บทที่ 1438 – ชุดเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์ เคล็ดวิชา 9 ท่วงท่าบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์ เผด็จศึก
เมื่อมองไปในกล่องสมบัติ สิ่งที่พบค่อนข้างเหนือความคาดหมาย มันเต็มไปด้วยสิ่งของเสริมจิตวิญญาณ แต่มีเพียงแค่ชุดเดียวเท่านั้น มีทั้งสร้อยคอ แหวน สร้อยข้อมือ เสื้อขนสัตว์ และรองเท้าบางส่วน นอกจากนั้นไม่มีอะไรอื่น
สิ่งของเหล่านี้ล้วนช่วยเพิ่มพลังวิญญาณ ทันใดนั้นชิงสุ่ยสังเกตอักษรบางคำบนหินสลักภายในกล่อง
ชุดเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์!
คำเหล่านั้นดูเหมือนถูกเผาไหม้ด้วยสายฟ้า ยังดีที่มันไม่มากนัก มันเป็นชุดและอุปกรณ์สวมใส่ที่ทรงพลัง ชิงสุ่ยมองไปที่ชุดด้วยเคล็ดวิชาเบิกเนตรสวรรค์
เพิ่มพลังป้องกันขึ้น 5 เท่า เพิ่มความเร็ว 5 เท่าและความสามารถทั้งหมดขึ้นเท่าตัว
สิ่งของพวกนี้ช่างน่าตื่นตาตื่นใจและยิ่งไปกว่านั้นพวกมันทั้งหมดสามารถเพิ่มระดับได้ สิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นสิ่งของศักดิ์สิทธิ์ แต่ชิงสุ่ยไม่แน่ใจว่าอยู่ในระดับใด
ตัวอย่างเช่นความสามารถพิเศษของเสื้อชุดนี้ มันสามารถป้องกันการโจมตีถึงตายได้ทันที 1 ครั้ง แต่ผู้สวมใส่ต้องใช้เลือดของตัวเองเพื่อเชื่อมเข้ากับจิตแห่งปราณ
การเชื่อมสัมพันธ์ด้วยเลือดเพื่อให้สิ่งของจดจำเจ้าของ เฉพาะสิ่งประดิษฐ์แห่งสวรรค์เท่านั้นที่จะสามารถใช้มันได้
การสวมใส่ทั้งชุดจะทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมมันถึงมาเป็นชุด……
ชิงสุ่ยหยิบเข็มทองคำออกมาและจิ้มไปที่นิ้วของประมุขอสูร เธอเชื่อมเข้ากับสิ่งของด้วยเลือด ในช่วงเวลาสั้นสิ่งของเหล่านั้นก็ส่องสว่าง มันไม่ได้งดงามขึ้นกว่าก่อน แต่กลิ่นอายอันสง่าที่ปล่อยออกมาทำให้มันดูดียิ่งขึ้น
“ตอนนี้เจ้าสามารถใช้สิ่งของเหล่านี้ได้แล้ว ข้าไม่อยากได้ยินเจ้าพูดว่าไม่จำเป็นต้องใช้พวกมัน” ชิงสุ่ยนำสิ่งของต่างๆไปไว้ในมือโดยไม่ได้มีเจตนาที่จะช่วยเธอใส่มัน ในโลก 9 มหาทวีป การวางแหวนลงบนนิ้วของผู้หญิงมีความหมายพิเศษ ชิงสุ่ยต้องการที่จะทำเช่นนั้นมาก แต่เขากลัวว่าเธอจะไม่สบายใจ
เธอไม่ได้ขัดขืนและรับมันเอาไว้เต็มสองมือ
“ข้าควรจะช่วยเจ้าใส่ดีหรือไม่?” ชิงสุ่ยถามอย่างระมัดระวัง
เธอลังเลใจและมองไปที่ใบหน้าของชิงสุ่ย เธอพยักหน้าอย่างกะทันหัน ชิงสุ่ยถือแหวนเอาไว้และค่อยๆใส่เข้าไปในนิ้วของเธอ ชิงสุ่ยดูเอาจริงเอาจัง ขณะนั้นความคิดของเขาว่างเปล่า มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย… มันเต็มไปด้วยความสุข
เมื่อมองไปที่ใบหน้าอันอ่อนโยนและหล่อเหลาของชิงสุ่ย เธอรู้สึกหัวใจสั่นไหว มันละเอียดอ่อนมาก เช่นเดียวกับการวางก้อนกรวดลงไปในมหาสมุทร แม้ระลอกคลื่นจะมีขนาดเล็ก แต่มันก็ยังคงกระเพื่อมออกไป
ขณะที่เขาส่วมสร้อยข้อมือและสร้อยคอให้ เธอยังคงสงบและไม่ได้หลบเลี่ยงการสบตากับชิงสุ่ย สิ่งนี้ทำให้ชิงสุ่ยผิดหวังเล็กน้อย ถ้าผู้หญิงหลบเลี่ยงการสบตาและแสดงความกังวลใจสักเล็กน้อย นั่นจะทำให้เขารู้สึกประสบความสำเร็จ แต่ตอนนี้ดูเหมือนมันจะไม่มีอะไร
ชิงสุ่ยสวมเสื้อคลุมหิมะให้เธอ เธอไม่ได้ปฏิเสธการกระทำของเขา แต่เธอใส่รองเท้าหิมะด้วยตัวเอง ชิงสุ่ยไม่ได้เจาะจงว่าจะทำอย่างใดอย่างหนึ่ง เขามองไปที่เธอ เธอเปล่งประกายและเย็นชาเหมือนเคย แต่กลิ่นที่สัมผัสได้นั้นราวกับเทพธิดา
“วิหารศักดิ์สิทธิ์โบราณลึกแค่ไหนกัน?” ชิงสุ่ยกล่าวเมื่อมองไปที่ประตูหินที่สี่
“โดยปกติแล้วมี 6 ชั้น” เธอตอบ เธอเคยสำรวจวิหารศักดิ์สิทธิ์โบราณด้วยตัวเอง ทั้งอาวุธของเธอและฮัวรูเหม่ยถูกพบในวิหารศักดิ์สิทธิ์โบราณ วิหารศักดิ์สิทธิ์โบราณที่ไม่มีอสูรศิลา มีเพียงก็แต่กับดักรูปแบบ เธอมีความรู้ค่อนข้างมากเกี่ยวกับรูปแบบประเภทกับดักและเรียนรู้จนสามารถเห็นว่าอะไรจะเกิดขึ้น
“เช่นนั้นพวกเราควรรีบลงมือ บางทีพวกเราอาจจะออกไปได้ก่อนที่จะมืด” ชิงสุ่ยคิดและกล่าว
เธอพยักหน้าและเดินเข้าไปในประตูที่สี่
เป็นสถานที่อันว่างเปล่า?
ไม่มีอะไรในสายตาหลังจากเดินเข้ามา ไม่มีรูปแบบ ไม่มีอสูรศิลา ชิงสุ่ยไม่ประมาท เขาเปิดใช้การรับรู้ทางจิตวิญญาณและพยายามที่จะสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงโดยรอบ แต่มันก็ไม่มีเลย
“ว่างเปล่า ไม่จำเป็นต้องค้นหา ไปยังประตูถัดไปเถอะ” เธอกล่าวและเดินช้าๆไปยังประตูที่ห้า
ชิงสุ่ยงงงวย ทำไมประตูที่สี่จึงว่างเปล่า? ชิงสุ่ยเอื้อมมือออกไปแล้วดึงเธอกลับมา “รอสักครู่!”
ชิงสุ่ยนำเครื่องรางเผยตนและติดตัวไว้
เครื่องรางนี้สามารถเปิดเผยสิ่งบางอย่างที่ซ่อนอยู่ได้ แม้ชิงสุ่ยจะไม่สามารถอธิบายถึงพลังของเครื่องรางแห่งสวรรค์ได้ มันลึกลับมาก หลังจากใช้เครื่องรางเผยตน ทั้งสองก็ต้องตกตะลึง
เคล็ดวิชา 9 ท่วงท่าบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์!
สถานที่เดิมซึ่งว่างเปล่า แต่หลังจากใช้เครื่องรางเผยตน แผนผังทั้งเก้าก็ได้ปรากฏขึ้นบนผนัง มันแสดงถึงเคล็ดวิชา 9 ท่วงท่าบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์
ตัวคนในแผนผังเหล่านี้มี 9 ท่วงท่าที่แตกต่างกัน ด้วยโครงสร้างอันแปลกตา นี่คือชุดเคล็ดวิชาที่สามารถใช้ในการต่อสู้ ชื่อของมันฟังดูมีพลังและลึกลับ
ชิงสุ่ยจดจำมันอย่างเงียบๆ ท่วงท่าแรกปรากฏอยู่ได้ 15 นาที
เขาเตือนเธอให้จดจำมันโดยไม่ต้องคิดอะไรมากเกินไป เพราะแผนผังเหล่านี้จะอยู่ได้ไม่นาน แน่นอนว่าเธอเองก็รู้
เวลาผ่านไป จากท่วงท่าหนึ่งสู่อีกท่วงท่า พวกเขาเฝ้ามองและจดจำมัน เมื่อท่วงท่าสุดท้ายหายไป ชิงสุ่ยถอนหายใจ ถ้าไม่ใช่เพราะเครื่องรางเผยตน พวกเขาคงจะพลาดเคล็ดวิชา 9 ท่วงท่าบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์นี้
“เป็นอย่างไรบ้าง?” ชิงสุ่ยหันไปหาเธอ
“เกือบจะจำมันได้ขึ้นใจแล้ว” เธอกล่าวเบาๆ
พวกเขาเดินไปยังประตูที่ห้า ทันทีที่พวกเขาเดินเข้าไป พวกเขาก็เผชิญหน้ากับสองอสูรศิลา มันเป็นพยัคฆ์และช้างขนาดใหญ่ ที่สำคัญสุดคือทั้งสองสัตว์อสูรไม่มีจำกัดเขตแดน มันพุ่งตรงเข้าหาชิงสุ่ย
ไม่มีประตูหินอีกแล้ว!
สิ่งแรกที่ชิงสุ่ยมองหาคือกล่องสมบัติและประตูหิน มีกล่องสมบัติ แต่ไม่มีอะไรอื่นอยู่เบื้องหลังมัน
“ไม่มีประตูหิน พวกเราควรทำอะไรในตอนนี้?” ชิงสุ่ยมองไปที่เธอขณะเขาหลบการโจมตี จากนั้นเขาก็เรียกอสูรสยบมังกรเพื่อไว้ก่อกวนอสูรศิลา
“ประตูจะปรากฏขึ้นหลังจากที่พวกเราจัดการอสูรทั้งสองตัว ถ้านี่เป็นชั้นสุดท้าย มันจะยังไม่มีปรากฏออกมา” เธอกล่าวขณะหลบหลีก
พลังของประมุขอสูรนั้นเพิ่มขึ้นอย่างมากหลังจากใส่ชุดเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์ การโจมตีแต่ละครั้งของเธอรุนแรงพอๆกับทักษะวชิระจู่โจมของชิงสุ่ย นั่นทำให้เธอน่ากลัวกว่าที่เคยเป็น…..
ความเร็วของเธอมากขึ้นแบบเห็นได้ชัด มันง่ายสำหรับเธอที่จะหลบการโจมตี สิ่งที่ต้องทำคือใช้พลังคอยป้องกันและโจมตีเมื่อจำเป็นเท่านั้น เธอกำลังปรับตัวเข้ากับพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน
ชิงสุ่ยยอมรับว่าหญิงผู้นี้ยอดเยี่ยม เธอปรับตัวเข้ากับพลังใหม่ได้ในเวลาไม่นาน ถึงกระนั้นมันก็ยังไม่สามารถสกัดกั้นการโจมตีของอสูรศิลาได้ทั้งหมด สัตว์อสูรสองตัวนี้แข็งแร่งกว่าตัวอื่น
การโจมตีของเธอทำให้อสูรศิลาต้องผงะไปเล็กน้อย ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างบาดแผลให้กับมันด้วยการโจมตีระดับนี้
ประมุขอสูรกำลังฝึกฝีมือ การต่อสู้จริงเช่นนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเรียนรู้เพื่อควบคุมพลัง การหลบหลีกเป็นเรื่องง่าย แม้ว่าเธอจะเข้าตาจน เธอก็สามารถหักหลบได้อย่างง่ายดาย
ชิงสุ่ยมีทักษะป้องกันตัวที่น่ากลัว ความชำนาญในไท้เก๊กของเขายิ่งน่ากลัว
เขาเพิ่งคิดเรื่องนี้ได้ไม่นานหลังจากเห็นประมุขอสูรใช้การเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามเพื่อเบี่ยงเบนการโจมตี เช่นนั้นเขาตระหนักว่าเขาสามารถใช้ไท้เก๊กทำแบบนั้นได้
ทักษะย่างก้าว 9 เทวา!
ชิงสุ่ยพุ่งสลับไปมา การรวมพลังอันลึกลับไว้ที่ฝ่ามือและปล่อยมันไปยังฝ่ายตรงข้าม
ทันใดนั้นอสูรศิลาทั้งสองเริ่มพุ่งเข้าใส่ชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยล่อช้างศิลาและนำมันไปทางอสูรพยัคฆ์ศิลา ทั้งสองพุ่งชนใส่กัน
ตึง!
อสูรศิลาไม่ฉลาดนักเพราะมันมีเพียงสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ส่วนใหญ่ตอบสนองเพียงการโจมตีเท่านั้น ไท้เก๊กเป็นเคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์และมีมาตั้งแต่ช่วงบรรพกาล แน่นอนว่าไท้เก๊กรูปแบบใหม่มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่แนวคิดดั้งเดิมของมันนั้นยังทรงพลัง
ตอนนี้ชิงสุ่ยและประมุขอสูรได้สร้างความเสียหายให้กับอสูรศิลาทั้งสองตัว
สัมผัสศักดิ์สิทธิ์อ่อนพลังลง!
ชิงสุ่ยแปลกใจ อสูรทั้งสองเริ่มช้าลงและอ่อนแอ เขารู้ว่าเป็นเพราะสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่หัวของมัน นั่นคือจุดอ่อนของพวกมัน! การโจมตีครั้งล่าสุดทำให้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์อ่อนลงเล็กน้อย
“ลองใช้เคล็ดวิชา 9 ท่วงท่าบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์ไปที่หัวของพวกมัน” ชิงสุ่ยกล่าวแบบไม่หันมอง
ประมุขอสูรชะงักเล็กน้อย แต่เธอก็ทำตามที่เขากล่าวในตอนท้าย
เปรี๊ยะ!
โดยไม่คาดคิด ประมุขอสูรใช้กระบี่ทะลวงเข้าไปได้อย่าง่ายดาย อย่างไรก็ตามหัวของมันใหญ่เกินไป ดังนั้นจึงเหมือนการแทงสิ่งของใหญ่ๆด้วยเข็ม
ชิงสุ่ยรู้สึกประหลาดใจชั่วครู่และหลบการโจมตีจากอสูรศิลา
ประมุขอสูรก็ตกตะลึงช่วงสั้นๆ ก่อนหน้านี้อาวุธไม่สามารถแม้แต่จะสร้างรอยขีดข่วนให้กับอสูรศิลา แต่ตอนนี้เพียงแค่ใช้ลมปราณแห่งเคล็ดวิชา 9 ท่วงท่าบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์ เธอก็สามารถแทงมันเข้า
หลังจากประมุขอสูรดึงกระบี่ออก ชิงสุ่ยเห็นอย่างชัดเจนว่าความแข็งแกร่งของอสูรศิลาลดลง 1%
1% ไม่ได้มาก แต่นี่เป็นเพียงการโจมตีครั้งเดียว การลดพลังของมันลงได้เป็นผลลัพธ์ที่โชคดี
ชิงสุ่ยประหลาดใจกับเรื่องนี้
เคล็ดวิชา 9 ท่วงท่าบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์ทรงพลังมาก
ในที่สุดหลังจากพลังลดลง 10% การโจมตีที่เหลือลดพลังลงเพียงหนึ่งในสิบส่วนของ 1% เท่านั้น อย่างไรก็ตามอสูรศิลาสูญเสียสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ไปมากแล้ว
ตูม!
อสูรศิลาทรุดตัวลงและแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ชิงสุ่ยตระหนักว่าศิลาพวกนี้ไม่มีอะไรพิเศษ มันเป็นเพราะสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้มันแข็งแกร่ง
สถานการณ์กลับง่ายขึ้นด้วยเคล็ดวิชา 9 ท่วงท่าบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์ ชิงสุ่ยสามารถใช้รูปแบบไท้เก๊กศักดิ์สิทธิ์และเคล็ดวิชา 9 ท่วงท่าบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์ได้ อย่างไรก็ตามมันช่างน่าอัปยศที่เขาไม่อาจเทียบกับประมุขอสูร ช่องว่างด้านพลังมีมากเกินไป
หลังจบการต่อสู้ ประมุขอสูรหลุดเข้าไปในห้วงอันลึกลับ ชิงสุ่ยไม่ได้ทำอะไรเธอ ขณะนี้ประตูได้ปรากฏขึ้นแล้ว เขาไม่ต้องการขัดขวางการรับรู้ของประมุขอสูร
นี่การหยั่งรู้แบบหนึ่ง มันไม่ใช่การตรัสรู้ แต่ให้ผลประโยชน์เช่นเดียวกัน
5 นาทีต่อมา ประมุขอสูรตื่นขึ้นและเห็นชิงสุ่ยยืนอยู่ห่างออกไป “ขอโทษที่ให้คอย”