บทที่ 1530 – การกระทำโดยสมัครใจ
ในตอนนี้ทุกๆคนนั้นได้มารวมทานอาหารกันที่ๆพักของชายชราเพื่อเฉลิงฉลอง มีผู้คนมากมายรายล้อมอยู่ในที่แห่งนี้
ในตอนนี้สำหรับอายุไขของชายชราที่ได้เพิ่มขึ้นนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ดีและสำคัญอย่างมาก ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ทุกๆคนนั้นมาร่วมฉลองกันในที่แห่งนี้ ยิ่งไปกว่านั้นข่าวลือระหว่างชิงสุ่ยและฉินชิงนั้นก็ได้แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว
ในตอนนี้ชิงสุ่ยนั้นไม่รู้ว่าผู้คนในตระกูลฉินนั้นมีอยู่กี่คน แต่อย่างน้อยก็ไม่ต่ำกว่า30ที่อยู่ในที่แห่งนี้ ชายชรามีความสุขอย่างมากที่ได้มีชีวิตอยู่ในตอนนี้ ซึ่งทั้งหมดนั้นก็เพราะชิงสุ่ยได้ช่วยยืดชีวิตของเขาเอาไว้
หลายๆคนรู้ว่าที่ชิงสุ่ยนั้นมาที่แห่งนี้ก็เพื่อรักษาชายชรา และยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าชายชราอาการของชายชรานั้นได้ถูกรักษาจนหายขาดแล้วอีกด้วย แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าจริงๆแล้วชายชรานั้นป่วยเป็นอะไร
สำหรับตระกูลฉินนั้นไม่มีลูกหลานมากนัก แต่พวกเขาเป็นคนที่แข็งแกร่งอย่างมาก จึงทำให้ตระกูลฉินนั้นสามารถยืนหยัดอยู่ได้อย่างมั่นคง สิ่งสำคัญที่สุดเกี่ยวกับพวกเขาก็คือพวกเขานั้นเป็นมิตรกับผู้คนรอบๆและเป็นที่รักและเคารพ
ในตอนนี้มีผู้คนมากมายนั่งอยู่รายล้อมโต๊ะอาหาร ซึ่งในตอนนี้ฉินชิงนั้นก็ได้นั่งอยู่ข้างๆชิงสุ่ย ซึ่งในตอนนี้มันทำให้ผู้คนทั้งหมายทั้งมวลนั้นคิดว่าทั้งคู่นั้นดูเหมาะสำหรับกันอย่างมาก ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะล้อชิงสุ่ยและฉินชิงเป็นครั้งคราว
นี่สำหรับตระกูลฉิน พวกเขานั้นเป็นตระกูลชนชั้นสูงที่มีจำนวนสมาชิกน้อยที่สุด เท่าที่ชิงสุ่ยเคยพบแต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นตระกูลที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจอย่างมาก
หลังจากทานอาหารเสร็จทุกๆคนนั้นได้ของแยกตัวออกไป เหลือเพียงชายชรา ฉินชิง ชิงสุ่ย ฉินป่ายฟงและชายผมขาวอีก2 3คนเท่านั้น
ชายชราทั้งสามคนนั้น เป็นลูกของชายชราและเป็นพี่ชายของฉินป่ายฟง นอกจากนี้พวกเขานั้นก็ยังมีครอบครัวของตัวเองอีกด้วย ซึ่งสาขาของพวกเขานั้นก็ไม่ได้อ่อนแอกว่าที่แห่งนี้เลย
แตกหากให้พูดถึงความแข็งแกร่ง ต้องยอมรับว่าฉินป่ายฟงนั้นแข็งแกร่งที่สุด อาจเป็นรองแค่ชายชราเท่านั้น จึงทำให้เขานั้นได้รับตำแหน่งผู้นำสาขานี้ไป มันจึงทำให้พี่น้องคนอื่นๆนั้นไม่ค่อยพอใจเขา เพราะเขานั้นไม่ใช่ลูกคนโต จึงทำให้พวกเขานั้นแยกออกไปสร้างสาขาของเขาเอง
อีกอย่างหนึ่งด้วยนิสัยของฉินป่ายฟง ที่มีนิสัยอ่อนน้อมและไม่ค่อยสนใจเลือกราวของโลกภายนอกสักเท่าไร แต่ถึงอย่างไรชายชราก็ได้เลือกที่จะให้เขานั้นสืบทอดสาขานี้ต่อไป
ในตอนนี้เมื่อเห็นว่าคนอื่นๆนั้นได้ลุกออกไปเหลือแต่คนที่เป็นเสาหลักของตระกูล ชิงสุ่ยก็ได้ลุกขึ้นและกล่าวว่า”ข้านั้นขอตัวออกไปเดินรอบ ๆสักหน่อย “
“ชิงสุ่ย ไม่จำเป็นต้องทำเป็นเช่นนั้นหรอก เจ้าไม่ใช่คนนอกอีกต่อไปแล้ว “ชายชรายิ้มและพูดออกมา และบอกให้เขานั่งลง
ฉินชิงยังคงเงียบอยู่ ก่อนที่เธอจะมองไปที่ชิงสุ่ย และยิ้มให้เขา ชิงสุ่ยไม่ค่อยแน่ใจว่าเขาควรเขารู้สึกอย่างไร เมื่อได้เห็นรอยยิ้มของเธอ
“ชิงเอ๋อ ดูเหมือนว่าเจ้าจะก้าวหน้าขึ้นอย่างมากนะ นอกจากนี้ข้ายังสัมผัสได้ถึงพลังที่ทรงอำนาจอย่างมากที่ ซึ่งมันไม่ได้เป็นของตระกูลของเรา ข้าสงสัยจริงๆว่าเจ้าได้รับมันมาจากไหนและมันคืออะไร “ชายชราสังเกตเห็น
“ข้าได้รับมรดกแห่งพระเจ้าหงส์เพลิง มาจากชิงสุ่ย เขาเป็นคนที่มอบโอกาสให้ข้า “ฉินชิงกล่าวโดยไม่มีเจตนาที่จะซ่อนมันไว้
นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้คนที่อยู่รอบๆถึงกับมันงง นี่นับว่าเป็นเรื่องที่ดีอย่างมากสำหรับพวกเขา ในตอนนี้เมื่อฉินชิงได้รับมรดกแห่งพระเจ้าหงส์เพลิงมาในสายเลือดของเธอ เธอก็จะสามารถถ่ายทอดมันให้ลูกหลานของตระกูลฉินได้ในอนาคต นี่นับว่าเป็นเรื่องที่ดีอย่างมาก
แต่หน้าเสียดายที่เธอนั้นเป็นผู้หญิง และผู้หญิงนั้นต้องแต่งงานกับผู้ชายคนหนึ่งออกไป ถึงแม้ลูกของเธอจะเป็นหลานของเขา แต่พวกเขานั้นก็ไม่ได้มีนามสกุลฉินอยู่ดี ถึงอย่างไรเขาก็ดีใจที่หลานสาวของเขาได้รับมัน ก่อนที่เขาจมองไปที่ชิงสุ่ยด้วยสายตาที่ชื่นชม และทำให้เขาบอกได้ว่าชิงสุ่ยนั้นต้องไม่ใช่คนธรรมดา อย่างแน่นอน ต้องมีเหตุผลที่ทำให้ชิงสุ่ยนั้นสามารถปล่อยให้ฉินชิงได้รับมรดกแห่งพระเจ้าหงส์เพลิงไป สำหรับมรดกแห่งพระเจ้าหงส์เพลิงนั้นเป็นอะไรที่ทรงพลังอย่างมาก และมันก็เป็นสมบัติที่ทุกๆคนนั้นฝันฝันถึง
ในตอนนี้ฉินชิงนั้นได้ครอบครองมรดกแห่งพระเจ้าหงส์เพลิงเอาไว้มันทำให้เธอนั้นกลายเป็นอีกคนหนึ่งที่สามารถเติมโตขึ้นมาเป็นเสาหลักของตระกูลได้ในอนาคต และการมีอยู่ของเธอจะทำให้พวกเขานั้นเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น
“ราวน้อยพาชิงสุ่ยไปชมเมืองรอบๆหน่อยสิ” ฉินป่ายฟงกล่าวออกมาอย่างมีความสุข
ในตอนนี้ถึงแม้พวกเขาจะไว้ใจชิงสุ่ย แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังเป็นคนโง่ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อยากนำเอาปัญหาในตระกูลไปบอกให้คนนอกรับรู้ ถึงแม้ชายชราจะอนุญาตให้เขาอยู้ก็ตาม
“ได้สิท่านพ่อ!”
ในตอนนี้ชิงสุ่ยและฉินชิงได้เดินออกไปข้างนอก มันก็เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว ในตอนนี้ทั้งคู่นั้นเดินอยู่ใกล้ชิดกันอย่างมาก ใกล้จนไหล่ของทั้งคู่นั้นสัมผัสเข้าหากัน
“ดูเหมือนว่าครอบครัวของเจ้าจะมีความสุขอย่างมากนะในตอนนี้” ชิงสุ่ยยิ้มและพูด
“จริงๆแล้วข้าก็รู้สึกแบบเดียวกับ” ฉินชิงตอบอย่างอบอุ่น
“ฉินชิง มันจำเป็นด้วยรึที่ตระกูลของเจ้านั้นต้องแยกออกเป็นสาขาย่อยเช่นนี้?” ในตอนนี้ชิงสุ่ยได้ตั้งคำถามที่หน้าแปลกใจออกมา
“ใช่ มันเป็นสิ่งจำเป็น”
“ชิงสุ่ย เจ้าก็รู้ทุกๆครอบครัวนั้นย่อมมีปัญหาของตนเองกันบ้าง ซึ่งพวกเรานั้นก็มีปัญหาเช่นเดียวกับครอบครัวทั่วๆไป “
ชิงสุ่ยตกใจเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ
“แล้วตกลงตอนนี่ตระกูลฉินนั้นมีปัญหาอะไรรึ?”
“โลกใบนี้ก็เหมือนกับหอคอย ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ไหน เจ้าก็จะต้องเผชิญกับปัญหาของตัวเองอยู่ดี อันที่จริงหอคอยแห่งนี้ก็ไม่ไช่หอคอยที่สูงที่สุด ยังมีคงที่หอคอยที่สูงกว่าพวกเราอยู่อีก เจ้าเข้าใจมั้ย?”
ชิงสุ่ยเข้าใจความหมายของที่แฝงอยู่ในคำพูดของเธอย่างดี เขาคิดเล็กน้อยก่อนที่จะพูดว่า “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเผชิญหน้าไปพร้อมกับเจ้า”
ฉินชิงส่ายหัว “ข้าไม่ต้องการให้เจ้าทำอย่างนั้น”
“ทำไม?” ดวงตาของชิงสุ่ยจับจ้องไปที่เธอด้วยความสงสัย ขณะที่เขามองไปที่ดวงตาที่งดงามของเธอด้วยความลุ่มหลง ความงามที่ไม่สามารถบรรยายของมันทำให้หัวใจของเขาอ่อนแอ
“ข้าไม่ต้องการที่จะติดหนี้บุญคุณ ของเจ้าไปมากกว่านี้ จนไม่รู้ว่าจะสามารถตอบแทบเจ้าได้อย่างไร”ฉินเฉินยิ้มและมองไปที่ชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยตระหนักว่าแม้ว่าเขาจะสามารถพูดคุยกับเธอเกี่ยวกับสิ่งต่างๆได้มากมาย แต่เขาก็ยังไม่สามารถตีความหมายที่แท้จริงของคำพูดของเธอได้ทั้งหมด
“บางครั้งคนเรานั้นก็ทำเรื่องบางเรื่องลงไปโดยไม่หวังผลตอบแทน ซึ่งข้านั้นก็ยินดีที่จะทำมันให้เจ้าโดยไม่หวังผลอะไร? “ชิงสุ่ยกล่าวออกมาขณะที่จ้องไปในตาของเธอ
ฉินชิงตกตะลึง เมื่อได้ยินสิ่งที่เขากล่าวออกมา
“เอาจริงๆเหตุผลที่ข้านั้นอยากรู้จักเจ้าในตอนแรกนั้น เพราะเจ้านั้นดูคล้ายภรรยาของข้าอย่างมาก “ชิงสุ่ยไม่ทราบว่าเขานั้นกำลังพูดเรื่องเหลวไหลอะไรออกไป แต่มันเป็นสิ่งที่ออกมาจากใจจริงของเขา
ในตอนนี้ฉินชิงยังคงเงียบอยู่
“ข้าไม่ได้ต้องการให้เจ้านั้นเชื่อทุกสิ่งที่ข้ากล่าวออกมา เพียงแค่ข้านั้นต้องการบอกเจ้า สิ่งที่ข้าได้ทำลงไปทั้งหมดนี้เพราะข้าเต็มใจ อย่าคิดว่ามันเป็นบุญคุณอะไรเลย สิ่งที่ข้าทำให้เจ้านั้นก็เหมือนสิ่งที่ข้าทำให้กับครอบครัวของข้า เจ้าอย่างคิดมากเลย”
“นี้เจ้าเป็นห่วงข้าอย่างนั้นรึ?” ฉินชิงกล่าวออกมาด้วยความประทับใจ
“ถ้าข้าไม่เป็นห่วงผู้หญิงของข้าและข้าจะเป็นห่วงใครกันละ? “
“ไปตายซะ! ใครคือผู้หญิงของเจ้า “ฉินชิงยิ้ม
“ท่านหญิงฉิน!”
ในตอนนี้มีเสียงที่น่าสนใจได้ดังขึ้น ชายสี่คนกำลังมุ่งหน้ามายังชิงสุ่ยและฉินชิง พวกเขายังคงดูหนุ่มอย่างมาก ในตอนนี้มีชายที่สวมชุดสีขาวหิมะยาวถึงพื้นเดินนำหน้าเข้ามา เขามีรูปร่างที่สูงโปร่งและมีใบหน้าที่หล่อเหลา นอกจากนี้รอยยิ้มของพวกเขานั้นก็เต็มไปด้วยความมั่นใจอย่างมาก
ในตอนนี้ชิงสุ่ยหันไปมองพวกเขาด้วยความรำคาญ
ฉินชิงหยุดเดินลง และมองไปที่ชายทั้งสี่คน “ไม่ทราบว่ามีอะไรที่องค์ชายกู๋ต้องการจากข้าอย่างนั้นรึ?”
“เปล่าเลยมันเป็นแค่เรื่องบังเอิญ ไม่ทราบว่าท่านหญิงว่างรึไม่? หากไม่เป็นการรบกวนก็ช่วยไปดื่มกับพวกข้าสักหน่อยได้รึไม่ “ในตอนนี้เขากล่าวออกมาพร้อมมองไปที่ฉินชิงด้วยสายตาที่หื่นกระหาย
“ขอโทษทีแต่ข้าไม่ว่าง ตอนนี้ข้านั้นมีนัดกับสหายคนนี้อยู่”
“โอ้แล้วไม่ทราบว่าเจ้าคือใครกันรึ? ทำไมเพวกเราไม่ไปด้วยกันล่ะ? “ชายคนนี้ไม่ยอมปล่อยให้ฉินชิงจากไป
“นี่สหายของข้าชิงสุ่ย ส่วนนี่องค์ชายกู๋”ฉินชิงกล่าวออกมาราวกับว่าไม่ต้องการแนะนำพวกเขา
“ยินดีที่ได้รู้จัก ทำไมเราไม่ไปด้วยกันละ? “องค์ชายกู๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“จะดีกว่าถ้าเราไปด้วยกันในครั้งหน้า ตอนนี้ข้าอยากใช้เวลาที่เหลืออยู่กับ ชิงเอ๋อ”ชิงสุ่ยกล่าวปฏิเสธคำพูดของเขา
ฉินชิงตกตะลึง แต่เธอไม่ได้พูดอะไรออกมา องค์ชายกู๋เงียบไปชั่วขณะ ก่อนที่เขาจะขมวดคิ้วของเขา เขารู้สึกไม่พอใจอย่างมากกับสิ่งที่ชิงสุ่ยกล่าว แต่เขานั้นก็ไม่ได้ทำอะไรออกมา ยกเว้นยิ้ม และกล่าว “เอาล่ะ ไว้ครั้งหน้าก็ได้”
ชิงสุ่ยรู้สึกประหลาดใจอย่างมากที่พวกเขานั้นจากไปอย่างง่ายดาย “ ดูเหมือนว่ามีผู้คนจำนวนมากที่หลงใหลเจ้าอย่างนั้นสินะ”ชิงสุ่ยกล่าวขณะที่อาหารบางอย่าง
“กู๋เยว่หลงมาจาก ตระกูลกู๋ และตระกูลกู๋นั้นเป็นชีวิตที่น่าเกรงขามในจักรวรรดิฉิน”
“แล้วตระกูลฉินละหากเทียบกับพวกเขาเขา?”
“พวกเรานั้นมีคนน้อยกว่าพวกเขามากนัก ถึงแม้พวกเราจะแข็งแกร่งก็ตาม แต่ก็ยังคงยากที่จะรับมือพวกเขาทั้งหมดได้ “
“แล้วสายสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองตระกูลละ ?” ชิงสุ่ยมองไปที่ฉินชิงอย่างจริงจัง
“มันแย่มาก! “
“โอ้?” ชิงสุ่ยมองไปที่ ฉินชิงด้วยความง่วยงง
“กู๋เยว่หลงเคยส่งคนมาที่ตระกูลของข้า เพื่อสู่ขอข้า แต่ข้าไม่เห็นด้วย และได้ปฏิเสธพวกเขา มันจึงได้ทำให้พวกเรานั้นเกิดความบาดหมางระวังกัน ยิ่งไปกว่านั้นข้ายังสัมผัสได้ว่าพวกเขานั้นจ้องที่จะเล่นงามพวกเราอยู่เสมอ เพื่อแก้แค้นข้า”ฉินชิงกล่าวออกมาด้วยเสียงที่ไม่พอใจ
“เจ้ามั่นใจได้เลยว่าสิ่งนั้นจะไม่เกิดขึ้น ตอนนี้ท่านปู่นั้นก็ยังสามารถมีชีวิตต่อไปได้อีกยืนยาว และยิ่งไปกว่านั้นท่านลุงนั้นก็เป็นคนที่แข็งแกร่งอย่างมาก”ชิงสุ่ยยิ้มและพูด
“แต่ข้านั้นก็ไม่มั่นใจมากนัก เพราะนิสัยที่ถ่อมตนของท่านพ่อทำให้ผู้คนมักคิดว่าท่านนั้นอ่อนแอ จึงทำให้ใครๆมักคิดว่าพวกเขานั้นไม้เหมาะที่จะเป็นผู้นำ “
“อย่างได้คิดมากไปยังไงซะตระกูลของเจ้านั้นก็แข็งแกร่งอย่างมาก โดยเฉพาะเจ้าในตอนนี้ ชิงเอ๋อ ไม่มีใครที่สามารถทำอะไรตรูกลของเจ้าได้หรอก “