บทที่ 1389 – ชัยชนะอย่างสมบูรณ์แบบ กลุ่มเมฆาสะท้านนภา มุ่งหน้า
เมื่อชิงสุ่ยจัดการอีกฝ่ายพร้อมกันในคราวเดียว 6 คน พลังของรูปแบบอาชาย่ำธาราโลหิต จึงอ่อนแอลงทันที
เฉ่ ฉีเริ่มกังวล เขารู้สึกราวกับว่าชิงสุ่ยคือปีศาจที่น่ากลัวเพราะชิงสุ่ยสามารถทำลายการป้องกันของรูปแบบอาชาย่ำธาราโลหิตได้
เมื่อเฉ่ ฉีบุกเข้าไปอีกครั้ง ชิงสุ่ยก็หลบการโจมตีอย่างง่ายดาย ชิงสุ่ยวางแผนทำลายรูปแบบด้วยทักษะคลื่นเสียงหงส์เพลิงครวญ แต่อีกฝ่ายคงไม่เปิดโอกาสให้ทำเช่นนั้นแน่ๆ ชิงสุ่ยจึงทำได้เพียงหาโอกาสเหมาะ ๆ ในการโจมตี
“เจ้าคงรู้แค่วิธีหนีสินะ มาสู้กันซึ่ง ๆ หน้าเสียสิ”เฉ่ ฉีโกรธมากและท้าให้ชิงสุ่ยบุกเข้าไป
“ท่านก็แก่แล้ว แล้วทำไมถึงพูดเหมือนคนหนุ่มสาวนักล่ะ..หรือว่าเขลา? คิดว่าตัวเองเก่งมากจากไหน อยากจะหนีก็หนีไปเสีย ช่างไม่ละอายใจเลยสินะที่เข้ามารุมข้า แล้วยังมาท้าให้ข้าสู้กับท่านตัวต่อตัว ท่านคิดว่าตัวเองเป็นใคร ข้าถึงต้องยอมทำตาม? ข้าไม่มีเวลามาเล่นกับท่านหรอก เพราะเป้าหมายของข้าคือสังหารท่าน” ชิงสุ่ยพูดเช่นเดียวกับที่ชายชราเคยพูดกับเขา
เฉ่ ฉียิ่งโกรธจัดจนอ้าปากค้าง เขาไม่สามารถเถียงอะไรได้
เปลวเพลิงแปรเปลี่ยนเป็นกลุ่มเพลิงที่แผ่ไปรอบเฉ่ ฉี ก่อนกระบี่ในมือของเขาจะสั่นเพราะความโกรธ
เพลิงไฟโลหิต!
แขนของชายชรากลายเป็นสีแดงจนเห็นเส้นเลือดในร่าง เขาจะสังเวยเลือดให้กระบี่ของตน ก่อนจะฟาดกระบี่ไปทางชิงสุ่ย
เปลวเพลิงรูปร่างคล้ายกระบี่พุ่งมาทางชิงสุ่ย มันส่งเสียงประหลาด ๆ ที่ชวนขยะแขยง คมมีดนั้นแข็งแกร่งและน่ากลัว
ตราประทับกลืนนภา!
น้ำปะทะไฟ!
ความสามารถของชิงสุ่ยในตอนนี้ไม่ได้ต่างจากเฉ่ ฉีเท่าใดนัก และในตอนที่เขาสังหารคนในรูปแบบ พลังของ รูปแบบอาชาย่ำธาราโลหิตจึงลดลง แต่ถึงอย่างชิงสุ่ยก็คิดว่าเขายังสามารถป้องกันตัวเองได้
คลื่นพลังอสูร!
แม้น้ำจะดับไฟได้แต่การโจมตีของชิงสุ่ยยังไม่สามารถกำจัดไฟได้ทั้งหมด จึงทำได้แค่ลดพลังการโจมตีของอีกฝ่าย ชิงสุ่ยใช้หุบเขา 9 เทวาสกัดพลังโจมตีของอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย
ชิงสุ่ยใช้ เคล็ดวิชาสรวงสวรรค์วชิระ ไปครั้งหนึ่งและสามารถใช้ได้อีกสองครั้ง ตอนนี้เขาจะใช้มันอีกครั้ง
นอกจากเฉ่ ฉีที่มีทักษะสวรรค์ คนอื่นๆเป็นผู้ฝึกตนอาณาจักรพลังปราณบรรชาสวรรค์พินาจระดับ 4 อีกคน ทว่าพลังของเขานั้นมีไม่ถึง 10 ล้านสุริยะ เขาจึงไม่มีทักษะสวรรค์ ชิงสุ่ยจึงจัดการพวกเขาได้ไม่ยาก อีกทั้งอีกฝ่ายก็ทำลายการป้องกันของชิงสุ่ยไม่ได้
วชิระไร้เงา!
ชิงสุ่ยคิดว่าเขาควรจบการต่อสู้ได้แล้ว ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นสามเท่าจนเฉ่ ฉี ตามเขาไม่ทัน
ตูม ตูม ตูม!
กรงเล็บหงษ์เพลิงพิฆาต!
ด้วยความเร็วในตอนนี้ ชิงสุ่ยยิ่งแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อน เขาสามารถใช้กรงเล็บหงษ์เพลิงพิฆาตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถ้าอีกฝ่ายประมาท เขาน่าจะสังหารอีกฝ่ายได้ทันที
หากฆ่าสังหารได้อีกสักคนหนึ่ง พลังของรูปแบบอาชาย่ำธาราโลหิตก็จะลดลงอีก ตอนนี้พลังของรูปแบบอาชาย่ำธาราโลหิตลดลงไป 30% และเมื่อชิงสุ่ยแข็งแกร่งขึ้น อีกฝ่ายก็เหมือนอ่อนแอลง ชิงสุ่ยรู้สึกว่าการประลองเริ่มง่ายขึ้นเรื่อย ๆ
ความเร็วที่เพิ่มขึ้นของชิงสุ่ยทำให้เฉ่ ฉี กลัว เขาพยายามไล่ตามด้วยทักษะที่แข็งแกร่งต่าง ๆ นานา แต่ชิงสุ่ยก็หลบได้อย่างเชี่ยวชาญ ในทางตรงกันข้าม ชิงสุ่ยจัดการอีกฝ่ายไปทีละคน
ในพริบตาเดียว ชิงสุ่ยก็จัดการอีกฝ่ายได้ 5 คน!
“สลายรูปแบบ …ล้อมมันไว้แล้วฆ่ามัน!” เฉ่ ฉีแค้นจัดจนร่างเขาสั่นไปทั้งตัว
จากสมาชิกทั้งหมด 18 คน ชิงสุ่ยจัดการไป 11คน เฉ่ ฉีพยายามอดกลั้นไม่ให้แสดงอาการโกรธไปมากกว่านี้ ทั้ง ๆ ที่เขาโกรธจนอยากฆ่าชิงสุ่ยและหั่นออกเป็นชิ้น ๆ
ชิงสุ่ยยิ่งปลื้มปิติที่ได้เรียนรู้กรงเล็บหงษ์เพลิงพิฆาต ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่สามารถหลบการโจมตีของอีกฝ่ายได้
ชิงสุ่ยยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ และการโจมตีของเขาก็สมบูรณ์มากขึ้น เฉ่ ฉีได้แต่นิ่งเงียบ
“ไม่อยากเชื่อเลยจริง ๆ ว่า หมอเทวดาชิง ยังหนุ่มยังแน่นอยู่แท้ ๆ แต่ก็กำจัดรูปแบบอาชาย่ำธาราโลหิตของเฉ่ ฉีได้…”
“ตราประทับกรงเล็บพิฆาตของหมอเทวดาชิงงดงามมาก!”หญิงสาวมองชิงสุ่ยด้วยสายตาเป็นประกาย
“บุรุษคนนี้น่ากลัวจริงๆ หลังจากนี้ 10 ปีรึ 20 ปี ใครจะหยุดเขาได้?”
“คนพวกนี้เป็นผู้ฝึกตนจากตระกูลหลักของตระกูลเฉ่ ข้าสงสัยว่าคนอื่นๆ จะทำอย่างไรต่อ…? หรือว่าจะขอความช่วยเหลือจากกลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำ?”
หลิงฮู ยูมองเหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ไกล ๆ ท่าทีของเขานั้นไม่เปลี่ยนแปลง แต่ในหัวใจของเขานั้นกำลังปั่นป่วน ชิงสุ่ยคือคนที่พวกเขาไม่ควรเข้าไปลองดี เพราะชิงสุ่ยคือปีศาจโดยแท้จริง
เย่หลาง เชียนคุนเองก็รู้สึกว่าเขาพลาดโอกาสสำคัญไปเสียแล้ว ครั้งนี้คงถึงคราวตกต่ำของตระกูลเย่หลางจริง เมื่อเขามองเห็นเทียนฮี่ เรินโม่ เขารู้ทันทีว่าชายคนนี้คือคนที่เย่หลาง วู่จี้ทำให้พิการ
ชิงสุ่ยไม่พูดอะไร เขายังคงโจมตีเรื่อย ๆ ในตอนที่นิ้วของเขาอยู่ใกล้อีกฝ่าย ชิงสุ่ยก็สร้างพายุขึ้นมา
ก้าวพสุธาเอราวัณ!
วชิระไร้เงาอยู่ได้ประมาณ 15 นาทีและตอนนี้ผ่านไปแล้ว 7 นาทีครึ่ง ชิงสุ่ยจึงไม่อยากเสียเวลามากไปกว่านี้ เขารีบลงมือทันที
ย่างก้าว 9 เทวา กฏแห่งพระราชวังเก้าเทวา!
ทัณฑ์สวรรค์ 9 เทวา !
ชิงสุ่ยปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของอีกฝ่าย แล้วรีบโจมตีต่อเนื่อง
กรงเล็บหงษ์เพลิงพิฆาต!
จุดตายฝังกลางลำตัว!
บริเวณนี้ถือเป็นจุดฝังเข็มที่สำคัญมาก เมื่อถูกโจมตี อีกฝ่ายจะตายโดยไม่ทันตั้งตัว
รูปแบบอาชาย่ำธาราโลหิตสลายไป เหลือชายชราเพียงสามคน โดยพลังของพวกเขานั้นไม่มีใครเทียบเคียงชิงสุ่ยได้ และเมื่อเห็นความสามารถของชิงสุ่ยและพลังของกรงเล็บหงส์เพลิงพิฆาต พวกเขาก็กลัวจนตัวสั่น
การจะจัดการใครสักคน แรกเริ่มจะต้องมีความมั่นใจที่จะต่อสู้กับอีกฝ่าย เฉ่ ฉีนั้นเต็มไปด้วยความโกรธ เมื่อเห็นฝ่ายตนตายไปทีละคน ความเกลียดแค้นและความอับอายนั้นทำให้เฉ่ ฉี คลั่งจนอยากปลิดชีพตัวเอง
เมื่อไร้รูปแบบอาชาย่ำธาราโลหิต พลังเฉ่ ฉีเหลือประมาณ 8 ล้านสุริยะ ในขณะที่คนอื่นๆ เริ่มตกอยู่ในสภาวะที่ยากลำบากกว่าเขา
ชิงสุ่ยมีพลังมากกว่า 5 ล้านสุริยะ ในขณะที่การป้องกันของเขานั้นมากกว่า 1.5 ล้านสุริยะ และตอนนี้ความเร็วและการป้องกันของเขาก็แข็งแกร่งจนไม่มีใครเทียบได้
ชิงสุ่ยว่องไวราวกับวิญญาณ เขาใช้กรงเล็บหงษ์เพลิงพิฆาตอย่างไม่สนใจสิ่งใด ๆ
ผ่านไปอึดใจเดียว ก็เหลือเฉ่ ฉีเพียงลำพัง
จากเสาหลัก 18 คนของตระกูล..ตอนนี้เหลือเพียงแค่เฉ่ ฉียืนท่ามกลางอากาศคนเดียวด้วยท่าทางมึนงง เขามองชิงสุ่ยโดยไม่พูดอะไรและไม่ไหวติง
เขาไม่อาจยอมรับสิ่งนี้ได้ไปจนวันตาย เขาต้องแบกรับความอับอายที่ใหญ่หลวงนัก แต่เขาจะทำอย่างไรต่อไป? ตอนนี้เขารู้สึกว่าชายหนุ่มตรงหน้านั้นเปรียบเสมือนภูผาสูงที่เขาไม่อาจเอาชนะได้
ชิงสุ่ยไม่อดกลั้นอีกต่อไป ไม่ว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร ชิงสุ่ยก็จะฆ่าพวกเขาให้หมด
ทักษะวชิระจู่โจม!
ชิงสุ่ยใช้มันตรึงคู่ต่อสู้ คราวนี้เขาตั้งใจโจมตีให้ถึงตาย
ทักษะวชิระจู่โจมแห่งเคล็ดวิชาสรวงสวรรค์วชิระ เป็นการประสานพลังระหว่างร่างกายและกำลังจิตวิญญาณ ด้วยพลังการโจมตีมากกว่า 1.5 ล้านสุริยะ แต่น่าเสียดายที่พลังร่างกายของชิงสุ่ยนั้นอ่อนแอเกินไป ความแข็งแกร่งของทักษะนี้จึงลดลงตามไปด้วย
อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยเพิ่มพลังการโจมตีเป็นสองเท่า ในที่สุดร่างของเฉ่ ฉีก็หายไป
ทั่วทั้งบริเวณเข้าสู่ความเงียบสงัด…
การโจมตีนั้นทำให้ทุกคนตะลึง ชิงสุ่ยจัดการจน เฉ่ ฉีตายคาที่ อีกทั้งร่างของเขาก็หายลับไปกับตา
ภายในเวลาไม่นานข่าวเรื่องนี้ก็แพร่สะพัดไปทั่ว ชิงสุ่ยเข้าไปในขขหอคอยจักรพรรดิ พร้อมกับหญิงสาวทั้งสอง ชิง จุน และ เทียนฮี่ เรินโม่ ก่อนหน้านั้นอี่หวง กู่หวู๋ใช้พลังปิดการมองเห็นและการได้ยินของชิง จุน เธอจึงหลับไปแล้ว
เทียนฮี่ เรินโม่เริ่มวิตก เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงรู้สึกเช่นนี้ เมื่อมองไปที่ชิงสุ่ยที่ไม่ได้ร่างกายสูงใหญ่ แต่กลับเต็มไปด้วยบรรยากาศที่แข็งแกร่งจนเหมือนเทพจากสวรรค์ หรือให้ความรู้สึกเหมือนต้นสนสูงใหญ่ที่แข็งแกร่ง
หลังจากชิงสุ่ยและคนอื่นๆ กลับไป ฝูงชนก็เริ่มแยกย้าย มีบางคนยังยืนรออยู่ที่นั้นและจับกลุ่มคุยกัน ราวกับพวกเขากำลังรอการแสดงรอบต่อไป
….
ชิงสุ่ยไม่รู้ว่าตระกูลเฉ่จะทำอย่างไรก็ต่อไป แม้ว่าเรื่องทุกอย่างจะกลายเป็นเช่นนี้ ชิงสุ่ยก็รู้สึกเฉย ๆ เขาสงสัยว่าถ้ากลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำลงมือทำอะไรขึ้นมา เขาคงจัดการเรื่องในอนาคตไม่ง่ายนัก
“ความจริงคงไม่มีใครคิดว่าตระกูลเฉ่จะพ่ายแพ้ ข้าสงสัยว่าในอนาคตจะมีใครมาช่วยเหลือข้าบ้าง”ชิงสุ่ยกุมขมับ
เมื่อชิงสุ่ยคิดเช่นนั้น สาวใช้ก็เดินเข้ามาหาชิงสุ่ยและพูดขึ้น “นายท่าน มีใครบางคนมาขอพบท่านเพื่อรักษา เป็นผู้มาเยือนจากเมฆาสะท้านนภา เขาสั่งให้ข้าบอกกับท่านเช่นนี้ แล้วท่านจะให้เขาเข้ามาทันที”
เมฆาสะท้านนภา!
จริงอยู่ที่ชิงสุ่ยเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน เขาคิดว่าเขาได้ยินชื่อนี้มาจากหลิงฮู ยูจากการสนทนาครั้งก่อน เมฆาสะท้านนภาเป็นศัตรูกับกลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำ ว่ากันว่าพวกเขาเหมือนเป็นหนามที่ทิ่มแทงซึ่งกันและกัน แม้อีกฝ่ายจะด้อยกว่ากลุ่มวิหคอัคคีร่ายรำ แต่พวกเขาก็ทำอะไรเมฆาสะท้านนภาไม่ได้เช่นกัน
ชิงสุ่ยไม่รู้ว่าพวกเขามาที่นี้ทำไม แต่เมื่อคิดอยู่สักพัก เขาก็อนุญาตให้พวกเขาเข้ามา “พาพวกเขาไปที่ชั้น 6″
“เจ้าค่ะ!”
หลังจากสาวใช้ออกไป ชิงสุ่ยก็ไปที่ชั้น 6 เขาคิดว่าเหตุผลที่เมฆาสะท้านนภาคงเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ หรือบางทีพวกเขาอาจจะอยากเข้าร่วมการต่อสู้ด้วย?
ชิงสุ่ยคิดว่ามีความเป็นไปได้สูง แต่เขาจะไม่เข้าร่วมกับคนกลุ่มอื่น ๆ ยกเว้นนิกายประมุขอสูร ถ้าอีกฝ่ายให้เขาร่วมด้วย เขาก็คงเข้าร่วมอย่างไม่ลังเล ชิงสุ่ยคงใช้เวลาไม่นานในการตามหาตัวเธอ แต่ก่อนนั้นเขาต้องรีบสะสางทุกอย่างให้ลงตัวเสียก่อน
ชิงสุ่ยเดินไปที่หมายอย่างช้า ๆ ชั้น 5 นั้นเป็นชั้นลำดับสูงที่จะไม่เปิดให้สาธารณะ ชิงสุ่ยเดินขึ้นไปยังชั้น 6 ก่อนเขาพบคนสองคนที่นั่น เป็นชายหญิงคู่หนึ่ง
แม้จะมีหน้าตาเหมือนชายวัยกลางคน แต่ชิงสุ่ยรู้ว่าเขามีอายุมากแล้ว แต่ด้วยพลังอมตะบางอย่างทำให้เขาดูอ่อนเยาว์ แต่ชิงุส่ยรู้ดีว่ารูปลักษณ์ของเขานั้นอยู่ได้ไม่นาน
เขามีหน้าตาหล่อเหลาเป็นชายชาตรี รูปร่างสูงใหญ่ของเขาดูมีพลังบางอย่าง ดวงตาของเขาดูอบอุ่นให้ความรู้สึกเป็นมิตร
เมื่อมองดูหญิงสาว เธอดูอ่อนวัยกว่าชายอีกคน เธอเป็นหญิงงามในช่วงอายุ 30 ปี เธอสวมชุดเย้ายวนและเป็นผู้ใหญ่ ผมของเธอถูกมัดสูง ดูเข้ากับคอขาว ยิ่งทำให้เธอดูงดงามเข้าไปอีก
ดวงตาของเธอมีเสน่ห์มาก และให้ความรู้สึกน่าหลงใหล สันจมูกของเธอก็งดงามไม่แพ้กัน ริมฝีปากของเธอทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกว่าเธอเป็นคนหัวแข็งไม่เบา
ชิงสุ่ยไม่รู้ว่าเบื้องหลังของกลุ่มเมฆาสะท้านนภาเป็นเช่นไร แต่เมื่อมองดูทั้งสอง ชิงสุ่ยคิดว่าพวกเขาน่าจะเป็นคู่สามีภรรยา จนใครที่มองก็คงต้องอิจฉา