บทที่ 1326 – ปะทะกับผู้ที่มีพลัง 70,000 สุริยา ขั้นที่ 1 ของกฏแห่งพระราชวังเก้าเทวา
คำพูดของผังสือถูนั้นทำให้ชิงสุ่ยต้องประหลาดใจ เขาไม่รู้ว่าชายชราผู้นี้กำลังวางแผนอะไรอยู่ เหตุผลนั้นก็เพราะว่าไม่เพียงแต่ชายชราจะมไ่ได้ประโยชน์อะไรจากการชนะครั้งนี้ หากเขาแพ้ตระกูลผังจะต้องเสียหน้าครั้งใหญ่
ทันใดนั้นชิงสุ่ยก็ได้เห็นความเย็นชาภายในดวงตาของชายชราผู้นี้ นั่นคือเจตนาสังหาร!
ชิงสุ่ยก็เข้าใจเรื่องนี้ขึ้นมาได้ทันที ปกติแล้วหากพวกเขาแพ้ ชิงสุ่ยจะเป็นผู้ตัดสินใจเรื่องผลลัพธ์เองและหากพวกเขาชนะพวกเขาก็จะไม่ได้อะไรเลย นอกจากนี้ยังมีสิ่งหนึ่งที่ไม่ได้กล่าวถึงอย่างเปิดเผยและนั่นก็คือพวกเขาสามารถฆ่าชิงสุ่ยได้ในการประลองครั้งนี้ ทำให้สิ่งต่างๆดูเหมือนเป็นอุบัติเหตุและทำให้พวกเขาพ้นจากคำสัญญาที่ได้ให้ไว้..
ชายชราย่อมเป็นคนหนึ่งที่มั่นใจว่าจะต้องสังหารศัตรูได้อย่างแน่นอน หากเขาสังการศัตรูในการประลองครั้งนี้ได้เขาย่อมปกป้องตระกูลจากอันตรายในอนาคตได้ หากเขาเขาไม่สามารถทำได้เขาก็มีวิธีการเอาตัวรอดของตนเอง จนถึงตอนนี้เขาสามารถทำ้เช่นนั้นได้
ชิงสุ่ยยิ้ม หลังจากนั้นเขาก็กล่าวขึ้นมาช้าๆ “มั่นใจได้เลย หากข้าแพ้ ข้าจะปกป้องชีวิตของท่านเอง ข้าไม่สนใจว่าคนๆนั้นจะเป็นใคร แม้ว่าจะเป็นคนที่อยู่ในขอบเขตแห่งความตาย ตราบเท่าที่คนๆนั้นเป็นคนที่ท่านบอกกล่าว ข้าก็จะช่วยยืดอายุขัยของพวกเขาได้อย่างน้อย 100 ปี”
เมื่อไม่รู้ว่าศัตรูของเขานั้นทรงพลังมากเพียงใด นอกจากนี้ชิงสุ่ยยังไม่มั่นใจว่าเขาจะสามารถจัดการชายชราผู้นี้ได้ ดังนั้นมันย่อมเป็นการดีที่สุดหากเขาจะสามารถเบี่ยงเบนความตั้งใจของศัตรูและทำให้ศัตรูรู้สึกลังเลใจก่อนที่จะลงมือสังหารตนเองได้
ดวงตาของผังสือถูกระตุกขึ้น เขารู้เรื่องของชิงสุ่ยมามากทีเดียว ดังนั้นไม่ว่าเขาจะเชื่อหรือไม่ในตอนนี้หัวใจของเขาก็ได้เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย ชิงสุ่ยอาจรู้สึกได้ว่าเจตนาสังหารของศัตรูของเขานั้นลดลงไป
ชิงสุ่ยทำสำเร็จเป้าหมายตามที่ตั้งใจไว้แล้ว เขาจึงยิ้มและกล่าวออกมาอีกครั้งว่า “มาเริ่มกันเถอะ! กระบี่ไม่มีตา โปรดระมัดระวังด้วย!”
“โชคชะตาจะกำหนดว่าเราตายหรือมีชีวิตอยู่ในวันนี้!” ผังสือถูนำกระบี่เศียรราชสีห์ขนาดใหญ่ออกมาขณะที่พูด
มันยาวประมาณ 3 เมตร กว้าง 0.3 เมตร กระบี่เศียรราชสีห์นั้นมีสีแดงฉาน ปลายกระบี่เป็นหัวราชสีห์ซึ่งดูสมจริงอย่างยิ่ง หัวของราชสีห์มีลักษณะคล้ายกับเปลวเพลิง มันปลดปล่อยกลิ่นอายของความดุร้ายและร้ายกาจออกมา
เกราะอสูรสำแดง!
ชิงสุ่ยใช้เกราะอสูรสำแดง แต่เขายังไม่ได้ถืออาวุธใดๆ เหตุผลนั่นก็เพราะๆเขาไม่จำเป็นต้องถือมัน
เกราะอสูรสำแดง!
ผังสือถูก็ใช้เกราะอสูรสำแดงของเขาเช่นกัน เกราะอสูรสำแดงของเขานั้นเป็นดอกที่มีสีแดง ดูเหมือนว่ามันจะเป็นชุดเดียวกันกับกระบี่เศียรราชสีห์ ในตอนที่เขาเห็นว่าชิงสุ่ยไม่ได้ถืออาวุธใดๆ เขาก็กลับมาว่า “ลงมือถือ ข้าจะไม่ยั้งมืออีกต่อไป”
ชิงสุ่ยพยักหน้า หลังจากนั้นเขาก็เรียกมังกรไอยราเกล็ดทองคำออกมา
วชิระสยบอสูร!
ตั้งแต่ที่ชิงสุ่ยเตรียมที่จะจู่โจม เขาก็เรียกมังกรไอยราเกล็ดทองคำออกมาทันทีและใช้เคล็ดวิชาลดความแข็งแกร่งศัตรูของมัน และในตอนนี้เมื่อศัตรูของเขายังอยู่ในความตกตะลึง เขาก็ใช้ปราณจักรพรรดิของตนเองออกมาทันที
ปราณจักรพรรดิ!
ในเวลาเดียวกันเมื่อชิงสุ่ยลดความแข็งแกร่งของชายชรา เขายังรู้สึกทึ่งกับพลังของตนเอง พลังกว่า 20,000 สุริยาของชายชราถูกลดลงไปทันทีโดยชิงสุ่ย
ชายชราผู้นี้มีพลังประมาณ 70,000 สุริยา
ตระกูลผังเองก็มีผู้ที่ทรงพลัง ตระกูลอี่หวงและตระกูลปู้หยางก็ย่อมต้องมีเช่นกัน ผังสือถูนั้นทรงพลังที่สุดในตระกูลผังหรือไม่นะ? ผู้ที่ทรงพลังในมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำนั้นมีมากเพียงใดกัน?
เพียงพริบตาเขาก็ต้องสูญเสียพลังไปกว่า 20000 สุริยาแล้ว แม้แต่คนอย่างผังสือถูก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าอย่างชัดเจน เขากวัดแกว่งกระบี่เศียรราชสีห์ขนาดยักษ์ที่อยู่ในมือ ส่งรังสีกระบี่สีแดงให้พุ่งออกไป หลังจากนั้นราชสีห์ที่มีเปลวไฟลุกโชนก็ปรากฏขึ้นและพุ่งไปทางชิงสุ่ย
เขายังคงหลงเหลือพลังอีกกว่า 50,000 สุริยา และยังมีช่องว่างขนาดใหญ่อยู่ระหว่างพลังของชิงสุ่ยและพลังของเขา แต่อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยก็คิดว่ามันยังมีหนทางชนะเพราะสามารถทำให้ศัตรูนั้นอ่อนแอลงได้ เหตุผลอีกอย่างนั่นก็เพราะชิงสุ่ยนั้นเป็นผู้ที่ได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งเต๋า ในทางกลับกันผังสือถูนั้นอาจจะทรงพลังแต่เขาก็ยังไม่ได้ก้าวเข้าสู่ประตูเทวะแห่งเต๋าในตอนนี้
นอกจากนี้ยังมีโอกาส 80% ที่เขาจะสามารถต่อกรกับชายชราผู้นี้ได้ด้วยการโจมตีด้วยพลังวิญญาณ ดังนั้นชิงสุ่ยจึงไม่ได้กังวลแต่อย่างใด โชคร้ายอย่างยิ่งสำหรับผังสือถูที่เคล็ดวิชาของเขานั้นเป็นธาตุไฟ
หุบเขา 9 เทวา!
ทันทีที่ชิงสุ่ยเปิดใช้งานด้วยพลังจิต หุบเขา 9 เทวาก็พุ่งเข้าไปปะทะกับราชสีห์ที่พุ่งเข้ามาทันที
ปัง!
หุบเขา 9 เทวาถูกตัดออกไปถึงครึ่งหนึ่ง ในตอนนี้ชิงสุ่ยสะบัดมือของเขาและก็มีอะไรบางอย่างพุ่งไปหาผังสือถู
ตราประทับซวนเทียน!
ขั้นที่ 2 ตราประทับซวนเทียน! ลดความเร็วและปฏิกิริยาตอบสนองของศัตรูลงไป 20%
ในช่วงเวลานี้ตราประทับซวนเทียนของชิงสุ่ยได้ยกระดับขึ้นไปยังขั้นที่ 2
ย่าห์!
ไป!
ชิงสุ่ยควบคุมหุบเขา 9 เทวาและเข้าไปปะทะกับผังสือถูทันที
ในตอนนี้ผังสือถูรู้สึกได้ว่าชิงสุ่ยนั้นแปลกประหลาดอย่างยิ่ง เดิมทีเขาคิดว่าเขาจะสามารถสังหารชายผู้นี้ได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว แต่ในตอนนี้เขารู้แล้วว่ามันไม่ง่ายอย่างที่คิด เขาเรียกกระบี่เศียรราชสีห์กลับมาและพุ่งเข้าไปฟาดฟันหุบเขา 9 เทวาอีกครั้งเมื่อกระบี่ของเขากลับมา ในตอนนี้เขาต้องใช้พลังมากกว่าก่อนหน้านี้
ในตอนที่เขากำลังพุ่งออกไปชายชราก็เริ่มเคลื่อนไหวเช่นกัน เขาเข้ามาปะทะกับชิงสุ่ยทันที เกราะอสูรสำแดงของเขานั้นปกปิดร่างกายทุกส่วน กระบี่เศียรราชสีห์นั้นปลดปล่อยเปลวเพลิงสีแดงฉานราวกับโลหิตออกมา
เมื่อชิงสุ่ยสะบัดมือของเขาแส้เปลวเพลิงมังกรขั้นแรกเริ่มก็ฟาดไปยังผังสือถู
ทักษะย่างก้าว 9เทวา!
รูปแบบเนตรศิลาศักดิ์สิทธิ์ช่วยเพิ่มพลังของรูปแบบของเขาได้ 1 เท่า มันยังรวมถึงทักษะย่างก้าว 9เทวาด้วยเช่นกัน ทันใดนั้นชิงสุ่ยก็ปรากฏตัวขึ้นหลังผังสือถูทันที เขาฟาดแส้เปลวเพลิงมังกรขั้นแรกเริ่มไปยังผังสือถู
เมื่อได้ก้าวเข้าสู่ประตูเทวะแห่งเต๋ารวมกับท่วงท่าอันลึกลับของทักษะย่างก้าว 9เทวา ชิงสุ่ยนั้นสามารถจัดการกับศัตรูที่มีพลังมากกว่าหลายเท่าได้อย่างคล่องแคล่ว
มังกรไอยราเกล็ดทองคำได้ปรากฏตัวขึ้นอยู่ไม่ไกล ทันทีที่ชิงสุ่ยเริ่มเคลื่อนไหวมันก็เข้าโจมตีด้วยทันที
ปราณกระบี่วชิระ!
มันสามารถช่วยลดความเร็ว 20% ……
มังกรไอยราเกล็ดทองคำนั้นมีสายเลือดที่ไม่ด้อยกว่าสายพันธุ์มังกร และในตอนนี้มันมีพลังมากกว่า 10000 สุริยา การเติบโตของมันเพิ่มขึ้นด้วยความเร็วที่น่ากลัวอย่างมาก
นี่คือช่วงเวลาที่พลังของมังกรไอยราเกล็ดทองคำกำลังพุ่งทะยาน มันเหมือนกับเมื่อมนุษย์ที่ได้ผ่านวัยแรกรุ่น หากพวกเขาได้รับสารอาหารที่เหมาะสมร่างกายของพวกเขาจะเติบโตอย่างรวดเร็ว นี่เป็นเหมือนการยกระดับทุกสิ่งทุกอย่าง
ตำนานกล่าวไว้ว่ามังกรไอยราเกล็ดทองคำนั้นจะยิ่งใหญ่กว่ามังกรยามที่มันได้เติบโตขึ้น ไม่ว่ามังกรไอยราเกล็ดทองคำจะแข็งแกร่งขึ้นมากเพียง พลังของชิงสุ่ยก็จะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน แต่น้ำที่เต็มแก้วนั้นไม่อาจเพิ่มน้ำเข้าไปอีกได้ ดังนั้นชิงสุ่ยจะต้องยกระดับไปยังระดับพลังปราณบรรชาสวรรค์พินาจให้เร็วที่สุด
ด้วยสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ความเร็วของผังสือถูนั้นเชื่องช้ากว่าชิงสุ่ยอย่างเห็นได้ชัด หากปราศจากความเร็วแล้วโอกาสที่จะชนะศัตรูนั้นก็จะเหลือน้อยยิ่งนักไม่ว่าเขาจะมีพลังมากกว่าศัตรูสิบเท่าหรือร้อยเท่าก็ตาม ดังนั้นเขาก็จะสามารถ ‘ได้รับชัยชนะเหนือยอดฝีมือที่มีแต่พลังเพียงอย่างเดียว’ ด้วยสถานการณ์เช่นนี้พลังที่แท้จริงก็อาจจะไร้ประโยชน์ไปเลย
ในตอนนี้ผังสือถูนั้นอยู่ในตำแหน่งที่ตั้งรับ อย่างไรก็ตามเขาก็ยังสามารถป้องกันการโจมตีของชิงสุ่ยได้ แม้ว่าเขาจะโดนโจมตีบ้างบางครั้ง น่าเสียดายที่การโจมตีของชิงสุ่ยนั้นไม่อาจสร้างความเสียหายใดๆให้แก่เขาได้ นี่ทำให้เขาหัวเราะออกมาได้
“ข้าจะยืนอยู่ที่นี่และให้เจ้าโจมตีตามที่เจ้าต้องการเลย เจ้าไม่อาจทําอันตรายใดๆแก่ข้าได้” ท้ายที่สุดผังสือถูก็ตัดสินใจที่จะอยู่นิ่งๆ เกราะอสูรสำแดงที่ทรงพลังของเขาทำให้เขาเหมือนกับเต่าที่ไม่มีวันตาย
“เจ้าจะไม่เคลื่อนไหวแล้วงั้นหรือ?” ชิงสุ่ยยิ้ม
“ข้าจะไม่เคลื่อนไหวแล้ว!”
ชิงสุ่ยก็เรียกอสูรอัสนีคลั่งออกมาทันที
อัสนีกัมปนาท!
ผังสือถูนั้นไม่ได้สนใจพลังโจมตีอันน้อยนิดของอสูรอัสนีคลั่งเลย เพียงแต่ทันใดนั้นเขาก็ได้รู้ว่าเขาคิดผิดครั้งใหญ่ ใบหน้าของเขาเปลี่ยนแปลงไปทันทีเมื่อเขาต้องกลับมาจับกระบี่อีกครั้ง
หัวราชสีห์สีแดงที่อยู่บนปลายของกระบี่เศียรราชสีห์มันเริ่มมีสีเข้มขึ้นเรื่อยๆทำให้มันดูน่ากลัวมากยิ่งขึ้น หัวราชสีห์นั้นก็เปล่งแสงสีแดงโลหิตออกมาปกคลุมรอบตัวของชายชรา
ราชสีห์ปีศาจโลหิต!
ชิงสุ่ยเห็นได้ชัดว่านอกเหนือจากปราณจักรพรรดิ ผลของเคล็ดวิชาอื่นๆนั้นต่างก็หายไป นอกจากนี้พลังของเขายังเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ในพริบตาเขาก็พุ่งเข้ามาหาอสูรอัสนีคลั่ง
อสูรอัสนีคลั่งรีบหลบการโจมตีอย่างรวดเร็ว แต่ดูเหมือนมันจะสายไปเล็กน้อยที่ทำเช่นนั้น
ลึกๆในใจชิงสุ่ยก็รู้สึกทึ่งกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ทักษะย่างก้าว 9เทวา มิติผกผันฉับพลัน!
ชิงสุ่ยสลับตำแหน่งของเขากับผังสือถูทันที ผังสือถูที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ยังคงพุ่งเข้าไปหาเป้าหมายของเขาอยู่ ร่างกายของเขาเป็นประกายด้วยสีแดงและเมื่อเขารู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นมันก็ทำให้เขาต้องรู้สึกโกรธทันที
“ข้าอยากรู้จริงๆว่าเจ้าจะสามารถรับการโจมตีของข้าได้กี่ครั้ง!
ก้าวพสุธามังกรไอยรา!
มังกรไอยราเกล็ดทองคำกระทืบลงไปยังผังสือถู
น่าเสียดายที่มันไม่ได้ผล
ปราณกระบี่วชิระ!
ไม่ได้ผล!
ชิงสุ่ยไม่ลังเลเลยที่จะเรียกทั้งมังกรไอยราเกล็ดทองคำและอสูรอัสนีคลั่งให้กลับไป เขาใช้แหวนศิลาหยกสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เพื่อหลบการโจมตีที่น่ากลัวของผังสือถู
ผังสือถูนั้นแข็งแกร่งอย่างยิ่งในตอนนี้ แต่ก็เป็นช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น นอกเหนือจากปราณจักรพรรดิเคล็ดวิชาอื่นๆที่ลดพลังนั้นจะไร้ผล ดังนั้นชิงสุ่ยต้องการรอจนกว่าผลของราชสีห์ปีศาจโลหิตนี้จะหมดไป
ราชสีห์ปีศาจโลหิต เล็งเป้า!
ทันใดนั้นแสงสีแดงโลหิตจากปลายกระบี่ของผังสือถูก็เริ่มห่อหุ้มร่างกายของชิงสุ่ยราวกับใยแมงมุม หลังจากนั้นผังสือถูก็หายไปเหลือไว้เพียงภาพติดตาเท่านั้น สิ่งที่ตามมานั่นก็คือกลิ่นอายที่สะเทือนไปทั้งโลกาเข้ามาปะทะกับชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยรู้สึกได้ถึงเหงื่ออันเย็นเยียบที่ไหลลงมาจากร่างกายของเขา เขารีบถอยหลังกลับไปอย่างรวดเร็ว
ปัง!
สิ่งเดียวที่ชิงสุ่ยรู้สึกได้ในตอนนี้คือมีภูเขาขนาดมหึมาพุ่งเข้ามาปะทะเขา เขากระอักเลือดออกมา โชคดีที่เขายังสามารถทนรับการโจมตีครั้งนี้ได้
พลังธรรมชาติของเขาไม่อาจหยุดแสงสีแดงนี้ได้…..
เขตแดนแห่งราชันย์
โชคดีที่เขตแดนแห่งราชันย์ร้านสามารถขจัดมันไปได้ แต่ในตอนนี้ผังสือถูก็พุ่งเข้ามาหาชิงสุ่ยอีกครั้ง
ปู้หยางหงหูนั้นกำลังให้ความสนใจกับการสู้รบที่เกิดขึ้นครั้งนี้ กำปั้นทั้งสองของเขากำลังเคลื่อนไหวไปมา แต่ในตอนนี้ก็มีเสียงดังขึ้นมา “ข้ารู้ว่าท่านต้องการทำอะไรแต่สำหรับตอนนี้การช่วยเหลือของท่านนั้นไม่ใช่สิ่งที่ดีนัก หากข้าจำเป็นจริงๆ ข้าจะบอกท่านให้ทราบ ขอบคุณ!”
ชิงสุ่ยได้สังเกตเห็นคนพวกนี้มานานแล้ว เมื่อคิดว่าพวกเขามาที่นี่เพื่อช่วยชีวิตของตนเอง เขาก็ไม่คิดอีกต่อไปว่าคนๆนั้นจะเป็นใคร น่าจะเป็นคนจากหลายๆตระกูลก่อนหน้านี้ เขารู้สึกว่าคนพวกนี้น่าจะมาจากตระกูลปู้หยาง แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่ค่อยแน่ใจเรื่องนี้
ทักษะย่างก้าว 9เทวา ย่างก้าวอากาศธาตุ!
ร่างกายของชิงสุ่ยเชื่องช้าลงและเริ่มสลายไป หลังจากนั้นเขาก็ปรากฏตัวขึ้นในระยะไกลๆ
ย่างก้าวดาวตก!
ชิงสุ่ยยิงลูกปัดเหล็กกล้าเหมันต์ 10000 ปี 2 ลูกไปยังผังสือถู
ติ๊ง ติ๊ง!
ภายใต้ผลของราชสีห์ปีศาจโลหิต เขานั้นเป็นเหมือนเต่าศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่มีทางโผล่หัวออกมา ทำให้คนอื่นๆไม่รู้ว่าจะต้องจัดการกับมันยังไงดี
ชิงสุ่ยนั้นทำได้เพียงหลบอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ตำแหน่งเทวาทั้ง 9 เขาคือราชันย์
ราชันย์แห่งเทวาทั้ง 9!
ชิงสุ่ยดูเหมือนจะคิดอะไรได้บางอย่าง หลังจากนั้นเขาก็เริ่มทำอะไรหลายๆอย่าง ขณะที่เขากำลังหลบหนีการโจมตีอยู่นั้นเขาก็นึกถึงตำแหน่งของตนเองในตำแหน่งเทวาทั้ง 9 นับตั้งแต่เขาสามารถฝึกฝนทักษะย่างก้าว 9เทวาได้ เขาก็คิดว่ามันไม่อาจสามารถพัฒนาต่อไปได้แล้ว
เขาผสมผสานเคล็ดวิชาการเคลื่อนไหวต่างๆของเขาเข้ากับทักษะย่างก้าว 9เทวา ดูเหมือนเขาจะสามารถเข้าใจพวกมันมากขึ้นได้อย่างช้าๆ นั่นเป็นความรู้สึกมหัศจรรย์มาก มันรู้สึกราวกับว่าทุกสิ่งในตำแหน่งเทวาทั้ง 9 นั้นได้มีชีวิตขึ้นมา
เพิ่มแรงโน้มถ่วง!
ทันใดนั้นชิงสุ่ยก็ได้เห็นจุดสีจุดหนึ่งในทะเลแห่งปัญญาของเขากำลังเข้มขึ้นเรื่อยๆ ในตอนนี้เขากำลังตกตะลึงเขาไม่คาดคิดว่าการกระทำเช่นนี้จะได้ผลจริงๆ นี่คือกฏแห่งพระราชวังเก้าเทวา
มันก็เหมือนกับกฏแห่งสวรรค์และโลก เขามีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจทุกอย่างภายในตำแหน่งเทวาทั้ง 9 กฎของมันดูเหมือนจะสร้างขึ้นจากตัวเขาเอง
ทันใดนั้นชิงสุ่ยก็สังเกตเห็นได้ว่าทักษะย่างก้าว 9เทวาในตอนนี้นั้นได้ไปถึงขั้นที่ 1 ของกฏแห่งพระราชวังเก้าเทวา
ระดับสวรรค์ขั้นที่ 1 ปลดปล่อยกฏแห่งพระราชวังเก้าเทวา สามารถทำให้ศัตรูตกอยู่ภายใต้ขนของแรงโน้มถ่วง 10 เท่าได้
แรงโน้มถ่วง 10 เท่า ถ้าเขาอยู่ในชาติก่อนหน้านี้เขาจะสามารถสังหารศัตรูของเขาได้ทันที แต่ในตอนนี้ศัตรูของเขานั้นเป็นผู้ฝึกยุทธที่ทรงพลัง มันอาจส่งผลต่อศัตรูของเขาแต่ก็ไม่ได้มากมายจนเห็นได้ชัด ไม่ว่ายังไงมันก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย และเขายังสามารถยกระดับมันขึ้นไปอีกได้ในอนาคต
กลืนกิน สามารถลืมกินแก่นแท้ของศัตรูได้ ระดับขั้นแรกนั้นสามารถกลืนกินได้อย่างช้าๆ ทำให้อัตราความเหนื่อยล้าของเป้าหมายนั้นเพิ่มขึ้น 10%.
สวรรค์ทะลาย ราชันย์แห่งตำแหน่งเทวาทั้ง 9 นั้นสามารถซ้อนทับการโจมตีของเขาเข้าด้วยกันได้ ช่วยเพิ่มพลังได้ 10% มีโอกาสสูงที่จะทำให้เป้าหมายกระเด็นไปข้างหลังและมีโอกาสเล็กน้อยที่จะทำให้เป้าหมายตกอยู่ในความตื่นตระหนก ลดพลังของเป้าหมายและทำให้พลังนั้นสลายไป
นี่คือกฏแห่งพระราชวังเก้าเทวาในระดับสวรรค์ขั้นที่ 1 ชิงสุ่ยรู้สึกพึงพอใจอย่างยิ่ง เขาสามารถใช้มันเมื่อไหร่ก็ได้ตามที่เขาต้องการ
แรงโน้มถ่วง 10 เท่า! กลืนกิน!
ชิงสุ่ยปลดปล่อยกฏแห่งพระราชวังเก้าเทวาในระดับสวรรค์ขั้นที่ 1 ไปยังผังสือถูฉันที
และในตอนนี้แสงสีแดงรอบๆตัวของผังสือถูนั้นเริ่มหายไป ชิงสุ่ยนั้นดูมีหน้าตาซีดเซียวแต่อาการบาดเจ็บส่วนใหญ่ของเขานั้นได้หายดีแล้ว เมื่อรวมกับกระดูกที่ทรงพลังของเขาไม่มีปัญหาใดจะใหญ่เกินไปเมื่ออยู่ตรงหน้าเขา เขารู้ว่าในตอนนี้โอกาสของเขานั้นได้มาถึงแล้ว