บทที่ 1588 – คำสารภาพจากประมุขพระราชวังสุริยัน
ชิงสุ่ยไม่ได้กลัวว่ามันจะเป็นกลอุบายใดๆ สำหรับคนระดับเขา กับดักนั้นช่างไร้ประโยชน์
ในขณะที่เขาติดตามมนุษย์วานรวารี เขาสังเกตเห็นว่าหลายคนทักทายมนุษย์วานรวารีด้วยความเคารพ ดูเหมือนว่ามนุษย์วานรวารีจะมีตำแหน่งที่สูงพอตัว
ที่พักโดยรอบดึงดูดความสนใจชิงสุ่ย ทุกๆที่ซึ่งเดินผ่านเต็มไปด้วยที่พักน้อยใหญ่ แต่ชิงสุ่ยไม่ได้รู้สึกเสียขวัญเลย
มนุษย์วานรวารีเงียบสนิทและเดินอย่างรีบเร่ง ชิงสุ่ยเหมือนจะไม่ได้เคลื่อนไหวรวดเร็ว ถึงอย่างนั้นเขาก็สามารถตามมนุษย์วานรวารีทันอย่างง่ายดาย
“ที่พักของท่านประมุขอยู่ข้างหน้า ข้าไม่สามารถนำทางเจ้าไปได้ มันถือเป็นกฏ” น้ำเสียงของมนุษย์วานรวารีสุภาพขึ้นหลังจากเห็นความแข็งแกร่งของชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยไม่สงสัยต่อคำพูดของเขา เขาสัมผัสได้ถึงพลังที่รุนแรงจากที่พัก เขาพยักหน้าและเริ่มเดินไป แต่แล้วเขาก็หยุดอยู่ตรงหน้าที่พัก
จากนั้นมีเสียงเบาๆดังมาจากข้างใน “อะไรกัน อย่าบอกนะว่าเจ้ากลัว?” เสียงนั้นสงบมาก ชิงสุ่ยเข้าไปในที่พักโดยไม่ตอบกลับ
ภายในที่พักกว้างขวางมาก มันมีการตกแต่งเล็กน้อยด้วยของทั่วไป ของใช้ส่วนใหญ่เป็นสีเทา โดยรวมแล้วมันเรียบง่าย แต่ก็น่าประทับใจ
ในที่พักมีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งจิบชาอยู่ ชิงสุ่ยรู้สึกได้ว่าเธอแข็งแกร่งและมีบางอย่างที่ไม่ใช่มนุษย์ เขาจำได้ว่าพระราชวังสุริยันถูกปกครองโดยมนุษย์เงือก
ผู้หญิงคนนี้อาจเป็นนางเงือก เธอมีรูปร่างที่เพรียวบางและมีส่วนโค้งเว้าที่งดงาม เธอดูมีเสน่ห์มาก แม้ว่าเธอจะนั่งอยู่ ชิงสุ่ยมองตรงไปที่หน้าเธอ มันน่าทึ่งมาก เธอมีดวงตาที่เป็นประกายและคิ้วที่สวยงาม ผมที่ยาวสลวยของเธอมีปิ่นปักผมสีน้ำเงินคาดอยู่ มันทำให้เธอยิ่งดูงดงาม
หญิงผู้นี้ยืนขึ้นเผยให้เห็นเรียวขาที่ยาว เธอเตี้ยกว่าชิงสุ่ยเล็กน้อย เธอยิ้มให้กับชิงสุ่ย
“เจ้าเป็นประมุขงั้นหรือ?” ชิงสุ่ยถามด้วยรอยยิ้ม เขาค่อนข้างขำ
“ข้าไม่เหมือนประมุขงั้นหรือ?”
“ไม่เลย”
“นั่งลงเถอะ” ผู้หญิงคนนี้กล่าวและรินชาลงในถ้วยให้ชิงสุ่ย
“มีอะไรถึงมาเยี่ยมข้ากระทันหัน” เธอกล่าวต่อขณะที่รินน้ำชา เธอไม่ได้ถามถึงตัวตนของชิงสุ่ย เพราะเธอรู้มันอยู่แล้ว
“ข้าเพียงแค่เดินดูไปรอบๆและมาพบที่นี่เข้า ดังนั้นข้าจึงคิดว่าน่าจะลองมาพบเจ้า” ชิงสุ่ยบอกความจริง
อย่างไรก็ตามผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะสงสัยคำพูดของเขา ไม่มีใครที่มีสติจะเชื่อกับคำพูดของเขาในทันที
“พบข้า เจ้ามีความมั่นใจอะไร คุณชายชิง! เจ้ามาที่นี่คนเดียว แต่เจ้ากลับไม่เป็นกังวลเลย” ผู้หญิงหัวเราะเสียงดัง
“พระราชวังสุริยันเป็นชื่อที่น่าสนใจ อืม ข้าสงสัยว่าทำไมมันถึงชื่อนี้” ชิงสุ่ยเปลี่ยนหัวข้อ
“เจ้าช่างหยาบคาย เจ้าเมินเฉยต่อคำถามของข้าได้อย่างไร” เธอดูจะไม่สบอารมณ์ แต่น้ำเสียงของเธอก็ยังคงนุ่มนวล
“มันไม่มีอะไรต้องกังวล ตอนนี้ข้ารู้สึกว่าที่นี่คือแดนสวรรค์แห่งนางเงือก” ชิงสุ่ยตอบ แม้ว่าเธอจะเป็นประมุขของพระราชวังสุริยัน เธอก็ค่อนข้างมีเสน่ห์
นั่นคือสิ่งที่เขาคิด แต่ผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะไม่สนใจเลย เขาแปลกใจที่เธอยังนิ่งสงบอยู่ได้ เสน่ห์ที่เขามีใช้ไม่ได้ผลหรือไม่…?
“เจ้าล้วนพ่นแต่คำโกหก ข้าเข้าใจว่าผู้ชายดีๆเช่นเจ้าคงใกล้ที่จะสูญพันธุ์แล้ว” เธอหัวเราะเบาๆไปที่ชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยหยุดและยิ้ม “เจ้าเป็นคนแรกที่พูดว่าข้าเป็นคนดี”
“โอ๊ะ ทำไมงั้นหรือ?”
“เพราะข้าเป็นคนที่นิสัยเสีย ข้าไม่สามารถทนต่อสิ่งยั่วยุได้”
“เจ้ากล่าวถ้อยค้ำโกหกอีกแล้ว” เธอยิ้มเยาะ
“เอาหล่ะ พวกเราจบเรื่องนั้นกันเถอะ ข้าคิดว่าเจ้าน่าจะลองหาผู้ชายมาไว้ข้างกายสักคน” ชิงสุ่ยตอบ
เธองุนงงและส่ายหัว “ช่างมันเถอะ เจ้ามีธุระอะไร ต้องการสงบศึกงั้นหรือ?” หญิงสาวกล่าวด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ
“อืมม มันไม่ใชเรื่องการเจรจา ข้าเพียงแค่จะมาดูว่าเจ้าเป็นคนประเภทไหน ข้าอยากรู้ว่าเจ้าคิดอะไรและต้องการอะไร” ชิงสุ่ยกล่าวตรงๆ แต่การแสดงออกของเขาก็ดูเหมือนการพูดหยอกล้อกับเพื่อน
มันเป็นครั้งแรกที่มีคนพูกกับเธอแบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นชายหนุ่ม เธอไม่ได้สูญเสียความเยือกเย็น แต่เธอก็ยังรู้สึกอึดอัด
“ข้าไม่สนใจว่าจะข้าจะทำอะไร ตราบเท่าที่ข้าได้ผลประโยชน์ เจ้าคิดว่าอย่างไร?” เธอยิ้มอย่างฝืนๆ
“เจ้าไม่ได้ตอบคำถามของข้า เจ้าตั้งใจจะทำอะไรกับพระราชวังทะเลราชันย์?” ชิงสุ่ยถามคำถามซ้ำ
“พระราชวังทะเลราชันย์สังหารผู้ที่อยู่ใต้การปกครองของข้า ข้าจำเป็นต้องมีเหตุผลอื่นงั้นหรือ?” เธอจ้องมองชิงสุ่ย เธอหวังว่าจะได้เห็นปฏิกิริยาบางอย่าง แต่เธอก็ล้มเหลว
ชิงสุ่ยส่ายหัว “มันมีอะไรมากกว่านั้น บอกมันมาเถอะ ข้าไม่ต้องการให้เรื่องนี้มันจบอย่างไม่น่าพอใจ”
เธอยังคงมองเขา ไม่ง่ายเลยที่จะรับมือกับผู้ชายคนนี้ เขาไม่เพียงแข็งแกร่ง แต่เขายังมีความมั่นใจอย่างน่าเหลือเชื่อ ด้วยพลังระดับนี้… เธอแทบจะอดใจไว้ไม่ไหวที่จะได้ต่อสู้กับเขา
เธอหัวเราะกับความคิดของเธอเอง มันนานมากแล้วที่เธอรู้สึกเช่นนี้ นี่อาจเป็นโชคชะตาหรือไม่?
อย่างไรก็ตามเธอไม่ต้องการทำให้ชายคนนี้เป็นศัตรู เธอไม่อยากให้เขาฆ่าหรือทำร้ายตัวเธอ ความรู้สึกเหล่านี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
เขาอ่านคนเก่ง เขาจึงสังเกตได้อย่างรวดเร็วว่ามีบางอย่างแปลกๆเกิดขึ้นจากท่าทีของเธอ “มีอะไรหรือ?”
เธอฟื้นคืนสติอย่างรวดเร็วและยิ้มตอบ “เจ้าเชื่อหรือไม่หากข้าบอกว่าข้าต้องการตัวเจ้า?”
ชิงสุ่ยสั่นไหว มันยากที่จะเข้าใจความคิดของผู้หญิง ส่วนใหญ่เขาคิดว่าพวกเธอไม่มีเหตุผลและคาดเดาไม่ได้
ด้วยความสับสน ชิงสุ่ยจ้องมองเธอ เขาอดไม่ได้ที่จะยอมรับว่าเธองดงาม เธอสามารถเทียบได้กับมู่หยุนชิงเฉิงและอีเย่เจี้ยนเก้อ ถึงแม้เธอจะเป็นนางเงือก
“ข้าค่อนข้างจริงจังกับมัน ถ้าหากเจ้าตกลงเป็นคนรักของข้า ข้าสามารถละทิ้งทุกอย่างที่นี่ได้” เธอกล่าวด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อ มันทำให้เธอดูน่าหลงใหลยิ่งขึ้น
ชิงสุ่ยไม่ได้คาดคิดว่าจะได้ยินเรื่องประหลาดและน่ายินดีเช่นนี้ เขาไม่ได้เตรียมพร้อมกับมัน โดยปกติเขาจะเป็นคนแรกที่ลงมือก่อน คราวนี้คนที่ทำให้เขาสั่นไหวทั้งสง่างามและแข็งแกร่ง เป็นนางเงือกที่งดงาม นอกจากนี้เธอยังเป็นประมุขแห่งพระราชวังสุริยัน มิหนำซ้ำนี่ยังเป็นการพบกันครั้งแรกของพวกเขา
“ตอนนี้เจ้าจะทำอย่างไรให้ข้าเชื่อเจ้า” ชิงสุ่ยเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ประสบความสำเร็จ
“ข้าไม่ใช่เด็กๆ เจ้าเองก็รู้ เจ้าอาจไม่เชื่อข้า แต่เมื่อข้าได้มองดูเจ้า ข้ารู้สึกคิดถึงและคุ้นเคย มันราวกับว่าข้ารู้จักเจ้ามานานแล้ว” หญิงสาวกล่าวตามความจริง
“มีเพียงชายที่คู่ควรเท่านั้นถึงจะเหมาะสมกับหญิงดงามเช่นเจ้า ข้าไม่ใช่คนคู่ควร ดังนั้นข้าคงไม่อาจยอมรับข้อเสนอของเจ้าได้” ชิงสุ่ยปฏิเสธเธอ
ชิงสุ่ยนึกถึงข่าวลือที่ว่าเธอละทิ้งความรักไปตั้งแต่ที่ได้รับบาดแผลเมื่อครั้งในอดีต แม้ว่าเขาจะไม่ได้สงสัยเธอทั้งหมด เขาก็ตัดสินใจว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงเช่นนี้ เขามีภรรยาหลายคนแล้ว ผู้หญิงที่ดีมีอยู่มากมาย มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะครอบครองพวกเธอทั้งหมด
หญิงสาวตื่นตระหนกมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อถูกปฏิเสธ เธอรู้สึกเหมือนโดนฉีกออกเป็นชิ้นๆที่ได้ยินชิงสุ่ยปฏิเสธเธอ นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนหลีกเลี่ยงเธอ
“ข้าไม่งดงามงั้นหรือ? ข้ารู้ว่ามีข่าวลือเกี่ยวกับตัวข้า แจ่ข้ารับรองเจ้าได้ ข้าไม่เคยมีชายใดมาก่อน อันที่จริงข้าเคยมีคนรัก แต่ข้าไม่เคยสัมผัสแม้แต่มือของเขา แน่นอนว่าข้าได้ตัดสัมพันธ์กับเขาไปนานแล้ว” เธอกล่าวอย่างจริงจัง
“แน่นอนว่าเจ้างดงาม แต่ทำไมเจ้าถึงต้องการชายที่ต้องมองเจ้าว่างดงามหรือ?” ชิงสุ่ยหัวเราะและตอบกลับ
เธอนิ่งครู่หนึ่งและกล่าว “เอาหล่ะ พรุ่งนี้พวกเราจะต้องประลองกัน ถ้าอยากให้ข้ายอมถอนกำลัง นั่นเป็นเพียงข้อเสนอเดียว”
ชิงสุ่ยสัมผัสได้ถึงความตึงเครียด แต่เขายังยิ้มและกล่าว “ตกลง เช่นนั้นข้าจะกลับไปเดี๋ยวนี้”
เมื่อชิงสุ่ยเดินออกจากที่พัก เสียงพูดก็ดังตามหลังมา “พรุ่งนี้ พระราชวังสุริยันจะนำปูราชันย์ศึกไปด้วย”