บทที่ 1294 – ร่างกายสองแบบที่เหมาะกับการฝึกทักษะครอบครองสัตว์อสูรเทวะ การเตรียมพร้อม
ชายชราเองพอจะรู้ว่าสภาพร่างกายของเขาเป็นเช่นไร และตอนนี้เขาก็ได้รับการรักษา เขามองชิงสุ่ยอย่างประหลาดใจและไม่อยากเชื่อ ราวกับคนในโลกก่อนหน้าของชิงสุ่ยที่สามารถหายจากมะเร็งได้
ชิงสุ่ยมองชายชราที่ดูตกใจจากผลการรักษา
“ถ้าไม่เกิดกับตัวข้า ข้าไม่มีทางเชื่อแน่ ชิงสุ่ย..ข้าจะไม่พูดอะไรมาก ข้าแค่จะสัญญาว่าข้าจะช่วยเหลือเจ้าด้วยชีวิตที่เหลืออยู่ของข้า”ชายชรายิ้มและมองชิงสุ่ยอย่างขอบคุณ
ชายชราขอบคุณชิงสุ่ยจากใจจริง เพราะชีวิตที่เหลืออยู่นี้เขาสามารถทำอะไรได้อีกมากมาย..เพื่อครอบครัว จากนี้ไปเขาสามารถรับพลังของเทวะแห่งเต๋าได้แล้ว หรือพัฒนาพลังเพิ่มขึ้น เพราะตอนที่เขาเข้าไปในประตูเทวะแห่งเต๋า เขาเพิ่งตระหนักได้ว่าพลังชีวิตของเขาเหลือน้อยเต็มที ไม่มีใครยอมรับเรื่องเช่นนี้ได้ และตอนนี้เขาก็ได้รับโอกาสอีกครั้ง เขาต้องดีใจอย่างแน่นอน
แม้จะเสี่ยงล้มเหลว แต่เมื่อได้ผลลัพธ์เช่นนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งนัก
“ประมุขเฉา พรุ่งนี้ข้าจะดูอาการของท่านอีกครั้ง”ชิงสุ่ยบอก
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องรีบร้อน” ประมุขเฉาตอบกลับอย่างมีความสุข
ประมุขเฉาและประมุขสุยสนิทสนมกันราวกับเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดจริง ๆ และเมื่อมีชะตาให้เป็นพี่น้องกันในโลกนี้ พวกเขาก็ปลงใจจะไปพบกันที่โลกหลังความตายเช่นกัน แต่เมื่อรู้ว่าพวกเขาสามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้ พวกเขารู้สึกมีความสุขที่สุดที่เคยมีมา
ชิงสุ่ยกลับไปปรุงอาหารให้หญิงสาวทั้งสาม ชิงซาตัวติดกับชิงสุ่ย แต่ถึงแม้เขาจะยุ่ง ชิงสุ่ยก็ไม่ลืมที่จะแสดงความรักต่อเธอในฐานะพ่อเช่นกัน
เขาได้คุยกับชายชราทั้งสอง ชิงสุ่ยได้รู้ว่าสำนักสวรรค์เร้นลับนั้นมีชื่อเสียงในมหาทวีปอู่เซียตะวันตก ใครก็ตามที่หาเรื่อง สำนักสวรรค์เร้นลับมักจะพบผลลัพธ์ที่น่ากลัว
ดังนั้นชิงสุ่ยจึงวางใจมากขึ้นแม้ตัวเขาจะไม่อยู่ที่มหาทวีปอู่เซียตะวันตก ก่อนหน้านี้ตัวเขาคงกังวลมากไป เพราะถึงแม้จะไม่มีเขา สำนักสวรรค์เร้นลับก็ปลอดภัยดี
“ท่านพ่อ ถ้าท่านออกเดินทางครั้งนี้ ท่านพาข้าไปด้วยได้ไหม?” ชิงซานั่งข้างๆชิงสุ่ยระหว่างทานอาหาร
ชิงสุ่ยยิ้มก่อนจะส่ายหน้า “อยู่ที่นี้และตั้งใจฝึกฝน ชีวิตของเจ้ายังอีกยาวไกล อย่าเพิ่งมาเสียเวลาเพราะพ่อเลย”
เธอรับคำอย่างเสียใจเล็กน้อย “ก็ได้ ข้าจะฟังที่ท่านพ่อบอก”
“หืม..เจ้าน่าจะรู้ว่าพลังนั้นสำคัญอย่างไร อย่าเพิ่งยอมแพ้ เมื่อเจ้าแข็งแกร่งขึ้น ก็ไม่มีปัญหาใดจะขวางเจ้าได้”ชิงสุ่ยบอก
เธอพยักหน้ารับ
ความสัมพันธ์ระหว่างชิงสุ่ยและองค์หญิงลำดับเจ็ดนั้นยังถือว่าเป็นความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แม้เขาจะไม่รู้ว่าองค์หญิงใหญ่ และองค์หญิงลำดับเจ็ดสนทนากันเรื่องอะไร แต่เพราะความสัมพันธ์ระหว่างเขาและองค์หญิงใหญ่ เกือบทำให้ทั้งสองต้องผิดใจกัน
แต่เรื่องนี้ก็ต้องพักไปก่อน แม้พวกเขาอาจจะพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ชิงสุ่ยก็ไม่รู้ว่าเนื้อหาเป็นอย่างไร อย่างไรซะ เขาและองค์หญิงลำดับเจ็ดในตอนนี้ก็คือเพื่อนที่ดีต่อกัน
เหยียน จินยวี้เคยเป็นพี่สาวร่วมสาบานของชิงสุ่ย และเธอก็ดูแลเขาดีมากทั้งทางร่างกายและจิตใจ เป็นการดูแลแบบที่พี่สาวมีให้น้องชาย
ความสัมพันธ์ของชิงสุ่ยต่อตระกูลเหยียนในตอนนี้ มีเพียง เหยียน จินยวี้รวมถึงญาติพี่น้องของเหยียน จินยวี้เท่านั้น หากมีการเปลี่ยนรุ่นในตระกูล ชิงสุ่ยก็อาจจะเข้าไปสร้างความสนิทสนมกับพวกเขาอีกครั้ง เพียงแต่ยังไม่ใช่ในตอนนี้
คืนนั้นชิงสุ่ยเข้าไปในดินแดนหยกยุพราชอมตะ
ระหว่างกำลังเก็บสมบัติล้ำค่า ชิงสุ่ยมองไปที่ตำราทักษะครอบครองสัตว์อสูรเทวะ เขาคิดเกี่ยวกับสิ่งที่หญิงสาวพูดก่อนหน้านี้ ก็คือหากไม่มีสายเลือดของสัตว์อสูรถือเป็นเรื่องยากที่จะฝึกฝนมัน
ชิงสุ่ยเคยได้รับปราณมังกรมาครั้งหนึ่ง ยิ่งกว่านั้นเขายังมีร่างกายที่พิเศษ เขาจึงไม่สิ้นหวัง
เขารู้สึกว่าถ้าเขาพยายามอีกครั้ง เขาอาจจะสัมผัสได้ว่าทักษะนั้นปฏิเสธเขาหรือไม่ เพราะหากไม่ลองฝึกทักษะนี้ เขายิ่งรู้สึกเสียดาย
ชิงสุ่ยเลิกคิดมากและอ่านทักษะครอบครองสัตว์อสูรเทวะ
เงื่อนไขแรกของการฝึกฝนก็คือต้องมีสายเลือดของเผ่าสัตว์อสูร แม้เงื่อนไขนี้ไม่ได้จำกัด แต่คำว่า “ชนเผ่าของพวกเรา” ทำให้มันมีความเจาะจง
อีกเงื่อนไขคือมีพลังไม่ต่ำกว่า 7,000 สุริยา สิ่งสำคัญคือหากล้มเหลวในการฝึก ทักษะครอบครองสัตว์อสูรเทวะ คนๆนั้นจะไม่สามรถฝึกฝนได้อีก
ทักษะครอบครองสัตว์อสูรเทวะจะทำคุณสมบัติของสัตว์อสูรตื่นขึ้นในร่างกายของผู้ฝึกตน หาก ทักษะครอบครองสัตว์อสูรเทวะตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์ คนผู้นั้นก็สามารถนำพลังสัตว์อสูรนั้นไปใช้ในการต่อสู้ได้ ซึ่งต่างจากภาพหลอนในรูปแบบแรก เพราะขั้นตื่นขึ้นของพลังนั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่า และมีพลังแข็งแกร่งเสมือนสัตว์อสูรตัวจริง
การจะทำให้ตื่นขึ้นนั้นเกี่ยวข้องกับแก่แท้แห่งโลหิต!
แก่นแท้แห่งโลหิตของเผ่าสัตว์อสูรมีความคล้ายครึ่งกับของสัตว์อสูร และอัตราความสำเร็จนั้นจะยิ่งสูงขึ้น การใช้โลหิตจากร่างมนุษย์ที่มีอัตราสำเร็จค่อนข้างต่ำ หากล้มเหลวอาจมีโอกาสตายถึง 80% และโอกาสรอด 20% เท่านั้น และคนๆ นั้นจะไม่สามารถฝึกทักษะครอบครองสัตว์อสูรเทวะได้อีกในอนาคต ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นใครก็ต้องเสี่ยงดวงกันทั้งนั้น
อย่างไรก็ตาม มีการกล่าวถึงคนสองประเภทที่สามารถฝึกทักษะนี้ได้สำเร็จ 100% คนประเภทแรกคือคนที่มีหัวใจแห่งสัตว์อสูรหรือ สัตตะดวงใจลี้ลับ
หลวนหลวนมีโอกาสฝึกฝนทักษะนี้ได้สำเร็จ 100%!
ชิงสุ่ยนึกถึงอัจฉริยะในนิกายสันโดษที่มีหัวใจแห่งสัตว์อสูรพวกเขาฝึกฝนทักษะครอบครองสัตว์อสูรเทวะได้ในอนาคตและมีอัตราสำเร็จ 100% ไม่แปลกใจเลยที่นิกายของพวกเขาเป็นใหญ่ในมหาทวีปอู่เซียตะวันตก ราวกับว่าพวกเขามีไพ่ไม้ตายซ่อนอยู่
ระหว่างสัตตะดวงใจลี้ลับกับหัวใจแห่งสัตว์อสูรอะไรคือสิ่งที่แข็งแกร่งกว่ากัน?
ชิงสุ่ยไม่พบลูกสาวของเขานานมากแล้ว เขาจึงไม่รู้ว่าหลวนหลวนแข็งแกร่งระดับไหนในตอนนี้ ถ้าคาดคะเนจากอายุของเธอระดับพลังของเธอก็น่าจะเพิ่มขึ้น หลอดเลือดและหัวใจของเธอก็อาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลง
ด้วยความสามารถของชิงสุ่ยในตอนนี้ หลายคนคงเลิกยุ่งกับตระกูลชิงและชิงสุ่ยก็ได้ฝึกฝนพวกเขามากมาย ดังนั้นถึงเวลาที่จะต้องพัฒนาตระกูลให้ระดับสูงขึ้น แต่คงจะง่ายกว่าหากเริ่มโดยการฝึกฝนรุ่นต่อไป
ถึงอย่างนั้นชิงสุ่ยก็ไม่ได้สิ้นหวังต่อตระกูลชิง ความพยายามเกือบครึ่งหนึ่งของเขาก็เพื่อตระกูลชิง เพื่อให้ตระกูลของเขาอยู่อย่างยืนยาวและมีความสุข
เขาไม่เคยกลัวงานลำบาก ตราบเท่าที่มีสมาชิกครอบครัว ดังนั้นเขาจึงไม่ย่อท้อ
ชิงสุ่ยคิดเรื่องต่าง ๆ มากมาย คงไม่ใช่เรื่องแย่หากจะปล่อยให้ตระกูลชิงอยู่ใน 5 มหาทวีปในตอนนี้ แน่นอนว่าถ้า ทักษะย่างก้าว 9เทวาหรือ ธงสวรรค์ปัญจธาตุเปิดใช้งานได้อย่างเต็มรูปแบบ เขาคงเดินทางไปมาได้หลายที และเขาตัดสินจะพาทุกคนไปพร้อม ๆ กับเขาด้วย ชิงสุ่ยจึงไม่ยอมแพ้เรื่องนี้ เพราะในเมื่อเขาเลือกเส้นทางแห่งผู้ฝึกตนแล้ว เขาก็จะพยายามเพื่อทุกคน
เมื่อมอง ทักษะครอบครองสัตว์อสูรเทวะ ชิงสุ่ยรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เขาอยากจะฝึกฝน แต่เขากลัวว่าจะล้มเหลว ถึงแม้เขาจะมีสายเลือดของเผ่าสัตว์อสูร โอกาสที่จะล้มเหลวก็ยังคงสูง
ร่างกายของเขาเคยได้รับปราณแห่งมังกรมาก่อนหน้านี้ และมังกรก็ถือเป็นสัตว์อสูรที่อาจจะเป็นสัตว์อสูรอมตะ อย่างน้อยพวกมันก็เป็นสัตว์อสูรอมตะที่อาจจะแข็งแกร่งระดับอาณาจักรพลังปราณบรรชาสวรรค์พินาจ
ชิงสุ่ยตะลึง ทำไมเขาถึงเพิ่งคิดได้ ..สัตว์อสูรที่ว่านั้นหมายถึงมังกรที่แท้จริง…หรือว่ามังกรมรกตที่เขาเคยพบในทะเลแห่งปัญญา?
ถ้าอย่างนั้นลูกมังกรก็อยู่ในเงื่อนไขด้วยรึเปล่า?
ชิงสุ่ยมองตำราอย่างร้อนรน แม้จะอันตรายเกินกว่าจะฝึกฝน แต่ก็น่าเสียดายหากจะทิ้งไว้เฉย ๆ
หลังจากลังเล เขาหยุดอ่านตำรา ตอนนี้แข็งแกร่งมากขึ้นแล้ว ยิ่งกว่านั้นเขาอาจจะพบสมบัติแห่งสวรรค์และโลก หรือตัวยาบางอย่างที่อาจช่วยให้เขาทำสำเร็จ 100% ในการฝึกทักษะ ดังนั้นเขาควรสงบใจลง
เขาเริ่มฝึกตามปกติคือเพิ่มกำลัง ฝึกฝนและฝึกการปรุงยา ชิงสุ่ยหวังว่าเขาจะเพิ่มระดับของธงสวรรค์ปัญจธาตุ ได้โดยเร็ว หากสำเร็จเขาก็จะเดินทางได้สะดวกขึ้น
วันต่อมาชิงสุ่ยฝังเข็มให้ประมุขเฉา แม้การกระทำเช่นนี้ เขาอาจจะไม่ได้อะไร แต่อย่างน้อยชิงสุ่ยก็รู้สึกดีที่ได้ช่วยเหลือ
ความสัมพันธ์ของคนมักมีผลประโยชน์หรือสัญญาเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่นสองตระกูลที่ฐานะพอ ๆ กัน ก็มักจะจับลูกหลานให้แต่งงานกัน เพื่อให้ความสัมพันธ์นั้นยืนยาว หรือการร่วมงานกันอย่างโลกที่ชิงสุ่ยเคยอยู่ ทุกคนก็เลยกลายเป็นเพื่อนกัน เพื่อนแท้ หรือกลายเป็นคนรัก
ชิงสุ่ยคิดว่าที่ชายชราให้ฟู่ เหยียนเทียน และชิงสุ่ยต่อสู้กัน เพราะทั้งสองคงคิดว่าพวกเขามีความสามารถมาก และคงจะเป็นประโยชน์ต่อ สำนักสวรรค์เร้นลับ ในอนาคต แต่ชิงสุ่ยนั้นเทียบกับฟู่ เหยียนทียนไม่ได้ ดังนั้นแม้ชิงสุ่ยจะตายในการประลอง ก็คงไม่มีใครเข้ามาช่วยเขา
ชิงสุ่ยเองก็สร้างความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเพื่อให้พวกเขาดูแลอวี้ซูหนี่ ชิงซาและคนอื่น ๆ แม้จะเป็นการทำดีเพื่อหวังผล แต่ชิงสุ่ยคิดว่าความสัมพันธ์ของพวกเขานั้นมันมีความหมายมากกว่านั้น..
ในจิตใจของชิงสุ่ย เขาไม่มีมิตรสหายเท่าไร คนอย่างเทียน เจี้ยนเก้อก็เปรียบเสมือนเพื่อนทั่ว ๆ ไป
“ท่านทั้งสอง ข้าต้องไปแล้ว ข้าหวังว่าท่านจะดูแลทั้งสามแทนข้าด้วย”ชิงสุ่ยถอนเข็มออกจากร่างของชายชรา
“อย่าห่วงเลย ข้าจะดูแลพวกเขาเหมือนเป็นลูกแท้ ๆ ของข้า หลังจากนี้พวกเราก็จะได้เริ่มพัฒนาละดูแลสำนักสวรรค์เร้นลับ” ชายชราบอก
“ในอนาคต สำนักสวรรค์เร้นลับ เทือกเขาปู๋โถวและ นิกายบงกชเทวะ คงไปปรากฏตัวที่ 3 มหาทวีป แต่พวกท่านจะเป็นประมุขของ สำนักสวรรค์เร้นลับตลอดไป”ชิงสุ่ยพูดขึ้น
หลังจากพลังของเขาเพิ่มขึ้นรอบนี้ จิตใจของเขาตั้งความหวังเกี่ยวกับ 3 มหาทวีปไว้แล้ว เขาจะต้องมุ่งไปที่นั่นแน่ ไม่ว่าหญิงสาวคนนั้นกำลังต่อสู้อยู่กับใคร ชิงสุ่ยจะช่วยเหลือเธอและพระราชวังจอมอสูร
เมื่อคิดถึงหญิงสาวผู้เย็นชาและเหย่อหยิ่ง ชิงสุ่ยเป็นกังวลเรื่องของเธอเพราะเขารู้สึกเป็นหนี้แก่เธอ..