บทที่ 1441 –การต่อสู้เพื่อมรดกแห่งพระเจ้า
นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความตายเท่านั้น เหยื่อคนที่สองและสามถูกสังหารตายในทันที จากนั้นอีกไม่นานคนของหุบเขากระชากวิญญาณอีกสองคนก็ถูกจัดการเช่นเดียวกัน ก่อนเวลาหนึ่งก้านธูปหมดไปพวกเขานั้นถูกจัดการลงไปด้วยยักษ์ศิลาเหล่านี้……..
บางคนถึงกับตกใจ บางคนถึงกับโมโหในเวลาเดียวกัน นั้นเพราะในตอนนี้สหายของพวกเขานั้นถูกจัดการและล้มตายลงไปต่อหน้าพวกเขา นอกจากนี้พวกเขายังไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะแก้ไขปัญหาตรงนี้อีกด้วย ในเวลานี้ผู้บาดเจ็บและจำนวนศพของผู้คนค่อยๆเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่พวกเขาสามารถทำได้ในตอนนี้คือมองไปที่สมาชิกของพระราชวังจอมอสูรอย่างสิ้นหวัง
“แล้วพวกเจ้าไม่เข้าไปรึ?”ชิงสุ่ยมองไปที่คนของนิกายสาปอสูรและหุบเขากระชากวิญญาณคนอื่นๆที่ยืนอยู่ โดยสิ่งที่เขาถามออกไปนั้นไม่ใช่การเยอะเย้ยหรือดูถูกแต่อย่างใดๆ แต่มันเป็นคำถามที่เขาสงสัยเท่านั้น
ในตอนนี้พี่น้องลู่จากนิกายสาปอสูรยังคงมีชีวิตอยู่ แต่พวกเขาได้สูญเสียสัตว์อสูรที่สำคัญไปหนึ่งตัวแล้วในเวลานี้พวกเขาทำได้เพียงแค่มองไปที่ชิงสุ่ยด้วยความโกรธแค้นแต่ไม่สามารถทำอะไรได้
“เอาละ พวกเรานั้นไม่ต้องเข้าไปอีกแล้วและจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับสิ่งของเหล่านั้น ”ชายชราแซ่ฉี่กล่าว
“งั้นหากท่านไม่ต้องการมันแล้ว แล้วทำไมท่านถึงไม่ออกไปกันละ?”ชิงสุ่ยกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มให้กับชายชรา
“ข้าแค่ก็อยากจะดูว่า เจ้านั้นจะสามารถขับไล่ยักษ์ศิลาเหล่านี้ไปได้ด้วยวิธีการยังไงเท่านั้น นี่คือเหตุผลที่ข้ายังยืนอยู่ที่นี่!”ชายชรากล่าวออกมาด้วยท่าทางที่จริงจัง
“ใช่ พวกเราจะไม่เข้าไปยุ่งกับของเหล่านั้น หากเจ้าสามารถไล่ยักษ์ศิลาไปได้ ของทั้งหมดจะเป็นของเจ้า ”ผู้นำหุบเขากระชากวิญญาณกล่าวออกมา
“เอาล่ะ! ถ้าพวกท่านพูดอย่างนั้น ก็ตั้งใจดูละกัน แต่ข้าอยากให้พวกท่านรู้ว่าหากใครคิดไม่ซื่อขึ้นมา ข้าจะไม่ปราณีและยั้งไมตรีอย่างแน่นอน”ชิงสุ่ยกล่าวขณะเกินเข้าไปที่ยักษ์ศิลาตัวหนึ่ง
ในจังหวะนี้ประมุขอสูรก็ได้ตรงเข้าไปข้างในเช่นเดียวกัน ฮัว รูเหม่ยที่ยังไม่ได้ออกไปจากบริเวณนั้น นั้นเป็นเพราะเธอเห็นชิงสุ่ยและประมุขอสูรที่เข้ามาในลานเวลานี้ ถึงไม่รู้ว่าทั้งคู่นั้นแข็งแกร่งขนาดไหน แต่เธอก็รู้สึกสบายใจมากขึ้น
ในตอนนี้ชิงสุ่ยนั้นไม่ได้แอบซ่อนความสามารถต่อไปเขานั้นได้ใช้ทักษะทั้งหมดออกมาไม่ว่าจะเป็นทักษะที่จะส่งผลต่อฝ่ายเขาเองหรือฝ่ายตรงข้ามของเขา
ปัง!
ในเวลาเดียวกันประมุขอสูรก็ได้ใช่กระบี่สีโลหิตทะลวงเข้าไปในหัวของยักษ์ศิลาได้สำเร็จ ในขณะที่ยักษ์ศิลาอีกตัวที่เขามาหาเธอในอีกด้านก็ถูกทำลายโดยเธอได้อย่างง่ายดาย มันเป็นเรื่องง่ายอย่างมากในการสังหารยักษ์ศิลาหล่านี้ด้วยความสามารถของเธอ เช่นเดียวกับชิงสุยพวกมันนั้นไม่ต่างเลยกับของเล่นมือของเขาในตอนนี้ พวกมันนั้นถูกทำลายลงไปได้อย่างง่ายดายด้วยหุบเขาเก้าเทวาของเขา
ในเวลานี้หลังจากประมุขอสูรได้สังหารยักษ์ศิลาตัวลงไป มันนั้นได้สร้างความตกตะลึงอย่างมากให้กับคนของนิกายสาปอสูรและหุบเขากระชากวิญญาณ พวกเขานั้นรู้ดีว่ายักษ์ศิลาเหล่านี้นั้นแข็งแกร่งขนาดไหน แต่ถึงอย่างไรมันนั้นก็ยังถูกสังหารลงได้อย่างง่ายดาย มันทำให้พวกเขานั้นสงสัยจริงๆว่าเธอนั้นมีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับใดกัน
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้ดีว่าเธอนั้นแข็งแกร่งแต่ถึงอย่างไร พวกเขานั้นก็ไม่เคยพบเจอกับมันด้วยตัวเองมากก่อน และยิ่งไปกว่านั้นในที่แห่งนี้นั้นไม่มีใครแข็งแกร่งกว่าเธออีกแล้ว
“ตกลงพวกเจ้าจะกลับกันได้รึยัง?”ชิงสุ่ยยิ้มออกมาก่อนที่เขาจะกล่าวถามอนอื่นๆ
ในตอนนี้สมาชิกของนิกายสาปอสูรและหุบเขากระชากวิญญาณได้ถอนหายใจออกมาและถอนออกมาจากที่แห่งนี้ ด้วยความสิ้นหวัง ในเวลานี้เฉินหลิงได้มองไปที่ชิงสุ่ยด้วยความซับซ้อนในใจ เช่นเดียวกับชิงสุ่ยยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน
ในท้ายที่สุดชิงสุ่ยก็ได้กลายเป็นคนเปิดโลงศพขึ้นมา ในตอนแรกเขานั้นได้เสนอให้ประมุขอสูรเป็นคนที่เปิดมันขึ้นมาในตอนแรก แต่ถึงอย่างไรเธอนั้นก็ได้ปฏิเสธมัน เช่นเดียวกับฮัว รูเหม่ยก็กลัวที่จะเปิดมัน
ในขณะนี้เองชิงสุ่ยค่อยๆสัมผัสไปที่โลงศพและค่อยๆเปิดมันขึ้นอย่างช้าๆ
ชิงสุ่ยนั้นระมัดระวังอย่างมาก ในตอนนี้เขาเตรียมพร้อมทุกๆอย่างเผื่อเกิดเหตุที่ไม่สามารถคาดคิดเอาไว้ เมื่อฝ่าโลงถูกเปิดออก แสงสีทองอร่ามได้เปล่งประกายออกมา เผยให้เห็นหอกที่มีขนาดยาวสามเมตรภายในโรงศพแห่งนี้ มันเป็นหอกที่มีความยาวถึงสามเมตรและสลักเอาไว้ด้วยลวดลายจารึกโบราณเอาไว้
ง้าวทองทะลวงศัตรู!
ชิงสุ่ยไม่สงสัยเลยว่าทำไมยักษ์ศิลาที่แข็งแกร่งเช่นนั้นถึงได้อาศัยอยู่ในที่แห่งนี้ นั้นเพราะพวกมันนั้นคอยปกป้องหอกทองทะลวงศัตรูเอาไว้นั้นเอง
ชิงสุ่ยค่อยๆเอื้อมมือออกไปช้าๆและค่อยๆหยิบมันขึ้นมา
ง้าวเป็นอาวุธอีกชนิดหนึ่งที่มีความสามารถในการสังหารที่ทรงอำนาจอย่างมาก นอกจากนี้หลังจากที่เขาสัมผัสไปที่มันเขาสามารถสัมผัสได้ถึงทักษะบรรพกาลที่ถูกบันทึกเอาไว้ข้างในตัวหอก
ในตอนนี้เขาได้กำลงไปที่ตัวหอกจนแน่น มันได้เกิดประกายแสงสีขาวออกมาและถ่ายทอกบางสิ่งบางอย่างตรงเข้าสู้ความคิดของเขาในทันที
ครอบครอง?
ในตอนนี้ชิงสุ่ยนั้นรู้สึกตื่นเต้นอย่างมากขณะที่เขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ไหลวนอยู่ในร่างกายของเขา
ขณะนี้พลังที่ได้ทะยานเข้าสู่ในร่างกายของเขากำลังวิ่งวนอย่างบ้าคลั่ง ชิงสุ่ยสามารถสัมผัสได้ทันทีว่านี้คือจิตสำนักของอาวุธแห่งพระเจ้าที่เหลืออยู่ ในตอนนี้ชิงสุ่ยนั้นรู้สึกว่ามันนั้นเป็นสิ่งที่อันตรายอย่างมาก เขาจึงได้ใช่พลังทั้งหมดในการต่อต้านมัน
“ชายหนุ่มไม่มีความจำเป็นที่จะต้องต่อต้าน ข้านั้นไม่ได้พยายามที่จะยึดร่างกายของเจ้า นี่เป็นมรดกของข้าที่จะมอบให้กับเจ้า “เสียงทุ้มเก่า ๆ โผล่ออกมาในความคิดของเขา
“ข้าจะเชื่อใจท่านได้อย่างไร?” ชิงสุ่ยกล่าวอย่างสงบ
“ในร่างกายของเจ้านั้นมีภาพจิตรกรรมหยินหยางอยู่ มันนั้นสามารถปกป้องเจ้า ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถยึดร่างกายของเจ้าได้ สิ่งที่ข้าจะมอบให้เจ้านั้นเป็นเพียงเศษเสียวความทรงจำในอดีตของข้า ที่เก็บสะสมเอาไว้ถึงทักษะต่างๆของข้าเท่านั้น ข้านั้นไม่เคยมีความต้องการที่จะครอบครองร่างกายของเจ้าเลย แต่ข้าหวังว่าเมื่อเจ้านั้นจะได้รับมรดกของข้าไป เจ้าจะสามารถช่วยเหลือข้าบางอย่างได้”เสียงทุ้มเก่า ๆได้ดังขึ้นอีกครั้ง
หลังจากที่ยอมรับมัน ชิงสุ่ยพบว่ามีทักษะสองอย่างที่เพิ่มขึ้นมาในความจำของเขาอันแรกคือทักษะ 9 รากฐานบรรพกาลศึก และอีกอย่างคือทักษะปราณแห่งทวยเทพพิโรธ เดิมทีชิงสุ่ยนั้นไม่ได้กลัวที่ยอมให้คลื่นพลังนั้นเข้ามาในร่างกายของเขา นั้นเพราะเขาสามารถใช้พลังวิญญาณของเขาสลายมันได้ในทันที
“มันคืออะไรกัน?”
“เดิมทีโลกแห่งนี้เป็นสนามรบของทวยเทพบรรพกาลมาก่อน ครั้งในอดีตได้เกิดสงครามครั้งใหญ่ขึ้น ทำให้จำนวนเทพบรรพกาลและเหล่าเทพอสูรนั้นล้มตายไปจำนวนมาก จนแทบจะล้มหายไป และในตอนนี้เวลานั้นก็ผ่านมานานมาก เหล่าเทพอสูรนั้นสามารถฟื้นตัวขึ้นมาได้ระดับหนึ่ง ต่างกับเหล่าเทพบรรพกาลที่ไม่สามารถฟื้นตัวกลับมาได้ ดังนั้นข้าอยากจะให้เจ้าช่วยเข้าร่วมและจัดการกับเหล่าเทพอสูรในอนาคต ข้ารู้ดีว่านี่เป็นภาระที่ใหญ่หลวงอย่างมาก และเป็นเรื่องยากที่จะตัดสินใจแต่ถึงอย่างไร ถือว่าข้านั้นขอร้องเจ้าก็แล้วกัน”เสียงที่โบราณดังกล่าวออกมาอย่างเศร้าสร้อย
“ข้าสัญญาว่าข้าจะทำมันให้ดีที่สุด แต่ข้านั้นไม่รับปากว่าข้าจะสามารถตอบสนองความต้องการของท่านได้มากน้อยเท่าไร”ชิงสุ่ยกล่าวออกมาหลังจากคิดอยู่ช่วยครู่
“เท่านี้ก็พอแล้ว เมื่อเจ้าได้รับการสืบทอดมรดกของข้าไปแล้วจงศึกษาทักษะเหล่านี้ให้ดี เปิดสัมผัสทางวิญญาณของเจ้าสิ ตอนนี้ข้าจะนำปราณเทวะทวยเทพของข้าเข้าไปในร่างกายของเจ้า”
ในเวลานั้นชิงสุ่ยค่อยเปิดสัมผัสทางวิญญาณของเขา แสงสีขาวในก่อนหน้านี้ได้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้งคราวนี้มันปรากฏขึ้นชัดเจนและห่อล้อมร่างกายของเขาเอาไว้ ในเวลานี้ร่างกายของชิงสุ่ยนั้นได้กลายเป็นรังไหมสีขาวไปแล้ว
“เขาจะไม่เป็นไรรึ?”รู่เหม่ยกล่าวเบาๆ ด้วยสีหน้ากังวล
“ไม่ นี่คือรูปแบบพลังที่บริสุทธิ์อย่างมาก ข้าคิดว่าเขาคงได้รับโอกาสที่น่าอัศจรรย์ในครั้งนี้”ประมุขอสูรกล่าวออกมาในตอนนี้
ในตอนนี้ทุกๆอย่างได้ผ่านไปอย่างราบลื่น ในเวลานี้ร่างกายของเขาได้รับการยกรับขึ้นกว่าเก่า ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามรดกแห่งพระเจ้าชิ้นนี้นั้นทรงอำนาจขนาดไหน เวลานี้ความแข็งแกร่งของเขาถูกยกระดับขึ้นอย่างมากมายโดยไม่มีเงือนไข นอกจากนี้พลังนี่ยังไม่ผลต่อตันเถียนและเส้นลมปราณของเขาเลย ทั้งหมดนั้นเป็นพลังที่บริสุทธิ์ที่สามารถซึมซับเข้าไปในร่างกายของเขาได้ทั้งหมด แต่สิ่งอื่นใดในตอนนี้ที่ชิงสุ่ยสนใจก็คือปราณเทวะทวยเทพที่เขาได้รับมามันนั้นสามารถผสานได้ดีกับทักษะเสริมสร้างกายาบรรพกาลของเขา
นอกจากนั้นยังทักษะ 9 รากฐานบรรพกาลศึกที่เขาได้รับมา นี่เป็นทักษะที่แข็งแกร่งอย่างมากมันเป็นทักษะต่อสู้ที่สามารถทำลายได้แม้แต่สวรรค์และพิภพ แต่ถึงอย่างไรในตอนนี้ทักษะดังกล่าวยังไม่มีประโยชน์มากนักสำหรับเขา หากเขานั้นยังไม่สามารถทำความเข้าใจในตัวของมันได้ดีพอ ต่างกับปราณเทวะทวยเทพที่เขาสามารถนำมาใช้ได้เลย
เช่นเดียวกับประมุขอสูรที่ได้รับการบ่มเพาะทักษะที่อยู่ในระดับเดียวกับทักษะ 9 รากฐานบรรพกาลศึก มันทำให้เธอนั้นการเป็นคนที่แข็งแกร่งอย่างมาก อย่างไรในตอนนี้เขานั้นสามารถได้รับมันมาพร้อมกับปราณเทวะทวย มันทำให้เขาไม่สามารถคิดได้ว่าในตัวของเขาจะแข็งแกร่งขึ้นในขนาดไหนในอนาคต
โดยไม่รู้ตัวเขาได้สติขึ้นมา ในเวลานี้เขาได้กำง้าวในมือของเธอไว้จนแน่น ขณะมีทองดูมันไว้
ง้าวทองทะลวงศัตรู!
อำนาจในการทะลาย: ตราบเท่าที่ถือง้าวทองทะลวงศัตรู จะทำให้ผลในการทำลายเพอ่มขึ้น6เท่า
เจาะทะลวงสัมบูรณ์: มีโอกาส 1% ที่จะเปิดใช้งานแน่นอน โดยไม่สนระดับความแข็งแกร่ง โดยไม่คำนึงถึงปัจจัยอื่น ๆ
และเมื่อใช้ร่วมกับทักษะ 9 รากฐานบรรพกาลศึก จะเพิ่มความสามารถในการทำลายขึ้นสามเท่า และผลในการการเจาะสัมบูรณ์ขึ้นเป็น3%
ในตอนนี้ชิงสุ่ยนั้นมีความสุขอย่างมาก ด้วยทักษะเหล่านี้มันจะทำให้คนที่มีระดับเดียวกันไม่สามารถรับมือเขาได้เลย นอกจากนี้ด้วยทักษะการเจาะสัมบูรณ์มันทำให้เขาสามารถรับมือกับผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งกว่าเขาได้อีกด้วย ยิ่งไปกว่านี้พวกมันนั้นไม่ใช่รูปแบบวิญาณอีกด้วย
……..
ตอนนี้หลังจากที่สัมผัสการเปลี่ยนแปลงของตัวเอง ชิงุส่ยนั้นต้องตกตะลึงอย่างมากในตอนนี้พลังของเขาเพิ่มมาถึง2000สุริยาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งมันเพิ่มขึ้นมาจากเก่าถึง700สุริยา ถึงแม้มันจะไม่ได้มากมายเหมือนที่เขาจินตนาการไว้ แต่ถึงอย่างไรชิงสุ่ยก็พึ่งพอใจกับมัน ในตอนนี้ความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขาอยู่ที่ประมาณ10ล้านสุริยา หากเขาใช้ง้าวทองทะลวงศัตรูออกมา มันจะทำให้ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นเป็น60ล้านสุริยาในทีเดียว
ซึ่งในตอนนี้กลับกล่าวเป็นว่าพลังทางกายภาพของเขานั้นแข็งแกร่งขึ้นมากกว่าพลังวิญญาณของเขาแล้ว เดิมทีด้วยหุบเขา9เทวา มันจะมีพลังอยู่ที่30ล้านสุริยา ซึ่งต่างกับพลังกายภาพของเขาในตอนนี้ที่มีถึง60ล้าน ซึ่งต่างกันถึง30ล้านสุริยาเลยที่เดียว
ในครั้งนี้ชิงสุ่ยรู้สึกว่ามันเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่งในชีวิตของเขาเลย