Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล – ตอนที่ 1311

ตอนที่ 1311

บทที่ 1311 – ก้าวเข้าสู่จักรวรรดิอุดรเทวะ

 

ตั้งแต่ชิงสุ่ยคิดจะลงมือสังหารหมู่เขานั้นก็ไม่คิดจะย้อนกลับไปอีกครั้ง และเขาจะไม่ปล่อยใครไปเลยแม้แต่สักคน “ถ้าเจ้าคิดจะกำจัดวัชพืช เจ้าก็ต้องลงมืออย่าให้มันงอกกลับขึ้นมาสร้างความลำบากใจให้เจ้าได้อีก ” ตอนแรกเขาไม่เคยเชื่อคำพูดดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตามจะบทเรียนที่ได้รับมา ชิงสุ่ยจะไม่ปล่อยให้ใครรอดออกไป นั้นเพื่อครอบครัวและคนรอบกายของเขา

 

ในตอนนี้มันเป็นการสังหารหมู่โดยชิงสุ่ยเพียงลำพัง คนที่มาจากตระกูลเป่ยถังและจักรวรรดิราชสีชาตะ  ได้ล้มตายดังใบไม้ร่วงในพริบตา ในตอนนี้ผู้คนของจักรวรรดิราชสีชาตะ  ได้ถูกสังหารไปเป็นจำนวนที่มากที่สุดภายใต้สายฟ้าของอสูรอัสนีคลั่ง ศีรษะของพวกเขาถูกทำลายในพริบตา

 

 

 

ด้วยตะเกียงร้อยวิญญาณ ทำให้พลังของอสูรอัสนีคลั่งนั้นแข็งแกร่งขึ้นไปอีกเท่าตัว

 

 

แม้ตอนนี้วิหกเพลิงจะไม่สามารถสังหารศัตรูได้มากเท่าอสูรอัสนี แต่มันก็ยังสามารถสร้างบาดแผลที่ร้ายแรงจำนวนมากให้กับอีกฝ่าย ลูกไฟของมันแต่ละลูกสามารถสังหารอสูรของศัตรูและขัดขวางเส้นทางการพวกเขาไว้ทั้งหมด

 

ในตอนนี้การต่อสู้นั้นถูกควบคุมอยู่ภายใต้อสูรอัสนีคลั่งและแมงมุมเจ็ดเศียร สำหรับผู้คนที่สามารถผ่านการจู่โจมของอสูรทั้งสองมาได้ พวกเขาก็ยังต้องพบเจอกับชิงสุ่ยที่เป็นดังอสูรที่ร้ายกาจกว่า

ตอนนี้เป่ยถังยี่จงที่ยังมีชีวิตอยู่ได้กระอักเลือดออกมาด้วยความหมดหวัง เป็นเพราะเขาในตอนนี้ คนในตระกูลของเขาถึงต้องล่มตายไปจำนวนมาก หัวใจของเขาราวกับถูมีดนับพันกรีดลงก็มิปาน

 

 

นี่ถือว่าเป็นหายนะอย่างแท้จริงสำหรับตระกูลเป่ยถัง เป็นหายนะที่พวกเขานั้นไม่มีทางทำอะไรได้

 

 

“เป็นความผิดของข้าเอง ที่ข้าปล่อยพวกเจ้าเอาไว้ก่อนหน้านี่ ถึงเวลาที่ต้องกำจัดพวกเจ้าทั้งหมดแล้ว”

 

“จะฆ่าก็ฆ่าเถอะ อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ถึงแม้ว่าพวกเราจะรอดไปก็เหลือแค่เด็กและผู้หญิงที่อ่อนแอเท่านั้น พวกเขาก็ไม่ต่างกับได้ตายไปแล้ว รีบลงมือเสียเถอะ”เป่ยถังยี่จงกล่าวออกมาด้วยเสียงที่สังเวช

 

 

ชิงสุ่ยมองไปที่พวกเขา มันเป็นจริงตามที่พวกเขากล่าวออกมา ในตอนนี้พวกเขาก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่ตายไปแล้วจริงๆ

 

“แต่ก่อนที่ข้าจะตายข้าจะบอกไว้ ตระกูลเป่ยถังของเรานั้นยังมีอีกหลายๆสาขา นอกเหนือจากทวีปแห่งนี้แล้ว ยังมีพวกเราในทวีปอื่นๆอีกด้วย พวกเขาเป็นคนที่เจ้าไม่มีวันที่จะแตะต้องได้ นอกจากนี้หากการตายของพวกเราแพ้ออกไป พวกเขาคงไม่นิ่งเฉยแน่นอน เพราะพวกเราคือตระกูลเป่ยถังเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ผู้นำของเราคงไม่ยอมปล่อยเจ้าไว้”เขากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่น่าสังเวชอย่างมาก

 

 

ในเวลานี้ร่างกายของชิงสุ่ยเต็มไปด้วยคาบเลือด ตอนนี้เขาดูราวกับยมทูตสีแดงแห่งเพลิงนรก ชิงสุ่ยแต่มองไปที่ผู้คนที่เหลืออีก10คนที่ยืนอยู่พวกเขานั้นไร้แม้แต่หนทางที่จะหลบหนี พวกเขาดูราวกับฝูงปลาที่ตายแล้ว

 

ชิงสุ่ยนึงถึงคำพูดของเป่ยถังยี่จงในก่อนหน้านี่ แต่ถึงอย่างไรด้วยไม่ได้ ชิงสุ่ยได้ลงมือสังหารผู้คนทั้งหมดในพริบตา ซากศพจำนวนมากได้กองเรียงรายดังภูเขาที่สูงตระหง่าน เลือดได้ไหลรินอาบไปทั่วบริเวณนั้นจนเป็นสระสีแดงเข้ม

 

 

ในเวลานี้ชิงสุ่ยหันกลับไปมองที่ฟาหยิง  ในที่ฟาหยิงมองกลับไปที่ชิงสุ่ยด้วยท่าทางไร้เลี้ยวแรง เขาแข็งแกร่งเกินที่จะรับมือได้ หาต้องสู้กันจริงๆ ฟางหยิงคงมีชีวิตอยู่ได้เพียงแค่2ลมหายใจเท่านั้น

 

“อาวุโส พวกเราลงไปข้างล่างเถอะ  พวกเขาตายหมดแล้ว”เมื่อเห็นไม่มีใครเหลืออยู่แล้ว ชิงสุ่ยจึงได้กล่าวออกมา

 

 

หลังจากนั้นคงของวัดพุทธองค์ได้ทำการกำจัดซากศพที่อยู่ข้างล่าง หลังจากนั้นชิงสุ่ยได้ออกไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าของเขา จากกันต่อสู้ครั้งนี้ทำให้ชิงสุ่ยสามารถสัมผัสได้ว่าชีวิตนั้นไม่แน่นอนเสียจริงๆ

 

หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าชิงสุ่ย ได้ทำการรักษาให้กับฟาหยิงที่บาดเจ็บอยู่ ตอนนี้อาการของเขาดีขึ้นกว่า50%แล้ว ตราบเท่าที่เขาได้รับการพักผ่อนที่เพียงเขาจะหายได้ในสิบวันข้างหน้า

 

ตอนนี้ฟาหยิงกำลังนึงถึงภาพในอดีต หากเป็นเขาสู้กับชิงสุ่ยจริงๆเขาคงไม่ต่างอะไรกับซากศพเหล่านั้น  นอกจากนี้ชิงสุ่ยยังสามารถสังการทุกๆคนลงไปได้โดยที่เวลายังไม่ถึงครึ่งชั่วยามเสียด้วยซ้ำ นอกจากนี้ผู้คนที่ตายลงไปก็เป็นผู้คนที่มีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับสูงเกือบทั้งหมด นี่ยิ่งทำให้เขาตกตะลึงอย่างบอกไม่ถูก

 

“อาวุโสท่านรู้อะไรเกี่ยวกับสาขาอื่นของตระกูลเป่ยถังบ้างรึไม่?”ชิงสุ่ยถามออกมาหลังจาที่เก็บเข็มทองของเขา

 

 

“เรื่องนี้ ข้าก็จนปัญญาจริงๆ ข้าไม่เคยได้ยินมันมาก่อนเลยเสียด้วยซ้ำ  นอกจากนี้บางทีมันอาจเป็นแค่คำขู่ก็ได้ พวกเขานั้นอาจจะต้องการให้คุณชายนั้นรู้สึกหวาดกลัวและปล่อยพวกเขาไปก็ได้ แต่ข้าก็ไม่มั่นใจมากนัก ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือแค่ขู่”

 

 

 

ชิงสุ่ยยังไม่กังวลเรื่องนี้มากนัก ถึงแม้ทวีปที่เหลืออีก3ทวีปจะเป็นการคงอยู่ของผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่ง แต่ก็ไม่ใช่ทุกๆคนจะแข็งแกร่งไปเสียหมด นอกจากนี้ด้วยความเร็วที่เขามีคงจะเป็นเรื่องยากที่จะติดตามเขา

 

“แล้วนี่คือขุมกำลังทั้งหมดของพวกเขาแล้วรึ นอกจากนี้ยัง มีคนอื่นๆที่แข็งแกร่งว่านี้มั้ยในจักรวรรดิอุดรเทวะ?”ชิงสุ่ยถามออกมา

 

“นี่เป็นกองกำลังเพียงแค่ครึ่งหนึ่งของพวกเขาเท่านั้น คนที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขายังคงอยู่ที่ตระกูลหลัก แต่ข้าก็อาจไม่สามารถบอกได้ว่าคนนั้นแข็งแกร่งขนาดไหนกัน”เขากล่าวออกมาขณะที่มองไปที่ชิงสุ่ยอย่างจริงจัง

 

“ข้าคิดว่าขาควรไปเยี่ยมจักรวรรดิอุดรเทวะสักครั้งหนึ่ง รวมถึงจักรวรรดิราชสีชาตะอีกด้วย ท่านคิดว่าเรื่องนี้เป็นยังไงบ้าง? นอกจากนี้ให้ข้าช่วยเหลือท่านแก้ปัญหาครั้งนี้จะดีมั้ย?”ชิงสุ่ยกล่าวออกมา

 

 

ฟาหยิงมองไปที่ชิงสุ่ยด้ยสายตากังวล เขาดูอึดอัดอย่างมาก แต่แล้วก็ถอนหายใจออกมา “แล้วแต่ท่านเถอะ ยังไงซะพวกเราก็คงไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”

 

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยพักอยู่ที่วัดเพียงแค่หนึ่งคืน ก่อนที่จะเดินออกไปที่จักรวรรดิอุดรเทวะ และจักรวรรดิราชสีชาตะ

 

ถึงแม้ชิงสุ่ยจะเคยฆ่าคนมามากมาย แต่ต้องกล่าวได้เลยนี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกเหนื่อยหลังการเข่นฆ่า คนเหล่านี้เป็นผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งในทวีปอู่เซียตะวันตกแห่งนี้ ดังนั้นมันจึงทำให้เขานั้นต้องใช้ความสามารถทั้งหมดออกมา

 

ตลอดทั้งคืนผ่านไปอย่างสงบ ตอนแรกชิงสุ่ยคิดว่าคนที่เหลือของตระกูลเป่ยถังและจักรวรรดิราชสีชาตะจะลอบจู่โจมเขาเสียอีก แต่ถึงอย่างไรก็ไม่มีใครเลยสักคนที่กล้ามา นอกจากนี้ชิงสุ่ยนั้นยังมีขุมกำลังที่แข็งแกร่ง เช่นนิกายบงกชเทวะ สำนักสวรรค์ซ่อนเร้น เทือกเขาปู๋โถว จักรวรรดิอวี้ และอื่นๆที่คอยสนับสนุนอยู่  มันคงเป็นเรื่องที่แย่อย่างมากที่จะมาหาเรื่องกับชิงสุ่ย

 

……….

 

 

ในรุ่งเช้าชิงสุ่ยได้ออกเดินทางไปที่จักรวรรดิอุดรเทวะในทันที เพราะเขานั้นต้องการกวาล้างตระกูลเป่ยถังทั้งหมดให้หายไปจากทวีปแห่งนี้อย่างสมบุรณ์

 

จักรวรรดิอุดรเทวะ!

 

 

ในตอนแรกที่เขามาถึงที่แห่งนี้ชิงสุ่ยนั้นได้ยินมากว่าจักรวรรดิอุดรเทวะนั้นเป็นเพียงจักรวรรดิระดับสามเท่านั้น แต่หลังจากการต่อสู้ที่ผ่านมาชิงสุ่ยสามารถรับรู้ได้เลยพวกเขานั้นเป็นจักรวรรดิที่ไม่ด้อยไปกว่าจักรวรรดิระดับ4เลย เมื่อชิงสุ่ยคิดถึงเรื่องนี้นั้นทำให้เขาสงสัยว่าต้องมีขุมอำนาจอีกมากมายที่แอบซ่อนพลังที่แท้จริงเอาไว้เช่นเดียวกับจักรวรรดิอุดรเทวะแห่งนี้

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยนั้นรู้สึกว่าเขาประเมินทวีปแห่งนี้ต่ำไป เดิมทีเขาคิดว่าทวีปแห่งนี้ของมีขุมอำนาจเพียงแค่จักรวรรดิระดับสามเท่านั้น แต่เมื่อใช้เวลาเกือบ2ปี ทำให้เขารู้ว่าที่แห่งนี้นั้นแข็งแกร่งขนาดไหน  นอกจากนี้เขายังไม่รู้ว่าขุมอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดคือไร พวกเขาอาจเป็นขุมอำนาจที่มีพลังถึงจักรวรรดิระดับ5ก็เป็นไปได้

 

 

ดังนั้นชิงสุ่ยจึงรู้สึกว่าเขานั้นไม่ควรมองอะไรที่ภายนอกเท่านั้น ในสองปีที่ผ่านมาชิงสุ่ยได้ใช้เวลาทั้งหมดเดินทางไปทั่วๆทวีปแห่งนี้แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่สามารถท่องไปทั่วทวีปแห่งนี้ได้ นอกจากนี้ขุมกำลังที่เขาพบมาตลอด2ปีก็ยังไม่ใช่ขุมอำนาจทั้งหมดของทวีปแห่งนี้อีกด้วย มันทำให้เขาเริ่มมองไปที่ทวีปอื่น บางทีเขาต้องใช้เวลาเป็น10ๆปีก็ได้กว่าจะท่อง 4ทวีปแห่งนี้จนครบ

 

ตระกูลเป่ยถังเป็น ตระกูลหลักที่ปกครองจักรววรดิอุดรเทวะ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องง่ายที่ชิงสุ่ยจะตามหาพวกเขา ชิงสุ่ยสามารถคาดเดาได้ว่าพวกเขาคงต้องอยู่ในที่ใดที่หนึ่ง ที่นั้นต้องใหญ่โตและหรูหราอย่างมาก  นั้นคือสิ่งที่เขาตามหาในตอนนี้

 

 

ภูเขาถางกู๋!

 

 

นี่เป็นภูเขาที่มีความสูงไม่ต่ำกว่า 10กิโลเมตร นอกจากนี้มันยังจัดได้ว่าเป็นเทือกเขาที่สูงลำดับที่สามในทวีปแห่งนี้

 

 

ชิงสุ่ยได้ขี่วิหกเพลิงและตรงไปที่ยอดเขาในทันที เมื่อใกล้ถึงยอกเขามีสัตว์อสูรนับสิบบนวนอยู่ในที่แห่งนั้น

 

จุดสูงสุดของยอดเขานั้นได้จมหายลงไปในก้อนเมฆ มันนั้นดูราวกับบันไดที่ใช้ไต่ขึ้นไปบนสรวงสวรรค์  ที่จุดสูงุดนั้นปกคลุมไปด้วยพืชสีเขียวมรกตนับพัน มันดูคลายกับป่าที่เต็มไปด้วยอัญมณีสีมรกตก็มิปาน

 

 

ในตอนนี้เองเมื่อชิงสุ่ยเข้าไปใกล้ สัตว์อสูรที่บินอยู่ก็ได้คำรามออกมา

 

 

ชิงสุ่ยมองไปที่พวกมันและคนที่อยู่บนหลังพวกมัน พวกเขาเป็นคนที่มีอายุค่อนข้างมากเกือบทั้งหมด อย่างไรก็ตามพวกเขานั้นก็ดูราวกับคนที่อายุ60กว่าๆเท่านั้น

 

หนึ่งในชายชราที่มีอายุมากที่สุดได้เข้ามาใกล้ชิงสุ่ยและมองมาที่เขา ชายชราดังกล่าวจะได้ว่าเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในที่แก่งนี้พลังของเขานั้นมากมายเกินที่จะสามารถกล่าวออกมาได้

 

เมื่อเห็นชิงสุ่ย ดวงตาของเขาเปร่งประกายแต่ก็เต็มไปด้วยความเศร้าใจ ก่อนที่จะจ้องมองไปที่ชิงสุ่ยอย่างจริงจัง

 

“สวรรค์ ดูเหมือนว่าตตระกูลเป่ยถังนั้นต้องถูกทำลายด้วยมือของเจ้าเสียแล้ว”ชายชรากล่าวออกมาอย่างช้าๆ

 

 

“ขอโทษด้วยข้าไม่มีทางเลือกจริงๆ ตระกูลเป่ยถังนั้นทำผิดกฎในฐานะผู้บ่มเพาะ ตั้งแต่ต้นข้าไม่มีเจตนาที่จะทำเช่นนี้เลย ”ชิงสุ่ยมองไปที่ชายชราและกล่าวอธิบาย ถึงแม้ว่าชายชราผู้นี้จะแข็งแกร่ง แต่เขานั้นก็ไม่ได้แข็งแกร่งกว่านายหญิงของเทือกเขาปู๋โถวเลย

 

“ผิดถูกรึ ผิดถูกนั้นในความคิดของข้ามันไม่สำคัญเลย ใครแกร่งกว่าคือคนถูก ใครอ่อนแอก็คือผู้แพ้”ชายชรากล่าว

 

ชิงสุ่ยยิ้ม “ชนะคือราชา แพ้คือกบฏ สินะ ข้าเข้าใจแล้ว”ชิงสุ่ยยิ้ม

 

 

“นี่คือข้อเท็จจริงของโลกใบนี้ อย่าได้คิดมากเลย ทั้งหมดก็เพื่อตระกูลของข้า ขอโทษที่ข้าต้องสังหารเจ้าในวันนี้!”

 

“แม้แต่เสือโคร่งเองก็จะไม่กินลูกของมัน แม้แต่คนที่ชั่วร้ายที่สุดในโลกก็ยังรู้สึกรักครอบครัว ถึงแม้จะเลวแค่ไหนครอบครัวก็สำคัดที่สุดสินะ “ชิงสุ่ยิ้ม และมองชายชรา

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

Status: Ongoing

นิยายเรื่องนี้เป็นเกี่ยวกับตัวละครหลักมีชื่อว่า ชิงสุ่ยซึ่งถูกส่งข้ามมิติและมายังทวีปคิวชู  ทั้งทวีปเต็มไปด้วยการฆ่าฟันดังพายุโลหิต ส่งผลให้ซากศพ กระดูกและเศษเนื้อ  กระจายเกลื่อนไปทั่วทวีปซึ่งถือเรื่องธรรมดามากในโลกใบนี้

 นักรบหนุ่มชิงสุ่ยทำการพลิกชะตากรรมชีวิตเพื่อสร้างเส้นในการเพาะปลูกพลังยุทธ เขาใช้เวลากว่า 10 ปีเพื่อฝึกฝนตัวเอง เพื่อที่จะแสวงหาการแก้แค้นบุคคลผู้หนึ่งที่ได้ทอดทิ้งแม่ของเขา! บนเส้นทางชีวิตนี้ เขาได้มีโอกาสพบกับหญิงสาวผู้มีความงดงามดุลรูปปั่นเทพธิดา ( เจ้าหญิงน้ำแข็ง ) ชิชิงซวง ซึ่งเป็นบ่อเกิดของความเกลียดชังและการแก้แค้นจากคู่หมั้นของเธอนามซิตู่บูฟาน หลังจากผ่านพ้นเข้าเมืองร้อยไมล์ ชิงสุ่ยได้พบกับสาวสวยแสนงดงามชื่อ ยูฮี และคนอื่นๆ ที่อาณาจักรเซียนเทียน

 หลังจากที่เขาเผชิญความทุกข์ยากในเส้นทางชีวิต เขาได้ฆ่านายน้อยของตระกูลกงหยางเพราะยูฮี ทำให้เขาต้องหลบๆซ่อนๆ แต่ในความโชคร้ายก็มีความโชคดี หญิงสาวรูปร่างใบหน้าราวกับนางอัปสรสวรรค์ ชื่อเย่ยีเจียนจี  ได้พานพบและได้ช่วยเหลือเขาเอาไว้ ต่อไปนี้เขาจะต้องพบเจอกับสงครามที่ต้องล้างด้วยเลือด  ชิงสุ่ยจะสามารถรอดพ้นอันตรายได้หรือไม่ จะรอดพ้นภัยพิบัติได้หรือไม่  และความสัมพันธ์ของเขากับสาวงามต่างๆจะเป็นอย่างไร

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท