บทที่ 1524 –ราชันอสูรเกล็ดทมิฬ
ชายคนนั้นยังคงเงียบอยู่หลังจากคิดอยู่พักใหญ่ ก่อนที่เขาจะมองไปที่ซากศพของมังกรดำ และหันไปมองชิงสุ่ย ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะเขาต้องการหญิงงามที่อยู่ข้างกายชิงสุ่ย
ชายคนนี้ชื่อว่า เลิง ยี้ เขานั้นอิจฉาชิงสุ่ยอย่างมาก เนื่องจากชิงสุ่ยนั้นมีสาวงามข้างกาย นอกเหนือจากชิงสุ่ยนั้นก้ยังมีวิหคเพลิงที่แข็งแกร่งอยู่ข้างกายอีกด้วย นื้คือสิ่งที่เขานั้นขาดไปแม้เขานั้นจะเป็นนายน้อยแห่งตระกูลเลิงที่ยิ่งใหญ่และเป็นว่าที่ผู้นำคนต่อไป แต่เขานั้นก็ไม่สิ่งของใดๆเลยที่เทียบกับชิงสุยได้
แม้ว่าตระกูลเลิงจะไม่ใช่ตระกูลอันดับหนึ่งในจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ แต่พวกเขาก็เป็นตระกูลที่ทรงอำนาจอย่างมาก
เลิง ยีเป็นคนที่มีพรสวรรค์ที่โดดเด่นอย่างมาก มันทำให้เขานั้นแทบจะไม่เคยพบเจอกับปัญหาใดๆเลย ไม่ว่าจะเป็นยา ของล้ำค่าความสามารถ เขานั้นก็ได้รับมันมาอย่างง่ายดาย มันจึงทำให้ชีวิตของเขานั้นไม่เคยตกอยู่ในความลำบาก
แต่ในวันนี้เขากลับได้รับประสบการณ์อันสุดแสนเลวร้ายที่สุดเท่าที่เขาเคยประสบมาในชีวิต ผลกระทบนี้ส่งผลต่อชีวิตของเขาอย่างมาก มังกรดำนั้นตายลงไปนี่นับว่าเป็นเรื่องที่ร้ายแรงเกินกว่าที่เขาคาดคิดไว้อย่างมาก ทางเดียวที่จะทำให้ทุกๆอย่างนั้นดีขึ้น คือตอนนี้เขานั้นต้องฆ่าชิงสุ่ย หาฆ่าเขาได้เขาจะได้รับทุกๆอย่างกลับมา แม้กระทั้งหญิงสาวที่งดงามคนนั้น
“แน่นอน ข้าจะสู้ “การแสดงออกของชายคนนั้นเปลี่ยนไปขณะที่เขาจ้องมองไปที่ชิงสุ่ย
“ดีแล้ว งั้นเรามาเริ่มกันเลย” ชิงสุ่ยลอยตัวขึ้นบนท้องฟ้าในขณะที่เขาพูดจบ ขณะนี้ชิงสุ่ยลอยตัวขึ้นไปยืนอยู่ไกลๆวิหคเพลิง
ชายคนนั้นหยิบเอากระบี่เทพอมตะของเขาออกมา และทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าในทันที อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ทำการโจมตีไปที่ชิงสุ่ยในทันที ขณะที่เขานั้นได้รวบรวมปราณที่อยู่ในร่างกายของเขาและระเบิดออกมา เสียงที่ดังสนั่นได้ปรากฏขึ้น ร่างกายของเขาได้บิดเบี้ยวและเปลี่ยนแปลงไปอย่างฉับพลัน ร่างกายของเขาขยายใหญ่ขึ้นประมาณสองเท่า กล้ามเนื้อทั้งหมดถูกบีบอัดจนเห็นได้ชัด
ในเวลานี้ชายคนนั้นได้งอกเขาทั้งสองข้างออกมาจากศีรษะของเขา
ราชาอสูรเจียว!
ราชาอสูรเจียวนั้นเป็นหนึ่งในมรกดของจอมอสูร ที่จะใช้ร่างกายของผู้ใช้เป็นภาชนะ มันเป็นหนึ่งในอาวุธที่ทรงพลังอย่างมาก
ในตอนนี้ชิงสุ่ยแอบตกใจเล็กน้อยที่เห็นราชาอสูรเจียว เขานั้นไม่รู้ว่าชายคนนี้ได้มันมากจากไหน แต่ที่รู้ๆมันนั้นไม่ใช่ของเขาอย่างแน่นอน ซึ่งชิงสุ่ยไม่มั่นใจมากนักว่าเขาจะจัดการกับอาวุธชิ้นนี้อย่างไรดี แต่ถึงอย่างไรมันก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตสำหรับผู้ครอบครองมรกดของของพระเจ้าเช่นเขา
“นี่เจ้าไปได้มันมากจากที่ไหนกัน?”
เลิง ยี มองที่ไปหน้าตกตะลึงของชิงสุ่ย และยิ้มออกมา “ข้าไม่จำเป็นต้องบอกเจ้า เจ้าเองก็ดูว่าจะมีของดีอยู่เหมือนกันรีบนำมันออกใช้ เมื่อยีงมีโอกาสเสียดีกว่า”
ชิงสุ่ยยิ้มและส่ายหัว “ข้าคิดว่าเจ้าคิดให้รอบคอบก่อนเสียดีกว่า เจ้าไม่มีทางหยุดข้าได้หรอก “
“สามหาว นี่เจ้าไม่คิดว่าเจ้าโอ้อวดมากเกินไปหน่อยรึ? ข้านขอสาบานว่าวันนี้ ข้าจะฆ่าเจ้าให้ได้ ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่ขอมีขีวิตอยู่ต่อไป “เลิง ยีมองไปที่ชิงสุ่ยและยิ้มออกมา
ในตอนนั้นเองชายชราทั้งสองได้ปรากฏตัวข้างๆเลิง ยี ในขณะที่ฉินชิงก็ปรากฏตัวขึ้นข้างๆชิงสุ่ย
ในตอนนี้พวกเขากำลังวางแผนที่จะชนะด้วยจำนวนคนที่มากกว่า “ไม่คิดเลยว่าคนที่มาจากตระกูลเลิงจะเป็นสวะเช่นนี้…. “ฉินชิงกล่าวออกมา ขณะมองไปที่กลุ่มของชายคนนั้น
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้นั้นเป็นเพราะเธอ เพราะเธอถึงได้ตัดสินใจที่ทำเรื่องเช่นนี้ออกไป เพราะเธอเขาถึงกับบ้างคลั่งยอมทิ้งทุกอย่าง
ในตอนนี้เลิง ยีได้ตัดสินใจลงไปแล้วว่าเขานั้นต้องกำจัดชิงสุ่ยให้ได้ ไม่เพียงแต่นี่เป็นแค่การรักษาเกียรติของเขาเท่านั้น แต่นี่ยังเป็นการทำเพื่อให้ได้ฉินชิงมาครอบครองอีกด้วย
ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจว่าไม่ว่าจะเกิดขึ้นในวันนี้เขาจะไม่ปล่อยให้ชิงสุ่ยรอดออกไป
ในตอนนี้ชิงสุ่ยได้เรียกใช้ทักษะทั้งหมดของเขา รวมถึงเครื่องรางสวรรค์ออกมา
“ท่านหญิง ถ้าท่านไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องในวันนี้ ท่านจะสามารถติดตามข้า และเป็นผู้หญิงของข้าต่อไปได้ในอนาคต และแน่นอนข้าจะทำให้ท่านเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลกใบนี้ “เลิง ยีกล่าวออกมาขณะจ้องไปที่ฉินชิง นี่เป็นอีกวิธีหนึ่งที่เขาวางเอาไว้เพื่อจะจัดการกับชิงสุ่ย
ฉินชิงนั้นได้ปฏิเสธเขาออกมาในทันที เธอนั้นไม่แม้ที่จะสามารถจ้องมองลงไปที่ใบหน้าของเขาได้ ตอนนี้เธอนั้นรู้สึกสะอิดสะเอียนอย่างมากเมื่อคิดถึงสิ่งที่เขาพูดออกมา
เพื่อเธอแล้ว เลิงยีนั้น ได้ตัดสินใจที่จะละทิ้งเหตุผลทั้งหมดลงไป และนี่คือสิ่งที่เขาเลือกในวันนี้
“ท่านลุงได้โปรดอย่าทำอะไรนางนะ!”
ชายชราทั้งสองได้ถอนหายใจออกมา เนื่องจากประมุขของพวกเขานั้นได้สั่งให้เขาดูแลเลิง ยี ทำให้พวกเขานั้นจำเป็นต้องดูแลและปกป้องเขา หากไม่ใช่คำสั่งของประมุขของเขาแล้ว เขาไม่มีทางที่จะมาดูแลเด็กเหลือขอเช่นนี้
ในตอนนี้ชายชราทั้งสองไม่ได้เคลื่อนไหวมากนัก เขาเพียงแค่ทำตามคำสั่งของเลิงยีเท่านั้น ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่รอช้า พวกเขาได้เรียก ราชันย์อสูรเกล็ดทมิฬของพวกเขาออกมา
ราชันย์อสูรเกล็ดทมิฬนับสิบตัวได้ถูกเรียกออกมา ชิงสุ่ยรู้สึกแปลกใจขึ้นไปอีกที่ชายชราแต่ละคนนั้นมีพวกมันถึงคนละ5ตัว นอกจากนี้พวกมันแต่ละตัวนั้นก็อยู่ในวัยโตเต็มที่อีกด้วย ซึ่งแต่ละตัวไม่ได้อ่อนแอกว่ามังกรดำเลยแม้แต่น้อย
ราชันย์อสูรเกล็ดทมิฬนั้นเมื่อโตเต็มทีมันนั้นจะมีความเข้มข้นของสายเลือดที่คลายคลึงกับมังกรดำถึง80% แม้มันอาจจะไม่สามารถเรียกได้ว่ามังกรที่แท้จริง แต่มันนั้นก็มีพลังอยู่ในระดับเดียวกับมังกร
ชิงสุ่ยรู้สึกว่าเขานั้นต้องใช้เวลาพักใหญ่ เพื่อแก้ปัญหาในวันนี้ให้จบลง
ในการแสดงออกของฉินชิงมีการเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย เธอดึงแขนของชิงสุ่ยเอาไว้และหันมองที่ทางด้านหลังในตอนนี้ ในเวลาเดียวกันเสียงกรีดร้องที่ดังสนั่น ได้ปรากฏขึ้นมากจากฟากฟ้าที่สูงขึ้นไป
ในที่สุดชิงสุ่ยก็ได้เห็นมังกรฟ้า ที่เขาได้เคยเห็นมาก่อนหน้านี้ มีซึ่งเขามั่นใจได้ในทันทีว่ามันคือมังกรฟ้าตัวเดียวกัน แต่ในตอนนี้กลิ่นอายของมันได้แตกต่างออกไปจากเดิมอย่างมาก หลังจากที่ทุกสิ่งที่เขาเห็นในตอนนี้มันคือสัตว์อสูรขนาดใหญ่ซึ่งมีความยาวประมาณหนึ่งพันเมตรและมีขนาดปีกที่ใหญ่โตไม่ต่ำกว่า2000เมตร ภาพดังกล่าวทำให้เขานั้นตกตะลึงอย่างบอกไม่ถูก
ชิงสุ่ยนั้น ไม่ค่อยสนใจมังกรแดงหรือมังกรดำมากนัก แต่มังกรฟ้านั้นต่างออกไป มันนั้นเป็นตัวแทนของเทพเจ้าในสมัยโบราณและยังเป็นตัวตนที่ทรงอำนาจในโลกกาลก่อน นอกจากนี้มันยังเป็นตัวแทนของราชันย์อีกด้วย
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม มีเพียงมังกรสองชนิดเท่านั้นที่สามารถส่องผลกระทบต่อเขา นั้นก็คือมังกรมรกตและมังกรทอง ซึ่งมังกรเหล่านั้นคือมังกรโบราณที่แท้จริง
การปรากฏตัวของมังกรฟ้าในตอนนี้ ทำให้สถานที่แห่งนี้ตกอยู่ในความเงียบชั่วขณะ ด้วยผลจากยาเสริมอสูรที่ชิงสุ่ยมอบให้กับฉินชิง มันทำให้ความเข้มแกร่งของมังกรฟ้าของเธอนั้น เปลี่ยนไปอย่างมาก ทันทีที่มันปรากฏตัวออกมามันนั้นก็ได้ปล่อยเสียงคำรามที่ทำให้ทั้งราชันย์อสูรเกล็ดทมิฬทั้ง10นั้นสั่นสะท้าน แต่ในเวลาเดียวกันชายคนนั้นก็ได้ปล่อยเสียงคำรามออกมาเพื่อควบคุมอสูรของเขา