บทที่ 1288 – หมูป่านักล่าสมบัติ แขนที่หัก เจ้าไม่อาจฝึกฝนได้
ก่อนหน้านี้เมื่อเขาได้จับตาดูมันด้วยการรับรู้ทางจิตวิญญาณของเขา ครึ่งหนึ่งของสัตว์อสูรเวหาฝูงใหญ่พวกนี้ได้บาดเจ็บหรือตายลง ในตอนนี้ชิงสุ่ยยังไม่ทราบว่าการรับรู้ทางจิตวิญญาณที่กำลังจับตามองเขาอยู่นั้นมาจากไหน แต่ในตอนนี้เขารู้แล้วว่ามันมาจากจ้าวอสรพิษ!
เมื่อจ้าวอสรพิษที่พุ่งตรงมาหาเขาพร้อมกับพิษร้ายของมัน ชิงสุ่ยก็รีบเรียกหุบเขา 9 เทวาออกมาทันที
ในตอนนี้พลังโจมตีของหุบเขา 9 เทวานั้นมากยิ่งกว่า 4,400 สุริยา แม้ว่ามันจะยังถือว่าห่างจากพลังของจ้าวอสรพิษอยู่มาก ชิงสุ่ยก็ยังคงมีเคล็ดวิชาอื่นๆที่เขาซ่อนเร้นเอาไว้
เขาสะบัดมือขวาของเขาอีกครั้ง
กระบองวชิระอสูรอรหันต์ ท่วงท่าที่4 ห้าคลื่นทะยาน!
ชิงสุ่ยไม่ได้ตื่นตระหนกแต่อย่างใดเมื่อเขาได้เห็นแรงกดดันจากจ้าวอสรพิษ เขาเปิดใช้งานเขตแดนแห่งราชันย์และพลังธรรมชาติของตนเองจนถึงขีดสุด แม้ว่าพลังธรรมชาติและสงบนิ่งดังภูผาจะถูกรวมเข้าด้วยกันกับก้อนเมล็ดเจ็ดสี มันก็ไม่ได้มีผลเสียใดๆ
ในตอนที่จ้าวอสรพิษและหุบเขา 9 เทวาได้พุ่งเข้าปะทะกัน กระบองวชิระอสูรอรหันต์ของชิงสุ่ยก็ได้พุ่งเข้าไปพร้อมกับหุบเขา 9 เทวา กระบองทองคำอันมหึมานี้ทำให้ทั่วท้องฟ้าสว่างไสวยิ่งนัก
ตู้ม……
เสียงระเบิดดังขึ้นและทำให้ชิงสุ่ยต้องกระเด็นไป แม้ว่าเขาจะมีร่างกายที่แข็งแกร่งแต่เขาก็ไม่อาจป้องกันการเข้าปะทะของจ้าวอสรพิษได้ หากไม่ใช่เพราะหุบเขา 9 เทวาที่ทรงพลัง ร่างกายของเขากว่าจะถูกฉีกเป็นชิ้นชิ้นได้ หรือไม่งั้นเขาก็อาจถูกมันกลืนลงท้องไปเลยก็ได้
ร่างกายของจ้าวอสรพิษก็หยุดนิ่งลงจากการกระทำครั้งนี้ แต่หลังจากนั้นมันก็เคลื่อนที่อีกครั้งและพุ่งตรงมายังเขา ดวงตาสีดำอันเปล่งประกายของมันจ้องมองตรงมาที่ชิงสุ่ยราวกับมีแสงสีดำสาดส่องลงมา
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของจ้าวอสรพิษนั้นคือพิษของมัน แต่จงอย่าประมาทมันในด้านอื่นๆทั้งความเร็วและพลังของมันนั้นก็ไม่อาจดูถูกได้ มันคือสัตว์อสูรแห่งพิษและในเวลาเดียวกันมันก็เป็นราชันย์สัตว์อสูรขนาดยักษ์ บนศีรษะของมันมีมงกุฎสีดำที่ดูทรงพลังวางอยู่บนนั้น
แหวนศิลาหยกสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์!
เจตจำนงแห่งดวงใจ!
ชิงสุ่ยหลบการโจมตีจากพิษของมันอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นเขาก็ใช้วชิระสยบอสูรและปราณจักรพรรดิของมังกรไอยราเกล็ดทองคำอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้เขาได้ทำให้มันอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด ปกติแล้วผลที่ทำให้ศัตรูอ่อนแอลงนี้ย่อมมีเวลาของมัน มันสามารถทำให้พลังของศัตรูลดลงไป 2,000 สุริยาได้ในทันที อย่างไรก็ตามมันก็ยังเหลือพลังอีกมากกว่า 9,000 สุริยา
แม้ว่าความต่างของพลังระหว่างเขากับมันจะถือว่ามากยิ่งนัก แต่ชิงสุ่ยก็รู้สึกว่าเขาสามารถต่อกรกับมันได้ในตอนนี้
เป้ง!
ชิงสุ่ยเกือบจะหลงกลของมันจนไปสู่ความตาย โชคดีที่เขายังมีเกราะอสูรสำแดงและพลังธรรมชาติ เขารีบหลบการโจมตีของมันอย่างรวดเร็วและใช้ตราประทับแห่งวิหคศักดิ์สิทธิ์ออกมา
แม้ว่าหลังจากจะใช้ทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว พลังลมปราณและโลหิตภายในร่างกายของชิงสุ่ยก็ยังคงพุ่งพล่าน แต่เขารู้สึกวิงเวียนเล็กน้อย ดวงดาวสีทองภายในทะเลแห่งปัญญาของเขาก็เป็นประกายขึ้นและหลังจากนั้นมันก็ได้ปลดปล่อยพลังที่ทำให้ความวิงเวียนของเขาได้สลายหายไปออกมา
ตราประทับซวนเทียน!
ตราประทับสีเงินขนาดใหญ่พุ่งตรงเข้าไปหาร่างกายของจ้าวอสรพิษ ในตอนนี้มังกรไอยราเกล็ดทองคำใช้ปราณกระบี่วชิระเพื่อโจมตีจ้าวอสรพิษ
เมื่อเป็นเช่นนี้ทำให้ความเร็วของมันลดลงไปอย่างเห็นได้ชัด อสูรอัสนีคลั่งสวยโอกาสนี้และปลดปล่อยอัสนีกัมปนาทของมันออกมาทันที
ผนึกคลื่นเมฆาผกผัน!
วารีพันธนาการ!
ชิงสุ่ยได้คำนวณเรื่องพวกนี้เอาไว้ตั้งแต่ก่อนการต่อสู้แล้ว จ้าวอสรพิษนั้นมีสติปัญญาเหมือนกับมนุษย์ ชิงสุ่ยกลัวว่ามันจะไม่สนใจเขาและจะหันไปจัดการกับสัตว์อสูรของเขาแทน
อันที่จริงแล้วหลี่ ซือไถหนังสามารถกำจัดชิงสุ่ยได้อย่างรวดเร็วเมื่อเขาใช้สมบัติแห่งอสูรศักดิ์สิทธิ์ของเขา ปกติแล้วเขาไม่ได้มีความกังวลใดๆกับสัตว์อสูรที่อยู่รอบๆตัวของเขาเลย เมื่อชิงสุ่ยตายไป มันย่อมเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาที่จะจัดการสัตว์อสูรด้วยตัวเขาเอง
ตราประทับแห่งวิหคศักดิ์สิทธิ์!
ตราประทับแห่งวิหคศักดิ์สิทธิ์!
ชิงสุ่ยใช้ตราประทับแห่งวิหคศักดิ์สิทธิ์ออกไป 2 ครั้งติดต่อกัน
จ้าวอสรพิษที่ได้สูญเสียความเร็วของมันไปนั้นย่อมเป็นภัยคุกคามต่อชิงสุ่ยได้น้อยลงไป ในขณะเดียวกันอสูรอัสนีคลั่งก็ฉวยโอกาสนี้โจมตีมาจากระยะไกลๆ มันใช้อัสนีกัมปนาทโจมตีไปยังจ้าวอสรพิษอย่างต่อเนื่อง
ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ หลี่ ซือไถไม่ได้แสดงท่าทีที่เป็นกังวลต่อการโจมตีของอัสนีกัมปนาทเลย แต่ในที่สุดเขาก็ตระหนักได้ผลของมันเมื่อเวลาผ่านไป น่าเสียดายที่เมื่อเขาได้รับรู้เรื่องนี้มันก็สายไปแล้ว
ตราประทับแห่งวิหคศักดิ์สิทธิ์!
ในที่สุดตราประทับแห่งวิหคศักดิ์สิทธิ์ของชิงสุ่ยก็ได้ประสบผลที่ทำให้มันเพิ่มพลังโจมตีขึ้นเป็น 2 เท่าเมื่อเขาได้ใช้ออกไปในครั้งนี้ มันทำให้จ้าวอสรพิษต้องกระเด็นไปไกลและปล่อยเสียงร้องที่น่าขนลุกออกมา อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยนั้นก็สามารถสร้างอาการบาดเจ็บให้แก่มันได้
แม้ว่าพลังโจมตีที่ปลดปล่อยออกไปจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า แต่ความต่างของพลังระหว่างเขากับมันนั้นก็ยังคงมีอยู่ดี พลังกว่า 9,000 สุริยาได้เข้าปะทะกับพลังโจมตีของชิงสุ่ยที่มีประมาณ 12,000 สุริยา
ไม่ว่ายังไงมันก็ย่อมดีกว่าที่พลังโจมตีของเขาได้เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า พลังที่ระเบิดขึ้นมาในทันทีนี้ทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกว่าตนเองทรงพลังอย่างยิ่ง เขาหวังว่าเขาจะสามารถปลดปล่อยพลังเช่นนี้ได้โดยไม่ต้องรอโอกาสใดๆ
พลังที่ระเบิดขึ้นมาอย่างกะทันหันของชิงสุ่ยทำให้หลี่ ซือไถรู้สึกตกตะลึงอย่างยิ่งและเขารู้สึกไม่อยากจะเชื่อเลย อสูรอัสนีคลั่งนั้นก็รอบคอบอย่างยิ่ง มันเลือกจังหวะได้ดียิ่งนักในการปลดปล่อยอัสนีกัมปนาทไปโจมตีจ้าวอสรพิษอย่างต่อเนื่อง
ชิงสุ่ยยิ้มขณะที่เขาเห็นอาการตื่นตระหนกของจ้าวอสรพิษ “แม้ว่าเจ้าจะมีสมบัติแห่งอสูรศักดิ์สิทธิ์ เจ้าก็ยังคงต้องตายอยู่ดีๆ แต่ข้าสนใจสมบัติแห่งอสูรศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าจริงๆ เจ้ามอบอำนาจให้ข้า ข้าจะปล่อยเจ้าไป”
มันเป็นเรื่องจริงที่ชิงสุ่ยรู้สึกสนใจในสมบัติแห่งอสูรศักดิ์สิทธิ์อย่างมาก แน่นอนว่าเขาสงสัยว่าศัตรูจะยอมมอบมันให้แก่เขาหรือไม่
“เช่นนั้นก็ดี มอบมันให้แก่เจ้าไม่ใช่ปัญหาอะไร แต่ข้าจะเชื่อได้อย่างไรว่าเจ้าจะปล่อยข้าไปเมื่อได้รับมันแล้ว?” หลี่ ซือไถถามคำถามนี้ซึ่งทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกว่ามันยากที่จะเชื่อ
“เมื่อเจ้านำมันออกมา เจ้าก็มีโอกาสรอดตายแล้วอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง แน่นอนว่าสิ่งเดียวที่เจ้าต้องทำคือเชื่อในตัวข้า คำพูดของข้านั้นเชื่อถือได้เสมอ หากเจ้าไม่เชื่อข้า ก็มีเพียงหนทางเดียวกันกับเจ้านั่นก็คือความตาย” ชิงสุ่ยตอบกลับไปพร้อมกับรอยยิ้ม
“เช่นนั้นก็ดี เราค่อยมาพูดเรื่องนี้กันอีกครั้งเมื่อเจ้าทำให้ข้ามองเห็นความตายของตนเองได้!”
หลี่ ซือไถร้องตะโกนออกมา หลังจากนั้นจ้าวอสรพิษขนาดยักษ์ก็เริ่มบิดม้วนร่างกายของมันอย่างแปลกประหลาด จากนั้นมันก็คลายร่างกายของตัวเองและพุ่งเข้าไปหาชิงสุ่ย ร่างกายอันใหญ่โตของมันในตอนนี้รวดเร็วอย่างยิ่ง
ของเหลวสีดำพุ่งออกมาจากทั่วร่างกายของมันและเปล่งแสงแวววาวอย่างยิ่ง แม้แต่คนธรรมดาทั่วไปก็สามารถบอกได้ว่ามันน่ากลัวมากยิ่งนัก สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้มันมีสีดำสนิท
เก้าเทวามิติผกผันฉับพลัน!
อัสนีจู่โจม!
เถาวัลย์อสูรกระหายเลือด!
ชิงสุ่ยใช้ทุกๆอย่างออกไปในทันที แม้ว่าตอนนี้เขาจะต้องการเวลาเล็กน้อยในการเปิดใช้งานเถาวัลย์อสูรกระหายเลือดแต่แม้ว่ามันอยู่ภายใต้ผลของอัสนีจู่โจม เขาก็ยังสามารถปลดปล่อยมันออกไปได้
เถาวัลย์อสูรกระหายเลือดขนาดยักษ์เข้าพัวพันกับจ้าวอสรพิษ ในขณะเดียวกันเพื่อความปลอดภัยอสูรแมงมุมมังกรเจ็ดเศียรก็ยิงใยแมงมุมพิษกัดกร่อนของมันออกมาหลายครั้งไปยังเถาวัลย์อสูรกระหายเลือด
ซี่ ซี่!
จ้าวอสรพิษส่งเสียงที่น่าอนาถออกมา แต่เถาวัลย์อสูรกระหายเลือดก็ไม่มีความสามารถมากพอที่จะสังหารจ้าวอสรพิษได้ในช่วงเวลาสั้นๆ แต่อย่างไรก็ตามจ้าวอสรพิษก็ไม่อาจหลุดรอดจากการพันธนาการครั้งนี้ได้ ในทางกลับกันชายชราคนอื่นๆก็ได้ตายไปเพราะเหล่าสัตว์อสูรแล้ว
ชายชราคนอื่นๆนั้นได้ถูกทำให้อ่อนแอลงและไม่อาจทนต่อการโจมตีที่ผสมผสานกันของเหล่าสัตว์อสูรได้
“เจ้าจะพูดมันได้หรือยังในตอนนี้?” ชิงสุ่ยถามขึ้นขณะที่เขามองไปยังหลี่ ซือไถที่ถูกพันธนาการอยู่
“ในตอนนี้ข้ายังคงรู้สึกว่าไม่มีสิ่งใดที่จะคุกคามชีวิตของข้าได้ อย่างน้อยในตอนนี้หรือภายในเวลาช่วงสั้นๆนี้ก็ไม่มีสิ่งใดที่จะคุกคามชีวิตของข้าได้ แม้ว่าข้าอาจจะถูกพันธนาการเอาไว้ในตอนนี้แต่เจ้าก็ไม่อาจที่จะสังหารฆ่าได้ อีกไม่นานหรอกหนทางรอดของข้าต้องมาแน่นอน” หลี่ ซือไถเห็นว่าอาการบาดเจ็บของตนเองได้รับการฟื้นฟูแล้ว เขาก็รู้สึกว่าในตอนนี้ไม่มีสิ่งใดสามารถทำอันตรายเขาได้
“ดูเหมือนเจ้าจะไม่ยอมแพ้หากไม่มีการสูญเสียซะก่อน!” ชิงสุ่ยยิ้มขณะที่เขาเรียกหมูป่านักล่าสมบัติออกมา
ทันทีที่ชิงสุ่ยออกคำสั่งกับมันนั้น หมูป่านักล่าสมบัติก็รีบพุ่งตรงไปทางเถาวัลย์อสูรกระหายเลือดและผู้เข้าไปหาหลี่ ซือไถ ราวกับว่ามันไม่สนเลยว่าสิ่งใดจะอยู่ตรงหน้ามัน ไม่ว่าจะเป็นเถาวัลย์อสูรกระหายเลือดหรือใยแมงมุมพิษกัดกร่อน มันไม่ได้สนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามันเลย
อ๊า!
ซี่ ซี่!
“หยุดนะ!” หลี่ ซือไถกรีดร้องออกมา
หมูป่านักล่าสมบัติได้หักแขนข้างหนึ่งของหลี่ ซือไถไปในทันที มันยังสามารถสร้างหลุมที่มีขนาดใหญ่กว่า 1 เมตรขึ้นบนร่างกายของจ้าวอสรพิษได้ หากไม่ใช่เพราะร่างกายอันใหญ่โตของจ้าวอสรพิษ มันย่อมได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอน
หมูป่านักล่าสมบัตินั้นเป็นอสูรโอสถแห่งจิตวิญญาณ มันยังเป็นสัตว์อสูรแห่งจิตวิญญาณรวมไปถึงสัตว์อสูรล่าสมบัติ ไม่มีพิษใดที่จะสามารถทำอันตรายมันได้ มันยังไม่กลัวคมดาบหรือคมกระบี่ใดๆ ยากยิ่งนักที่ผู้ที่อยู่ต่ำกว่าระดับพลังปราณบรรชาสวรรค์พินาจจะสามารถทำให้มันบาดเจ็บได้ ดังนั้นเมื่อศัตรูได้ถูกพันธนาการเอาไว้ เจ้าหมูน้อยตัวนี้ก็เป็นเหมือนอาวุธที่น่ากลัวยิ่งนักของชิงสุ่ย
“พูดออกมาสิ อันที่จริงแล้วข้าก็รู้สึกสนใจนะแต่ข้าเป็นคนที่มีความอดทนต่ำ” ชิงสุ่ยกล่าวอย่างใจเย็น
“ปล่อยข้าออกไป ระยะเวลาของเรือนร่างแห่งสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ของข้าใกล้จะหมดลงแล้ว หากเจ้าไม่ปล่อยข้า ข้าต้องตายอย่างแน่นอน” หลี่ ซือไถกล่าวด้วยน้ำเสียงที่กังวลพร้อมกับใบหน้าที่ซีดขาวของเขา
“อย่ากังวลไปเลยเจ้าไม่ตายหรอก”
ทันใดนั้นระยะเวลาของเรือนร่างแห่งสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ของชายชราก็ได้หมดไป เถาวัลย์อสูรกระหายเลือดก็ยังไม่ได้โจมตีเขาแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามเขาก็ยังไม่อาจหนีออกจากการพันธนาการของเถาวัลย์อสูรกระหายเลือดได้
ตำราหนังสัตว์อสูรลอยออกมาและชิงสุ่ยก็รับมันเอาไว้ นอกเหนือจากนั้นยังมีคำว่าสมบัติแห่งอสูรศักดิ์สิทธิ์เขียนเอาไว้บนนั้น แต่สิ่งที่เขาได้รับนี้เป็นเพียงสำหรับคัดลอก นี่ไม่ใช่สิ่งที่น่าแปลกใจ แต่ก็น่าจะเป็นเพราะชายชรางั้นได้อยู่ในตำแหน่งที่มีเกียรติเขาจึงมีฉบับคัดลอกของตำราต่างๆมากมาย มีเพียงไม่กี่คนที่อยู่ท่ามกลางเหล่าคนเถื่อนรวมไปถึงนิกายปฐพีซ่อนเร้นจะสามารถฝึกฝนมันได้
ชิงสุ่ยอ่านมันคร่าวๆ มันอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์และยังไม่ได้รับความเสียหายใดๆ แท้ที่จริงแล้วเขายังรู้สึกว่าหนังสือเล่มนี้ทำขึ้นมานานแล้ว ดังนั้นเขาจึงคิดว่าหนังสือเล่มนี้น่าจะเป็นของจริง
สมบัติแห่งอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่หลี่ ซือไถได้มอบให้กับชิงสุ่ยนั้นเป็นของจริง เพียงแต่เขาไม่ได้พูดถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งก็คือหากคนที่ไม่มีสายเลือดแห่งสัตว์อสูรไหลเวียนอยู่ภายในร่างกายของพวกเขาได้ฝึกฝนมัน ร่างกายของผู้ฝึกฝนก็จะระเบิดออกและตายไปในทันที
มีเพียงผู้ที่มีสายเลือดแห่งสัตว์อสูรเท่านั้นจึงจะสามารถฝึกฝนมันได้ แม้ว่าจะมีเพียงน้อยนิดก็ตาม มีผู้คนจำนวนมากของนิกายปฐพีซ่อนเร้นที่มีสายเลือดแห่งสัตว์อสูรอยู่ภายในร่างกาย แต่จำนวนของพวกเขานั้นก็ถือว่าน้อยกว่าจำนวนของค่าเฉลี่ยทั้งหมด
นี่ไม่ใช่เรื่องที่ดีเสมอไป คนที่มีสายเลือดของสัตว์อสูรมากก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นมา แต่ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็จะมีความคิดที่แตกต่างจากคนทั่วไป สายเลือดแห่งสัตว์อสูรนั้นจะสลายตัวไปอย่างช้าๆ การสลายตัวของมันนั้นไม่ได้เกิดจากความตาย แต่มันเกิดจากสายเลือดรุ่นต่อๆไปของพวกเขานั้นมีสายเลือดแห่งสัตว์อสูรภายในร่างกายที่เจือจางลงไป เป็นไปได้ว่าสายเลือดแห่งสัตว์อสูรอาจจะหายไปตลอดกาล ในอนาคตพวกเขาก็จะไม่แตกต่างจากคนธรรมดาอีกต่อไป
หลี่ ซือไถได้วางแผนไว้นานแล้วในใจของเขา ก่อนหน้านี้เขารู้สึกยินดีอย่างยิ่งเมื่อได้เห็นชิงสุ่ยรู้สึกสนใจสมบัติแห่งอสูรศักดิ์สิทธิ์ นั่นทำให้เขารู้ว่าแม้เขาจะตายไปชิงสุ่ยก็จะยังรับหนังสือเล่มนี้ไป ในความจริงแล้วเขายังหวังว่าชายหนุ่มผู้นี้จะสามารถฝึกฝนสมบัติแห่งอสูรศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่มันย่อมดีที่สุดหากเขาฝึกฝนแล้วร่างกายของเขาระเบิดออก
แต่เขาไม่อาจทำให้เจตนาเช่นนี้ชัดเจนเกินไปได้ อันที่จริงแล้วเขาไม่คิดว่าชิงสุ่ยจะมีความเมตตาต่อเขา ในตอนนี้สิ่งเดียวที่อยู่ในใจของเขานั่นก็คือชายหนุ่มผู้นี้ต้องตาย
“ไปซะ แต่ในครั้งหน้าหากเจ้าได้มาเผชิญหน้ากับข้าอีกครั้ง ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไป” ชิงสุ่ยเป็นคนที่จะไม่ผิดคำสัญญาของเขา นอกจากนี้เขายังได้รับสมบัติแห่งอสูรศักดิ์สิทธิ์ มันถือเป็นเคล็ดวิชาที่ทรงพลังอย่างยิ่ง
“เจ้าจะปล่อยข้าไปจริงๆนะเนี่ย?” หลี่ ซือไถยากที่จะเชื่อเรื่องนี้
“หากเจ้ายังไม่ไป ข้าจะไม่ให้เจ้าไปตลอดกาล” ชิงสุ่ยไม่สนใจหลี่ ซือไถในตอนนี้
หลี่ ซือไถจากไป ชิงสุ่ยเก็บกวาดพื้นที่ทั้งหมดและรวบรวมถุงแพรมิติจากคนพวกนี้ ก่อนที่เขาจะจากไปก็มีหญิงสาวคนหนึ่งปรากฏขึ้น
นางคืออาจารย์ของถานท่าย หยวน
หญิงสาวผู้นี้ดูมีเสน่ห์อย่างยิ่ง นางเป็นหญิงที่มีดวงตากระจ่างใสราวกับพระจันทร์ในยามค่ำคืนและเป็นหญิงที่ความสาวได้เติบโตขึ้นอย่างสมบูรณ์
“ท่านผู้อาวุโส เหตุใดท่านถึงมาอยู่ที่นี่?” ชิงสุ่ยรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่งที่ได้เห็นหญิงสาวผู้นี้มาอยู่ที่นี่
“ข้ามาที่นี่เพื่อบอกเจ้าว่าสมบัติแห่งอสูรศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะสามารถฝึกฝนได้” หญิงสาวอธิบายด้วยรอยยิ้มจางๆ
อันที่จริงแล้วชิงสุ่ยก็ได้สัมผัสบางสิ่งบางอย่างจากเธอแล้ว ปกติแล้วหญิงสาวผู้นี้ได้ตระหนักถึงสิ่งที่คนเหล่านี้กำลังทำอยู่ เพียงแต่เขาไม่รู้ว่านางมาที่นี่เพราะนางเป็นห่วงเขา
“ไม่อาจฝึกฝนได้งั้นหรือ? ทำไมกัน?” ชิงสุ่ยถามด้วยความงุนงง