนางจะถือว่าด้อยกว่าติ๊เฉินและองค์หญิงใหญ่ แต่นางก็ยังคงมีเสน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง
กลุ่มของพวกเขาเดินทางมาที่นี่เพื่อพักผ่อน ดังนั้นหากมีใครสนใจสิ่งใดพวกเขาทั้งหมดก็ยังพากันไปอยู่ด้วยกัน ชิงสุ่ยยังมีความสุขที่ได้เห็นพวกนาเป็นเช่นนี้ ในใจของเขาเขาหวังว่าจะได้พบสมบัติที่ล้ำค่าในที่นี่บ้าง เขาคิดกับตัวเองว่าตราบใดที่เขาพบเจอสมบัติที่ล้ำค่าเขาย่อมสามารถหาทางซื้อมันออกไปจากที่แห่งนี้ได้
กลุ่มของเขาเดินเข้าไปยังร้านของชายชราที่ขายหุ่นเชิดหนี มีหุ่นเชิดมากมายนับร้อยตัวอยู่ตรงหน้าของชายชรา ชิงสุ่ยได้เห็นร้านนี้เมื่อตอนที่เหยียน จินยวี้บอกเขาก่อนหน้านี้เท่านั้น มีผู้คนมากมายอยู่เลยรอบร้านแห่งนี้ เมื่อได้เข้ามาแล้วเขาก็เห็นว่ามีหุ่นเชิดมากมายหลายสีและหลายขนาด บางตัวมี 3 สีบางตัวก็มี 4 สี
ชายชราดูแก่ชราแต่ใจดีอย่างยิ่ง เพียงมองครั้งแรกชิงสุ่ยก็รู้สึกว่าชายชราผู้นี้คล้ายคลึงกับซานตาคลอสยิ่งนัก คนส่วนใหญ่ที่อยู่ในร้านแห่งนี้ต่างเป็นเด็กๆ แต่ก็ยังคงมีบางคนที่เป็นชายหนุ่มและหญิงสาว
หุ่นเชิดของที่นี่ดูงดงามจริงๆ มองแค่ครั้งเดียวก็รู้ได้ว่ามันถูกสร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันทุกตัว เมื่อได้สอบถามชายชรา ชิงสุ่ยก็รู้ว่าหุ่นเชิดพวกนี้ ชายชรานั้นได้สร้างมันขึ้นมาจากมือของเขาทุกตัว
ชิงสุ่ยถามคำถามอีกมากกว่าร้อยครั้งแล้วมอบหุ่นเชิดให้กับหญิงสาวของเขาแต่ละคน เขาพยายามจะช่วยเหลือธุรกิจของชายชราและคุณภาพของหุ่นเชิดพวกนี้ก็ถือว่าดียิ่งนัก
“ชิงสุ่ย เจ้าชอบหุ่นเชิดพวกนี้หรือไม่? เจ้าถามคำถามเขาเสียมากมายเลย” ติ๊เฉินถามด้วยรอยยิ้ม
“พวกมันก็ไม่เลวนะ ข้าคิดจะเก็บมันไว้เพื่อลูกของเราจะสามารถเล่นมันได้ในอนาคต” ชิงสุ่ยมองไปที่นางพร้อมกับรอยยิ้ม
ชิงสุ่ยไม่ได้กล่าวเสียงดังมากนักแต่ติ๊เฉินนั้นสามารถได้ยินมันอย่างชัดเจน ใบหน้าของนางเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง นางยังคงมองมาที่เขาแต่ก็ยังคงเงียบ อย่างไรก็ตามนางรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้ด้วยคำพูดภายในจิตใจของนาง มันเป็นความรู้สึกที่แปลกใหม่ยิ่งนักโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้ยินคำว่า ‘ลูกของเรา’ นางก็มีความรู้สึกเช่นนี้
“น้องชาย โปรดรอก่อน!”
ในตอนที่ชิงสุ่ยและคนอื่นกำลังจะจากไป ชายชราก็ได้เรียกเขา
ชิงสุ่ยหยุดแล้วมองไปยังชายชรา “ท่านผู้อาวุโส มีอะไรหรือไม่?”
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะชอบหุ่นเชิดมาก ถ้ามีหุ่นเชิดบางตัวที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษของข้า แต่เนื่องจากพวกมันไม่มีประโยชน์สำหรับข้า ข้าจึงคิดที่จะมอบมันให้แก่เจ้า” ชายชรายื่นกระเป๋ามาให้ชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยนั้นรับรู้ได้ว่าชายชรานั้นจริงจังอย่างยิ่งเมื่อตอนที่เขายืนกระเป๋ามาให้ กระเป๋านี้ดูไม่ได้ใหญ่มากนักและคงมีหุ่นเชิดภายในนั้นไม่มากนัก แต่เมื่อเทียบกับหุ่นเชิดธรรมดา หุ่นเชิดภายในกระเป๋านี้หนักกว่ามาก
ในตอนที่ชิงสุ่ยมองเข้าไปในกระเป๋านี้เขาตกตะลึงทันที หุ่นเชิดที่อยู่ภายในกระเป๋านี้ไม่ได้มีสีสดใสและสวยงาม ความจริงแล้วพวกมันดูเก่าแก่ยิ่งนัก แต่ก่อนหน้านี้ชิงสุ่ยบ่ได้ใช้เคล็ดวิชาเบิกเนตรสวรรค์ของเขา
หุ่นเชิดสวรรค์!
ผู้คนที่ใช้หุ่นเชิดนั้นอาจกล่าวได้ว่าหุ่นเชิดธรรมดานั้นสามารถรับการโจมตีได้ไม่กี่ครั้ง หุ่นเชิดที่มีระดับแตกต่างกันย่อมสามารถรับการโจมตีได้แตกต่างกัน ผู้ใช้ที่จำเป็นต้องใส่จิตแห่งปราณลงไปในหุ่นเชิด เพื่อที่จะบ่งบอกความเป็นเจ้าของ
ชิงสุ่ยเห็นพวกมันมากกว่า 10 ตัวภายในกระเป๋านี้จึงรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง พวกมันถือว่าล้ำค่ายิ่งนักในโลกใบนี้
“ท่านผู้อาวุโส นี่มันล้ำค่าเกินไป ข้าไม่อาจรับมันเอาไว้ได้” ชิงสุ่ยไม่ได้เสแสร้งแต่อย่างใด เขาไม่ชอบที่จะรับประโยชน์มากมายจากคนแปลกหน้า แม้ว่าเขาจะยังไม่รู้ว่าหุ่นเชิดทำอะไรได้บ้าง แต่เขาก็รู้ว่ามันน่าจะล้ำค่ายิ่งนัก
“เพราะเจ้าสามารถบอกได้ว่ามันล้ำค่า เช่นนั้นเจ้าก็สามารถรับมันไปได้ นี่คือโชคชะตา ข้าคิดว่าที่ข้ามอบได้มอบให้เจ้านั้นถือว่าเหมาะสมแล้ว” ชายชราหยิบหนังสือที่ดูเก่าแก่ออกมาและมอบมันให้กับชิงสุ่ย
สารานุกรมแห่งหุ่นเชิดสวรรค์!
นี่ช่างเป็นชื่อหนังสือที่ล้ำค่าอย่างยิ่ง!