บทที่ 1589 – การต่อสู้กับปูราชันย์ประกายเงิน
ชิงสุ่ยหยุดโดยไม่หันกลับไปมอง เขานิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะก้าวยาวๆเดินจากไป ระหว่างที่เฝ้าดูเขา ร่องรอยของความโศกเศร้าและสับสนปรากฏอยู่ในสายตาของหญิงสาว
ชิงสุ่ยกลับไปทั้งที่ยังไม่ได้ทราบชื่อของเธอหรือรู้ว่าประมุขแห่งพระราชวังสุริยาจริงหรือไม่ เขารู้สึกว่าการมีผู้หญิงอื่นเพิ่มเหมือนเป็นการทำผิดต่อภรรยาที่เหลือ
ผู้หญิงของเขาทุกคนล้วนโดดเด่น หลังจากได้มีสัมพันธ์กัน เขาจึงได้เข้าใจถึงเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการตัดสินใจของอีเย่เจี้ยนเก้อในครั้งนี้ ไม่มีผู้หญิงคนใดของเขาที่เข้ามาขัดขวางการมีสัมพันธ์ของเขากับคนอื่น พวกเธอมักจะคำนึงถึงหน้าที่ของตัวเอง เพราะมันไม่มีหนทางใดที่พวกเธอจะสามารถรั้งชิงสุ่ยให้อยู่กับตัวเองได้ตลอดเวลา
ตอนนี้ชิงสุ่ยรู้แล้วว่าการคิดที่จะรวมพวกเธอเอาไว้ด้วยกันเป็นเรื่องยาก พวกเธออาศัยอยู่ภายใต้ชายคาเดียวกันน้อยมาก
ชิงสุ่ยลบความคิดเหล่านี้ออกไป เขานึกถึงภาพโฉมงามทั้งสิบสอง มันเหลืออีกเพียง 1 ภาพเท่านั้น มุมมองเรื่องความสัมพันธ์ของเขานั้นเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แม้ว่าเขาจะไม่แน่ใจว่าตัวเองยืนอยู่จุดไหน แต่ทั้งหมดที่เขารู้ก็คือเขาต้องหลบเลี่ยงการมีสัมพันธ์อื่นใดเพิ่มเติมอีกและจดจ่ออยู่กับสิ่งที่เขามีในตอนนี้
มันเป็นธรรมชาติของชีวิต บางครั้งอาจพบเจอสิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยง และบางครั้งอาจสูญเสียสิ่งที่กำลังตามหา
ชิงสุ่ยกลับมาและตรงไปยังที่พักของเขา หญิงสาวทั้งสองอยู่นั่น ดูเหมือนพวกเธอจะกำลังพูดคุยกัน เมื่อเห็นชิงสุ่ย พวกเธอจึงกล่าวทักทาย
“ข้าไม่เห็นเจ้ามาครึ่งวันแล้ว เกิดอะไรขึ้นหรือ?” อีเย่เจี้ยนเก้อถามเมื่อชิงสุ่ยนั่งลง
“ข้าได้ไปพบประมุขแห่งพระราชวังสุริยันมา” ชิงสุ่ยตอบ
“เจ้าไปพบประมุขแห่งพระราชวังสุริยันงั้นหรือ? นางพูดอะไรบ้าง?” มู่หยุนชิงเฉิงตั้งคำถามด้วยความตกใจ ถ้าเป็นคนอื่นเธอคงคิดว่าเขาโกหก มันเป็นเรื่องยากสำหรับคนแปลกหน้าโดยเฉพาะผู้ชายที่จะได้เข้าพบ
“นางบอกว่าหากข้าเต็มใจเป็นของนาง เช่นนั้นนางจะยอมถอย และจะไม่คิดโทษเรื่องพระราชวังมังกรสมุทรและพระราชวังฉลามอสูรอีกต่อไป”
มู่หยุนชิงเฉิงตกตะลึงและยิ้มออกมา “ข้ารู้ว่าบางครั้งเจ้าก็อยากจะพูดอะไรที่มันดูน่าเหลือเชื่อ แต่ข้าไม่ได้สนใจมัน ข้าพูดถูกไหม เจี้ยนเก้อ?”
“ข้าคิดว่าบางครั้งเขาคงจะรู้สึกพึงพอใจกับตัวเอง” อีเย่เจี้ยนเก้อกล่าวพร้อมรอยยิ้ม ทั้งชิงสุ่ยและมู่หยุนชิงเฉิงไม่สามารถเดาได้ว่าเธอคิดอะไรอยู่
ชิงสุ่ยส่ายหัวอย่างยอมจำนน แม้ว่าเขาจะพูดความจริงก็ตาม มันก็ไม่ได้ทำให้พวกเธอเชื่อเขา “ แต่ข้าปฏิเสธนางไป”
“นั่นไง ข้าเดาไว้ไม่ผิด” มู่หยุนชิงเฉิงกล่าวอย่างจริงจัง
“อย่างไรก็ตาม นางได้เสนอเงื่อนไขอื่น พรุ่งนี้จะเป็นการสู้กันตัวต่อตัว พวกเขาจะส่งปูราชันย์ศึกออกมา หากพวกเราชนะ พวกเขาก็จะถอนตัว”
มู่หยุนชิงเฉิงไตร่ตรองก่อนกล่าว “ปูราชันย์ศึกนั้นทรงพลังยิ่งกว่าราชันย์ฉลามผลึกม่วงนัก พวกมันเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งโดยธรรมชาติ ถึงอย่างนั้น การทำให้พวกเขาต้องล่าถอยไปไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ครั้งนี้ข้าจะเป็นคนไปสู้เอง”
“เจ้าเป็นประมุขของพระราชวังทะเลราชันย์ มันจะยิ่งแย่หากมีอะไรเกิดขึ้น” ชิงสุ่ยยิ้ม มู่หยุนชิงเฉิงและอีเย่เจี้ยนเก้อแข็งแกร่งไม่น้อยไปกว่าปูราชันย์ศึก แต่มันก็ยังยากที่จะตัดสิน พวกเธอพัฒนาขึ้นมากจากตอนที่ต่อสู้กับพระราชวังมังกรสมุทรและพระราชวังฉลามพยัคฆ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอีเย่เจี้ยนเก้อ
นอกจากนี้พวกเขายังมีสัตว์อสูรผลึก 9 เศียร หากใช้มัน พวกเขาแทบจะไม่ต้องกลัวคู่ต่อสู้ ตอนนี้มันแข็งแกร่งขึ้นมาก บางทีสัตว์อสูรผลึก 9 เศียรอาจจะชนะปูราชันย์ศึกได้
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงการคาดเดาของเขา
“แล้วเจ้าคิดว่าใครจะเป็นผู้ที่ออกไปสู้?” มู่หยุนชิงเฉิงมองไปที่ชิงสุ่ยพร้อมกับถาม
“ข้าเอง” เขายิ้ม
“เจ้าคือผู้พิทักษ์แห่งพระราชวังทะเลราชันย์ เจ้าไม่สามารถเข้าร่วมการต่อสู้ใดๆก็ได้ตามต้องการ หากเจ้าทำเช่นนั้น เจ้าก็ต้องให้ข้าทำได้เช่นกัน” มู่หยุนชิงเฉิงขมวดคิ้ว
“มันไม่เหมือนกัน ตำแหน่งผู้พิทักษ์ของข้ายังไม่ค่อยมีชื่อเสียง มีผู้คนอีกมากที่ไม่รู้ถึงการมีอยู่ของข้า ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมตำแหน่งผู้พิทักษ์อย่างข้าจะต้องเข้าร่วมในการต่อสู้ มันเป็นการประกาศตัวตนของข้าและพิสูจน์ว่าข้ามีความสามารถในการปกป้องผู้อื่น” ชิงสุ่ยยังคงยิ้มอยู่ในขณะที่เขากล่าว
“ฟังดูดี ข้าเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของเจ้า” ในที่สุดมู่หยุนชิงเฉิงก็ยอมแพ้
ส่วนด้านอีเย่เจี้ยนเก้อ เธอหันหน้ามามองชิงสุ่ย “ระวังตัวด้วย!”
“ไม่ต้องกังวล มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถจัดการข้าได้ในตอนนี้ แม้จะโจมตีรุนแรงแค่ไหน ข้าก็สามารถรับมือได้” ชิงสุ่ยให้ความมั่นใจกับเธอด้วยการกล่าวอย่างจริงจัง
ไม่นานนักข่าวก็แพร่กระจายออกไป ผู้พิทักษ์แห่งพระราชวังทะเลราชันย์จะต่อสู้กับปูราชันย์ศึกของพระราชวังสุริยันในวันพรุ่งนี้ พระราชวังสุริยันจะถอยทัพกลับไปหากพ่ายแพ้ อย่างไรก็ตาม ถ้าพระราชทะเลราชันย์ไม่สามารถเอาชนะได้ พวกเขาจะไม่สามารถตำหนิต่อการกระทำใดๆของพระราชวังสุริยัน
แน่นอนว่าการตอบโต้เป็นทางเลือกเพียงอย่างเดียว
“เจ้ามีความคิดเห็นเกี่ยวกับผู้พิทักษ์แห่งพระราชวังทะเลราชันย์ของพวกเราอย่างไร” บรรดาผู้ฝึกตนในพระราชวังทะเลราชันย์เริ่มถกเถียงกัน
“ผู้พิทักษ์ของพวกเราคนนี้อายุน้อยที่สุดและเป็นผู้ที่มีศักยภาพมากที่สุด แม้แต่ราชันย์ฉลามผลึกม่วงและมนุษย์เงือกมังกรสมุทรทองคำก็จบชีวิตลงด้วยน้ำมือของเขา”
“ถูกตัอง ข้ามั่นใจในผู้พิทักษ์ของพวกเรา”
“ข้าได้ยินมาว่าปูราชันย์ศึกของพระราชวังสุริยันมีสายเลือดโบราณ มันมีพลังที่น่าเกรงขาม นี่คงเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดแน่”
“ปูราชันย์ศึกเป็นหนึ่งในนักรบที่มากความสามารถของพระราชวังสุริยัน โชคยังดีที่มันไม่ใช่ปูราชันย์ศึกประกายทองคำ มิฉะนั้นเรื่องนี้คงจะยิ่งยากขึ้นปอีก พูดกันตามตรง ความแตกต่างระหว่างพระราชวังทะเลราชันย์และพระราชวังสุริยันนั้นมีค่อนข้างมาก”
……
ในขณะที่พวกผู้อื่นกำลังโต้เถียงกัน ด้านชิงสุ่ยก็กำลังพัวพันอยู่กับเอีเย่เจี้ยนเก้อ เขาก้มต่ำลงไปที่ซอกเท้าของร่างกายอันบอบบางของเธอ เสียงครวญครางที่นุ่มนวลของเธอทำให้บรรยากาศโดยรอบดูหอมหวาน มันดังก้องไปทั้งหูของเขา
ชิงสุ่ยจูบลงบนร่างของเธอครั้งแล้วครั้งเล่า ในไม่ช้าการร่วมรักกันก็ดำเนินไปถึงจุดสุดยอด
และแล้วตอนดึกห้องก็เงียบสงัดลง อีเย่เจี้ยนเก้อขดตัวอยู่ในอ้อมกอดของชิงสุ่ย ใบหน้าที่งดงามของเธอแสดงออกถึงความสุข
“ชิงสุ่ย เจ้ามั่นใจว่าจะชนะปูราชันย์ศึกหรือไม่? ทำไมเจ้าไม่ลองดูข้าสู้พรุ่งนี้หล่ะ?” ดวงตาที่สับสนของอีเย่เจี้ยนเก้อมองไปทางชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยยกแขนของเขาขึ้นและตบลงไปที่ก้นของเธอเบาๆ “เจ้าเป็นผู้หญิงของข้า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต ข้าคอยอยู่เพื่อปกป้องเจ้า”
เมื่อตอนที่พวกเขาพบกันครั้งแรก เธอเป็นคนที่ปกป้องเขา ป้องกันเขาจากทุกสิ่งที่คิดจะมาทำร้าย ตั้งแต่นั้นมาเขาก็บอกกับตัวเองว่าเขาจะทำเช่นเดียวกันกับเธอไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นไร
“นับตั้งแต่เหตุการณ์ที่เมืองร้อยไมล์ ข้าก็ตัดสินใจที่จะคอยปกป้องเจ้า ข้าเชื่อว่าตอนนี้ข้าสามารถทำมันได้แล้ว”
อีเย่เจี้ยนเก้อส่งเสียงครวญครางเล็กๆเมื่อเข้ากระชับแขนดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด ใบหน้าที่ดูอ่อนโยนของเธอจุดประกายไฟให้กับความกระหายของชิงสุ่ยอีกครั้ง…
ชิงสุ่ยและอีเย่เจี้ยนเก้อตื่นขึ้นในเช้าวันรุ่งขึ้น บางทีมันอาจจะถูกต้องกว่าหากบอกว่าพวกเขาไม่ได้นอนเลย พวกเขาพูดคุยกันจนรุ่งสางก่อนที่จะตัดสินใจลุกขึ้น
ยังมีเวลาเหลืออีกเล็กน้อยก่อนถึงกำหนดการต่อสู้ ไม่นานชายร่างกายกำยำก็ปรากฏตัวที่ด้านของศัตรู ร่างของเขาดูแปลกประหลาด ขาของเขาแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งละ 4 ขา แขนของเขาโค้งงอเป็นเหลี่ยม เขามีความสูงอย่างน้อย 3 เมตร ร่างกายของเขามีสีขาวเหมือนหิมะไปตลอดจนถึงขาทั้งแปด
เขาคือปูราชันย์ศึกประกายเงิน มันดูมีความคล้ายมนุษย์ในบางส่วนตามมุมมองของชิงสุ่ย เมื่อได้เห็นมัน ชิงสุ่ยไม่คิดว่ามันถือเป็นมนุษย์จากส่วนลึกในหัวใจของเขา
“เจ้าเป็นผู้พิทักษ์แห่งพระราชวังทะเลราชันย์ใช่หรือไม่?” ชายร่างกำยำถามชิงสุ่ยเมื่อมาถึงใจกลางสนามต่อสู้ เสียงของแข็งทื่อและร่างกายของเขาดูเหมือนโลหะที่หนักอึ้ง
“ใช่!” ชิงสุ่ยสังเกตเขาอีกครั้งในขณะที่ตอบ
“ฮ่าฮ่า ผู้พิทักษ์แห่งพระราชวังทะเลราชันย์เป็นเพียงคนวัยหนุ่มสาวงั้นหรอ มันช่างน่าหัวเราะซะเหลือเกิน” เสียงของปูราชันย์ศึกประกายเงินเต็มไปด้วยความดูถูก
ชิงสุ่ยไม่ได้ตอบโต้ เขาไม่โกรธเคืองกับการเย้าแย่นั้น มีไม่กี่คนที่สามารถทำให้เขาโกรธ และนั่นนับเป็นเรื่องใหญ่
“ข้าสงสัยว่าเจ้าจะหัวเราะต่อไปอีกนานแค่ไหน” ชิงสุ่ยยิ้ม
ปูราชันย์ศึกประกายเงินส่ายหัว “พวกเรามาเริ่มกันเถอะ”
เมื่อกล่าวจบ ปูราชันย์ศึกประกายเงินก็ทะยานขึ้นไปด้านบนเพื่อหลบเลี่ยงการลอบโจมตี
ด้วยการเคลื่อนไหวอันรวดเร็ว ชิงสุ่ยตามติดหลังปูราชันย์ศึกประกายเงินไปและหยุดลงเมื่อพวกเขาอยู่ห่างกันหลายเมตร ในตอนนั้นเองที่เขาสังเกตเห็นอาวุธสี่ชนิดในมือของคู่ต่อสู้
มีด ตรีศูล กระบี่ และกระบอง!
มันเป็นครั้งแรกที่ชิงสุ่ยได้เห็นสิ่งดังกล่าว ไม่น่าแปลกใจที่ปูราชันย์ศึกประกายเงินจะมีสายเลือดโบราณ ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถใช้อาวุธจำนวนมากได้ในครั้งเดียว
ชิงสุ่ยถือง้าวทองทะลวงศัตรูเอาไว้ในมือ มันเป็นครั้งแรกที่เขาเผชิญหน้ากับหนึ่งในสายเลือดโบราณ มันจะดีกว่าหากเขาระมัดระวังตัว
นี่เป็นปูที่ทรงพลังมากที่สุดในสายพันธุ์ของพวกมัน
ด้วยกลิ่นอายที่ปล่อยออกมาจากทั้งสองฝ่าย น้ำรอบๆเริ่มที่จะเปลี่ยนแปลงไป ด้วยจิตใต้สำนึกของชิงสุ่ย หุบเขา 9 เทวาปรากฏขึ้น มันพุ่งไปทางปูราชันย์ศึกประกายเงินเพื่อบดขยี้เขา
ด้วยความแข็งแกร่งของหุบเขา 9 เทวา ปูราชันย์ศึกประกายเงินยกแขนขึ้นแล้วเหวี่ยงกระบองขนาดใหญ่ในมือของเขาใส่มัน
ปัง!
คลื่นขนาดมหึมากระแทกใส่หุบเขา 9 เทวาเป็นระยะๆ ร่างของปูราชันย์ศึกประกายเงินพุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับการเคลื่อนไหวด้วยขาทั้งแปด เขาว่ายเข้าหาชิงสุ่ยอย่างน่ากลัว
อาวุธของปูราชันย์ศึกประกายเงินที่เล็งใส่ชิงสุ่ยนั้นดูไม่ธรรมดา ราวกับว่ามันได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี การเคลื่อนไหวดูแปลกประหลาดเกินบรรยาย
ทักษะย่างก้าว 9 เทวา!
กฏแห่งพระราชวังเก้าเทวา!
ชิงสุ่ยหลบมันอย่างรวดเร็ว เขามีความมั่นใจในความสามารถของตัวเอง เขาไม่เคยคาดคิดว่าจะต้องหลบมันเช่นนี้ ไม่ช้าก็เร็วเขารู้ว่าตัวเองจะเสียเปรียบ และมันดีกว่าหากเขาหลบไว้ก่อน
เคล็ดวิชาล่าสังหาร!
ปราณจักรพรรดิ!
หงส์เพลิงสะบั้นศึก!
ตราประทับซวนเทียน!
ชิงสุ่ยตอบโต้อย่างรวดเร็วและลดความเร็วของปูราชันย์ศึกประกายเงินลงทันที ด้วยจิตใต้สำนึกของเขาอีกครั้ง หุบเขา 9 เทวาก็ปรากฏ ชิงสุ่ยตวัดมือและเกิดหนามพสุธาขนาดใหญ่พุ่งขึ้นมา มันตรงไปยังร่างของปูราชันย์ประกายเงิน