บทที่ 1379 – ตระกูลเย่หลางพ่ายแพ้, กลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำ , ตระกูลต่งเย่
พลังของเย่หลางวู่จี้ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายของชิงสุ่ยมากนัก ในก่อนหน้าเขาเพียงรู้พลังของฝ่ายตรงข้ามจากการประเมิณคร่าวๆเท่านั้น และฝ่ายตรงข้ามก็ยังไม่รู้ถึงพลังที่แท้จริงของฝ่ายเขาเช่นกัน
ส่วนความสามารถของอี่หวงกู่หวู๋ยังไม่เป็นที่ชัดเจนเช่นกัน พวกเขาคงประเมิณไว้ว่านางคงอยู่ในระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาจขั้นแรก แต่ทว่านางยังมีสัตว์อสูรอีกหกตัวที่ทรงพลัง นอกเหนือจากนั้นพวกมันล้วนอยู่ในระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาจขั้นสามตอนต้น
เย่หลางวู่จี้ได้เผชิญหน้าความทรมานแห่งสวรรค์พินาจขั้นแรกแล้ว และการเลื่อนขั้นจากปราณบัญชาสวรรค์พินาจขั้นแรกมาขั้นที่สองเป็นสิ่งที่งายที่สุด อย่างไรก็ตามก็ยังมีผู้คนมากมายที่ต้องตายจากการเผชิญหน้าความทรมานแห่งสวรรค์พินาจ เป็นเพราะมีผู้คนมากมายที่ได้บรรลุมาถึงขั้นนี้
ด้วยการกวาดมือออกไป ชิงสุ่ยเรียกหุบเขาเก้าเทวาออามา!
พลังของหุบเขาเก้าเทวามีพลังใกล้เคียงสองล้านสุริยา เทียบเท่าปราณบัญชาสวรรค์พินาจขั้นแรก มันมีความเร็วเป็นสามเท่าของชิงสุ่ยและทักษะปราการจู่โจมที่ทรงพลัง แม้แต่เย่หลางวู่จี้ที่ได้ผ่านการเผชิญหน้าความทรมานแห่งสวรรค์พินาจขั้นแรกมาแล้วก็ไม่สามารถรับการโจมตีได้อย่างง่ายดาย
“ลงมือได้ หากเจ้าไม่ลงมือ ข้าจะเป็นฝ่ายลงมือเอง” ชิงสุ่ยกวาดมือเรียกหุบเขาเก้าเทวามาอยู่ในตำแหน่งเหนือศีรษะของเขา
แสงสุริยันจันทราสูญสิ้น!
เย่หลางเชียนคุนขมวดคิ้วพร้อมกวัดแกว่งกระบี่ดาราสุริยันจันทรา ท้องฟ้ารอบๆในรัศมีสามร้อยเมตรเปลี่ยนเป็นสีดำมืด แต่ถึงอย่างนี่นกระบี่ดาราสุริยันจันทราในมือของเขากลับส่องสว่างออกมาราวกับว่ามันได้ดูดซับแสงจากบริเวณรอบๆไว้ทั้งหมดแล้ว
พลังอันมหาศาลถูกปล่อยออกมาจากกระบี่ดาราสุริยันจันทรา ทันใดนั้นเองเย่หลางวู่จี้มองไปยังชิงสุ่ยด้วยแววตาที่เป็นประกาย ด้วยการกระโดดเพียงครั้งเดียวเขาพุ่งตรงไปหาชิงสุ่ย
อย่างไรก็ตาม เขาพุ่งตรงไป ณ ตำแหน่งที่อยู่เหนือชิงสุ่ยไม่ได้พุ่งไปยังชิงสุ่ยโดยตรง
สุริยันจันทราจู่โจม!
มีแสงระยิบระยับประดับอยู่บนกระบี่ดาราสุริยันจันทราและมีคลื่นพลังถูกปล่อยออกมาราวกับดวงอาทิตย์ พุ่งตรงไปยังชิงสุ่ย
“วิชาของเขาถือว่าไม่เลวเลย เมื่อคิดได้ว่ามันเป็นการโจมตีจากผู้ฝึกยุทธในระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาจ” สีหน้าของชิงสุ่ยไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ ด้วยพลังเพียงระดับนี้ไม่สามารถทำให้เขารับรู้ถึงความอันตรายได้
ไปได้!
ชิงสุ่ยกวาดมือกระทบหุบเขาเก้าเทวา ด้วยพลังที่บวกเข้าไป ความเร็วของมันรวดเร็วราวกับฟ้าผ่า
ตู้ม!
ด้วยเสียงปะทะที่ดังสนั่น คลื่นพลังที่ถูกปล่อยออกมาถูกลบหายไป หุบเขาเก้าเทวากระเด็นออกมาจากจุดที่เกิดการปะทะกัน
ชิงสุ่ยปรากฏตัวขึ้นหลังหุบเขาเก้าเทวาในทันใด ในมือของเขาถือตราประทับสีทองเอาไว้อยู่
ตราประทับแห่งวิหคศักดิ์สิทธิ์!
พลังของชิงสุ่ยเมื่อรวมเข้ากับตราประทับแห่งวิหคศักดิ์สิทธิ์มีมากกว่าห้าล้านสุริยาและพลังของเย่หลางวู่จี้มีไม่ถึงสามล้านสุริยาเสียด้วยซ้ำ สีหน้าของเย่หลางวู่จี้เปลี่ยนไปเมื่อได้เห็นตราประทับแห่งวิหคศักดิ์สิทธิ์ เขารับรู้ได้ถึงกลิ่นอายอันทรงพลังจากมัน แม้ว่าเขาจะรับการโจมตีนั่นได้แต่แน่นอนว่าจะต้องได้รับบาดเจ็บ
สุริยันจันทราปกปักษ์!
กระบี่ดาราสุริยันจันทราในมือเย่หลางวู่จี้ปล่อยแสงประกายสีขาวออกมาล้อมตัวของเย่หลางวู่จี้เอาไว้อย่างสมบูรณ์
ตึ้ง!
เสียงระเบิดครั้งใหญ่เกิดขึ้น บริเวณรอบๆต่างเกิดความเสียหาย
เมื่อตราประทับแห่งวิหคศักดิ์สิทธิ์ปะทะเข้าก่อให้เกิดเสียงดังขึ้นและทันใดนั้นมันก็หายไป แสงประกายรอบๆตัวเย่หลางวู่จี้เองก็หายไปเช่นกัน
ทักษะเคลื่อนไหวสุริยันจันทราศักดิ์สิทธิ์!
มีก้อนแสงกลมๆปรากฏขึ้นบริเวณขาของเย่หลางวู่จี้ ราวกับว่ามันเป็นดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ การเคลื่อนไหวของเย่หลางวู่จี้มีความรวดเร็วกว่าเก่าหลายเท่าตัว
ในแง่ของความเร็วแล้ว มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่อยู่ในระดับเดียวกันกับชิงสุ่ย ไม่ต้องเปรียบเทียบเรื่องพลังต่อสู้เลย ต่อให้เย่หลางวู่จี้ใช้ทักษะเคลื่อนไหวสุริยันจันทราศักดิ์สิทธิ์ ความเร็วของเขาก็มิอาจเทียบเท่าชิงสุ่ยได้
ทักษะย่างก้าวเก้าเทวา!
ทักษะการเคลื่อนไหวอสรพิษไอยรา!
อสรพิษแห่งจิตวิญญาณทะยานฉก!
ชิงสุ่ยเริ่มเคลื่อนไหว พร้อมนำแส้เปลวเพลิงมังกรขั้นแรกเริ่มออกมา พร้อมใช้ทักษะการเคลื่อนไหวอสรพิษฟาดตรงไปยังร่างกายของเย่หลางวู่จี้
พลังฟาดของเขามีพลังอยู่ถึงสองล้านหกแสนสุริยา เป็นพลังในระดับเดียวกับเย่หลางวู่จี้ เมื่อต้องรับการโจมตีด้วยพลังระดับเดียวกับตนเอง เขาจึงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
มังกรศักดิ์สิทธิ์ฟาดฟัน!
…
ชิงสุ่ยใช้ตราประทับแห่งวิหคศักดิ์สิทธิ์ออกอย่างไม่หยุดยั้ง จากนั้นเปลี่ยนมาใช้เพิ่มพลังให้กับตนเองแทน นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เขาใช้ตราประทับแห่งวิหคศักดิ์สิทธิ์โจมตีใส่ศัตรู
การต่อสู้ของชิงสุ่ยอาจจะยังไม่เข้าที่เข้าทาง เย่หลางวู่จี้สามารถป้องกันได้ในตอนเริ่มต้นแต่เมื่อพบกับความหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ เขาก็ได้รับบาดแผลไปทั่วทั้งตัวโดยชิงสุ่ย
เย่หลางวู่จี้ไม่สามารถแม้แต่แตะตัวชิงสุ่ยได้ด้วยซ้ำ เขายังห่างชั้นกับชิงสุ่ยนักทั้งในแค่ของความเร็วและพลัง ถ้าไม่ใช่เพราะชิงสุ่ยได้ใช้ทักษะการเคลื่อนไหวอสรพิษไอยราและไม่คิดถึงประโยชน์ของเทียนฮี่เรินโม่ ชิงสุ่ยอาจทำให้เย่หลางวู่จี้ได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือถึงแก่ชีวิตเสียแล้ว และถ้าหากเขาใช้เคล็ดวิชาสรวงสวรรค์วชิระ เขาจะสามารถลงมือสังหารได้ในทันที
ปัง!
ด้วยการปะทะอีกครั้ง เย่หลางวู่จี้กระเด็นและกระอักเลือดออกมา
“เจ้าแพ้แล้ว” เสียงอันสงบของชิงสุ่ยถูกเปล่งออกมา
ผู้คนที่ตามเย่หลางวู่จี้มาล้วนอยู่ในความตกตะลึง เย่หลางวู่จี้ถือเป็นคนที่มีชื่อที่สุดในคนรุ่นเดียวกัน แต่ต่อหน้าชายผู้นี้แล้วเขาช่างไร้ความหมายใดๆ อีกเหตุผลก็คือพลังของตราประทับแห่งวิหคศักดิ์สิทธิ์ที่ชายหนุ่มคนนี้ได้ใช้ออกมา
“ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ เมื่อต้องคิดว่าชายหนุ่มผู้นั้นเอาชนะเย่หลางวู่จี้ได้” ผู้คนที่อยู่ข้างล่างล้วนอยู่ในความตกตะลึง
“ใช่แล้ว ตระกูลเย่หลางยังต้องการให้เย่หลางวู่จี้ขึ้นนำต่อไป และต้องเจอคนที่อายุน้อยกว่าเอาชนะ ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่สามารถตอบโต้ได้เลย”
“ไม่ต้องสู้อีกแล้วล่ะ ตระกูลเย่หลางพ่ายแพ้แล้ว”
“แต่ก็ยังมีอีกหนึ่งรอบเชียวนะ ในบางทีตระกูลเย่หลางอาจเป็นฝ่ายชนะ”
“ไม่ว่าจะชนะหรือไม่ ตระกูเย่หลางก็ได้พ่ายแพ้แล้ว เหตุใดเย่หลางวู่จี้เป็นฝ่ายออกมา? ตราบเท่าที่เย่หลางวู่จี้เป็นฝ่ายชนะคงไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เขากลับเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ อาจกล่าวได้เลยว่าตระกูลเย่หลางพ่ายแพ้แล้ว พวกเขาได้พ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์”
…
“ชิ พวกเราแพ้แล้ว” เย่หลางเชียนคุนกล่าวออกมาเสียงเบา
เย่หลางวู่จี้รู้สึกสูญเสียมากยิ่งขึ้น เขาเป็นที่รู้จักมากที่สุดในคนรุ่นเดียวกัน แต่เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้พบกับผู้ที่มีอายุน้อยกว่าและทรงพลังยิ่งกว่าเขา และเมื่อเปรียบเทียบกับจริงๆแล้วชายผู้นั้นแข็งแกร่งกว่ายิ่งนัก
“ยังเหลืออีกหนึ่งรอบการประลอง พวกเจ้ายังต้องการประลองต่อหรือไม่?” ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าว
“พวกเราจะสู่ต่อ ในรอบนี้ข้าจะเป็นคนประลองเอง พวกเจ้าคนใดจะเป็นคู่ต่อสู้ของข้า?” เย่หลางเชียนคุนปล่อยพลังออกมาพร้อมกล่าว
“ข้าเอง!”
อี่หวงกู่หวู๋ก้าวออกมากลางอากาศและปรากฏตัวออกมาข้างๆชิงสุ่ย
“เรียกใช้พยัคฆ์ขาวซะ ให้สองตัวปกป้องเจ้าและสี่ตัวเป็นฝ่ายโจมตี” ชิงสุ่ยกล่าวและถอยห่างออกไป
“แม่สาวน้อย ลงมือเถอะ!” เย่หลางเชียนคุนกล่าวต่ออี่หวงกู่หวู๋
นี่เป็นครั้งแรกที่เย่หลางวู่จี้ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะมองหญิงสวยเช่นอี่หวงกู่หวู๋ การที่เขาโดนชิงสุ่ยซัดกระเด็นทำให้เขาสูญเสียความมั่นใจไปอีกยาวนาน
อี่หวงกู่หวู๋ไม่ได้กล่าวอะไรมากมาย นางยิ้มออกมาพร้อมกวาดมือออก ปรากฏพยัคฆ์ขาวออกมา
โจมตี!
อี่หวงกู่หวู๋ให้พยัคฆ์ขาวสี่ตัวพุ่งตรงเข้าหาเย่หลางเชียนคุน หญิงสาวอยู่ในระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาจขั้นสองตอนปลายแต่พยัคฆ์ขาวอยู่ในระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาจขั้นสามตอนต้น ในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจเย่หลางเชียนคุณได้รับบาดเจ็บอย่าหนัก
“นี่ข้าตาฝาดไปหรือไม่? ที่ได้เห็นหญิงสาวผู้นี้เป็นฝ่ายชนะเย่หลางเชียนคุน ถ้าหากหญิงสาวผู้นี้เป็นคนต่อสู้กับเย่หลางวู่จี้ จะไม่ง่ายกว่านี้เชียวหรือ?…”
“ความสามารถอันน่าโหดร้าย,ปิศาจ… นกชนิดเดียวกันมักอยู่ด้วยกันจริงๆ พวกเขาถือเป็นคู่ที่ดี ”
“อย่างที่ข้าได้กล่าวออกไป ไม่ต้องมีการต่อสู้อีกแล้ว เย่หลางวู่จี้พ่ายแพ้ ตระกูลเย่หลางได้รับความอับอายเสียแล้ว คู่รักคู่นี้อาจมีเบื้องหลังที่แข็งแกร่งกว่านี้ ข้าอยากรู้จริงๆว่าใครเป็นผู้ฝึกฝนให้สองปิศาจคู่นี้ ”
…
เย่หลางเชียนคุนได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่เขาไม่ได้ดูใส่ใจกับบาดแผลมากนัก เขายืนอยู่ด้วยความงืนงงโดยรักษาระยะห่างเอาไว้พร้อมกล่าวไปยังชิงสุ่ย “ทุกสิ่งทุกอย่างในก่อนหน้าให้ถือว่าไม่เคยเกิดขึ้น ตระกูลเย่หลางจะให้ความช่วยเหลือพวกท่านอย่างเต็มที่ในการก่อตั้งหอคอยจักรพรรดิในเมืองหลวงของมหาทวีปแห่งนี้ และให้ข้าได้ถามท่านหมอว่าท่านต้องการให้ข้าตามหาผู้ใด?”
“ให้พวกเขากลับไปก่อน พวกเราค่อยคุยกันหลังจากที่ลงไปข้างล่าง!” ชิงสุ่ยกล่าวก่อนที่จะเหินลงไปคฤหาสถ์ข้างล่างพร้อมอี่หวงกู่หวู๋
“พวกเจ้ากลับไปได้แล้ว ข้าจะเป็นคนจัดการเรื่องต่อเอง ไม่ต้องพูดอะไรอีก”เย่หลางเชียนคุนกล่าวด้วยสีหน้าที่น่ากลัว
เมื่อผู้คนทั้งหลายกลับไป เย่หลางเชียนคุนจึงตามลงมา
“โปรดนั่งลงก่อน” ชิงสุ่ยเชิญให้เย่หลางเชียนคุนนั่งลง จุดยืนของพวกเขาเป็นเหมือนกับก่อนหน้าแล้วแต่ในตอนนี้ความรู้สึกต่างๆเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ชิงสุ่ยหยิบรูปวาดออกมาพร้อมมอบให้เย่หลางเชียนคุน “ชายในภาพนี้คือคนที่ข้าต้องการตามหา”
เย่หลางเชียนคุนหยิบรูปวาดมาจากชิงสุ่ยและเมื่อเขาได้เห็นมัน เขามีความกระวนกระวายเล็กน้อย “ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขามีความคล้ายคลึงกับท่าน ท่านกำลังตามหาเขาอยู่เช่นนั้นหรือ?”
“ใช่แล้ว ท่านจะช่วยข้าสืบเสาะเรื่องเขาได้หรือไม่?” ชิงสุ่ยกล่าวอย่างจริงใจ
“ตระกูลเย่หลางคงไม่สามารถช่วยท่านหมอได้ในเรื่องนี้” เย่หลางเชียนคุนถอนหายใจและกล่าวออกมา
ชิงสุ่ยไม่ได้กล่าวหรือถามอะไรต่อเย่หลางเชียนคุนเกี่ยวกับบุคคลในภาพอีก ตระกูลอี่หวงเคยกล่าวไว้แล้วว่าเมืองหลวงของมหาทวีปไม่อนุญาตให้สืบเสาะเกี่ยวกับบุคคลนี้ ดังนั้นเขาทำได้เพียงแค่มองไปยังเย่หลางเชียนคุน
“มีคนกล่าวไว้ว่าเขาเป็นหัวหน้าของกลุ่มที่ทรงพลังแต่ข้าไม่รู้จริงๆว่าเขาเป็นใคร แม้ว่าข้าจะไม่สามารถช่วยท่านหมอได้ แต่มีตระกูลที่สามารถช่วยท่านได้อยู่ ตราบเท่าที่ท่านทรงพลัง เช่นนั้นท่านสามารถเดินทางไปหาตระกูลต่งเย่ได้ พวกเขาอาจช่วยให้คำตอบที่พึงพอใจแก่ท่านได้ แต่หากว่าท่านไม่แข็งแกร่งมากพอ ท่านไม่ควรเดินทางไปที่นั่น” เย่หลางเชียนคุนกล่าวเบาๆ
“ขอบคุณมาก ใช่แล้ว ท่านสามารถบอกเรื่องเกี่ยวกับตระกูลต่งเย่ให้ข้ารู้ได้หรือไม่?”ชิงสุ่ยรู้สึกว่าตระกูลต่งเย่น่าจะมีจุดยืนไม่เหมือนใครในเมืองหลวงของมหาทวีปแห่งนี้
“เมืองหลวงของมหาทวีปแห่งนี้มีกองกำลังที่เข้มแข็งอยู่และท่านอาจสามารถเข้าร่วมได้ในเร็วๆนี้ คนกลุ่มนี้ใช้ชื่อว่า “กลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำ” และสถานะของตระกูลต่งเย่ในกลุ่มนี้ถือว่าไม่เลวเลย ตระกูลเย่หลางมีความใกล้ชิดกับตระกุลต่งเย่เป็นอย่างยิ่ง” เย่หลางเชียนคุนกล่าวออกไปโดยตรง
“ท่านรู้หรือไม่ว่าคนในตระกุลต่งเย่ที่ทรงพลังที่สุดอยู่ในระดับใด?” ชิงสุ่ยกล่าวถาม
“ข้ารู้มาว่าพวกเขามีผู้ฝึกยุทธในระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาจขั้นสี่และขั้นห้าอยู่ และไม่รู้ว่ามีใครที่แกร่งกว่านี้อีกหรือไม่ ยิ่งอยู่ในระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาจขั้นสูงเพียงใดยิ่งเสี่ยงต่อความล้มเหลวที่อาจพบเจอ ดังนั้นมีผู้คนอยู่น้อยมากที่สามารถก้าวผ่านเผชิญหน้าความทรมานแห่งสวรรค์พินาจขั้นที่ห้าไปได้”
ปราณบัญชาสวรรค์พินาจขั้นห้าไม่ได้อยู่ในความสนใจของชิงสุ่ยมากมาย เกราะทองคำวชิระสามารถช่วยให้ชิงสุ่ยสามารถป้องกันพลังที่เลวร้ายขั้นสุดได้ อย่างไรก็ตามสิ่งที่ชิงสุ่ยเป็นกังวลกลับเป็นเคล็ดวิชาสรวงสวรรค์ต่างหาก มันช่วยให้ความสามารถของบุคคลๆนั้นแข็งแกร่งขึ้นได้ มันเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ชิงสุ่ยรู้สึกกังวล
ดูเหมือนว่าเขาจะต้องหาเวลาไปเยี่ยมเยียนตระกูลต่งเย่เสียหน่อยแล้ว กลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำคงจะทรงพลังอยู่ไม่น้อย พวกเขาอาจเป็นกลุ่มที่ตระกูลอี่หวงเคยกล่าวถึง แต่ไม่ว่าเขาจะเข้าร่วมกลุ่มนี้หรือไม่ก็ต้องขึ้นอยู่กับเรื่องภายในกลุ่มนั้น
ถ้าจำเป็นจริงๆ เขาจะต้องเข้าร่วมกับพระราชวังจอมอสูร
ชิงสุ่ยมองไปยังทิศทางข้างนอกเมืองหลวงและคิดกับตัวเอง “รออีกหน่อย ข้าจะไปพบท่านในเร็วๆนี้ และคนผู้นั้นที่เป็นพ่อข้องข้า ท่านจะเป็นคนเช่นใดกัน?”
เย่หลางเชียนคุนจากไป ชิงสุ่ยไม่ทราบว่าจะมีผู้คนจากตระกูลเย่หลางมากอบกู้ชื่อเสียงอีกหรือไม่ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามความอับอายที่เย่หลางวู่จี้ได้รับไปเป็นเรื่องที่ดี มันไม่สำคัญว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปแต่มันขึ้นอยู่กับว่าเย่หลางวู่จี้จะมีอำนาจเพียงใดในตระกูลเย่หลาง
หลังจากบ่ายวันนั้น ผู้คนเริ่มมาเยี่ยมเยียนชิงสุ่ยมากขึ้น พร้อมเชิญชวนเขาไปยังตระกูลของตน ทุกๆคนต่างรับรู้ถึงพลังของชิงสุ่ยและหลายคนทราบถึงอิทธิพลของหอคอยจักรพรรดิในเมืองอี่หวง ดังนั้นพวกเขาจึงเดินทางมายังที่นี่