บทที่ 1575 – แตกหัก มนุษย์เงือกมังกรสมุทรที่ทรงพลัง
ชิงสุ่ยรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้เหกองกำลังของศัตรูปรากฏตัวขึ้น ฉากที่เขาได้เห็นนั้นน่าตื่นตาตื่นใจอย่างยิ่ง
มังกรสมุทรขนาดใหญ่ ฉลามยักษ์ที่มหึมา และอีกหลายเผ่าพันธ์รวมตัวกันมาในตอนนี้ พวกเขามีจำนวนนับไม่ถ้วน แม้ว่าจะอยู่ไกลออกไปแต่ก็ยังสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน ดูเหมือนว่าพวกเขายังไม่ได้เปลี่ยนร่างกลับมาเป็นมนุษย์ในตอนนี้
มังกรสมุทรนั้นแตกต่างจากที่ชิงสุ่ยเคยได้เห็นมาก่อน เขาไม่รู้ว่าจะถือว่ามังกรสมุทรพวกนี้ถือเป็นมนุษย์ได้หรือไม่แต่ร่างของพวกเขานั้นดูใหญ่โต แข็งแรง กำยำและมีกรงเล็บขนาดใหญ่
มังกรสมุทรเหล่านี้มีสีฟ้าและมีขนาดที่มหึมา
“มังกรสมุทรพวกนี้สามรถแปลงกายเป็นมนุษย์ได้หรือไม่? ข้าจำได้ว่าเผ่ามังกรนั้นสูญเสียความสามารถในการแปลงกายเป็นมนุษย์มาตั้งแต่สมัยโบราณ” ชิงสุ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย
“มังกรสมุทรไม่สามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ได้แต่ผู้ปกครองของพระราชวังมังกรสมุทรนั้นคือมนุษย์เงือกมังกรสมุทร พวกเขาทรงพลังอย่างยิ่งเหมือนกับเผ่านาคาเร้นลับของเราแต่พวกเขาจะมีเพียงผู้ชายเท่านั้น” มู่หยุน ชิงเฉิงกล่าวออกมาเบาๆ
ฉลามยักษ์เหล่านี้ก็สืบสายเลือดมาตั้งแต่สมัยโบราณ พวกเขาเป็นจักรพรรดิของเผ่าฉลามยักษ์ ราชันย์ฉลามยักษ์ที่เป็นประมุขของเหล่าฉลามยักษ์นั้นมีมงกุฎสีทองอยู่บนศีรษะของพวกเขา
เมื่อพวกเขาจุดเดินทัพก็มีผู้นำ 4 คนเดินออกมา 2 คนเป็นชายวัยกลางคนที่ดูหล่อเหลาและดูเหมือนมนุษย์ทุกๆอย่าง เขาอยู่ในชุดสีฟ้า พวกเขามีลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง
อีก 2 คนนั้นอยู่ในชุดคลุมสีม่วงแต่บนศีรษะของพวกเขานั้นมีมงกุฎซึ่งแสดงถึงสถานะของพวกเขาอยู่ ชิงสุ่ย รู้ดีว่าทั้ง 4 คนนี้นั้นเป็นมนุษย์เงือกมังกรสมุทรและราชันย์ฉลามยักษ์ที่ปกครองพระราชวังมังกรสมุทรและพระราชวังฉลามอสูร
พระราชวังมังกรสมุทรนั้นไม่ได้มีเพียงมังกรสมุทรและมนุษย์เงือกมังกรสมุทร พระราชวังฉลามอสูรก็เช่นเดียวกันพวกเขาไม่ได้มีเพียงราชันย์ฉลามยักษ์เท่านั้น มังกรสมุทรแห่งพระราชวังมังกรสมุทรและมนุษย์เงือกมังกรสมุทรนั้นถือมีจำนวนน้อยในเผ่าของพวกเขา ราชันย์ฉลามยักษ์ก็เช่นเดียวกัน พวกเขาถือได้ว่าเป็นชนชั้นสูงที่ปกครองเผ่า
เมื่อชิงสุ่ยได้เห็นศัตรูเลือดภายในร่างกายของเขาก็พุ่งพล่านขึ้นทันที การสังหารหมู่ครั้งใหญ่กำลังรอคอยเขาอยู่ตรงหน้านี้
มนุษย์เงือกมังกรสมุทรเดินออกมาแล้วมองมาที่มู่หยุน ชิงเฉิงจากนั้นก็หันมามองอีเย่ เจี้ยนเก้อและชิงสุ่ย ท้ายที่สุดเขาก็หันกลับไปมองมู่หยุน ชิงเฉิง “ดียิ่งนักที่จ้าวประมุขวังกลับมาที่นี่ พระราชวังทะเลราชันย์ของเจ้าจะยอมแพ้แล้วยอมจำนนต่อพวกข้าหรือไม่?”
เสียงของชายคนนั้นค่อนข้างไพเราะและน่าฟัง เขาดูมีอายุไม่มากนัก คนจำนวนมากของพระราชวังทะเลราชันย์เริ่มขมวดคิ้วทันทีเมื่อได้ยินคำพูดเหยียดหยามเช่นนี้ เหล่าคนของพระราชวังทะเลราชันย์เริ่มก่นด่าสาปแช่งออกมา
“หยุดโอ้อวดสักที ท่านประมุขวังออกไปสังหารพวกมันให้หมด”
“สั่งสอนให้พวกมันได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร”
“ดูเหมือนว่าศัตรูของเราจะเตรียมตัวเตรียมใจมาแล้วในครั้งนี้!”
“พวกมันจะต้องชดใช้จากการกระทำของมัน”
……
“เจ้าต้องการให้ข้ายอมแพ้ต่อพระราชวังมังกรสมุทรหรือพระราชวังฉลามอสูรกันล่ะ?” มู่หยุน ชิงเฉิงยังคงสงบนิ่งเมื่อนางมองไปยังศัตรู
“ฮ่าฮ่า ไม่จำเป็นที่จ้าวประมุขวังจะต้องสร้างความบาดหมางต่อกันเช่นนี้ แค่เพียงเจ้ายอมแพ้ก็พอ หากพวกเราได้รวมตัวกันจะไม่ทรงพลังยิ่งขึ้นไปกว่านี้หรือ?” หนึ่งในราชันย์ฉลามยักษ์จากพระราชวังฉลามอสูรหัวเราะและกล่าวออกมา
“ย่อมดีถ้าหากพวกเราได้เป็นหนึ่งเดียวกัน เหตุใดพระราชวังมังกรสมุทรและพระราชวังฉลามอสูรจึงไม่มารวมตัวกับพระราชวังทะเลราชันย์กันละ? เช่นนั้นไม่ดีกว่าหรือ?” ชิงสุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม เขารู้ดีว่าศัตรูย่อมไม่ยอมถอยกลับไปอย่างแน่นอนและมู่หยุน ชิงเฉิงกับอีเย่ เจี้ยนเก้อเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะอีเย่ เจี้ยนเก้อนั้นก็ถือเป็นผู้สืบทอดแห่งเผ่านาคาเร้นลับ เพียงแต่พวกเขาไม่รู้ว่านางได้ตกเป็นของเขาแล้ว
จิน ลี่อวี้ก็ถูกหลอกใช้มาตั้งแต่ต้นแต่เขาก็รู้ดีเพราะเขาก็ไม่ใช่คนโง่ จิตใจของเขาผิดเพี้ยนไปแล้วใช่หรือไม่?
คำพูดของชิงสุ่ยงั้นไม่ได้ดุดันแต่อย่างใดแต่กลับทำให้ศัตรูรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก มนุษย์อสูรนั้นจะไม่ยอมแพ้ต่อผู้ใดโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์เช่นนี้ พวกเขารู้สึกว่าตนเองทรงพลังมากกว่าพระราชวังทะเลราชันย์ มนุษย์นั้นสงบนิ่งและไม่รีบร้อนในการแสวงหาความแข็งแกร่งแต่มนุษย์อสูรนั้นต่างออกไป พวกเขาชื่นชอบที่จะได้เหยียบย่ำผู้ที่อ่อนแอกว่า
“เจ้าเป็นใครกัน? เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้?” ราชันย์ฉลามยักษ์มองตรงมาที่ชิงสุ่ยด้วยความไม่พอใจ
ชิงสุ่ยถือเป็นคนแปลกหน้าสำหรับพวกเขา เพราะเขาพึ่งมาถึงที่นี่ได้เพียงไม่กี่วันและยังไม่มีผู้ใดทราบเรื่องนี้
“ข้าเป็นผู้ชายของนาง” ชิงสุ่ยหัวเราะออกมา
คำพูดง่ายๆเช่นนี้เพียงพอที่จะบั่นทอนหัวใจของเหล่าผู้นำของพระราชวังมังกรสมุทรและพระราชวังฉลามอสูร ในตอนนี้พวกเขามองตรงมาที่อีเย่ เจี้ยนเก้อและจากนั้นก็หันไปมองมู่หยุน ชิงเฉิง
พวกเขาสัมผัสได้ว่าร่างกายของอีเย่ เจี้ยนเก้อนั้นสูญเสียกลิ่นอายแห่งวารีอันบริสุทธิ์ไป เดิมทีความร่วมมือของพวกเขานั้นก็ขึ้นอยู่กับเรื่องนี้และจะแบ่งผลประโยชน์จากมู่หยุน ชิงเฉิงและอีเย่ เจี้ยนเก้อแยกกันไป แต่ในตอนนี้มีเพียงมู่หยุน ชิงเฉิงที่ยังหลงเหลือกลิ่นอายแห่งวารีนี้อยู่ สมบัติที่ใหญ่ที่สุดของพระราชวังทะเลราชันย์นั่นก็คือหญิงสาวทั้งสองคนนี้ที่จะสามารถทำให้พวกเขาได้รับพลังอันยิ่งใหญ่
โดยปกติแล้วเหล่าพันธมิตรที่ขัดผลประโยชน์กันจะล่มสลายไปอย่างรวดเร็ว หลังจากนี้ถ้าหากพวกเขาเป็นฝ่ายชนะก็คงจะมีสงครามแย่งชิงสมบัติเกิดขึ้น
ชิงสุ่ยมีชีวิตมาแล้วถึง 2 ครั้งดังนั้นสายตาของเขาเฉียบแหลมอย่างยิ่ง เขายิ้มออกมา “เช่นนั้นแล้วเหตุใดพวกเจ้าทั้งสองจึงไม่ต่อสู้กันเองและผู้ชนะจะสามารถเข้าร่วมกับพวกเราได้”
นี่เป็นการยุแยงให้เกิดปัญหาอย่างตรงไปตรงมา
“เจ้าหนุ่ม เจ้าต้องตายในวันนี้” มนุษย์เงือกมังกรสมุทรที่อยู่ในชุดสีฟ้าตะโกนออกมา
“ข้าจะให้เวลาพวกเจ้า 1 ชั่วโมงครึ่ง ถ้าหากพวกเจ้ายังล้มอีกฝ่ายไม่ได้ภายในเวลาที่กำหนดนี้ข้าก็ต้องขอบอกลา แม้ว่าพวกเจ้ายืนยันที่จะเข้าร่วมกับพวกเราก็ตาม” ชิงสุ่ยราดน้ำมันใส่กองไฟเพิ่มขึ้นอีก
“พี่ชายหลง กำจัดไอ้นี่ออกไปก่อนดีหรือไม่?” ราชันย์ฉลามยักษ์นั้นรู้สึกโกรธอย่างยิ่ง เดิมทีนั้นพวกเขาแบ่งผลประโยชน์ที่จะได้รับกันอย่างชัดเจนแต่ในตอนนี้มันยากที่จะบอกได้ว่าพระราชวังมังกรสมุทรจะไม่หักหลังพวกเขา
นี่ไม่ใช่เรื่องตลกแต่อย่างใด เพราะถ้าหากเขามีโอกาสเขาก็พร้อมที่จะหักหลังพระราชวังมังกรสมุทรได้ทุกเมื่อ
“ข้าเองก็คิดเช่นนั้น สังหารเขาก่อน จ้าววังที่ 2 จะเป็นของผู้ที่สังหารเขาได้ ตกลงหรือไม่?” มนุษย์เงือกมังกรสมุทรกล่าวออกมาเสียงดัง
มนุษย์อสูรนั้นต่างก็เป็นเช่นนี้ ผู้หญิงนั้นเป็นเพียงเครื่องประดับสำหรับพวกเขา เหล่ามนุษย์อสูรที่ทรงพลังนั้นต่างก็มีหญิงสาวในครอบครองมากมายและนี่ก็เป็นวิธีที่พวกเขาจะสามารถเพิ่มพลังให้แก่ตัวเองได้
สีหน้าของชิงสุ่ยเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของศัตรู เขามองไปที่มนุษย์เงือกมังกรสมุทรและกล่าวว่า “ข้าเปลี่ยนใจแล้ว ข้าจะไม่ยอมรับพวกเจ้าแม้ว่าเจ้าจำคุกเข่าขอร้อง โดยเฉพาะเจ้า”
ชิงสุ่ยชี้ไปที่ราชันย์ฉลามยักษ์
“ฮ่าฮ่า ยโสโอหังและอวดดี มาเถอะ ข้าอยากจะรู้ว่าพลังของเจ้าจะดีเหมือนปากหรือไม่” ราชันย์ฉลามยักษ์รู้สึกโกรธมากขึ้นทันทีเมื่อชิงสุ่ยชี้มาที่เขา
“ออกไปพร้อมกันและดูว่าใครจะสังหารเขาได้ก่อน” มนุษย์เงือกมังกรสมุทรที่กล่าวขึ้นก่อนหน้านี้ก็เดินออกมา
พวกเขากำลังแข่งกันว่าใครจะเป็นผู้ที่สังหารชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าได้ก่อน พวกเขาคิดว่าชิงสุ่ยจะไม่สามารถรับมือกับพวกเขาได้แม้แต่กระบวนท่าเดียวและเป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขาก็คืออีเย่ เจี้ยนเก้อ
“ชิงสุ่ย ข้าจะออกไปพร้อมกับเจ้า!” อีเย่ เจี้ยนเก้อเดินออกมา
“ข้าเพียงคนเดียวก็สามารถรับมือกับพวกเขาได้” ชิงสุ่ยยิ้มให้กับนาง
อีเย่ เจี้ยนเก้อจ้องมาที่ดวงตาของเขาและพยักหน้า “ระวังด้วย”
ชิงสุ่ยมองตรงไปที่มู่หยุน ชิงเฉิง นางพยักหน้าให้เขาด้วยรอยยิ้ม “ระวังด้วย พวกเราจะเตรียมตัวรับศึกครั้งใหญ่”
ชิงสุ่ยพยักหน้า
ชิงสุ่ยรู้ว่ายังไงวันนี้สงครามก็ต้องเกิด เพียงแต่เขาจะต้องกำจัดทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้าก่อน แม้ว่ามันจะไม่ได้ง่ายดายแต่ก็ไม่ได้ยากจนเกินไป เขามั่นใจกับความคิดของตนเองในตอนนี้
พลังในตอนนี้ของชิงสุ่ยเพิ่มขึ้นอีกมากมายหลังจากที่เขาได้หลับนอนกับอีเย่ เจี้ยนเก้อ ชิงสุ่ยนำง้าวทองทะลวงศัตรูของเขาออกมาและกวัดแกว่งมันด้วยมือขวา
ผนึกคลื่นเมฆาผกผัน!
ศัตรูนั้นเชี่ยวชาญด้านการโจมตีธาตุน้ำแต่ชิงสุ่ยนั้นใช้การโจมตีธาตุไฟ โลหะ น้ำ ไม้ ไฟ และดินธาตุต่างๆพวกนี้ต่างก็ส่งเสริมและทำลายซึ่งกันและกัน
ผนึกคลื่นเมฆาผกผันดูเหมือนจะทรงพลังมากยิ่งขึ้นเมื่อมันใช้ออกมาภายในน้ำเช่นนี้
กระบี่ทองคำ!
ชิงสุ่ยควบคุมปราณของเขาออกมาเป็นกระบี่ทองคำและยิงตรงไปที่ศัตรู
ในตอนนี้มนุษย์เงือกมังกรสมุทรและราชันย์ฉลามยักษ์ก็ตระหนักได้ว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นทรงพลังอย่างยิ่ง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมเขาจึงมีความมั่นใจเช่นนี้ พวกเขายังสงสัยว่าชิงสุ่ยนั้นมาจากเผ่าใดในทะเลแห่งนี้หรือไม่เพราะเขาสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระในน้ำ
ฟุ่บ!
มนุษย์เงือกมังกรสมุทรกระโดดหลบไปแต่ลูกน้องที่อยู่ด้านหลังของเขานั้นตายไปในทันที นี่แสดงให้เห็นว่าเคล็ดวิชาที่ชายหนุ่มตรงหน้าเขาปลดปล่อยออกมานั้นทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง
โฮก!
มนุษย์เงือกมังกรสมุทรคำรามออกมาเสียงดังจากนั้นร่างกายของเขาก็ขยายใหญ่ขึ้นแต่ก็ยังเป็นมนุษย์อยู่ สิ่งเดียวที่ต่างออกไปคือร่างกายของเขาเริ่มมีเกล็ดขึ้นมาปกคลุมและศีรษะของเขาได้กลายเป็นศีรษะของมังกรสมุทรขนาดใหญ่
นี่คือมนุษย์เงือกมังกรสมุทรซึ่งครอบครองพลังของมังกรสมุทรและยังสามารถใช้เคล็ดวิชาที่ทรงพลังของเผ่ามังกรได้ ยิ่งไปกว่านั้นเผ่ามังกรยังทรงพลังในทุกๆด้าน พวกเขามีเคล็ดวิชาที่ทรงพลัง มีร่างกายที่แข็งแกร่ง และที่สำคัญที่สุดพวกเขามีพลังปราฌมากมาย แน่นอนว่ามังกรสมุทรนั้นไม่อาจเทียบได้กับมังกรที่แท้จริง
มนุษย์เงือกมังกรสมุทรขนาดยักษ์ถือค้อนสีฟ้าในมือของเขา มันสร้างขึ้นมาจากผลึกน้ำแข็ง 10,000 ปี
ตาย!
มนุษย์เงือกมังกรสมุทรฟาดค้อนของเขาส่งมาที่ชิงสุ่ยทันที ในตอนนี้เขาเป็นเหมือนมดที่กำลังจะถูกช้างเหยียบ น้ำที่อยู่โดยรอบดูเหมือนจะไม่ส่งผลต่อพลังของค้อนที่ตรงเข้ามาเลย กลับกันมันกลับสามารถเพิ่มพลังให้แก่ค้อนที่ตรงเข้ามาได้
ชิงสุ่ยไม่กล้ารับมือกับการโจมตีที่ตรงเข้ามามนุษย์เงือกมังกรสมุทร ดังนั้นเขาจึงพยายามที่จะหลบแทน
มนุษย์เงือกมังกรสมุทรนั้นเป็นเหมือนผู้ปกครองแห่งพระราชวังมังกรสมุทร พวกเขาเป็นหนึ่งในเผ่าที่ทรงพลังที่สุดในทะเล
ฮู่ม…
ชิงสุ่ยหลบค้อนยักษ์ที่ฟาดลงมาได้ กระบี่ทองคำในมือของเขายิงออกไปหาศัตรูในทันที
ปัง!
กระบี่ทองคำสลายไปแต่ตอนนี้มีรูขนาดเท่ากำปั้นบนร่างกายของมนุษย์เงือกมังกรสมุท นี่มากพอที่จะทำให้มนุษย์เงือกมังกรสมุทรรู้สึกโกรธมากยิ่งขึ้นได้ ค้อนในมือทั้งสองข้างของเขากวัดแกว่งขึ้นอีกครั้งฟาดตรงมาที่ชิงสุ่ยอย่างรุนแรง
ปัง!
ค้อนขนาดยักษ์กระแทกเข้าหากันและมวลน้ำโดยรอบก็พุ่งกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว คนมากมายที่อยู่โดยรอบต่างก็ได้รับบาดเจ็บจากสิ่งที่เกิดขึ้นนี้