บทที่ 1386 – กรงเล็บหงษ์เพลิงพิฆาตที่แข็งแกร่ง สังหารอย่างสมบูรณ์แบบ เทียนฮี่ เรินโม่มาถึงแล้ว!
อี่หวง กู่หวู๋และหยวน สู่ออกมา เมื่อเห็นห้องโถงถูกทำลาย พวกเธอไม่ลังเลที่จะร่วมต่อสู้กับชิงสุ่ย อี่หวง กู่หวู๋ไม่ใช่คนยอมอ่อนข้อให้ศัตรู อีกทั้งอีกฝ่ายทำตัวโอหังทำลายที่นี้อย่างไร้เหตุผล
หากอี่หวง กู่หวู๋ตัดสินใจจะร่วมสู้ เธอจะสู้อย่างเต็มกำลังจนกว่าศัตรูจะตาย
คนที่บุกเข้ามาคือลูกไล่ของตระกูลเฉ่ พวกเขาทำลายทุกอย่างที่ตระกูลเฉ่สั่ง รวมถึงห้องโถงแห่งนี้
ภายในพริบตาเดียว อีกฝ่ายก็เหลือคนเพียง 10 กว่าคนเท่านั้น ผู้นำกลุ่มศัตรูในครั้งนี้คือชายผมขาววัยกลางคน ท่าทางของเขายังคงนิ่งเฉย แม้จะมีคนบาดเจ็บมากมายก็ตาม
“พ่อหนุ่ม เจ้ารนหาที่ตายเอง” เขามองชิงสุ่ยพลางส่ายหน้า
“ความเสแสร้งของท่านนั้นเยี่ยมยอด แม้พวกท่านจะไร้ฝีมือและเป็นเพียงแค่ตัวถ่วงของตระกูล แต่ก็ยังกล้าโอ้อวดชื่อเสียงของตระกูลเฉ่จนเสียชื่อเสียง ข้าสงสัยจริง ๆ ว่าทำไมตระกูลเฉ่ยังปล่อยให้ท่านลอยหน้าอยู่ในตระกูลได้อีก?” ชิงสุ่ยดูถูกพวกที่ชอบยกชื่อตระกูลมาอ้างเพื่อประโยชน์ของตน
“เจ้าดูถูกตระกูลเฉ่เกินไปแล้ว คิดรึว่าเจ้าจะสู้ตระกูลเฉ่ ได้?” เฉ่ ยี่เต้ากระชับกระบี่ทันทีที่พูดจบ กระบี่ของเขาสลักนกสีเพลิงไว้บนใบมีดซึ่งมีความยาว 2 เมตร กว้าง 3 เมตร ท่าทางจะหนักไม่เบา ใบมีดประกายแสงสีเพลิงและมีพลังวิญญาณค่อนข้างแข็งแกร่งมากทีเดียว
ชิงสุ่ยฟังแล้วส่ายหน้า “ท่านเทียบข้าไม่ติดหรอก รีบกลับไปเสียดีกว่า ข้าไม่อยากสังหารหมู่คนจำนวนมากขนาดนี้”
เฉ่ ยี่เต้า ฉุนทันทีที่ชิงสุ่ยพูดจบ
“ตายเสียเถอะ! เพลิงพายุผันแปร!”
เฉ่ ยี่เต้า กวัดแกว่งกระบี่ในมือกลุ่มเมฆสีเพลิงขนาดใหญ่เกือบ 10 เมตรปรากฏขึ้นรอบ ๆ คมมีดก่อนจะเกิดการสั่นสะท้านอย่างรุนแรงและพุ่งเข้ามาหาชิงสุ่ย
กำแพงวารี!
ชิงสุ่ยปล่อยตราประทับกลืนนภาออกมาทันที โดยสร้างเป็นกำแพงวารีขนาดใหญ่ตรงหน้าเขา
เพล้ง!
ในธาตุทั้งห้านั้น น้ำเหนือไฟและต้องเป็นฝ่ายถูกสยบแทน จนพลังของอีกฝ่ายก็ย่อมลดลง เว้นเสียแต่พลังไฟแข็งแกร่งกว่าจริง ๆ
เสียงปะทะดังสนั่นและกลุ่มเมฆเพลิงหายไปในพริบตา พลังของชิงสุ่ยในตอนนี้ไม่ใช่สิ่งที่เฉ่ ยี่เต้าจะต้านทานได้ และชิงสุ่ยไม่ลังเลอีกต่อไป เขาบุกเข้าไปทันที
กระบี่ทองคำ!
ลำแสงสีทองพุ่งไปทางเฉ่ ยี่เต้าอย่างรวดเร็ว เฉ่ ยี่เต้าถูกกระบี่โจมตีเข้าไปจังๆ
เฉ่ ยี่เต้ารีบตั้งกระบี่ต้านการโจมตีด้วยสัญชาตญาณ
ตูมมม!
เสียงฟ้าร้องดังขึ้น ชิงสุ่ยทำให้เฉ่ ยี่เต้ากระเด็นออกไปและกระอักเลือด ชิงสุ่ยไม่รอช้าเขารีบวาดแขนและปล่อยลำแสงสีทองอีกเส้นออกไป ทว่าชายสองคนก็เข้ามาขวางกระบี่ทองคำด้วยอาวุธของพวกเขา
“พวกเจ้าน่าจะเข้ามาพร้อมกันตั้งแต่แรกเลยดีกว่านะ..ที่ไม่ทำก็เพราะกลัวเสียหน้าล่ะสิ ไม่แปลกใจเลยที่ชีวิตพวกเจ้าต้องตกต่ำเช่นนี้”ชิงสุ่ยยิ้มและเคลื่อนเข้าไปหาพวกเขา
ชายชราทั้งสองและเฉ่ ยี่เต้าโกรธมากเมื่อได้ยินดังนั้น แม้เฉ่ ยี่เต้าบาดเจ็บจนใบหน้าซีดเซียว ทว่าตอนนี้ใบหน้าของเขากลับแดงขึ้นเพราะความโกรธ
“มาลองเจอทักษะกรงเล็บของข้าหน่อยแล้วกัน!”
ทันทีที่ชิงสุ่ยพูดจบ ชิงสุ่ยเริ่มสร้างตราประทับบนมือ ก่อนเขาเขาจะหลบออกไปในที่ห่างไกล
ย่างก้าว 9 เทวา กำจัดพวกนั้นเสีย!
ฟุบบ!
เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ก่อนชายชราด้านซ้ายมือจะกระอักเลือดและกระเด็นไปข้างหลัง ส่วนชายชราอีกคนรีบถอยออกไปห่าง ๆ พลางมองชิงสุ่ยอย่างหวาดกลัว
กรงเล็บหงษ์เพลิงพิฆาต กรงเล็บแรก!
นี้เป็นการโจมตีด้วยกรงเล็บที่หนักหน่วงและด้วยพลังของกรงเล็บหงษ์เพลิงพิฆาต การโจมตึจึงแข็งแกร่งมากจนสามารถเป่าชายชรากระเด็นไปข้างหลัง อีกทั้งการโจมตีเมื่อครู่นั้นยังเล็งไปที่หน้าอกโดยตรง ถึงแม้อวัยวะของชายชราจะไม่เสียหายแต่เขาก็บาดเจ็บสาหัส
“บุกเข้าไปพร้อมกันแล้วฆ่ามัน!” เฉ่ ยี่เต้าตะโกนสั่ง
เมื่อได้ยินเฉ่ ยี่เต้าพูด ชิงสุ่ยหรี่ตามอง …ชิงสุ่ยไม่เคยเมตตาศัตรูอยู่แล้ว..
คนที่เหลือรีบลงมือและล้อมตัวชิงสุ่ยไว้
“เมื่อเจ้าเลือกที่จะตาย ข้าก็จะสนองให้”
ชิงสุ่ยมองเฉ่ ยี่เต้า ก่อนจะยิ้มอย่างโหดเหี้ยม หลังจากนั้นนิ้วของเขาก็เริ่มกวัดแกว่ง
สิ่งเดียวที่เฉ่ ยี่เต้ารู้สึกคือความกลัวแผ่ซ่านไปทั่วร่าง เขาสัมผัสได้ว่ามีพลังบางอย่างกำลังรัดร่างเขาไว้ ก่อนตราประทับกรงเล็บพิฆาตจะปรากฏขึ้น มองเห็นคล้ายกับหงษ์ทองกำลังสยายปี
กรงเล็บหงษ์เพลิงพิฆาต กรงเล็บที่สอง!
จุดลมปราณฉานจง!
เกวี๊ยะ!
แม้เสียงกรีดร้องของหงษ์จะไม่ดังมาก แต่เสียงนั้นแหลมและชัดเจน ก่อนตราประทับบาง ๆ ขนาดเล็กจะปรากฏที่เฉ่ ยี่เต้า
นี่เป็นครั้งแรกที่กรงเล็บหงษ์เพลิงพิฆาตในการต่อสู้ ทันใดนั้นเขารู้สึกว่านิ้วของเขาเต็มไปด้วยพลังที่แข็งแกร่งราวกับสามารถทะลวงท้องฟ้าได้
ไม่มีอะไรขึ้นบนร่างของ เฉ่ ยี่เต้า ทว่าร่างของเขาล้มลงไป
ศัตรูสิ้นชีพแล้ว..
กรงเล็บหงษ์เพลิงพิฆาตแข็งแกร่งมาก และพลังของชิงสุ่ยก็สูงกว่าอีกฝ่าย ด้วยพลังป้องกันของชิงสุ่ยในตอนนี้ อีกฝ่ายไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย
……
หลังจากเกิดการก้าวข้าม พลังป้องกันของชิงสุ่ยแข็งแกร่งขึ้นมาก ราวกับ เกราะทองคำวชิระกลายเป็นกระดองเต่าที่แข็งแกร่งกำลังปกป้องร่างชิงสุ่ยไว้
เฉ่ ยี่เต้าอาจจะไม่ใช่ผู้ฝึกตนที่แกร่งแข็งที่สุดในบรรดาคนที่บุกมา แต่เขาคือผู้นำ ดังนั้นเมื่อเขาตาย คนที่เหลือก็เหมือนฝูงมังกรที่ไร้หัวหน้า ภายในพริบตาเดียวชิงสุ่ยก็สังหารและทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บ
ชิงสุ่ยมองคนที่ล้อมรอบเขาที่ไร้หนทาง พวกเขาเหมือนคนที่อยู่ในห้องที่ไร้ทางออก
ชิงสุ่ยแสยะยิ้ม เขาหายวับไปก่อนจะบุกเข้าไปใกล้ผู้บุกรุกด้วยการเคลื่อนเท้าที่แปลกประหลาด ก่อนเขาจะใช้กรงเล็บหงษ์เพลิงพิฆาตโจมตีติดต่อกัน
เพราะยังอยู่ในขั้นฝึกฝน ชิงสุ่ยจึงทำพลาดหลายครั้ง แต่เขาก็ไม่กังวลตราบเท่าที่สามารถใช้กรงเล็บหงษ์เพลิงพิฆาตได้ตามอำเภอตามใจ
ทักษะนี้แข็งแกร่งและทำร้ายอีกฝ่ายจนบาดเจ็บสาหัส แต่การจะใช้ทักษะ ผู้ใช้จะต้องมีการเคลื่อนไหวเท้าที่ที่แข็งแกร่งเช่นกัน รวมถึงความแม่นยำของตำแหน่งจุดฝังเข็ม เส้นลมปราณ รวมถึงเส้นเลือด ทั้งนี้ทักษะมือของกรงเล็บหงษ์เพลิงพิฆาตนั้นซับซ้อน การใช้งานจึงค่อนข้างยุ่งยาก
ท่ามกลางทักษะต่าง ๆ ยิ่งมีความเร็ว ผลลัพธ์ก็ยิ่งเห็นชัด หากความเร็วลดลงก็อาจเกิดความผิดพลาดได้ง่าย ยิ่งทักษะที่แข็งแกร่งมากเท่าไร ก็ยิ่งเกิดความผิดพลาดง่ายมากเท่านั้น แม้กระทั่งทักษะศักดิ์สิทธิ์ก็มีข้อเสียเช่นเดียวกัน เพียงแต่พวกเขาสามารถมักใช้ทักษะเหล่านี้ร่วมกับทักษะอื่นๆ พร้อมกัน
แม้ชิงสุ่ยไม่สามารถปลดปล่อยพลังของกรงเล็บหงษ์เพลิงพิฆาตอย่างเต็มที่ แต่พลังของชิงสุ่ยตอนนี้ก็ทำให้อีกฝ่ายตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากได้ หากถูกโจมตีเมื่อไร ก็มีแต่บาดเจ็บสาหัสหรือตายเท่านั้น
ฟุบบ..!
ชิงสุ่ยลอยตัวออกมาด้านหลัง ก่อนตราประทับสีแดงเพลิงจะปรากฏขึ้นบนแขนของชายชราอีกคน ทันใดนั้นแขนข้างนั้นของชายชราก็ห้อยแบบไร้เรี่ยวแรง
กรงเล็บหงษ์เพลิงพิฆาตสามารถใช้ต่อสู้กับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าผู้ใช้ได้ ชิงสุ่ยจึงมีแรงบันดาลใจในการฝึกฝนมากกว่าเดิม เขาเล็งตราประทับกรงเล็บพิฆาตไปบริเวณส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่ไม่อันตราย เพื่อที่จะได้ทำให้อีกฝ่ายหนีไม่ และเขาจะได้ฝึกฝนทักษะนี้บนร่างกายของศัตรูได้หลายๆ ครั้ง
ในตอนนั้นชิงสุ่ยหยุดโจมตีเพราะรอบตัวเขาไม่เหลือใครแล้ว หลังจากใช้กรงเล็บหงษ์เพลิงพิฆาตหลายครั้ง ชิงสุ่ยรู้สึกว่า กรงเล็บหงษ์เพลิงพิฆาตเกิดการก้าวข้ามไประดับที่แข็งแกร่งขึ้น
ในการต่อสู้ หากอีกฝ่ายอ่อนแอกว่าเขา ชิงสุ่ยสามารถฆ่าพวกเขาได้ทันที แต่ถ้าเจอผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่ง เขาก็ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ ชิงสุ่ยต้องรวบรวมพลังก่อน อย่างการใช้กรงเล็บหงษ์เพลิงพิฆาตในการโจมตี หากจะให้ได้ผล เขาต้องโจมตีจุดตายบนร่างกายมนุษย์ซ้ำกันหลายๆ ครั้ง ยิ่งอีกฝ่ายแข็งแกร่งมาก ก็ยิ่งต้องโจมตีหลาย ๆ ครั้ง
กรงเล็บหงษ์เพลิงพิฆาตมีประโยชน์ในเวลาสำคัญเช่นนี้..เขาอยากฝึกทักษะนี้ให้แข็งแกร่งกว่านี้ เขามองไปรอบ ๆ ก่อนจะเห็นคนอีกกลุ่มเข้ามาสะสางพื้นที่นี้
ในเมืองต่าง ๆ จะมีคนที่ได้รับหน้าที่จัดเก็บความเรียบร้อย ดังนั้นชิงสุ่ยจึงไม่ต้องกังวลอะไร เพราะพวกเขาจะจัดการส่งศพกลับไปที่ตระกูลเฉ่ และทำความสะอาดที่นี้ให้ ซึ่งนี่เป็นเรื่องปกติในแต่ละมหาทวีป
“ท่านหมอเทวดาชิงแข็งแกร่งมาก แม้อีกฝ่ายจะเป็นผู้ฝึกตนอาณาจักรพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจ ทั้งยังเป็นของตระกูลย่อยจากตระกูลเฉ่ก็ยังถูกกำจัดจนสิ้น ต่อจากนี้พวกเราจะได้เลิกรับใช้ตระกูลนี้เสียที”
“ที่ท่านว่าก็จริง แต่ประมุขตระกูลเฉ่จะต้องกลับมาแก้แค้นเขาแน่ เพราะ พวกเขาต้องรู้สึกอับอายจนอยู่ไม่สุข”
“เฮ้อ..ข้าสงสัยจริง ๆ ท่านหมอเทวดาชิงจะเอาชนะพวกนั้นได้ไหม เพราะสิ่งที่เขาทำ อีกฝ่ายคงไม่ปล่อยเขาไปง่าย ๆ”
“ไม่ต้องกังวลหรอก ท่านหมอเทวดาชิงไม่ใช่คนเขลา หากเขากล้าทำเช่นนี้ก็หมายความว่าเขามั่นใจในกำลังของตนเช่นกัน”
“อื้ม..ทำไมข้าถึงลืมคิดไปได้นะ”
……
ระหว่างที่ผู้คนกำลังพูดคุย ชิงสุ่ยและหญิงสาวก็เข้าไปในหอคอยจักรพรรดิ
ไม่ทันไร ก็มีคนมาตามหาชิงสุ่ยจริงๆ หญิงรับใช้ขึ้นไปเรียกชิงสุ่ยว่าเทียนฮี่ เรินโม่มาพบเขา
เขาจึงลงมาด้านล่าง แม้จะเพิ่งพบกันเมื่อไม่นานมานี้ แต่เขารู้สึกได้ว่าเทียนฮี่ เรินโม่มีบางอย่างเปลี่ยนไป
เขากำลังเผชิญหน้าความทรมานแห่งสวรรค์พินาจ และกำลังก้าวข้ามไปเป็นระดับ 2
แต่พื้นฐานของเขายังไม่ค่อยมั่นคงนัก โชคดีที่ทัณฑ์สวรรค์พินาศระดับที่หนึ่งยังไม่อันตรายเกินไป บางทีเขาอาจจะใช้ตัวช่วยบางอย่างเพื่อให้ก้าวข้ามการเผชิญหน้าความทรมานแห่งสวรรค์พินาจ
“ขึ้นไปข้างบนกันเถอะ”
เทียนฮี่ เรินโม่พยักหน้าและยิ้ม “ไปกันเถอะ!”
“น้องชาย ตระกูลเฉ่จะต้องตามล่าท่านแน่” เทียนฮี่ เรินโม่ พูด เขากำลังสื่อถึงประมุขของตระกูลเฉ่
ชิงสุ่ยรู้ดี “ก็ดี ข้าอยากรู้ว่าประมุขตระกูลเฉ่ จะแข็งแกร่งสักแค่ไหนกัน..”
“แล้วพวกเราก็ค่อยเผชิญหน้ากับประมุขตระกูลเฉ่ด้วยกัน ในฐานะพี่น้อง”เทียนฮี่ เรินโม่พูดด้วยความจริงใจ
ชิงสุ่ยรู้สึกขอบคุณเมื่อเขาเห็นความหมายที่สื่อออกมาจากดวงตาของเทียนฮี่ เรินโม่ ดวงตาคู่นั้นแสดงให้เห็นว่าเขาพร้อมสละชีวิต ชิงสุ่ยรู้ทันทีว่าอีกฝ่ายตระหนักถึงพลังที่แข็งแกร่งของตระกูลเฉ่
“พี่ใหญ่ จริงๆ แล้วท่านไม่จำเป็นต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องนี้หรอก”
“น้องชาย ทำไมเจ้าพูดเช่นนั้น? ที่นี้คือนิกายของข้า แต่ประมุขของข้าไม่สามารถเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ได้ และเขาก็ไม่มีพลังพอที่จะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ในตอนนี้ ดังนั้นสิ่งที่ข้าพอจะทำได้คือร่วมสู้กับเจ้าอย่างสุดกำลัง” เทียนฮี่ เรินโม่ถอนหายใจและตอบ
“พี่ชาย ทำไมท่านพูดเช่นนั้นเล่า? ท่านทำเพื่อข้ามากมายแล้ว …อย่างไรก็ตามแต่.. ข้าดีใจจริง ๆ ที่ได้เจอท่านที่นี้” ชิงสุ่ยบอก โดยเขาไม่ได้ไล่ให้อีกฝ่ายกลับไปแต่อย่างใด แต่จะดีกว่า หากมาถึงช้ากว่านี้
ชิงสุ่ยและ เทียนฮี่ เรินโม่ เตรียมอาหารและเครื่องเดิม ก่อนจะนำมาทานร่วมกัน
“ยินดีด้วยพี่ชาย ในที่สุดท่านก็สามารถทะลวงผ่านการเผชิญหน้าความทรมานแห่งสวรรค์พินาจมาได้แล้ว” ชิงสุ่ยยิ้มและแสดงความยินดีแก่อีกฝ่าย
“ขอบใจมาก!” เทียนฮี่ เรินโม่ไม่พูดอะไรอีก เพราะเขากลัวว่าชิงสุ่ยจะคิดมาก
“ก่อนหน้านี้ข้าบอกท่านไว้แล้วใช่ไหม ว่าหากท่านมาพบข้า ข้าจะเตรียมของขวัญให้ท่าน..”