บทที่ 1409 –นิกายเสียงสวรรค์กัมปนาท
ถึงแม้ว่าเขาจะมีพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งขนาดไหนในตอนนี้ ชิงสุ่ยนั้นก็สามารถสัมผัสได้ถึงความยั้วยวนจากเสียงกลองที่ดังอึกกะทึกเหล่านั้น
ผู้คนจากนิกายเสียงสวรรค์กัมปนาท!
ชิงสุ่ยสามารถรับรู้ได้ในทันทีหลังจากที่ได้ยิน นิกายเสียงสวรรค์กัมปนาทเป็นส่วนหนึ่งของพญามารทั้ง4 ดังนั้นจึงไม่แปลกที่พวกเขาจีความสามารถเช่นนี้อยู่ ดังนั้นมันเป็นการดีที่จะเริ่มจากพวกเขาเพื่อค้นหาพระราชวังจอมอสูร
ชิงสุ่ยไม่รอช้าอีกต่อไป ในขณะที่เขาพุ่งเข้าไปที่ต้นกำเนิดของเสียง
“สาวน้อย มาสนุกกับพวกพี่ชายบนเตียงกันดีกว่า!!”เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้นไม่ไกลจากชิงสุ่ยมากนัก
ในตอนนี้เขามองเห็นหญิงสาวที่มีผิวขาวดังหิมะที่กำลังถูกล้อมไปด้วยกลุ่มผู้ชายมากกว่า30คน
“เจ้าพวกหน้าไหว้หลังหลอก รอให้ท่านแม่ และพี่สาวของข้ามาถึงก่อนเถอะ พวกเจ้าทั้งหมดต้องตาย”เธอกลาวออกมาด้วยท่าทางยโส แต่ก็เต็มไปด้วยความสง่างาม
“กล่าวเวลานั้นจะมาถึง มันก็สายเกินไปแล้ว อีกนานกว่าพวกนางจะมาถึง ช่วงเวลานั้นพวกข้าคงจะหลบหนีไปได้ไกลซะแล้ว มาๆอย่าเสียงเวลาอีกเลย!”ชายคนหนึ่งกล่าวออกมา
“พระราชวังวสันต์นิรันดรนั้นช่างเลวทราบดังฉายาของพวกเขาไม่ผิดจริงๆ ”หญิงสาวคนนั้นกล่าวออกมา
“ในช่วงไม่นานมานี้พวกข้าได้รับทักษะการบ่มเพาะแบบคู่ ด้วยผลของมันจะทำให้เจ้านั้นรู้สึกดีอย่างกับขึ้นสวรรค์ชั้น7เลยทีเดียว รับรองได้ว่าเจ้าจะติดใจมันจนต้องร้องขอมันอีก”ชายที่มีสีหน้าหื่นกระหายกล่าวออกมา ถึงแม้เขาจะดูเหมือนชายวัยกลางคน แต่ชิงสุ่ยก็สามารถสัมผัสได้ว่าเขานั้นมีอายุไม่ตำกว่า200ปีแล้ว
ใบหน้าของเขานั้นดูหล่อเหลา นอกจากนี้เขายังมีรูปรางสูงใหญ่ แต่ถึงอย่างไรก็ตามดวงตาของเขนั้นก็เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์และลามกอย่างมาก ราวกับมันนั้นพยายามที่จะลวนลามหญิงสาวทุกๆคนที่เขาจับจ้องมองไปที่พวกเธอ
“พี่ใหญ่หยุดกล่าวเรื่องไร้สาระได้แล้ว เรารีบจับนางไปสนุกกันดีกว่า ข้าอยากรู้จริงๆสาวงามเช่นนี้จะมีท่าทางยังไงเมื่อมีความสุขจนบ้าคลั่ง!”
“น้องหก เจ้านี่ช่างไม่รู้จักถนอมอิสสตรีเลยนะ!”
“ฮ่าๆข้าแค่รู้สึกว่าอยากจะสนุกกับสนุกกับนางแล้วเท่านั้น นอกจากนี้หญิงสาวจากนิกายเสียงสวรรค์กัมปนาทยังขึ้นชื่อเรื่องความบริสุทธิ์อีกด้วย มันนั้นทำให้ข้านั้นแทบจะอดใจไม่ไหวแล้ว”
“เอาละในตอนนี้เราควรทำลายรูปแบบท่วงทำนอง 5วสันต์ เสียก่อน” ในขณะที่ท่าทางของเขานั้นเปลี่ยนไป ปราณสีชมพูอ่อนได้รวมตัวกันกลายเป็นกระบี่ในตอนนี้
เมื่อท่าทางที่ไม่ดีเธอนั้นรีบบรรเลงบทเพลออกมา ปราณที่ดูสงบได้ห้อมลอมพวกเขาเอาไว้
บทเพลงแห่งความอาวรณ์!
เธอปิดตาลงขณะที่บรรเลงบทเพลงลงไปที่พิณของเธอในตอนนี้ ในขณะนี้ใบหน้าของเธอนั้นเต็มไปด้วยเหงื่อจำนวนมาก
“ไม่ต้องเป็นห่วงไปพี่น้องของข้า นางนั้นไม่สามารถบรรเลงมันได้นานมากนักหรอก เมื่อนางหมดแรงเมื่อไร เราจะสามารถจัดการกับนางได้อย่างง่ายดายเวยไม่ต้องเปลืองแรง”ชายอีกคนกล่าวออกมา
ในตอนนี้ผู้คนนับสิบได้เข้าไปใกล้ๆเธอแต่ก็ถูกหยุดเอาไว้ด้วยวงล้อมแห่งเสียงเพียง แต่ถึงอย่างไรก็ตามในตอนนี้วงล้มแห่งนี้ก็ดูอ่อนแอลงทุกๆครั้งที่เกิดการประทะ
ในตอนนั้นเองกลิ่นอายที่ทรงพลังก็ได้ประทุขึ้นจากระยะไกลๆ
“พี่ใหญ่นี่มันไม่ดีแล้ว ไม่ดีแล้ว จ้าวแห่งความตายกำลังมาที่นี่”
ชายคนนั้นขมวดคิ้วของเขา และกล่าวออกมาว่า “หรือว่าเกิดเรื่องขึ้นกับท่านอาวุโสสอง?”
ในเวลานั้นเองร่างกายที่ผอมบางและดูงดงามได้ปรากฏตัวขึ้นในระยะไกล ขณะที่มันกำลังพุ่งมาที่ทางทิศที่พวกเขาอยู่
ชิงสุ่ยที่มองอยู่สามารถเห็นได้ชัดเลยว่ามีหญิงสาวสองคนที่กำลังพุ่งมาทางนี้ แต่ถึงอย่างไรชิงสุ่ยก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่าเธอนั้นมีอายุเท่าไร แต่อย่างไรเขาก็สามารถบอกได้ว่าเธอนั้นเป็นผู้หญิงที่งดงามอย่างมาก นอกกจานี้เธอนั้นก็มีรูปลักษณ์ที่คล้ายคลึงกับฮี่หวง กู่หวู๋อีกด้วย เธอนั้นจัดได้ว่าเป็นหญิงสาวที่ดูเซ็กซี่อย่างมาก แต่ถึงอย่างไรชิงสุ่ยนั้นก็สามารถสัมผัสได้ถึงรัศมีแห่งความตายได้จากรอบๆตัวของเธอไม่แปลกที่พวกเขาจะเรียกเธอว่าเจ้าแห่งความตาย
“เจ้าพวกขยะน่ารังเกลียด พวกเจ้ามันนั้นช่างเลวทรามยิ่งกว่าสัตว์เดียรฉานเสียอีก” เสียงของเธอดังขึ้นจากระยะไกลๆ
เสียงของเธอนั้นไพเราะอย่างมาก ราวกับเสียงของสายลมที่อ่อนโยนก็มิปาน ยิ่งไปกว่านั้นสายตาของเธอที่จ้องมองมา ทำให้ผู้คนจำนวนมากรู้สึกด้อยค่าลงไปในทันที
ในจังหวะนั้นเองชายชราที่ไล่ตามเธอมาช่างหลังก้ได้ปรากฏตัวขึ้นเหนือกลุ่มของผู้ชายเหล่านั้น
เขาคืออาวุโสสองที่ถูกกล่าวถึงในตอนแรก เดินทีเขานั้นมีหน้าที่ในการหยุดยังเธอเอาไว้แต่ เรื่องราวกับผิดพลาดทำให้เธอนั้นสามารถมาถึงที่แห่งนี้ ถึงอย่างไรชายชราผู้นี้ก็ดูไม่ได้อ่อนแอกว่าเธอเลย เขาเป็นผู้ชายที่สูงเพียงแค่ 1.6เมตรเท่านั้น แต่ถึงอย่างไรเขาก็กลับดูแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ใบหน้าของเขานั้นดุคล้ายกับสิงโตที่ดุดัน แต่ถึงอย่างไรก็ตามเขากลับมีฟันที่ยื่นออกมาเหมือนกระต่าย
“ข้าจะดูสิว่าวันนี้เจ้าจะดินร้นไปได้อีกนานเท่าไรกัน หากเจ้ายอมเชื่อฟังคำสั่งของข้าๆก็จะไม่ทำร้ายเจ้า และพร้อมรัยผิดชอบดูแลความปลอดภัยของเจ้าอีกด้วย”ชายชรากล่าวออกมาด้วยเสียงที่แหลม
“เจ้าคิดว่าครั้งนี้จะเหมอนกับครั้งก่อนอย่างนั้นรึ มาดูสิว่าตอนนี้เจ้าจะสามารถทำอะไรได้บ้าง? นอกจากนี้เจ้าคิดจริงๆรึว่าเจ้านั้นมี่ความสามารถเพียงพอที่จะหยุดข้าได้”เธอกล่าวออกมาอย่างไม่สนใจ
“เจ้าคิดจริงๆรึว่าว่าท่วงทำนองสยบวิญญาณของเจ้าจะได้ผล”ชายชรายิ้มอย่างหยาบคาย
“ไม่ลองก็ไม่รู้!”เธอกล่าวออกมา
“’งั้นลองดูนี่ก่อนว่ามันคืออะไร?”
“เทวะรูปพุทธองค์ปราบมาร”เธอกล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ ๘ณะที่เธอนั้นได้ยกคิ้วขึ้นมาในตอนนี้
“ด้วยเทวะรูปพุทธองค์ปราบมาร เจ้านั้นไม่สามารถทำอะไรได้อีกต่อไปแล้ว มาสิคุกเขาร้องข้าบางทีข้าอาจยกโทษให้เจ้า!”ชายชราล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงหยิ่งผยอง
“เห้อ ถึงแม้รูปลักษณ์ของเจ้านั้นจะเลวร้ายแล้ว แต่มันกลับเทียบไม่ได้กับนิสัยที่สกปรกของเจ้าเลย มันนั้นทำให้ข้าอดที่จะสมเพศในตัวของเจ้าไม่ได้จริงๆ เจ้าคิดจริงๆรึคนเช่นเจ้านั้นจะมีคนเคารพจริงๆ หากเจ้าปราศจากความแข็งแกร่ง”เธอกล่าวและยิ้มออกมาอย่างมีเสน่ห์
ในตอนนี้สีหน้าของอาวุโสสองเปลี่ยนไปอย่างมาก มันนั้นกลับดูน่าเกลียดอย่างมากยิ่งกว่า เป็นเรื่องจริงที่เขานั้นเกิดมามีหน้าตาที่อัปลักษณ์ หากไม่ใช่เพราะเขานั้นมีความสามารถในการบ่มเพาะคงไม่มีใครเลยที่ให้ความเคารพเขา ยิ่งไปกล่าวนั้นเขาคงไม่ได้สามารถสัมผัสผู้หญิงได้หากปราศจากความแข็งแกร่งในตอนนี้ นี่คือเรื่องที่เขารู้สึกเสียใจมาตลอดเวลา
แม้มันจะเป็นความจริงที่เขารู้ แต่เขานั้นก็ไม่สามารถห้ามใจที่ไม่ให้โมโหไม่ได้ ถึงแม้การบ่มเพาะนั้นจะทำให้คนนั้นดูดีขึ้น แต่นั้นก็ขึ้นอยู่กับรากฐานและโครงสร้างเดิมของคนเรา ดังนั้นไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งขึ้นเท่าไร มันก็ไม่ทำให้เขาดูดีขึ้นมากกนัก
“อย่าหาว่าข้านั้นไม่ให้โอกาสเจ้า วันนี้ข้าจะสอนให้เจ้ารู้ว่าการตายทั้งเป็นนั้นมันเป็นอย่างไร ข้าจะทำให้เจ้านั้นเป็นนางบำเรอของผู้ชายในนิกายของข้า ” เขากล่าวอกมาขณะที่ปล่อยเปลวเพลิงที่ชั่วร้ายออกไปข้างหน้า
ท่วงทำนองสยบวิญญาณ!
เธอค่อยๆยกมือขึ้นขณะที่สั่นกระพวนที่อยู่บนแขนของเธออย่างช้าๆ
เสียงกรีดร้องที่โหยหวน และหนาวเหน็บได้ดังขึ้นในเวลานี้ มันนั้นทำให้จิตใจของผู้คนที่ได้ยินนั้นหลุดลอยออกมาจากร่างกาย
ในเวลานั้นเอง เทวะรูปพุทธองค์ปราบมารในมือของชายชราก็ได้เปล่งประกายแสงสีทองออกมา แสงสีทองอ่อนๆนั้นช่วยขับไล่ไอปิศาจที่นาวเหน็บที่หญิงสาวคนนั้นปลดปล่อยออกมา ก่อนที่จะทำให้พื้นที่บริเวณนั้นกลับมาเป็นปกติ
“ข้าบอกเจ้าแล้ว ว่าทักษะของเจ้ามันนั้นไร้ค่าเมื่อยู่ต่อหน้าของข้า ฮ่าๆ”ชายชรากล่าวออกมาด้วยความภูมิใจ
“อย่าได้รีบมีความสุขเร็วไป ถึงแม้นิกายของข้าจะแพ้ทางให้กับเทวะรูปพุทธองค์ปราบมารก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าข้านั้นจะไม่มีวิธีอื่นในการรับมือกับเจ้า”เธอกล่าวออกมาขณะที่ดึงกระบี่สีขาวขนาดเล็กออกมา
ใยขณะนี่เธอได้เบี่ยงตัวหลบฝ่ามือของชายชรา ขณะที่ควงกระบี่สีขาวราวกับอสรพิษที่ฉกลงไปบนแขนของเขาอย่างรวดเร็ว
ในเวลานั้นเสียงของกระบี่ที่แหลกอากาศออกไปได้สร้างความตกใจให้กับชายชรา ดึงอย่างไรก็ตามเขาก็สามารถหลบมันได้ ขณะที่เขาเบี่ยงตัวฟาดฝ่ามือที่เต็มไปด้วยเพลิงสีทองเขาใส่เธออีกครั้ง
ทวงทำนองศักดิ์สิทธิ์!
ในขณะนั้นเองเธอได้เขย่ากระพวนอีกครั้ง เสียงเพลงที่ออกมานั้นทำให้ความเร็วของเธอเพิ่มขึ้นอีกมากมาย
ในตอนนี้ดวงตาของชิงสุ่ยนั้นสว่างขึ้น ตอนนี้เขารู้แล้วว่าทักษะของนิกายเสียงสวรรค์กัมปนาทไม่ได้มีดีแค่การจู่โจมทางวิญญาณเท่านั้น มันนั้นยังสามารถช่วยกระตุ้นกระตุ้นศักยภาพของตนเองขึ้นมาได้ในอีกระดับอีกด้วย มันทำเขาเกข้าใจแล้วว่าทำไมนิกายเสียงสวรรค์กัมปนาทถึงได้รับขนานนามให้เป็น 1ใน4พญามาร
เสียงอสูร!
ในตอนนี้กระบี่ของเธอนั้นสั่นสะท้านเล็กน้อย ขณะที่ปรากฏเงาสีขาวข้างๆกายของเธอ สิ่งนี่นั้นคล้ายกับพยัคฆ์ขาวของฮี่หวง กู่หวู๋อย่างมากเพียงแค่รูปลักษณ์ของมันนั้นแตกต่างออกไป นอกจากนี้สิงนี้ยังเป็นสิ่งที่เกิดจากรูปแบบของพลังวิญญาณอีกด้วย จึงทำให้การโจมตีของมันนั้นแยกออกจากการจู่โจมของเธอโดยตรง แต่ถึงอย่างไรก็ตามมันนั้นค่อนค้างที่จะใช้พลังวิญญาณจำนวนมากในการคงสภาพเอาไว้
แสงแห่งพระพุทธรูปทองคำ!
ในเวลานั้นเองแสงสีทองได้สาดส่องออกมาจากมือของชายชราอีกครั้ง มันทำให้เงาสีขาวนั้นหายไปในทันที
ฤดูใบไม้ผลิแห่งความอาลัย!
ในตอนนี้พลังที่มหาศาลได้อัดแน่อยู่ที่มือของชายชรา ปราณที่อัดแน่นอยู่บนมือของเขา ควบแน่นกันจนกลายเป็นสีเขียวมรกต มันนั้นช่างดูงดงาม ราวกับงานศิลปะที่โดดเด่น แต่ถึงอย่างไรมันนั้นก็เต็มไปด้วยพลังที่สามารถทำลายได้ทุกๆสิ่ง