บทที่ 1335 – ราชินีผึ้งหยกจักรพรรดิสอดแนม, การกลายพันธุ์ของอสูรแมงมุม, อาณาจักรเทียนฮี่
เมื่อชิงสุ่ยรู้ถึงสถานการณ์ของชายชรา เขามีความมั่นใจเรื่องสถานการณ์ต่างๆมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นชีวิตของชราเองก็อยู่ในกำมือของเขาแล้ว ในตอนแรกเขามีความกังวลว่าตระกูลอี่หวงจะข่มขู่เขา แต่ในตอนนี้เขารู้แล้วว่าตนเองคิดผิดไป
นอกจากชิงสุ่ยและผู้อาวุโสอี่หวงแล้ว ทุกๆคนต่างรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก คำพูดของผู้อาวุโสอี่หวงทำให้ทุกอย่างชัดเจนขึ้น บะหมี่ชีวิตยืนยาวมีประสิทธิภาพสูงจริงๆ เมื่อมาถึงจุดสิ้นสุดของชีวิตแล้วพวกเขาสามารถยืดอายุของตนออกไปได้ห้าสิบปีเมื่อได้กินบะหมี่ชีวิตยืนยาว
ในสถานการณ์ปัจจุบันนี้ เวลาห้าสิบปีถือว่าสั้นมากแต่เมื่อต้องเผชิญกับบั้นปลายของชีวิตแล้ว แม้ว่าห้าปีหรือสิบปีล้วนเป็นเวลาที่มีค่า นับประสากับอะไรหากมีอายุเพิ่มขึ้นได้อีกห้าสิบปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ยังไม่บรรลุความปราถนาทั้งหมดในชีวิต
อีกสิ่งหนึ่งก็คือชิงสุ่ยกล่าวเอาไว้ว่า เขาอาจจะบรรลุวิชาแพทย์ขึ้นไปอีกภายในห้าสิบปีนี้ หรืออาจจะเร็วกว่านั้นถ้าหากเขาโชคดี เมื่อเขาบรรลุแล้ว เขาจะสามาถยืดอายุขัยให้เพิ่มขึ้นได้อีก ถ้าหากเรื่องที่ว่าเป็นความจริง แน่นอนว่าผู้คนจากตระกูลอี่หวงต้องการทดลองมันอย่างแน่นอน ในตอนนี้สิ่งที่พวกเขากำลังคิดอยู่คือการมีสัมพันธฺที่ดีกับหมอเทวดาคนนี้
ชิงสุ่ยไม่ได้นำซาลาเปาหยกมาด้วยเพราะมีหลายคนได้ลองกินกันไปแล้ว นอกเหนือจากนั้นผู้คนในวันนี้มีอยู่จำนวนมาก มันคงไม่มากพอที่จะแจกจ่ายให้ทุกคน
เป้าหมายของชิงสุ่ยไม่ใช่การขายซาลาเปาของเขา แต่การขายซาลาเปาช่วยสร้างสมบัติให้มากขึ้น และคงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีมากพอสำหรับทุกๆคน นอกเหนือจากบะหมี่ชีวิตยืนยาวแล้วยังมีเหล้าดอกบ๊วยผลิบานอีกด้วย
เหล้าดอกบ๊วยผลิบานได้สร้างความปั่นป่วนให้เกิดขึ้นอีกครั้ง เป็นเพราะเหล้าจากหอคอยจักรพรรดิถูกแพร่กระจายไปทั่วเมืองอี่หวงในเวลาอันสั้น ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่ทุกๆคนจะได้ลิ้มลองมัน มันคือแผนของชิงสุ่ยที่จะสร้างชื่อเสียงให้มากขึ้น
ผู้อาวุโสอี่หวงมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง เขาไม่เคยได้ลิ้มรสอาหารและเหล้าที่มีรสชาตดีอย่างนี้มาก่อนเลยในชีวิต มนุษย์ทุกคนเกิดมาพร้อมกับสัญชาตญาณในการกินและการสืบพันธุ์ และการกินถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด และมันช่วยแสดงให้เห็นว่าอาหารมีความสำคัญเพียงใด
“เหล้าดี ท่านหมอเทวดามีมันอยู่จำนวนมากใช่หรือไม่?” ผู้อาวุโสอี่หวงมีท่าทีหยาบคายเล็กน้อยเมื่อกล่าวถึงสิ่งนี้ เพราะเป็นการเรียกขอของขวัญจากผู้ที่เพิ่งมอบของขวัญให้เขาไป
“เหล้านี้ใช้เวลามากมายในการทำขึ้นมา มันทำมาจากบ๊วยบุปผชาติที่ต้องมีอายุกว่าพันปีและต้องเก็บไว้อีกหลายพันปีเพื่อให้ได้รสชาตเช่นนี้ รวมถึงบะหมี่ชีวิตยืนยาวที่ใช้วิธีการเตรียมที่ยากกว่าเหล้าอีก” ชิงสุ่ยไม่ได้กล่าวอะไรเพิ่มเติมอีก
ผู้อาวุโสจะไม่รู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร? นอกเหนือจากนั้นด้วยสถานะของเขาเอง มันคงไม่สุภาพเท่าไรนักที่กล่าวออกไปเช่นนั้น
“ข้ามีอยู่ไม่มากแล้วแต่ข้าสามารถมอบให้ท่านได้อีกสองไห ผู้คนที่ดื่มมันเยอะอาจจะติดมันเข้าก็ได้ และมันอาจทำให้กินเหล้าชนิดอื่นไม่ได้อีกเลย ดังนั้นคงจะเป็นเรื่องดีหากท่านค่อยๆดื่มมันทีละนิด และคงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีมันดื่มไปทั้งชีวิต”
“เช่นนั้นแล้วข้าต้องขอขอบใจท่านหมอเทวดามาก ได้เวลาแล้วเริ่มงานเลี้ยงฉลองได้เลย”
ทุกๆคนยืนขึ้นเพื่อดื่มอวยพรให้กับผู้อาวุโสอี่หวงก่อนที่จะแยกย้ายไปทำกิจกรรมของตน บางคนไปทำความรู้จักกับคนในตระกูลอี่หวง บางคนก็สร้างสัมพันธ์กับผู้คนรอบๆ ซึ่งทำให้เกิดความมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ชิงสุ่ยไม่ได้เข้าไปทำความรู้จักกับใครอีก เขาวางตัวให้ดูห่างเหินกับคนอื่นๆ เพื่อสร้างศักดิ์ศรีของเขาในฐานะหมอเทวดาขึ้นมา ด้วยเหตุนี้ในอนาคต ผู้คนจะคอยพึ่งพาเขาในฐานะหมอเทวดา
ชิงสุ่ยไม่ได้ใช้เวลาอยู่ต่อ เขาลุกขึ้นยืนพร้อมกล่าวอำลาผู้คนในตระกูลอี่หวง ผู้คนในตระกูลอี่หวงต่างรั้งตัวให้เขาอยู่ต่อ ชิงสุ่ยและหมอปิศาจกล่าวปฏิเสธอย่างสุภาพ พวกเขาไม่อยากสร้างมิตรกับคนในตระกูลอี่หวง
นอกเหนือจากชิงสุ่ยแล้วมีผู้คนไม่มากนักที่สามารถออกจากงานเลี้ยงตอนต้นได้ นอกเหนือจากจะมีภาระหน้าที่ที่สำคัญจริงๆ พวกเขาล้วนต้องอยู่จนงานเลี้ยงเลิกรา ผู้คนที่ทรงพลังมักทำให้ตัวเองรู้สึกมีเกียรติด้วยการปรากฏตัวขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ในทางตรงกันข้ามคนที่ด้อยกว่าจะต้องอยู่ไปจนจบงาน
ผู้อาวุโสอีห่วงถือเป็นหนึ่งในบุคคลชั้นสูง แม้ชิงสุ่ยจะไม่รู้ถึงระดับที่แท้จริงของเขา แต่ก็มั่นใจว่าไม่ใช่คนในระดับปราณบรรชาสวรรค์พินาจ ถ้าหากมีบุคคลในระดับปราณบรรชาสวรรค์พินาจอยู่ในตระกูลอี่หวง บุคคลผู้นั้นคงยังไม่เผยตัวออกมา
ชิงสุ่ยไม่แน่ใจว่าพลังของผู้อาวุโสอี่หวงอยู่ในระดับใดระหว่างสามแสนสุริยาถึงห้าแสนสุริยา
เมื่อคิดถึงความสามารถขึ้นมาแล้ว ชิงสุ่ยย้อนกลับไปที่ตระกูลชิงอีกครั้ง ในตอนนี้พลังของเขาถูกจัดอยู่ในขั้นสูงและถือเป็นบุคคลที่สำคัญ อีกทั้งยังมีความสามารถในการรักษาอีกด้วย มันไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไปเมื่อเขาเผชิญหน้ากับผู้ที่มีพลังต่ำกว่าหนึ่งแสนห้าหมื่นสุริยา
…
เวลาช่างผ่านไปรวดเร็ว ในที่สุดก็ผ่านไปสองเดือน
ทุกๆอย่างดำเนินไปย่างราบรื่นแต่เขาก็ยังไม่ได้บรรลุพลังเพิ่มเติม เหล่าสัตว์อสูรของเขากำลังพัฒนาตัวเองขึ้นด้วยความเร็วที่น่ากลัว มีบางอย่างปรากฏขึ้นที่จุดตันเถียนของชิงสุ่ย ซึ่งเป็นผลที่เขาได้รับพลังมาจากมังกรไอยราเกล็ดทองคำ แม้ว่าจะไม่ได้มากมายนัก แต่โดยรวมก็ถือว่าดี ชิงสุ่ยไม่ได้รีบร้อนที่จะผสานมันเข้า
ภายในสองเดือนนี้ สิ่งที่ทำให้ชิงสุ่ยดีใจคงเป็นหมูป่านักล่าสมบัติและราชินีผึ้งหยกจักรพรรดิที่กลายมาเป็นสูรโอสถแห่งจิตวิญญาณขั้นสาม สมุนไพรเยียวยาในดินแดนหยกยุพราชอมตะที่กำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ชิงสุ่ยไม่ได้มองมันจากอายุแต่มองจากผลที่ให้ต่างหาก ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีถ้ามันมีผลต่อทางการแพทย์
รูปร่างของหมูป่านักล่าสมบัติไม่ได้เปลี่ยนไปนัก มันยังคงน่ารักเช่นเดิมแต่ความเร็วของมันถูกเพิ่มขึ้นและรุนแรงขึ้น ในขณะที่ราชินีผึ้งหยกจักรพรรดิได้ให้กำเนิดราชินีผึ้งหยกจักรพรรดิออกมากลุ่มหนึ่ง อย่างไรก็ตามราชินีผึ้งหยกจักรพรรดิกลุ่มนี้มีความต่างกับผู้ให้กำเนิดอย่างชัดเจนและยังมีจิตแห่งปราณอยู่ภายในร่างกายอีกด้วย นี่คงเป็นความจริงที่ว่าราชินีผึ้งหยกจักรพรรดิได้กลายเป็นอสูรโอสถแห่งจิตวิญญาณไปแล้ว
แน่นอนว่าเหล่าราชินีผึ้งหยกจักรพรรดิวัยเยาว์เหล่านี้ไม่ได้เป็นอสูรโอสถแห่งจิตวิญญาณ แต่พวกมันถือเป็นสัตว์อสูรแห่งจิตวิญญาณ ชิงสุ่ยให้อาหารพวกมันด้วยน้ำหวานแห่งราชินีผึ้งจากราชินีผึ้งหยกจักรพรรดิซึ่งเป็นถึงอสูรโอสถแห่งจิตวิญญาณขั้นสาม ไม่เพียงเท่านี้ชิงสุ่ยยังใส่ผลึกเสริมกายาลงไปน้ำหวานแห่งราชินีผึ้งอักด้วย
เหตุผลที่ชิงสุ่ยทำสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เพราะต้องการให้ ราชินีผึ้งหยกจักรพรรดิวัยเยาว์กลายมาเป็นสัตว์อสูรที่ทรงพลังแต่ต้องการให้พวกมันกลายเป็นผึ้งสอดแนมมากกว่า ชิงสุ่ยรู้ตัวว่าตนเองนั้นยังมีข้อมูลที่ไม่มากพอเขาจึงหวังว่าจะให้ราชินีผึ้งหยกจักรพรรดิพวกนี้เป็นหน่วยที่สืบหาข้อมูลมาให้ เพื่อที่จะกลายมาเป็นหูและเป็นตาให้เขา
นี่เป็นสิ่งที่ราชินีผึ้งหยกจักรพรรดิได้สื่อสารกับชิงสุ่ยเช่นกัน ในตอนแรกชิงสุ่ยต้องการเลี้ยงดูอย่างอื่นเพื่อให้มันเป็นฝ่ายเสาะหาข้อมูลให้กับเขา แต่ในตอนนี้เขาขอลองดูก่อนว่าราชินีผึ้งหยกจักรพรรดิมีความสามารถพอหรือไม่และค่อยตัดสินใจอีกครั้ง อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยยังไม่มั่นใจในความสามารถของพวกมันนัก
สาเหตุที่ต้องเรียกพวกมันว่าสัตว์อสูรแห่งจิตวิญญาณเป็นเพราะการติดต่อสื่อสารของพวกมันและยังสามารถเข้าใจในภาษามนุษย์อีกด้วย แม้ว่าพวกมันไม่ฉลาดเท่ากับพวกมนุษย์ แต่ก็มีความสามารถพิเศษบางอย่างในบางพื้นที่ เช่น ความสามารถในการหาข้อมูลของพวกผึ้งสอดแนม
พวกผึ้งและสิ่งมีชีวิตจำพวกมดมักอยู่กันเป็นกลุ่มและสามารถแบ่งหน้าที่ต่อกันได้ดังเช่น ทหาร แรงงาน และแน่นอนว่าต้องมีกลุ่มที่คอยสืบเสาะหาข้อมูล และชิงสุ่ยเลือกที่จะฝึกฝนเหล่าราชินีผึ้งหยกจักรพรรดิ
เขาต้องการใช้เวลาอยู่บ้างแต่ในดินแดนหยกยุพราชอมตะแห่งนี้ มันคงใช้เวลาไม่นานนัก อีกสิ่งหนึ่งคือเรื่องของอสูรแมงมุมมังกรเจ็ดเศียร เขาไม่รู้ว่าอสูรแมงมุมมังกรเจ็ดเศียรได้เกิดการกลายพันธุ์หรือไม่ หรือบางส่วนของมันถูกพัฒนาขึ้นแล้ว
มันอาจกลายเป็นอสูรแมงมุมโพรงดิน อสูรแมงมุมกาฝาก อสูรแมงมุมพิษ อสูรแมงมุมวชิระ อสูรแมงมุมอัสนี หรืออาจเป็นอสูรแมงมุมชักใย
ชิงสุ่ยชอบการที่อสูรแมงมุมกลายพันธุ์ เป็นเพราะความสามารถของพวกมันจะถูกยกระดับขึ้น อสูรแมงมุมโพรงดินจะสามารถเคลื่อนไหวไปมาได้ในใต้ดิน รวมถึงการลอบโจมตี อสูรแมงมุมกาฝากสามารถวางไข่ที่เป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว แม้เป้าหมายของมันจะแข็งแกร่งดังเหล็กกล้าก็ตาม อีกทั้งอสูรแมงมุมจำพวกนี้เป็นหนึ่งในสิ่งที่ผู้คนหวาดกลัวที่สุด
อสูรแมงมุมพิษที่เต็มไปด้วยสีดำบนร่างกายและปล่อยกลิ่นอายอันมืดมัวออกมา พิษของมันมีฤทธิ์เท่าเทียมกับพังพอนหมื่นพิษเลยทีเดียว แต่ด้วยจำนวนของพวกมันแล้วพังพอนหมื่นพิษคงไม่อาจต่อกรด้วยได้
อสูรแมงมุมวชิระมีสีทองไปทั่วทั้งตัวและรับการโจมตีที่น่ากลัวได้ เมื่อเป้าหมายถูกรัดด้วยขาและเส้นใยของพวกมันก็ต้องพบกับจุดจบ
อสูรแมงมุมอัสนีสามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็วราวกับกระโดดไปมา สิ่งนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งในการทำลายการโจมตีอันทรงพลังของฝ่ายตรงข้าม อีกทั้งพวกมันยังมีขาที่แหลมคนอีกด้วย
ส่วนอสูรแมงมุมชักใยมีความสามารถดั่งชื่อของพวกมัน และไม่มีความสามารถพิเศษใดๆเพิ่มอีก เพียงแต่ใยของพวกมันมีความแข็งแรงและเหนียวเป็นอย่างมาก แน่นอนว่ามันแข็งแรงกว่าใยทั่วๆไปกว่าสิบเท่า แต่พวกมันก็ยังอ่อนแอกว่าเมื่อเทียบกับอสูรแมงมุมมังกรเจ็ดเศียร
การกลายพันธุ์เหล่านี้เกิดจากไข่ที่ถูกวางโดยอสูรแมงมุมมังกรเจ็ดเศียรหลังจากที่มันมีเศียรมังกรเพิ่มออกมา นี่เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมชิงสุ่ยจึงรู้สึกได้ว่ามีการกลายพันธุ์ของอสูรมงกุฎเจ็ดเศียร โดยรวมแล้วถือเป็นเรื่องที่ดี
เรื่องเหล่านี้เป็นผลดีสำหรับตัวชิงสุ่ยที่จะมีกองทัพอสูรแมงมุมมากมาย
ในตอนนี้หอคอยจักรพรรดิถือเป็นจุดสนใจ ไม่เพียงแค่ผู้คนจากเมืองอี่หวงเท่านั้นที่รู้ถึงการมีอยู่ของสถานที่แห่งนี้ แม้แต่ที่อื่นๆในอาณาจักรอี่หวงรวมถึงอาณาจักรอื่นๆก็เดินทางมาเพื่อรับการรักษา ชื่อเสียงของชิงสุ่ยมีมากขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ
ชิงสุ่ยไม่มีสิ่งใดให้กลัวอีกแล้ว ข้อดีของการที่เขาแสดงตัวว่าเป็นหมอคือไม่มีผู้ใดหมายปองจะสังหารเขา แน่นอนว่าย่อมมีสิ่งที่ยกเว้นอยู่นั่นคือบุคคลที่อยู่ในตำแหน่งเดียวกัน อย่างไรก็ตามโอกาสที่จะเกิดเรื่องพวกนี้ขึ้นมีอยู่น้อยมาก เนื่องจากบุคคลที่อ่อนแอกว่าเขาย่อมมิอาจทำเรื่องเหล่านี้ได้และผู้ที่แข็งแกร่งกว่าต่างพากันเชื่อเชิญให้เขาร่วมเป็นพรรคพวก
อีกเหตุผลก็คือเหล่าหมอที่มากด้วยฝีมือมักถูกคุ้มครองโดยผู้ที่มีพลังอำนาจ ตัวอย่างเช่น การที่ตระกูลอี่หวงต้องการจะทำงานร่วมกับชิงสุ่ย แต่ช่างน่าสงสารที่ตระกูลอี่หวงยังไม่ได้ข่าวคราวของเหยียนจงเยว่เลย
ชิงสุ่ยไม่ได้รู้สึกประหลาดใจแต่อย่างใด เขารู้ว่าการหาตัวเหยียนจงเยว่ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายนัก อีกสิ่งที่เขาไม่แน่ใจคือรูปร่างที่เปลี่ยนไปของหยียนจงเยว่หรือความทรงจำที่เลือนลางของตัวเขา ดังนั้นชิงสุ่ยจึงไม่ได้หวังอะไรมากมายกับตระกูลอี่หวง
“พี่ชาย ท่านรู้เกี่ยวกับนิกายสาปอสูรบ้างหรือไม่?”
เวลาส่วนใหญ่ของชิงสุ่ยที่อยู่ในหอคอยจักรพรรดิต่างหมดไปกับการเรียนรู้ด้านการปรุงอาหาร แน่นอนว่าเขามีอย่างอื่นให้ทำอีกมากมาย ในตอนนี้ลี่จี๋ได้ตั้งครรภ์เป็นเวลากว่าสามเดือนแล้วและต้องการได้รับการพักผ่อนที่มากขึ้น
“นิกายสาปอสูรเป็นผู้ปกครองแห่งอาณาจักรอสูรศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในอาณาจักรที่แข็งแกร่งกว่าอาณาจักรอี่หวง นิกายสาปอสูรย่อมเป็นอีกนิกายที่แข็งแกร่งกว่าตระกูลอี่หวงเช่นกัน” หมอปิศาจไม่เข้าใจว่าเหตุใดชิงสุ่ยจึงถามถึงนิกายสาปอสูรขึ้นมา
“เช่นนั้นแล้วอาณาจักรอสูรศักดิ์สิทธิ์ตั้งอยู่ที่ใดกัน? มันอยู่ไกลจากอาณาจักรอี่หวงแห่งนี้หรือไม่? ชิงสุ่ยไม่คาดคิดมาก่อนว่านิกายสาปอสูรจะทรงพลัง ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีผู้ฝึกยุทธิ์ในระดับปราณบรรชาสวรรค์พินาจอยู่”
“พวกมันถูกคั่นอยู่โดยอาณาจักรเทียนฮี่”
“อาณาจักรเทียนฮี่?” ชิงสุ่ยรู้สึกว่าตนเองได้ละเลยสิ่งที่สำคัญไป
“อาณาจักรเทียนฮี่ถือเป็นอาณาจักรที่มีความเป็นเอกลักษณ์ แม้ว่าจะมีเขตแดนอยู่ห่างจากเมืองหลวงของมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำและไม่ถูกจัดว่าเป็นส่วนหนึ่งของทวีป แต่ก็ไม่มีใครละเลยการดำรงอยู่ของพวกเขาได้ ข้าก็ไม่มั่นใจเช่นกันแต่ข้ารู้มาว่าอาณาจักรเทียนฮี่นั้นทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง และมีผู้คนอยู่จำนวนไม่มากจากมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำที่จะกล้าต่อกรกับพวกเขา”
“อาณาจักรเทียนฮี่แข็งแกร่งเช่นนั้นหรือ? หรือพวกเขาครอบครองพลังบางอย่างเลยทำให้ดูแข็งแกร่ง?” ชิงสุ่ยให้ความเห็นเล็กน้อยและกล่าวถาม
“เมืองเทียนฮี่เป็นเมืองหลวงของอาณาจักรเทียนฮี่ ตระกูลเทียนฮี่เป็นผู้สืบทอดมรดกและปกครองต่อๆกันมาโดยไม่เสื่อมถอยลง มีคนจำนวนน้อยจากมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำเท่านั้นที่จะสามารถเทียบเคียงกับตระกูลเทียนฮี่ได้” หมอปิศาจยิ้มและกล่าวออกมา
อาณาจักรเทียนฮี่และอาณาจักรอี่หวงมีความใกล้ชิดซึ่งกันและกัน โดยเมืองเทียนฮี่ถือเป็นเมืองที่อยู่ใกล้ที่สุดในอาณาจักรเทียนฮี่ อย่างไรก็ตามอาจจะมีพื้นที่ว่างคั่นกลางอยู่ระหว่างสองอาณาจักรทำให้ไม่ทราบว่าเมืองเทียนฮี่แท้จริงแล้วอยู่ใกล้อาณาจักรอี่หวงเพียงใด
ชิงสุ่ยรู้สึกว่าเขาจะต้องเพิ่งพลังขึ้นให้สูงกว่านี้ หลังจากนั้นเขาจะสามารถยืนอยู่ในเมืองหลวงของมหาทวีปได้และออกตามหาหญิงสาวจากพระราชวังจอมอสูร แต่ก่อนจะไปถึงขั้นนั้น เขาจะต้องบรรลุระดับปราณบรรชาสวรรค์พินาจให้ได้เสียก่อน
ปราณบรรชาสวรรค์พินาจ… สามปี? ห้าปี? หรือสิบปีกันนะ? ต้องใช้เวลาอีกเท่าไรกัน? โอสถหยาง… เขาวางแผนที่จะหลอมรวมกับโอสถหยางในเร็วๆนี้