บทที่ 1584 – ร้อยมือสังหาร การทรยศ พระราชวังสุริยันกำลังมา
ชิงสุ่ยได้สะสมยาเม็ดเอาไว้จำนวนมากและมันก็เพียงพอสำหรับ 100 คนที่นี่ ยิ่งไปกว่านั้น ยาเม็ดชนิดนี้ก็ไม่ได้มีประโยชน์ต่อเขามากนัก แต่มันจะเป็นยาเม็ดชั้นยอดสำหรับมนุษย์เงือกเกล็ดทมิฬ
ชิงสุ่ยหยิบยากระตุ้นสายเลือด ยาเสริมกระดูก และยาฟื้นกายาออกมา
ส่วนยาเม็ดสวรรค์หยางมีเหลืออยู่เพียงไม่กี่เม็ดและเขาได้เก็บมันได้สำหรับอีเย่เจี้ยนเก้อและมู่หยุนชิงเฉิงแล้ว
ใน 2 วันนี้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นกับความแข็งแกร่งของเหล่ามนุษย์เงือกเกล็ดทมิฬ มนุษย์เงือก 2 คนได้ทะลวงผ่านมาถึงระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาจขั้นต้นด้วยยาเม็ดกระตุ้นสายเลือด
นี่เป็นผลกำไรอย่างมากสำหรับมนุษย์เงือกเกล็ดทมิฬ แม้แต่มู่หยุนชิงเฉิงก็คาดไม่ถึง เธอมองไปที่มนุษย์เงือกเกล็ดทมิฬที่ก้าวหน้าขึ้น โดยปกติมันต้องใช้เวลาหลายร้อยปีในการบรรลุถึงระดับดังกล่าว
ถึงแม้มู่หยุนชิงเฉิงจะประหลาดใจ เธอก็ยังยอมรับในเรื่องนี้ได้ เพราะเธอเองก็ประสบความสำเร็จขึ้นในช่วงที่ทำการรักษาพิษ ความแข็งแกร่งของเธอและอีเย่เจี้ยนเก้อเพิ่มขึ้นอย่างมาก รวมทั้งชิงสุ่ยด้วยเช่นกัน
มู่หยุนชิงเฉิงเรียกสมาชิกทั้งหมดมารวมตัวกันและให้พวกเขาดูรูปแบบปัญจธาตุ หลังจากอธิบาย การฝึกฝนก็เริ่มต้นขึ้น หากมีข้อผิดพลาดใดๆ ชิงสุ่ยที่อยู่ที่นี่จะชี้แนะและแก้ไขมันให้ถูกต้อง
มนุษย์อสูรไม่ได้มีพรสวรรค์เกี่ยวกับเรื่องรูปแบบ พวกเขานั้นมีร่างกายที่มีประสิทธิภาพ ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็รู้ดีถึงความน่ากลัวของรูปแบบ พวกเขาเคยได้รับความสูญเสียมาแล้วมากมายในขณะที่ต่อสู้กับมนุษย์ เนื่องมาจากรูปแบบที่ทำให้ความแข็งแกร่งของพวกเขาลดลง
เช่นนั้นมนุษย์อสูรจึงกระหายให้การเรียนรู้รูปแบบ
แม้มันจะคืบหน้าไปอย่างช้าๆ ชิงสุ่ยก็คอยอยู่ตรงนั้นเพื่อบอกตำแหน่งและอธิบายในจุดที่พวกเขาไม่เข้าใจ เขาให้คำแนะนำและสั่งการแต่ละคนโดยตรง ถึงแม้รูปแบบจะมีความยืดหยุ่นน้อยลง แต่ความเร็วก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
แกนหลักเป็นส่วนสำคัญที่สุดของรูปแบบ และยังมีบางส่วนสำคัญที่จะต้องใช้มนุษย์เงือกระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาจคอยประจำตำแหน่ง พวกเขาสามารถครอบคลุมไปถึงตำแหน่งของคนอื่นๆและคอยรักษาเสถียรภาพของรูปแบบได้
ท้ายที่สุดพวกเขาก็ประสบความสำเร็จอย่างยากลำบาก การใช้รูปแบบครั้งแรกเป็นสิ่งที่ยาก หลังจากนี้พวกเขาจะเริ่มคุ้นเคยกับรูปแบบด้วยตัวเอง และความเร็วขณะที่ใช้รูปแบบก็จะเพิ่มขึ้น
……
ชิงสุ่ยเริ่มเร่งจังหวะของรูปแบบให้เร็วขึ้นและสั่งการว่าพวกเขาควรทำอย่างไร เขาจะจับคู่กับพวกมนุษย์เงือกและบอกว่าควรจู่โจมแบบไหนและยืนตำแหน่งเช่นไร สำหรับบางคน ชิงสุ่ยจะอธิบายเกี่ยวกับช่วงจังหวะที่ดีที่สุดในการจู่โจมและการโจมตีที่สามารถปิดบัญชีได้ในครั้งเดียว…
การสอบถึงหลักของรูปแบบให้กับพวกเขาเป็นอะไรที่ค่อนข้างเหนื่อย อย่างไรก็ตามมันจะเป็นประโยชน์อย่างมากเมื่อพวกเขารู้ว่าต้องทำอะไร
รูปแบบปัญจธาตุมีหลากหลายแบบ สิ่งสำคัญคือการกำหนดธาตุทั้งห้า มันเป็นการโจมตีที่ใช้ธาตุทั้งห้าและยับยั้งการโจมตีของศัตรูด้วยธาตุที่ต่อต้านกัน
ด้วยการใช้ธาตุที่ต่อต้านกัน มันจะทำให้พลังของศัตรูลดลงไปอย่างมาก รูปแบบนี้สามารถช่วยเสริมพลังและความสามารถในการป้องกันไปในคราวเดียวกัน
ชิงสุ่ยต้องการให้พวกเขาทำความคุ้นเคยกับองค์ประกอบของธาตุทั้งห้าและให้พวกเขาเข้าใจถึงธาตุที่แต่ละคนรับผิดชอบ หลังจากทำความเข้าใจหลักการของมันแล้ว พวกเขาจะต้องตัดสินใจใช้ธาตุที่เหมาะสมกับศัตรู มิฉะนั้นพวกเขาอาจทำให้ตัวเองกลายเป็นตัวตลกได้
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ความคืบหน้าของเหล่ามนุษย์เงือกเกล็ดทมิฬค่อนข้างรุดหน้าไปได้ด้วยดี ชิงสุ่ยรู้สึกว่าประสบความสำเร็จเมื่อมองดูพวกเขาฝึกฝน พวกเขาเป็นองค์รักษ์ของมู่หยุนชิงเฉิงและอีเย่เจี้ยนเก้อ ชื่อของพวกเขาได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว
ร้อยมือสังหาร!
พวกเขาเป็นกองกำลังมือสังหาร
ชิงสุ่ยรู้ว่ามันเป็นไปได้ที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพวกเขาภายในระยะเวลาสั้นๆเช่นนี้ แม้แต่เขาก็ยังไม่สามารถทำแบบนี้ได้ อย่างไรก็ตามพวกเขาคงคาดไม่ถึงว่าจะเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นได้ภายในไม่กี่วันที่ผ่านมา
ชิงสุ่ยต้องการใช้ประโยชน์จากพลังของพวกเขาผ่านทางรูปแบบ เขามีฝึกตนที่เหมาะสมสำหรับมนุษย์เงือกเกล็ดทมิฬ
การเพิ่มความแข็งแกร่งของพวกเขาต้องเน้นไปที่สภาพของร่างกาย แม้ว่ามันจะไม่ใช่เคล็ดวิชาการต่อสู้ที่ซับซ้อน แต่ชิงสุ่ยรู้ว่ามันเหมาะกับมนุษย์เงือกเกล็ดทมิฬและมันไม่ได้ด้อยไปกว่าศิลปะการต่อสู้อื่นๆเมื่อฝึกฝนจนเชี่ยวชาญ
การเพิ่มพละกำลังจะช่วยเสริมความทนทานและพลังที่ปล่อยออกมา นี่เป็นเหตุผลที่ชิงสุ่ยเลือกเพิ่มความแข็งแรงให้กับพวกเขา
ขณะที่ชิงสุ่ยกำลังแนะนำการฝึกให้กับมนุษย์เงือกเกล็ดทมิฬ มู่หยุนชิงเฉิงและอีเย่เจี้ยนเก้อก็กำลังฝึกฝนด้วยเช่นกัน
สำหรับชิงสุ่ย มนุษย์เงือกเกล็ดทมิฬไม่ได้มองเขาว่าเป็นผู้พิทักษ์ของพระราชวังทะเลราชันย์ พวกเขาเริ่มกล่าวคำแทนชื่อเขาด้วยความสุภาพว่า ‘อาจารย์’
‘อาจารย์’ แตกต่างจาก ‘ปรมาจารย์’ เฉพาะผู้ที่รู้สึกว่าพวกเขาไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นศิษย์หรือบุคคลที่ให้คำชี้แนะไม่ยอมรับพวกเขาเป็นสาวก พวกเขาก็จะใช้คำว่า ‘อาจารย์’
ชิงสุ่ยปฏิเสธคำนี้หลายครั้งในตอนเริ่มต้น แต่มันก็ไม่เป็นผลใดๆ ดังนั้นเขาจึงปล่อยให้พวกเขาทำตามที่ต้องการ
เรื่องที่ชิงสุ่ยสอนมนุษย์เงือกเกล็ดทมิฬค่อนข้างเป็นความลับ มีคนจำนวนน้อยเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ พระราชวังทะเลราชันย์กลับมาสงบเหมือนในอดีตอีกครั้ง แต่น้อยคนนักที่จะทราบว่าปัญหากำลังคืบคลานเข้ามายังพระราชวังทะเลราชันย์เร็วๆนี้ พวกเขาส่วนมากไม่รู้อะไรและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขดังเดิม
เหตุผลที่ชิงสุ่ยทำทั้งหมดนี้เป็นเพราะอีเย่เจี้ยนเก้อ และเขาก็ถือว่าเป็นเพื่อนของมู่หยุนชิงเฉิง เขาต้องการช่วยแบกเบาภาระของอีเย่เจี้ยนเก้อ
หลังจากผ่านไป 1 สัปดาห์ ชิงสุ่ยและหญิงสาวทั้งสองก็นั่งพูดคุยกันถึงปัญหาที่จะมาถึง มนุษย์เงือกเกล็ดทมิฬกำลังดำเนินงานของพวกเขาไปได้ด้วยดี พวกเขาอยู่ในอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน จู่ๆก็มีมนุษย์เงือกคนหนึ่งเร่งรีบเข้ามา “รายงานท่านประมุข ตอนนี้พวกเงือกอสูรทมิฬคิดก่อการกบฏ”
มู่หยุนชิงเฉิงลุกขึ้นยืน ท่าทีของเธอดูสงบ “เอาหล่ะ เจ้าไปพักผ่อนได้”
ชิงสุ่ยสามารถบอกได้ว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่น่าลำบากใจสำหรับเธอ พระราชวังทะเลราชันย์มีพื้นที่ค่อนข้างกว้างใหญ่ มีเพียงกลุ่มอำนาจบางส่วนเท่านั้นที่อยู่ภายใต้การปกครองของพระราชวังทะเลราชันย์ ยังคงมีกลุ่มอื่นที่ไม่ขึ้นตรงต่อพระราชวังทะเลราชันย์
ชนเผ่าที่สามารถทำเช่นนี้ได้คือชนเผ่นที่มีพลังทัดเทียมกับพระราชวังทะเลราชันย์ พวกเขาไม่ต้องการตกอยู่ใต้อาณัติของกลุ่มอำนาจอื่น พวกพัฒนาตัวเองขึ้นมาโดยอาศัยอยู่ภายใต้เขตแดนของพระราชวังทะเลราชันย์ แต่พวกเขาไม่เคยทุ่มเทความพยายามใดๆเพื่อช่วยเหลือพระราชวังทะเลราชันย์
“พระราชวังสุริยันจะต้องมาเร็วๆนี้แน่” มู่หยุนชิงเฉิงถอนหายใจ
ชิงสุ่ยรู้สึกเหมือนกัน ไม่เช่นนั้นคงไม่มีเหตุผลให้กลุ่มเงือกอสูรทมิฬคิดก่อการกบฏ ถึงแม้พวกเขาจะแข็งแกร่ง พวกเขาก็คงไม่ตัดสินใจแบบนี้หากสถานการณ์ทุกอย่างปกติดี
“มันจะมาถึงในไม่ช้าก็เร็ว จะดีกว่าหากพวกเขามาตั้งแต่ตอนนี้ นี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น เรามาดูกันว่าจะมีสักกี่คนที่ภักดีต่อพระราชวังทะเลราชันย์”
ชิงสุ่ยกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่มนุษย์เงือกก็เข้ามาอีกครั้ง “ท่านประมุข เผ่าหมาป่าฉลามได้ย้ายฝ่ายไปแล้ว!”
มู่หยุนชิงเฉิงยังคงนิ่งสงบ “ข้าเข้าใจแล้ว คอยรายงานสถานการณ์ให้ข้ารู้เป็นระยะๆด้วย”
ชิงสุ่ยมองไปที่มู่หยุนชิงเฉิงด้วยรอยยิ้ม “ท่านรู้สึกลำบากใจงั้นหรือ?”
อีเย่เจี้ยนเก้อหัวเราะ “หากผู้ใดต้องการจะอยู่ก็ให้อยู่ไป หากใครต้องการจะไปก็ปล่อยไปซะ พวกเขาอาจจะได้รับอันตรายถ้ายังคงอยู่”
มู่หยุนชิงเฉิงพยักหน้า “ข้าจะเดินหน้าต่อไป ข้ารู้สึกสบายใจกว่าหากพวกเขาจากไป เช่นนั้นข้าก็จะสามารถยุบพระราชวังทะเลราชันย์ลงได้ มันจะช่วยลดความกังวลที่มีอยู่ในใจออกไป”
“ไม่จำเป็นต้องคิดในแง่ร้ายแบบนั้น พระราชวังทะเลราชันย์เป็นผู้นำของสิ่งมีชีวิตที่หลากหลาย มันจะมีเพียงไม่กี่กลุ่มคนที่จากไป”
หลังจากนั้น มนุษย์เงือกก็รายงานสถานการณ์นับสิบครั้ง มีเผ่าที่ออกจากใต้อาณัติของพระราชวังทะเลราชันย์จำนวน 10 เผ่า
แต่พวกเขารู้ว่านี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่ม หากพวกเขาคาดเดาถูกต้อง พระราชวังสุริยันจะต้องใช้พวกนั้นเป็นแนวหน้าและเปลี่ยนสหายในวันวานให้กลายเป็นศัตรู ฉากนี้คงเป็นสิ่งที่น่าตกใจและเจ็บปวดอย่างมาก
ตามที่คาดไว้ ข่าวนี้ได้มาถึงหลังจาก 2 วันให้หลัง ชนเผ่าที่กลายเป็นอิสระเหล่านั้นได้จัดตั้งกองกำลังและเข้ามาท้าทายพระราชวังทะเลราชันย์ มู่หยุนชิงเฉิงยิ้มอย่างหมดหนทางเมื่อทราบข่าว
พระราชวังสุริยันมักกดขี่ผู้ที่อ่อนแอกว่าด้วยการใช้กำลัง พวกเขาจะข่มขู่และสัญญาว่าจะมอบส่วนแบ่งให้หากจัดการอีกฝ่ายได้ เมื่อเผชิญหน้ากันในสนามรบ พวกเขาจะเฝ้ามองดูอยู่ห่างๆและค่อยลงมือหลังจากนั้น
ชิงสุ่ยและอีเย่เจี้ยนเก้อก็ได้รับข่าวเช่นกัน เขาไม่ได้ตื่นตระหนกอะไร นั่นเป็นเพราะเขาไม่ได้หวาดกลัวต่อพระราชสุริยัน
“เจี้ยนเก้อ พวกเราไปดูกันเถอะ ถึงเวลาแล้วที่กองกำลังมือสังหารจะลงมือ”
ความแข็งแกร่งของเงือกอสูรทมิฬค่อนข้างไม่ธรรมดาและแข็งแกร่งยิ่งกว่าแต่ก่อน พวกเขาเก่งในการต่อสู้จริง มันนับว่าลำบากสำหรับผู้ที่อยู่ในระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาจหากเข้าร่วมในการต่อสู้ขนาดใหญ่เช่นนี้ เนื่องจากพวกเขามีเพียงไม่กี่คน