บทที่ 1493 – วันแรก
ชิงสุ่ยนิ่งเงียบอยู่ช่วงหนึ่งก่อนที่เขามองไปที่ชายชราเดิมทีชิงสุ่ยไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับตระกูลฮั่วเลยแม้แต่น้อย นั้นเพราะเขาไม่ต้องการที่จะอยู่ที่นี่นานมากนัก และการอยู่ที่นี้นานไปก็ไม่ใช่เรื่องดีอีกด้วย
ในตอนนี้มีผู้ชายสองสามคนได้เหาะลงมาและอุ้มร่างของนายน้อยของพวกเขาขึ้นไป ในขณะที่กลุ่มของชิงสุ่ยได้ตามชายออกไปในทิศทางอื่น
ชิงสุ่ยไม่ค่อยมั่นใจมากนักเกี่ยวกับสถานที่ๆชายชราพูดมากนัก แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่มีทางเลือกมากนัก นอกจากนี้ชิงสุ่ยก็ยังเชื่อมั่นว่าตระกูลใหญ่อย่างตระกูลฮั่วจะรักษาคำพูดและเป็นตระกูลที่มีศักดิ์ศรี
“ท่านชอบคฤหาสน์หลังนี้รึไม่?”ชายชรากว่าอย่างสุภาพ
ที่แห่งนี้ทั้งใหญ่โตและงดงามอย่างมาก ชิงสุ่ยมั่นใจได้ในทันทีว่าตระกูลฮั่วนั้นเป็นตระกูลที่มั่งคั่งจริงๆและเป็นตระกูลที่ได้ครอบครองพื้นที่ๆดีที่สุดของเมืองหลินห่ายเอาไว้
“มันยอดเยี่ยมอย่างมาก”ชิงสุ่ยกล่าวออกมา
“แล้วมีอะไรที่ชายชราคนนี้จะสามารถช่วยท่านได้อีกรึไม่?”ชายชรากล่าวอย่างสุภาพ
หลังจากที่คิดเล็กน้อย ชิงสุ่ยได้ตอบกลับไปว่า “ตอนนี้ข้านั้นยังไม่สิ่งที่ต้องการ หากข้านั้นต้องการอะไรข้าจะบอกกับท่านเองในตอนหลัง “
ในตอนนี้ชายชราถอนหายใจออกมาอย่างโลงอก “งั้นท่านพักผ่อนเถอะ ข้าไม่รบกวนท่านแล้ว หากมีอะไรท่านต้องการท่านสามารถบอกข้าได้ในทันที!”
ถึงแม้ชายชราจะสาปแช่งชิงสุ่ยอยู่ในใจลึกๆ แต่เขาก็ไม่กล้าทำอะไร ยกเว้นกล่าวออกมาด้วยความสุภาพ เขาได้แต่คิดในใจว่าหากชิงสุ่ยไม่ได้แข็งแกร่งเช่นนี้ เขาจะจับชิงสุ่ยนั้นหั่นเป็นหมื่นๆชิ้น แต่เขาก็ได้แค่คิดเท่านั้น
จากการกระทำของชิงสุ่ยในก่อนหน้ามันทำให้พวกเขาเสียชื่ออย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นมันเป็นการกระทำที่ร้ายแรงกว่าสังหารคนในตระกูลของเขาเสียอีก มันเป็นดังการเหยียบใบบนหน้าของตระกูลฮั่วก็มิปาน
สำหรับชิงสุ่ยเองก็กำลังรอให้พวกเขาทำเรื่องโง่ๆอยู่ เขาจะได้มีเหตุที่จำเป็นพอที่ต้องลงมือแต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่ได้ทำเช่นนั้นออกมา
“สถานที่แห่งนี้เป็นที่ๆดีจริงๆ”เสวี่ย นั่วกล่าวออกมา
“เห้อจะเป็นอย่างไงถ้าพวกเราไม่แข็งแกร่งเพียงพอ!”ชิงสุ่ยถอนหายใจและมองไปที่เสวี่ย นั่ว
สถานที่แห่งนี้มีพิ้นที่ๆใหญ่โตอย่างมากกว่าหมื่นไร่ยิ่งไปนั้นมันยังเป็นสถานที่ๆไม่สามารถซื้อได้ด้วยเงินทอง มันนั้นตั้งอยู่บนสถานที่ๆดีที่สุดและยังเป็นสถานที่ดงามอย่างมาก
“ข้าขอตรงนั้น !”เสวี่ย นั่วชี้ไปที่ตึกที่มีสีสันงดงาม เช่นเดียวกับคนอื่นๆที่ได้เลือกที่พักของตัวเองในตอนนี้ หลังจากนั้นพวกเขาได้เดินไปที่ตึกที่ใกล้กับกับถนนที่สุด
ตึกแห่งนี้เป็นที่ๆเหมาะสมสำหรับเปิดเป็นร้านขายยาของพวกเขา ภายในตกแห่งนี้ถูกตกแต่งและออกแบบมาเป็นอย่างดีคล้ายกับโรงแรมทีชิงสุ่ยเคยพบเจอมา
“ในตอนนี้ เราควรที่จะเปิดร้านขายยาขนาดเล็กๆหรือขนาดใหญ่ดีละ?”หลิน เฟ่ยกล่าวถามชิงสุ่ย
“ด้วยเมืองที่มีขนาดใหญ่เช่นนี้ ข้าคิดว่าเราสามารถเปิดสาขาที่ใหญ่ได้ แต่ไม่ใช่ในตอนนี้ เราควรแบ่งแยกออกไปเป็นสักสองสามส่วนเล็กก่อนดีกว่า มิฉะนั้นเราจะไม่สามารถดูแลผู้ป่วยจำนวนมากๆได้ อีกอย่างตอนนี้เรานั้นก็ยังไม่มีหมอที่เพียงพอ ” ชิงสุ่ยกล่าวขณะที่คิดอยู่พักใหญ่
โดยปกติหอคอยจักรพรรดินั้นจะดูแลทุกๆคนโดยไม่ปฏิเสธไม่ว่าคนรวยหรือจน บางครั้งก็มีคนไม่มีเงินมาทำการรักษาชิงสุ่ยนั้นก็ได้รับดูแลพวกเขาด้วยตัวเอง เพราะสำหรับเขาแล้ว ชิงสุ่ยนั้นไมได้ต้องการเงินทองใดๆ เขานั้นมีสมบัติมากมายเกินพอแล้ว แต่ถึงอย่างไรชิงสุ่ยนั้นก็ไม่ใช่พ่อพระที่ไหนเขานั้นจะเลือกรักษาให้กับคนที่เป็นคนดีและมีประวิตที่ดีเท่านั้น
“หากเราเปิดร้านที่นี่จริงๆ แล้วเราจะหาหมอจำนวนมากจากไหนมาทำงานให้เราละ? ยิ่งไปกล่าวนั้นทักษะทางการแพทย์ของพวกเขานั้นก็ไม่สามรถเทียบได้เลยกับพวกเราแม้สักคน?” หลินเฟ่ยถาม
ชิงสุ่ยมองไปรอบๆและคิดอย่างถี่ถ้วน อย่างน้อยในตอนนี้เขาต้องมีหมอถึง20คนและผู้ช่วยมากกว่าถึง200คน จึงจะเพียงพอที่จะเกิดร้ายยาของเขาในตอนนี้
ในตอนนี้พวกเขาไม่ต้องกังวลกับสมุนไพรเลย เนื่องจากชิงสุ่ยนั้นมีพวกมันมากมายในดินแดนหยก และพวกเขานั้นก็สามารถนำพวกมันมาใช้เพื่อกลั่นยาจำนวนมากได้ในไม่กี่วัน
ดังนั้นแผนของชิงสุ่ยในตอนนี้จึงมุ่งเน้นไปที่การหาหมอที่มีฝีมือมาช่วยงาน เพื่อที่พวกเขาจะสามารถดูแลผู้ป่วยของพวกเขาได้อย่างทั่วถึง
ดังนั้นชิงสุ่ยยังได้ติดสินใจทำป้ายประกาศออกมาและแขวนมันไว้ข้างๆประตูตึก
หลังจากนั้นไม่นานมีผู้คนมากมายเข้ามาติดต่อและสอบถามถึงงาน หนึ่งในนั้นเป็นชายวัยกลางคน เขาดูเหม่อลอยยังกับคนไร้วิญญาณ ถึงอย่างนั้นเขาก็ดูเป็นคนที่สะอาดไม่เหมือนคนไม่มีที่อยู่
เขาตกใจเล็กน้อยเมื่อมองไปเห็นชิงสุ่ยที่อยู่ที่โต๊ะ ขณะที่ชิงสุ่ยค่อยๆโบกมือให้เขาขอให้นั่งลงและแนะนำตัวเอง
เขานั้นมีชื่อว่าเทียนยี่ เป็นคนของเมืองหลินห่ายและอาศัยอยู่ลำพัง ในขณะที่เขาได้เล่าเรื่องราวออกมา ทำให้ชิงสุ่ยรู้ว่าเป็นเวลานานมากแล้วที่ชายผู้นี้สามารถรักษาคนได้หายขาด
หลังจากได้ที่ฟังเรื่องของเขา ชิงสุ่ยเริ่มทดสอบความสามารถในการรักษาของเขา ชิงสุ่ยสามารถสังเกตเห็นว่าชายคนนั้นสามารถคำตอบถามได้อย่างแม่นยำอย่างมาก ทำให้ชิงสุ่ยนั้นมั่นใจว่าชายผู้นี้เป็นคนที่มีความสามารถอย่างแน่นอน แต่ก็แอบสงสัยว่าทำไมเขาถึงไม่สามารถรักษาใครให้หายได้เป็นเวลานานแล้ว ดังนั้นชิงสุ่ยจึงเหยียดมือออกเพื่อให้จับชีพจรของเขา
ในตอนนี้ชายคนนั้นก็ยังคงสงบนิ่งอยู่ และไม่มีการแสดงออกอะไร มั่นยิ่งทำให้ชิงสุ่ยมั่นใจว่าเขานั้นไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน
ผลทดสอบของเทียนยี่นั้นบ่งบอกว้าเขามีความสามารถอย่างแท้จริง ความสามารถของเขาแทบไม่ต่างอะไรเลยกับหมอปิศาจ แต่ที่สำคัญกว่านั้นชิงสุ่ยนั้นยังสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างจะชีพจรของเขา
ชายคนนี้เคยผ่านการบ่มเพาะมาแล้วในอดีต แต่ก็ได้หยุดชะงักไป มันทำให้ชิงสุ่ยนั้นสงสัยว่ามีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับอะไรกับเขารึไม่ หรืออาจเป็นเพราะท่าทางที่ไร้ซึ้งอารมของเขาในตอนนี้
“ท่านเคยเป็นผู่บ่มเพาะอย่างนั้นรึ?” ชิงสุ่ยกล่าวว่า
“เจ้ารู้ได้อย่างไร เราเคยรู้จักกันอย่างนั้นรึ?” เขากล่าวออกมอย่างประหลาดใจ
“ไม่เราไม่เคยพบกันมาก่อน เพียงแค่ข้าสัมผัสมันได้จากชีพจรของท่าน ข้าสงสัยว่าท่านั้นต้องการที่จะฟื้นคืนความสามารถของท่านกลับมารึไม่?” ชิงสุ่ยยิ้มและถามชายคนนั้น
ร่างกายของเขาค่อยๆสั่นและจ้องมองไปที่ชิงสุ่ยด้วยความไม่เชื่อ ในสิ่งที่เขาได้ยิน ชายหนุ่มคนนี้นั้นจะรักษาและคืนความสามารถของเขากลับมาอย่างนั้นรึ?
“เข้าบอกว่าเจ้าสามารถรักษาข้าได้อย่างนั้นรึ?” เขากล่าวออกมา
“ใช่แน่นอน!” ชิงสุ่ยกล่าวออกมาเพื่อสร้างความมั่นใจให้เขา
เขานั้นเป็นคนฉลาดอย่างมาก มันทำให้เขาตอบกลับไปโดยไม่ลังเล “ตราบเท่าที่เจ้าสามารถคืนอำนาจของข้ากลับมาได้ ข้าจะยกชีวิตที่เหลือของข้าให้กับเจ้า!”
ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าวว่า “ถ้าข้าสามารถเรียกคืนอำนาจของท่านกลับมาได้ ท่านต้องช่วยทำงานเป็นหมอของที่นี่ตราบเท่าที่ข้านั้นยังอยู่เมืองหลินห่ายได้รึ?”
ในตอนนี้เทียนอี่รู้สึกประหลาดใจอีกครั้ง เงื่อนไขนี้ง่ายเกินไปสำหรับเขา อีกครั้งที่เขาจ้องไปที่ชิงสุ่ยด้วยความไม่มั่นใจ เขานั้นรู้ดีว่าสภาพของเขาเป็นอย่างไร เขานั้นพยายามปรึกษาหมออีกหลายคน แม้กระทั้งลงมือศึกษาด้วยตัวเอง แต่ก็ไม่เคยมีความหวังใด ๆ เลยที่เขาจะได้คืนพลังคืนมา มันจึงทำเขาไม่กล้าเชื่อชิงสุ่ยมากนัก
เขาใช้เวลาคิดอยุ่ป็นเวลานานก่อนที่จะกล่าว
“คุณชายท่านสามารถเรียกคืนความแข็งแกร่งของข้ากลับมาได้จริงหรือ?”ในตอนนี้ท่าทางของเทียนอี่ได้เปลี่ยนไป คำพูดของเขากลับดูสุภาพมายิ่งขึ้น
“แน่นอน นอกจากนี้มันยังจะทำให้ท่านนั้นแข็งแกร่งขึ้นกว่าในอดีตเสียอีก”
เมื่อได้ยินคำพูดของชิงสุ่ย ใบหน้าของชายคนนี้ส่องประกายด้วยความตื่นเต้น ทำให้เขาตอบกลับไปทันที “ข้าจะรักษาสัญญา แม้ว่าคุณชายจะต้องการให้ข้าบุกน้ำลุยไฟที่ไหนข้าก็ยินดี!”
ชิงสุ่ยยิ้มและพยักหน้าในตอนนี้ การรักษาเขาไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โตสำหรับชิงุส่ย ยิ่งไปกว่านั้นในการรักษาครั้งนี้มันยังทำให้เขาสามารถได้รับรางวัลแพทย์ที่โดดเด่น ในทางกลับกันสำหรับเทียนอี่นั้นถือว่าเป็นพรที่ดีสำหรับเขาที่สุดในการรักษาผู้อื่นต่อไป
การรักษานั้นไม่ใช่เรื่องที่ยากมากนัก ชิงสุ่ยใช้เวลาประมาณสองชั่วยามเท่านั้น เพื่อปรับแต่เส้นลมปราณของเขาใหม่
หลังจากการรักษา ชายคนนี้ดูเหมือนจะเปล่งประกายด้วยพลังหลังออกมา ราวกับเขาได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง น้ำตาแห่งความปีติได้ไหลรินออกมาจากตาของเขา เขารู้สึกดีใจอย่างมากที่เขานั้นยังไม่ยอมแพ้ไป มีหลายๆครั้งที่เขานั้นตั้งใจจะจากโลกไป แต่ถึงอย่างไรเขานั้นก็ฝืนและพยายามที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป เพื่อหวังว่าสักสันเขานั้นจะหายดี และแล้ววันที่เขาหวังก็มาถึง