บทที่ 1315 – อี่หวง กู่หวู๋
“นิกายสาปอสูร?”
เธอกล่าวออกมาก่อนที่จะมองไปที่ชิงสุ่ย “นิกายสาปอสูรนั้นเป็นนิกายโบราณที่อยู่ภายใต้ทวีปวิหคอัคคีร่ายรำ พวกเขานั้นมีความแข็งแกร่งที่มากมายนัก นอกจากนี้พวกเขายังเป็นผสานสัตว์อสูร จึงทำให้ความแข็งแกร่งของพวกเขามากว่าผู้บ่มเพาะทั่วไปในระดับเดียวกันมากนัก”
เธอกล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล ตอนนี้ชิงสุ่ยมั่นใจแล้วว่านิกายสาปอสูรนั้นต้องแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก นอกจากชิงสุ่ยไม่แปลกใจเลยที่อัจฉริยะทั้งสองได้เลือกเข้าร่วมกับพวกเขา นั้นเพราะทั้งสองมีหัวใจแงอสูรร้ายอยู่ภายในตัว ดังนั้นมันจึงเหมาะสมอย่างมากที่จะฝึกวิชาของนิกายสาปอสูร
ในตอนนี้ชิงสุ่ยรู้ดีว่าสักวันหนึ่งนิกายปฐพีเร้นลับจะต้องกลับมาแก้แค้นพวกเขาอย่างแน่นอน ถึงแม้มันจะไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาแต่ถึงอย่างไรชิงสุ่ยก็อดที่จะเป็นห่วงคนอื่นๆไม่ได้
ในตอนนี้ชิงสุ่ยค่อยๆนั่งลงและร่วมแช่เท้าลงในอ่างข้างๆเธอ
เมื่อเห็นท่าทางของชิงสุ่ยมันทำให้เธอได้แต่ยิ้มออกมา เป็นครั้งคราวผู้หญิงคนนี้หัวเราะออกอย่างมีความสุข เมื่อ ชิงสุ่ยใช้เท้าของเขาถูเข้ากับฝ่าเท้าของเธอ
“จริงสิ ท่านชื่ออะไรรึ?”ชิงสุ่ยเงยหน้าขึ้นและกล่าวถาม
“เจ้าต้องการรู้ชื่อของข้าจริงๆรึ?”เธอถามกลับด้วยความแปลกใจ
“ใช่ ถึงแม้ความสัมพันธ์ของเราจะไม่มากมายนัก แต่มันก็ไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่ธรรมดา ดังนั้นข้าจึงอยากที่จะรู้ชื่อของท่านเอาไว้!”ชิงสุ่ยกล่าวออกมาขณะที่จ้องมองไปในดวงตาของเธอ
ในขณะนี้มือของเขาได้สัมผัสลงไปที่เอวของเธอย่างช้าๆ มันทำให้ตัวของเธอสั่นออกมาเล็กน้อยในตอนนี้ การกระทำของชิงสุ่ยในตอนนี้มันใช่อะไรเลยที่เธอจะสามารถเข้าใจได้ เธอเองนั้นก็มีความฝันที่ว่าจะมีชายคนหนึ่งที่สามารถจับมือกับเธอและพร้อมที่จะเดินทางไปด้วยกันในชีวิตที่เหลือของเธอ เธอนั้นต้องการผู้ชายคนนั้น และต้องการชายที่จะมาเป็นสามีของเธออย่างแท้จริง …
เธอมองไปที่ชิงสุ่ยด้วยความรู้สึกสงบ เธอนั้นสามารถสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนและจริงใจจากตัวของเขาได้ในตอนนี้ หลังจากที่เรียกสติกลับตอนนี้ชิงสุ่ยก็ได้สวมต่างหูให้กับเธอเรียบร้อยแล้ว มันจึงทำให้เธอยิ้มและกล่าวออกมา
“ข้ามีชื่อว่า อี่หวง กู่หวู๋” เธอกล่าวและยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
“มันเป็นชื่อที่ยอดมาก และมันก็เหมาะกับท่านจริงๆ” ชิงสุ่ยตกตะลึงเล็กน้อย นั้นเพราะนามสกุลของเธอนั้นไม่ใช่ของคนในทวีปแห่งนี้ บางที่มันอาจมีความสัมพันธ์กับทวีปวิหคอัคคีร่ายรำก็ได้ แต่ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นแค่การคาดเดาของเขา
“นี้เจ้ากำลังชมข้าอยู่อย่างนั้นรึ?”เธอยิ้มและจ้องไปในตาของเขา
“ปล่าวเลย มันนั้นเป็นเรื่องจริงตะหาก จริงสิพรุ่งนี้ข้าจะเดินทางไปยังทวีปวิหคอัคคีร่ายรำ ท่านจะไปด้วยกับข้าหรือไม่?”
“ก็เอาสิ นี่เป็นเวลานานแล้วที่ข้าไม่ได้กลับไปยังทวีปวิหคอัคคีร่ายรำ”ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ปิดบังอีกต่อไปเกี่ยวกับทวีปวิหคอัคคีร่ายรำที่เธอนั้นจากมา
“ไหนๆก็ไหนแล้วท่านช่วยอธิบายเกี่ยวกับทวีปวิหคอัคคีร่ายรำ และทวีปอื่นๆให้ข้าฟังได้หรือไม่?”
“ไม่มีปัญหา อย่างที่เจ้ารู้มาการเดินทางไปยังทวีปต่างๆทั้ง 4 มหาทวีปนั้นลำบากอย่างมาก หากปราศจากธงสวรรค์ปัญจธาตุแล้วมันคงเป็นเรื่องยากที่จะเดินทางไปยังทวีปต่างๆ จากที่ข้ารู้มาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำและมหาทวีปมังกรอหังกาล นั้นห่างไกลกับทวีปอู่เซียมากนัก นอกจากนี้ทั้งสองนั้นยังมีดินแดนที่กว่าใหญ่กว่าทวีปอู่เซียถึง10เท่า มีสถานเร้นลับมากมายภายใต้ทวีปเหล่านั้น ไม่ต้องพูดถึงนิกายหรือจักรวรรดิต่างๆ พวกเขานั้นมีความแข็งแกร่งมากกว่าทวีปอู่เซียเกือบทั้งหมด นี่ไม่รวมถึงสัตว์อสูร สิ่งมีชีวิตอมตะ และเมืองปิศาจอีกด้วย” ”
“แล้วมีผู้บ่มเพาะระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาจอยู่ในทวีปวิหคอัคคีร่ายรำจริงๆรึ?” นี่เป็นคำถามที่ชิงสุ่ยติดอยุ่ในใจและอยากถามออกมาเป็นอย่างมาก สำหรับผู้บ่มเพาะการก้าวไปสู้ระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาจนั้นคือความฝันของทุกๆคน
“ใช่แล้ว มีผู้บ่มเพาะปราณบัญชาสวรรค์พินาจอยู่ไม่น้อยจากที่ข้าเคยได้ยินมา แต่หากให้เทียบกับจำนวนผู้คนแล้วอาจากล่าวได้ว่าใน 1แสนคนจะมีอยู่หนึ่งก็ว่าได้ นอกจากนี้พวกยังเป็นตัวตนที่อยู่เหนือทวีปวิหคอัคคีร่ายรำอีกด้วย อาจกล่าวได้ว่าพวกเขาเป็นตัวตนที่อยู่เหนือ4ทวีปเสียมากกว่า” อี่หวง กู่หวู๋ออกมาด้วยสาตาที่เปร่งประกาย นั้นคือความฝันของเธอเช่นเดียวกัน
“ถ้าเช่นนั้น ท่านได้โปรดช่วยเล่าเรื่องของท่านหน่อยสิ ข้าอยากรู้จักท่านมากกว่านี้!”ชิงสุ่ยกล่าวออกมาด้วยท่าทีที่ผ่อนคลาย
“มันก็ไม่มีอะไรมากหรอก หากเจ้าอยากรู้ข้าก็จะบอกเจ้า แต่นั้นก็หลังจากที่เจ้าเข้าสู่ระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาศเสียแล้ว ”เธอกล่าวและยิ้มออกมา
ในตอนนี้เขาสามารถรู้ได้ว่ามันยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะดังนั้น ชิงสุ่ยจึงไม่ได้คาดคั่นอะไรจากเธอต่อไป
“ชิงสุ่ย เมื่อข้าไปถึงข้าอาจจะอยู่ที่นั้นได้ไม่นานนัก นั้นเพราะว่าข้ายังมีเรื่องที่ต้องจัดการอยู่ที่ทวีปแห่งนี้ ข้าอาจต้องจะใช้เวลาประมาณสักหนึ่งปีเพื่อจัดการปัญหาทั้งหมด เมื่อแก้ไขปัญหาทั้งหมดได้ ข้าจะรีบกลับไปหาเจ้าที่ทวีปวิหคอัคคีร่ายรำในทันที หลังจากนั้นข้าไม่แยกจากเจ้าอีกต่อไป”
ชิงสุ่ยตกใจเล็กน้อยกับคำพูดของข้า “ท่านมีปัญหาเรื่องใดรึ มีอะไรให้ข้าช่วยหรือไม่?”
“ไม่เป็นไร นอกจากนี้บนตัวของข้าก็ยังมีธงสวรรค์ปัญจธาตุของเจ้าอยู่ หากข้าเป็นอะไรไปเจ้าก็สามารถสัมผัสได้โดยทันที ดังนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงไปหรอก เช่นเดียวกัน เจ้าสามารถมาหาข้าได้ตลอดเมื่อเจ้าได้รับอันตราย”เธอกล่าวออกมาและจับไปที่เส้นผมของชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยยิ้มออกมาขณะที่จับไปที่มือของเธอ
…..
ในคืนนั้นเอง ภายในดินแดนหยก ชิงสุ่ยสามารถยกระดับกลองสะท้านสวรรค์ขึ้นเป็นระดับที่หกได้สำเร็จ มันทำให้พลังโจมตีของมังกรไอยราเกล็ดทองคำของเขาเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เช่นเดียวกับพลังทางกายภาพของสัตว์อสูรทุกๆตัวของเขาที่เพิ่มขึ้นมาสองเท่าเข่นเดียวกัน
โดยตะเกียงร้อยวิญญาณ และกลองสะท้านสวรรค์ที่อยู่ในระดับที่ 6 มันก็เพียงพอแล้วที่เขาจะสามารถเอาตัวรอดไปได้ในทวีปวิหคอัคคีร่ายรำ
ถึงแม้ทวีปที่เหลือทั้งสาม จัดว่าเป็นทวีปที่มีผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งอาศัยอยู่ ได้อย่างไรก็ตามก็ไม่ใช่ว่าจะพบเจอผู้บ่มเพาะที่มีพลังมากกว่า 10000สุริยาได้ตามท้องถนน ดังนั้นชิงสุ่ยจึงไม่จำเป็นต้องที่หวาดระแวงมากเกินไป
ในตอนนี้ด้วยพลังของเขานั้นก็ไม่ใช่ว่าใครๆจะทำอะไรเขาได้ง่ายๆ นอกจากนี้ด้วยย่างก้าวเก้าเทวาของเขา ก็ยากที่จะมีใครไล่ตามเขาได้ แม้แต่ผู้บ่มเพาะปราณบัญชาสวรรค์พินาจก็ยังต้องคิดมากหากต้องไล่ตามเขา
ในวันรุ่งขึ้นชิงสุ่ยแล้วอี่หวง กู่หวู่ได้ออกไปยื่นอยู่บนทะเลแดนใต้
“ข้าจะมุ่งหน้าไปก่อน แล้วท่านต้องตามมานะ?”
“ได้ข้าจะตามเจ้าไป ”
“แล้วพบกัน”
ชิงสุ่ยค่อยโบกมือและใช้ธงสวรรค์ปัญจธาตุออกมา เงาของเขาค่อยๆจางหายไปในดวงตาของอี่หวง กู่หวู๋ ก่อนที่เธอจะยิ้มให้กับเขา ในตอนนี้สิ่งสุดท้ายที่เขาเห็นคือรอยยิ้มของเธอ
ในช่วงเวลานั้นอาจกว่าได้ว่าเร็วก็เร็ว หรือจะบอกว่าช้าก็ช้า มันเป็นความรู้สึกที่ชิงสุ่ยนั้นไม่อาจอธิบายออกมาได้ เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก ชิงสุ่ยก็ได้สติกลับมา ตอนนี้เขานั้นอยู่ในทวีปวิหคอัคคีร่ายรำเรียบร้อยแล้ว
หากเป็นก่อนหน้านี้ชิงสุ่ยต้องคิดว่าที่แห่งนี้คือสวรรค์ไม่ผิดอย่างแน่นอน นั้นเพราะที่แห่งนี้งดงามและมีบรรยากาศที่ดีอย่างมาก มันทำให้ร่างกายของเขานั้นรู้สุกผ่อนคลายและสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก
ทวีปแห่งนี้เต็มไปด้วยพลังวิญญาณที่มากมายกว่าทวีปอู่เซียมากนัก แม้แต่ในอากาศก็ยังสามารถสัมผัสได้ถึงปราณวิญญาณที่หนาแน่น
ในตอนนั้นเอง
กร๊ากกก!เสียงคำรามได้ดังสะนั่นขึ้น
กลิ่นอายที่รุนแรงได้ตรงเข้ามาใส่ตัวของเขา เมืองมองกลับไปชิงสุ่ยสามารถพบเห็นอสูรหิมะสีขาว ที่ดูคล้ายสิงโตกำลังจ้องมาที่เขา มันนั้นมีลำตัวที่มีขนาดใหญ่ และมีผิวที่ขาวดังหิมะ ดวงตาของมันสวยงามอย่างมาก หากมันหลบอยู่หลังก้อนเมฆคงจะยากที่จะพบเห็นมัน
อสูรเมฆาหิมะ!
ชิงสุ่ยรู้จักมันดี มันคือสัตว์อสูรที่ชอบรอบทำร้ายผู้คนที่เข้าใกล้ก้อนเมฆ
โดยทันทีชิงสุ่ยเหวี่ยงหมัดออกไปซะไปที่สัตว์อสูรที่ตรงเข้ามา
แม้ว่าการจู่โจมของเขาจะไม่ได้สังหารมันลงไปในทันที แต่มันก็ได้รับบาดเจ็บจนสาหัส
ในตอนนั้นเองอี่หวง กู่หวู๋ก็ได้ปรากฏตัวออกมา “เราจะเอาไงดีกับมัน ?”ชิงสุ่ยมองไปที่หญิงสาวและกล่าว
“ปล่อยมันไปเถอะ เราผิดเองที่เขามาในเขตแดนของมัน มันเพียงแค่ต้องการปกป้องดินแดนของมันเอาไว้เท่านั้น”เธอยิ้มและกล่าวออกมา
“ก็ได้ เราลงไปกันเถอะ!”
ในตอนนี้เธอได้พยักหน้าให้เขาและลอยลงไปพร้อมๆกับเขา
เมืองอี่หวง (เมืองหลวง)
เมื่อมาถึง ชิงสุ่ยเองก็ประหลาดใจอย่างมาก ที่เมืองแห่งนี้คือเมืองอี่หวง เขาได้แต่ทำหน้างงและมองไปที่อี่หวงกู่หวู๋ที่อยู่ใกล้ๆเขา
ในทวีปแห่งนี้มีอยู่ทั้ง 81เมืองซึ่งแต่ระเมืองจะได้รับการตั้งชื่อตามผู้ดูแลของเมืองแต่ละแห่ง
“เมืองแห่งนี้มีความสัมพันธ์อะไรกับนางหรือไม่?”ชิงสุ่ยได้แต่คิดในใจ เขานั้นได้ตกลงกับเธอแล้วว่าจะไม่ถามอะไรเธอก่อนที่เขาจะยกระดับเข้าสู่ปราณบัญชาสวรรค์พินาจ นอกจากจากเขายังสงสัยว่าเธอมาที่แห่งนี้ทำไม เพราะเธอไม่ได้ตั้งใจจะอยู่ที่นี่นานนัก ชิงุสุ่ยเริ่มคิดว่านี่มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญเสียแล้ว
ถึงแม้เธอจะไม่เต็มใจที่จะพูด แต่ชิงสุ่ยรู้ดีว่าเขาสามารถสืบหาข้อมูลนี้ได้จากเมืองอี่หวง แห่งนี้
นี่คือเมืองหลวงที่มั่งคั่ง ชิงสุ่ยสามารถบอกได้เลยว่าที่แห่งนี้มั่งคั่งยิ่งกว่าเมืองหลวงของทวีปอู่เซียเสียอีก ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยวัฒนธรรมที่แตกต่าง เครื่องดื่มที่หลากหลาย นอกจากมันยังเป็นรอยต่อระหว่างทวีปวิหคอัคคีร่ายรำและ มหาทวีปมังกรอหังกาล มันคือด้านหน้าที่สำคัญอย่างมาก
หลังจากที่เดินไปตามท้องถนนสักพัก อี่หวง กู่หวู๋ก็ได้กล่าวออกมา“ข้ามีสิ่งที่ต้องไปทำก่อน เมื่อข้าจัดการธุระนี่เสร็จข้าก็จะกลับไปยังทวีปอู่เซียเลย ดังนั้นเราคงไม่ได้เจอกันอีก ดังนั้นเจอต้องระวังตัวให้มากนะ”
“เช่นเดียวกัน ท่านต้องระวังตัวให้มากะ ถึงอย่างไรก็ตามข้าไม่ให้ท่านกลับไปก่อน เมื่อท่านจัดการธุระเสร็จแล้ว ท่านต้องแวะมาหาข้าก่อน เข้าใจมั้ย?”
“ขอรับ ฝ่าบาท กระหม่อม นอบรับพระบัญชา! ”เธอกล่าวออกมาก่อนที่จะจูบไปที่หน้าฝากของเขา