บทที่ 1433 – รูปปั้นเทพสงคราม พุ่งเข้าสู่รูปแบบ
เกี่ยวกับชายคนนั้น ชิงสุ่ยไม่มีความทรงจำร่วมกับเขา ถ้าไม่ใช่เพราะผู้เป็นแม่ ชายคนนั้นก็ไม่ได้สำคัญ ในช่วงชีวิตก่อนหน้านี้ เขามีพ่อแม่ที่รักเขา เช่นเดียวกับพี่ชายและน้องสาว เมื่อมาที่นี่แม่ของเขาเป็นคนที่สำคัญที่สุดสำหรับเขา จากนั้นก็เป็นพี่สาว ผู้หญิงของเขา และเด็กๆ
“ชิงสุ่ย เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่งั้นหรือ?” ฮัวรูเหม่ยมองไปที่ชิงสุ่ยซึ่งดูเหม่อลอย
ชิงสุ่ยส่ายหัวและยิ้ม “ไม่มีอะไร ข้าแค่เพียงคิดอะไรเรื่อยเปื่อย”
ชิงสุ่ยสลัดความคิดออกไป การคิดอะไรก่อนพบชายคนนั้นเป็นความไม่แน่นอน หากมีกลุ่มคนใดต่อต้านพระราชวังอสูร เขาก็ไม่มีปัญหาที่จะใช้กำลังจัดการพวกเขา
ทุกคนแยกย้ายกันไป กองกำลังที่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันก็จะอยู่ร่วมกัน ชิงสุ่ยและกลุ่มของเขาหยุดพักเล็กน้อย ทุกคนต้องการสมบัติภายในวิหารศักดิ์สิทธิ์โบราณ ยังไม่มีใครอยากเป็นคนแรกที่จะเข้าไปท้าทาย
อย่างไรก็ตามมักมีคนที่พยายามลองเสมอ ขณะนั้นมีร่างเงาพุ่งเข้าไปสู่การต่อสู้ หลายคนมองดูเงาที่วิ่งตรงเข้าไปยังรูปปั้น ศักดิ์สิทธิ์ขนาดใหญ่ จู่ๆหอกมังกรก็กวัดแกว่งลงมาอย่างบ้าคลั่ง ท้องฟ้าเต็มไปด้วยคมหอกมังกร
ผู้ที่พุ่งเข้าไปก็ไม่ได้เป็นหมูในอวย เขาหยิบบางสิ่งที่ดูคล้ายกิ่งไม้และตวัดมันหนึ่งครั้ง วงกลมปรากฏขึ้นรอบตัวเขา เขาอยู่ตรงกลางของวงกลมและเดินผ่านคมหอกมังกรไป
เมื่อผู้คนเห็นชายคนนั้นพุ่งผ่านไปได้ พวกเขาก็เริ่มเข้าไปบ้าง รูปปั้นขนาดใหญ่หมุนควงหอกมังกรในมือทันที หอกที่ดูราวกับงูยักษ์ดูดกลุ่มคนเข้าไปในวังวนของมัน
ปัง!
เสียงระเบิดดังขึ้น ผู้คนก่อนหน้านี้หายตัวไปและรูปปั้นหินก็กลับไปอยู่ดังเดิม ผู้คนต่างตกใจ หลังจากนั้นสักครู่ พวกเขาเริ่มพูดคุยกัน
“คนเหล่านั้นมีเพียง 3 คนที่ผ่านรูปปั้นหินไปได้ ตอนนี้ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ พวกเขาที่เหลือต่างก็กลายเป็นซากศพ”
“ถูกต้อง หลายคนนั้นคิดง่ายๆ รูปปั้นเทพสงครามเป็นอุปสรรคชิ้นใหญ่ พลังของมันรุนแรงและการโจมตีของมันนั้นต่อเนื่อง วิธีเดียวที่จะผ่านมันไปคือการวิ่งเข้าไป ไม่มีวิธีใดที่จะหลบเลี่ยง บางทีอาจมีใครสักคนสามารถทำลายรูปปั้นเทพสงครามลงได้”
รูปปั้นเทพสงครามนั้นทรงพลัง แต่ก็ไม่ได้อยู่ยงคงกระพัน วัตถุดิบที่ใช้สร้างรูปปั้นเป็นของพิเศษและยากที่จะได้รับความเสียหาย หากรู้วิธีทำลาย คนเหล่านี้ก็คงทำมันไปแล้ว
หลังจากมีคนตาย ไม่มีใครอยากลองมันอีกครั้ง ชิงสุ่ยไม่รีบร้อน เขารู้ว่าเป็นเรื่องยากที่เข้าไปยังวิหารศักดิ์สิทธิ์โบราณ งูเปลวเพลิงบรรพกาลได้บอกเขาไว้แล้ว
“พวกเรามีเพียงไม่กี่คนที่นี่ พวกเจ้าต้องการเข้าไปหรือไม่?”
ณ ขณะนั้นนำเสียงอันโผงผางและตรงไปตรงมาดังขึ้น
เสียงนั้นมาจากชายชราซึ่งเป็นตัวแทนของฝ่ายธรรมะ ร่างกายของเขาตั้งตรง เขาสวมเสื้อผ้าสีขาวเรียบๆ ในขณะที่เขากล่าว ร่างกายของเขาแผ่พลังธรรมชาติออกมาด้วย
ภายในฝ่ายธรรมะ บางส่วนของพวกเขามีผู้ที่เสแสร้งซ่อนตัวอยู่ในกลุ่ม
ที่นี่มีคนจากตำหนักจิตแห่งกระบี่ด้วย ตำหนักจิตแห่งกระบี่เป็นนิกายที่น่าเกรงขามในมหาทวีปมังกรอหังกาล พวกเขาเชี่ยวชาญในด้านความสัมพันธ์ระหว่างหัวใจและกระบี่ นิกายนี้มุ่งเน้นไปที่จิตของกระบี่ รูปแบบไม่สำคัญเท่ากับหัวใจที่เป็นหนึ่งเดียวกับกระบี่
ตำหนักจิตแห่งกระบี่ไว้วางใจในกระบี่ สมาชิกของตำหนักจิตแห่งกระบี่ทรงพลัง พวกเขาสามารถทำให้โลกสั่นสะเทือนได้ด้วยกระบี่เพียงเล่มเดียว อย่างไรก็ตามไม่แน่นอนว่าตำหนักจิตแห่งกระบี่จะมีบุคคลดังกล่าวหรือไม่
ประมุขอสูรไม่ได้หันศีรษะไปมองสิ่งใด นิกายสาปอสูรมีชายชราคนหนึ่งเดินออกมาและกล่าว “สำหรับคนจำนวนมากที่อยู่ที่นี่ มีเพียงสามคนเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้ นี่เป็นเรื่องที่น่าโอ้อวดงั้นหรือ?”
คำพูดของชายชราแสดงการยุแหย่ พวกเขารู้แล้วว่าทั้งสามคนนั้นมาจากฝ่ายธรรมะ ดังนั้นพวกเขาจึงกล่าวเช่นนั้น
“เจ้า เจ้า… หากพวกเจ้ามีความสามารถจงส่งคนของพวกเจ้าสามคนเข้าไปด้วยเช่นกัน อย่าได้เสียใจถ้าคนของเจ้าเข้าไปไม่ได้ พวกเจ้าอยากจะเสียหน้าต่อผู้คนทั้งทวีปหรือ?” ชายชราจากนิกายสาปอสูรกล่าวด้วยความโกรธแค้น
“แน่นอน พวกเราจะต้องเข้าไป อย่างไรก็ตามพวกเราต้องพักผ่อนกันก่อน พวกเราเพิ่งจะมาถึง” ชายชราจากนิกายสาปอสูรหัวเราะขณะเขากล่าว
ชิงสุ่ยสังเกตบริเวณโดยรอบ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมอง เขาสามารถเหลือบเห็นวิหารศักดิ์สิทธิ์โบราณภายในกลุ่มเมฆ ภูเขาเทพสงครามมีปราณคอยกดดันซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกอึดอัด
ในความเป็นจริง วัตถุประสงค์ในการมาที่นี่ของเขาบรรลุแล้ว การต่อสู้กับพระราชวังมังกร พวกเขาได้รับชัยชนะและคนที่นี่ต่างก็รู้ ในเรื่องของวิหารศักดิ์สิทธิ์โบราณ พวกเขาไม่ได้ใส่ใจมากนัก ทั้งฝ่ายธรรมะและขุมพลังแห่งปีศาจที่อยู่ที่นี่ พวกเขาจะทำให้เกิดการสูญเสียครั้งใหญ่ ในท้ายที่สุด เฉพาะผู้ที่ได้รับสมบัติถึงเป็นผู้ชนะ ผู้อื่นจะกลายเป็นผู้แพ้โดยไม่มีข้ออ้างใดๆ
ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่นี่ อย่างน้อยพวกเขาสามารถลองเสี่ยงดวงดู คนส่วนใหญ่หวังว่าจะได้รับบางสิ่งและตัดสินใจมา
“พวกเราควรทำอย่างไร? พวกเราจะลองดูหรือไม่?”
กลุ่มคนเริ่มหารือกันกับผู้นำของนิกายสาปอสูร
“เจ้าได้เห็นรูปปั้นเทพสงครามที่น่ากลัวแล้ว ผู้ฝึกตนหลายสิบคนตายลงด้วยน้ำมือของมัน” ชายชราคนหนึ่งกล่าว เขาเป็นผู้นำของหุบเขากระชากวิญญาณ
“เช่นนั้นพวกเราจะทำอย่างไร?”
ชายชราจากนิกายสาปอสูรถอนหายใจขณะกล่าว
“รูปปั้นเทพสงครามนั้นอาศัยรูปแบบในการทำงาน ถ้าหากเจ้าต้องการผ่านมันไป เจ้าจะต้องเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญในรูปแบบ” ชายชราจากหุบเขากระชากวิญญาณกล่าว
“ผู้อาวุโสลี่ ข้าได้ยินว่าคุณชายชิงเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญด้านรูปแบบ ท่านคิดว่าเขาสามารถผ่านมันไปได้หรือไม่?” หนึ่งในพี่น้องหลู่กล่าว
ชิงสุ่ยตกตะลึง ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว หุบเขากระชากวิญญาณและนิกายสาปอสูรกระตุ้นผู้อื่นเพื่อยั่วยุให้เขาไป แม้วิธีนี้จะดูไม่เข้าท่า แต่มันก็ค่อนข้างได้ผล
พวกเขามองไปทางชิงสุ่ยและประมุขอสูร ทุกคนรู้ว่าพระราชวังจอมอสูรเชี่ยวชาญรูปแบบ พระราชวังจอมอสูรเป็นหนึ่งในสี่ขุมพลังแห่งปีศาจอันยิ่งใหญ่เช่นกัน ถ้าหากพวกเขาไม่เคลื่อนไหวในครั้งนี้ มันก็จะดูไม่ดีในสายตาผู้อื่น
ชิงสุ่ยหัวเราะและกล่าว “ข้าคิดว่าความรู้ของข้าด้านรูปแบบนั้นยอดเยี่ยม แต่การจะผ่านรูปแบบของมันไปนับว่าค่อนข้างลำบาก ข้าต้องการอีกสองคนเพื่อร่วมมือกับข้า บางทีพี่น้องหลู่คงไม่รังเกียจที่จะร่วมมือกับข้าใช่หรือไม่?”
พี่น้องหลู่สาปแช่งเขาอยู่ในใจ ผู้ชายคนนี้กำลังรนหาที่ตาย แม้ในความตาย เขาก็ต้องการลากพวกเขาลงไปด้วย
“น้องชิง เจ้าช่างตลกขบขัน พี่น้องทั้งหลาย พวกเราควรตั้งกลุ่มร่วมกับผู้อื่นในนิกาย บางทีมันอาจจะดีกว่าการมาหาคนจากพระราชวังอสูร ร่วมมือกับพวกของตัวเองย่อมดีกว่า” ชายผู้นี้เพียงแค่ทำเป็นยิ้มขณะกล่าว
ชิงสุ่ยรู้ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้ เขาหัวเราะและกล่าว “ไม่เป็นไร เจ้าคงไม่กล้า”
“เจ้า… เจ้า…” พี่น้องหลู่โกรธจนถึงกับหน้าเปลี่ยนสี
“พวกเราจะได้เห็นกันว่าเจ้ากล้าหรือไม่” พี่น้องหลู่กล่าวด้วยความโกรธ
“ผ่อนคลายเถอะ ลูกผู้ชายที่แท้จริงจะไม่พูดเหลวไหล” ชิงสุ่ยหัวเราะและกล่าว
คำพูดนี้เพียงพอที่จะทำให้พี่น้องหลู่ปิดปากของพวกเขา
“ชิงสุ่ย เจ้ามันช่างร้ายกาจ” เฉินหลิงเข้ามาข้างชิงสุ่ยและหัวเราะ
ผู้หญิงคนนี้จะพยายามอยู่เคียงข้างชิงสุ่ยเมื่อเธอมีโอกาส
ชิงสุ่ยรู้สึกอึดอัดที่ต้องพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้และเขาไม่สามารถไล่เธอไปได้ ประมุขอสูรไม่เคยเรียกหาเขา เธอไม่มีความรู้สึกต่อเขาไม่ว่าเขาจะอยู่กับใคร
ฮัวรูเหม่ยและซานยูอยู่ด้วยกันเสมอ ถ้าพวกเขาพบโอกาสพวกเขาจะเรียกชิงสุ่ยออกไป แต่พวกเขาไม่สามารถทำสิ่งนั้นได้ทุกครั้ง
ชิงสุ่ยพบข้ออ้างในการตีตัวออกห่าง เขาเข้าไปพูดคุยกับประมุขอสูรและฮัวรูเหม่ย
“พวกเรายังต้องไปที่นั่นและตรวจสอบ ใครอยากที่จะไปกับข้า? ข้าต้องการคนช่วยและจัดการสิ่งต่างๆ” ชิงสุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ข้าจะไป!” ฮัวรูเหม่ยกล่าวโดยไม่ลังเลเลย
“ข้าจะไปเอง เจ้าควรเฝ้าระวังที่นี่เพื่อไม่ให้มีอะไรเกิดขึ้น” ประมุขอสูรก้าวมาข้างหน้าและกล่าว
ฮัวรูเหม่ยคิดนิดหน่อยและพยักหน้า “ชิงสุ่ยระวังตัวด้วย นอกจากนี้ดูแลประมุขอสูรให้ดี”
“อย่าได้กังวล ไม่มีใครสามารถทำอันตรายนางได้ แม้เป็นรูปปั้นหินก็ตาม” ชิงสุ่ยหัวเราะ เขายืนอยู่ท่ามกลางความทรงเสน่ห์ของฮัวรูเหม่ยและท่าทีอันสงบของประมุขอสูร
“ข้าได้ลองสังเกตสักเล็กน้อยก่อนหน้านี้แล้ว ใช้ย่างก้าว 8 ทิศเพื่อหลบหลีกมัน ยึดทิศตะวันออกเฉียงเหนือเป็นตัวตั้ง ถ้าหากไม่สามารถหลบได้ให้ย้ายไปทิศตะวันตกเฉียงเหนือ หลังจากนั้นถอยกลับไปยังทิศตะวันออกเฉียงใต้” ชิงสุ่ยคิดครู่หนึ่งและกล่าว
ชิงสุ่ยพูดเสร็จแล้วรีบพุ่งออกไปโดยไม่รอคำตอบของประมุขอสูร ประมุขอสูรไม่กล้าที่จะประมาท เธอรีบตามชิงสุ่ยไป
แรงกดดันทางจิตวิญญาณถาโถมมากขึ้นใส่พวกเขา
“ดูสิ นั่นคนจากสี่ขุมพลังแห่งปีศาจ?” นางคือประมุขอสูร ส่วนผู้ชายคนนั้นเขาเป็นใคร?
“ประมุขอสูรไม่เคยร่วมมือกับชายใดมาก่อน”
“นางดงาม ช่างน่าเสียดายที่นางเย็นชา เย็นชาและสง่างาม มีชายไม่กี่คนที่สามารถทนได้”
“สำหรับรอยยิ้มจากผู้หญิงเช่นนี้ แม้ต้องพบความตายก็คุ้มค่า”
……
รูปปั้นเทพสงครามหันหอกมังกรมาทางชิงสุ่ยโดยตรง
หุบเขา 9 เทวา!
ชิงสุ่ยไม่ได้หยุดอยู่กับที่ หุบเขา 9 เทวาปะทะกับหอกมังกรแล้ว ขณะที่เขาพุ่งเข้าไป
ตึง!
หอกมังกรพุ่งทะลุผ่านหุบเขา 9 เทวาและไปถึงชิงสุ่ย
ในเวลานี้ประมุขอสูรพุ่งเข้าไปทันที
“รีบๆเข้ามา จำสิ่งที่ข้าบอกท่านไว้ ใช้ย่างก้าว 8 ทิศ!” ชิงสุ่ยกล่าวกับประมุขอสูรโดยไม่หันศีรษะ
ประมุขอสูรต้องการสกัดหอกมังกรให้พ้นชิงสุ่ย อย่างไรก็ตามเมื่อที่เธอได้ยินคำพูดของชิงสุ่ย เธอก็ก้าวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือและนึกถึงคำแนะนำของชิงสุ่ยก่อนรีบพุ่งไปข้างหน้า
รูปปั้นหินกวัดแกว่งหอกอีกครั้งและท้องฟ้าเต็มไปด้วยเงาของหอกมังกร
ทักษะย่างก้าว 9เทวา!
ชิงสุ่ยเก่งมากเรื่องหลบการโจมตี เขาสบัดมือและเถาวัลย์อสูรกระหายเลือดก็ออกมา มันพุ่งไปห่อหุ้มรอบรูปปั้นเทพสงคราม
ทอง น้ำ ไม้ ไฟ และดิน ดินแพ้ไม้ รูปปั้นเทพสงครามมีองค์ประกอบของดิน ความแข็งแกร่งของมันถูกลดถอนลง 20% นี่คือเหตุผลที่เคล็ดพลังศักดิ์สิทธิ์กลั่นหลอมเบญจธาตุแข็งแกร่ง
ปราณจักรพรรดิ!
ชิงสุ่ยใช้ปราณจักรพรรดิใส่รูปปั้นโดยตรงและมันประสบผลสำเร็จ ปราณจักรพรรดิข่มมันไว้อย่างสมบูรณ์ หลังจากนั้นเขาก็เพิ่มพลังให้กับตัวเองและลดพลังรูปปั้นด้วยเครื่องรางแห่งสวรรค์ นอกจากนี้เขายังใช้หงส์ทองประลองพินิจ พลังของรูปปั้นเทพสงครามลดลงครึ่งหนึ่ง ความสามารถของเขาช่างน่ากลัว
ทันใดนั้นรูปปั้นโบกสบัดมือของมันและมังกรหินก็ปรากฏตัวขึ้น มันพ่นหินหนืดจำนวนมากออกมา มันดูเหมือนแผ่นดินถล่มเข้าใส่ชิงสุ่ย
ประมุขอสูรผ่านรูปปั้นไปได้แล้ว ชิงสุ่ยสังเกตเห็นเธอ
เทวาผกผัน!
ชิงสุ่ยใช้ความสามารถนี้ใส่รูปปั้นเทพสงครามโดยตรง