บทที่ 1476 – ความรู้สึกที่เปราะบางของติ๊ เฉิน เส้นลมปราณสวรรค์เส้นที่ 9 เชื่อมต่อกันแล้ว
ตระกูลปู้หยาง เองก็ตั้งถิ่นฐานใหม่ในมหาทวีปวิหคอัคคีร่ายรำ เด็กสาวจากตระกูลปู้หยางก็เคยเจอกับฉิน หลง จรู้ชิงเองก็เห็นสมควรว่าทั้งสองคนนั้นเหมาะสมกัน จึงอาจจัดงานหมั้นให้
เด็กสาวโตขึ้นมาก ร่างกายอันงดงามของเธอทำให้ จรู้ชิงรู้สึกชื่นชอบเมื่อเห็น บางครั้งเธอแวะเวียนมาที่ตระกูลชิง และกลับไปที่ ตระกูลปู้หยาง และเพราะเด็กสาวไร้บิดามาร ดังนั้นจรู้ชิงจึงดูแลเธอราวกับเธอเป็นลูกแท้ ๆ ของตน
ชิงสุ่ย จรู้ชิงและปู้หยาง ชิงเคยพูดคุยกันเรื่องนี้มาก่อน แม้พิธีหมั้นจะจัดเตรียมเรียบร้อย แต่พวกเขาก็อยากจะฟังความคิดเห็นของเด็กทั้งสองคนในอนาคต เมื่อพวกเขาโตขึ้น แม้พวกเขาจะไม่ได้หมั้นกัน แต่ชิงสุ่ยและจรู้ชิงก็ยังเอ็นดูเธอเหมือนเป็นลูกของพวกเขาเอง
ปู้หยาง ชิง เองก็ดีใจ หลังจากได้พบชิงสุ่ย เขาเข้าใจทุกอย่างดี ดังนั้นเขาจึงไม่อยากบังคับเด็กทั้งสองให้เข้าพิธีแต่งงาน เด็กสาวเองก็มีสิทธิ์จะทำตามที่หัวใจเธอเรียกร้อง ดังนั้นพวกเขาแค่หวังว่าเด็กทั้งสองจะตกหลุมรักกัน แต่ถ้าเป็นไปไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร
ทุกอย่างขึ้นอยู่กับโชคชะตา ขอเพียงให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองไม่จบลงอย่างเลวร้ายก็เพียงพอแล้ว การตัดสินใจของ ปู้หยาง ชิง พอจะรู้อนาคตและเขาสัมผัสได้ว่าเด็กทั้งสองนั้นมีโชคชะตาที่สมพงศ์กัน
ชิง ซุน และ ชิง หมิน เองก็เข้าร่วมดูแลกิจการบางอย่างของตระกูล ชิงสุ่ยต้องการฝึกให้ทั้งสองกลายเป็นคนพึ่งพาได้ และเพื่อให้เขามีประสบการณ์ในชีวิต ซึ่งนี่ก็ถือเป็นประโยชน์แก่ตัวพวกเขาเอง และเพื่อความแข็งแกร่ง ชิงสุ่ยก็จะใช้วิธีอื่นสอนพวกเขา อย่างไรก็ตาม เพื่อชีวิตของพวกเขา ชิงสุ่ยก็ต้องการให้พวกเขาได้เรียนรู้ประสบการณ์ด้วยตัวเอง
ชิง หยิน และ ชิง เหยี่ยน เองก็สามารถดูแลกิจการอื่น ๆ ของตระกูล ถ้าหากพวกเขาต้องการ ชิงสุ่ยมักจะใจอ่อนเสมอเมื่อเป็นเรื่องของลูกสาว แต่ความจริงแล้วเขาก็สั่งสอนลูกสาวของตนอย่างดี เพราะตนไม่ค่อยอยู่บ้าน ชิงสุ่ยเลยพยายามสร้างพ่อในอุดมคติให้เด็ก ๆ ดังนั้นลูก ๆ ของเขาจึงมีชิงสุ่ยเป็นฮีโร่ แม้กระทั่งชิง หมินที่มีนิสัยดื้อรันก็มีชิงสุ่ยเป็นต้นแบบ
ชิงสุ่ยเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นและพบว่าเด็ก ๆ หลายคนอยู่ที่นั่น
“ท่านพ่อ!”
“พ่อ!”
……
เด็กทุกคนรู้สึกมีความสุขที่ได้เห็นชิงสุ่ย บางคนก็รีบวิ่งมาหาเขา ชิงสุ่ยเองรู้สึกมีความสุขเมื่อเขามองเด็กๆ ความรักนั้นเป็นความรักที่บริสุทธิ์มาก เขานึกถึงชีวิตของตนในโลกก่อนหน้านี้ เขารู้ว่าคงเป็นเรื่องยากที่เขาจะกลับไปที่นั่น ถ้าวันใดวันหนึ่งที่เขาสามารถกลับไปยังที่ ๆ เขาจากมา..และเขาต้องทิ้งทุกอย่างที่นี้ไป..ชิงสุ่ยก็เลือกที่จะไม่กลับไป
ชิง ซุน และ ชิง หมินเองก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ความสูงของพวกนั้นต่ำกว่าชิงสุ่ยเล็กน้อย รูปร่างของพวกเขายังไม่โตเป็นผู้ใหญ่เต็มที่ แต่ในเรื่องความคิดนั้นพวกเขามีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่มาก ทั้ง ๆ ที่อายุยังน้อย
ในอนาคตตระกูลชิงจำเป็นต้องพึ่งพาพวกเขา ซึ่งทุกอย่างในตระกูลตอนนี้เริ่มลงตัวแล้ว หากไม่มีอะไรผิดพลาด ชิงสุ่ยมันใจว่าตระกูลของเขาจะมีผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอีก
เมื่อเทียบกับอดีต เรื่องนี้ทำให้ชิงสุ่ยกังวลใจมาก แต่ตอนนี้ทุกอย่างก็แก้ไขเรียบร้อยแล้ว ทุกคนแข็งแกร่งขึ้น โดยเฉพาะหญิงสาวจากรูปภาพโฉมงาม ซึ่งพวกเธอพัฒนาอย่างรวดเร็ว ต่างจากชิงสุ่ยที่พัฒนาไปอย่างช้า ๆ
ร่างกายของพวกเธอมีบางอย่างที่พิเศษ และเด็ก ๆ ที่พวกเธอให้กำเนิดนั้นก็ล้วนแล้วแต่มีความสามารถที่ยอดเยี่ยม แต่เดิมนั้นสมาชิกตระกูลชิงไม่มีใครมีทักษะดีเด่นอะไร จนกระทั่งชิงอี้แต่งงานกับ เหยียน จงเยว่ ซึ่งมีทักษะที่ดีพอสมควร
สมาชิกที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลนั้นคือระดับอาณาจักรพลังปราณนักบุญพิโรธ เริ่มต้น มีเพียงชิงเป่ยคนเดียวที่สามารถก้าวข้ามอาณาจักรพลังปราณนักบุญพิโรธโดยไม่ต้องได้รับการช่วยเหลือ เช่นเดียวกับชิงหยู ทว่าเขาพัฒนาช้ากว่าชิงเป่ยเล็กน้อย
อาณาจักรพลังปราณนักบุญพิโรธ นั้นไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรในสายตาของชิงสุ่ย อาจเป็นเพียงมดตัวน้อยในสายตาของผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งเสียด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามในตระกูลชิงนั้นถือว่าต่างออกไป เพราะรุ่น 2 และ 3 ไม่สามารถก้าวข้ามได้รวดเร็วหากไม่ได้รับโอสถ
หลายปีก่อน ตระกูลชิงไม่มีผู้ฝึกระดับเซียนเทียนแม้แต่คนเดียว แต่ตอนนี้พวกเขามีผู้ฝึกตนอาณาจักรพลังปราณนักบุญพิโรธ ซึ่งกำลังแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ๆ และยิ่งในรุ่นที่ 4 ความคิดและทักษะของเด็ก ๆ นั้นสูงมาก ชิงสุ่ยจึงคลายกังวลเรื่องพวกเขาลงไปมาก
ตราบเท่าที่รุ่นที่ 4 เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ สถานะของตระกูลชิงนั่นก็ยิ่งมั่นคง อายุขัยของชิงสุ่ยเองก็ยืนยาวมาก เขายังมีเวลาทำให้ตระกูลเจริญก้าวหน้า และเพิ่มจำนวนผู้ฝึกตนในตระกูลได้อีก
ชิงสุ่ยไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่สิ่งที่เขากังวลคือแต่ละคนมีบุคลิกที่ต่างกัน ซึ่งอาจจะทำให้เกิดปัญหาระหว่างรุ่นที่ 4 แล้วในอนาคตข้างหน้านั้นจะเป็นอย่างไร ? พวกทายาทของเขาจะเกิดปัญหาระหว่างกันรึเปล่า? แล้วใครจะเป็นที่ 1?
เมื่อคิดดูให้ดีนั้นมีปัญหามากมายเกี่ยวกับพวกเขา แต่ทุกอย่างลงตัวแล้วในตอนนี้ เพราะชิงสุ่ยยังอยู่ ดังนั้นชิงสุ่ยไม่อยากจะคิดอะไรให้มากมายในตอนนี้ เพราะอย่างไรแล้วพลังก็คือทุกอย่าง ด้วยพลังที่มากมาย ก็คงไม่มีใครคำนึงเรื่องที่หนึ่งอีกต่อไป..เพราะความแข็งแกร่งก็คือที่หนึ่ง..
ดังนั้นถ้าวันหนึ่งชิงสุ่ยจะตั้งกฎขึ้นมา เขาจะไม่อนุญาตให้คนที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นผู้นำตระกูล จริงอยู่ว่าคนที่แข็งแกร่งที่สุดควรจะเป็นผู้นำของตระกูล แต่เขาจะเลือกคนที่มีพลังธรรมดาทั่วไป และคนๆ นั้นต้องอ่านคนออกและสามารถบริหารจัดการเรื่องต่าง ๆ ในตระกูลได้ ส่วนคนที่คิดจะชิงตำแหน่งผู้นำตระกูลนั้น พวกเขาก็ต่อคิดเสียว่ายังมีคนแข็งแกร่งกว่าพวกเขาอีกมากมาย
เรื่องทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นเรื่องของอนาคต ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องรีบร้อน..ยังมีเวลาอยู่อีกมาก
……….
ยังไม่มีข่าวของอีเย่ เจี้ยนเก้อ แม้ชิงสุ่ยจะพยายามไม่กังวลเกี่ยวกับเรื่องเธอ แต่เขาก็คิดถึงเธอ เขาไม่รู้ว่าจะตามหาตัวเธอได้ที่ไหน และตอนนี้เวลาก็ผ่านนานมากแล้ว
ไม่นานปีใหม่ก็มาเยือน ปีนี้จะเป็นปีที่ต่างจากปีที่ผ่าน ๆ มา เพราะเป็นปีที่พวกเขาจะได้คลายกังวล ซึ่งระหว่างนั้นชิงสุ่ยก็เดินทางไปที่ต่าง ๆ มากมาย
“นี่มันวันปีใหม่นะ เจ้ามาทำอะไรที่นี้?”ติ๊ เฉินตกใจเมื่อเห็นชิงสุ่ย
ติ๊ เฉินกลายเป็นผู้นำของนิกายบงกชเทวะ ยิ่งกว่านั้นความแข็งแกร่งของเธอก็นำหน้าคนอื่น ๆ ในนิกายไปมาก ดังนั้นภายในนิกาย สถานะของเธอจึงเปรียบเสมือนพระเจ้า
ในตอนนั้นชิงสุ่ยกุมมือเธอและมองเธออย่างภาคภูมิใจ
ชิงสุ่ยมองเธอ เธอดูบริสุทธิ์เหมือนทุกครั้ง และเธอกำลังยิ้มให้เขา…
เธอมีอะไรบางอย่างอยู่รอบตัว และชิงสุ่ยรู้สึกว่าเขาไม่สามารถคาดเดาอะไรในตัวเธอได้ แต่เมื่อชิงสุ่ยได้เห็นเธอ เขาก็ยิ่งต้องการเธอ บรรยากาศรอบตัวเธอนั้นคล้ายกับอีเย่ เจี้ยนเก้อ
“ข้ามาเพื่อจะดูว่าเฉินเอ๋อของข้าเป็นอย่างไรบ้าง ทำไมเหรอ? เจ้าไม่อยากให้ข้ามาเหรอ?”ชิงสุ่ยหัวเราะ
“ข้ารู้ว่าเจ้าโกรธ ดังนั้นข้าก็ไม่ว่าอะไรเจ้าหรอก ตราบใดที่ข้าเข้าใจเจตนาของเจ้า”ติ๊เฉินตอบ ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสุข เมื่อได้ยินเสียงของเธอ หัวใจชิงสุ่ยรู้สึกเหมือนได้รับการชำระล้างให้บริสุทธิ์
“ข้ารู้สึกว่าความต้องการของข้าตื่นขึ้นแล้ว เมื่อเห็นหน้าเจ้า เจ้าช่วยบอกข้าที ว่าเจ้ารักข้า”ชิงสุ่ยกุมมือเธอพร้อมยิ้มให้
ใบหน้าของติ๊เฉินแดงระเรื่อ ก่อนสายตาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของเธอจะจ้องชิงสุ่ย จนความต้องการของเขาจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทว่าเขาก็ไม่สามารถขยับตัวได้
ติ๊เฉินค่อย ๆ เขย่งตัวและยื่นหน้าเข้าไปใกล้ชิงสุ่ย ก่อนเธอจะหลับตาลง
ชิงสุ่ยก้มหัวลงและบรรจงจุมพิตเธอ เขาค่อย ๆ รับรสชาติของริมฝีปากบาง ๆ นั้น สองมือของเขาค่อย ๆ กอดเธอก่อนมือของติ๊ เฉินจะโอบคอของชิงสุ่ยไว้
รอบตัวของพวกเขาเต็มไปด้วยหิมะ ช่างเป็นภาพที่งดงามมาก ชิงสุ่ยจูบเธออยู่นาน ติ๊ เฉินเขินจนก่อนจะซบหน้าลงไปที่แผงอกของชิงสุ่ย
ติ๊ เฉินนั้นมีจิตใจที่บริสุทธิ์ และเธอไม่เคยพบอะไรแบบนี้มาก่อน ในตอนนี้เธอค่อย ๆ เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอรู้ว่าเป็นเพราะเธอได้รับพลังจาก รูปแบบดอกบัว เธอกังวลลึก ๆ ว่าอารมณ์ความต้องการในตัวเธอจะหายไป ดังนั้นเธอจึงเป็นคนเริ่เมข้าหาชิงสุ่ยก่อน
“ชิงสุ่ย..คืนนี้อยู่กับข้าเถอะ”ติ๊ เฉินซบพลางกระซิบบอกชิงสุ่ย
ประโยคนั้นทำให้เลือดในตัวของชิงสุ่ยเดือดพล่าน เขากระซิบข้างหูติ๊ เฉินเบาๆ..”จะให้ข้าอยู่ทำอะไรเหรอ เฉินเอ๋อ..?”
“เจ้าคนบ้า ทั้งที่ข้าต้องใช้ความกล้าหาญพูดเรื่องเช่นนี้ออกมา เจ้ายังทำเป็นไม่เข้าใจอีกเหรอ”ติ๊ เฉินเขินสุดชีวิต
“ข้าอยากได้ยินเจ้าพูดออกมาตรง ๆ “ชิงสุ่ยยิ้ม
“ข้าอยากมีบุตร!”ติ๊ เฉินยอมพูดออกมาเพราะไม่มีทางเลือก
ชิงสุ่ยอุ้มติ๊ เฉินและใช้ทักษะย่างก้าว 9 เทวา เดินทางไปยังส่วนลึกสุดของเทือกเขา เขาเคลื่อนไหวมือไปมาก่อนจะเกิดซุ้มนอนตรงหน้า แม้บรรยากาศรอบตัวพวกเขาจะหนาวสักเพียงใด ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งอย่างพวกเขา
ชิงสุ่ยสร้างรูปแบบก่อนจะเข้าไปในซุ้มนอน
ติ๊ เฉินเขินหน้าแดง เธอรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ เธอจึงรู้สึกกังวลและแสดงท่าทีขัดขืนเล็กน้อย
“เจ้าประหม่าหรือ?”ชิงสุ่ยอุ้มเธอด้วยท่าเจ้าหญิง
“อื้ม…”เสียงติ๊เฉินเริ่มเบาลง
ชิงสุ่ยวางเธอลงบนเตียงหนุ่ม ๆ สีขาวของเตียงนั้นทำให้ใครที่เห็นก็รู้สึกสบายตา ทั้งสองนอนกอดกันอยู่บนเตียง
ชิงสุ่ยจูบเธออีกครั้ง ครั้งนี้เขาค่อย ๆ บรรจงจุมพิตเธอ ติ๊ เฉินเองก็ตอบโต้รสจูบนั้น เขาค่อย ๆ ลูบไล้แผ่นหลังของเธออย่างอ่อนโยน ก่อนจะเคลื่อนผ่านไปที่เนินก้นแสนเย้ายวนนั้น ชิงสุ่ยหยอกล้อกับก้นงอนนั้นเล็กน้อย จนร่างของติ๊ เฉินอ่อนระทวย เธอครางออกมาเพราะรู้สึกดี
เสื้อผ้าของติ๊ เฉินถูกปลดออกโดยที่เธอไม่ทันรู้ตัว เหลือเพียงชุดชั้นในที่ปกปิดเรือนร่างบางนั้น ผิวของเธอเรียบเนียนดุจหยก รูปร่างที่เย้ายวนนั้นคงปลุกใจชายหลายคนให้คลั่งไคล้ หน้าอกของติ๊ เฉินนั้นก็อวบอิ่ม รูปร่างของเธอนั้นสมบูรณ์แบบ และยังนุ่มนวลเมื่อชิงสุ่ยใช้มือสัมผัส
ติ๊ เฉินหลับตาพริ้ม ชิงสุ่ยจึงลงมือต่อ เขาปลดเปลื้องอาภรณ์ชิ้นสุดท้ายของเธอ ก่อนยอดปทุมถันที่แสนงดงามจะปรากฏอยู่ตรงหน้าของชิงสุ่ย จากนี้ไปเขาคงควบคุมตัวเองไม่ได้อีกแล้ว ชิงสุ่ยซุกหน้าเข้าไปในหน้าอกของเธออย่างอ่อนโยน…
……
ติ๊ เฉินกอดชิงสุ่ยแน่นเมื่อเธอตื่นเต้น ชิงสุ่ยรวมเป็นหนึ่งกับติ๊ เฉินท่ามกลางท่วงท่าและอิริยาบถต่าง ๆ พลังของทั้งสองไหลเวียนผ่านร่างของกันและกัน พลังจากชิงสุ่ยเองก็แผ่เข้าไปในตัวของติ๊ เฉิน..
“ตึง!”
เสียงหนึ่งดังขึ้นในใจของชิงสุ่ยอย่างชัดเจน
เส้นลมปราณสวรรค์เส้นที่ 9เพิ่งจะเชื่อมต่อกัน…