บทที่ 1609 – ฟื้นฟูร่างกาย ชิงสุ่ยเตรียมตัวกลับบ้าน
เมื่อชิงสุ่ยเงยหน้าขึ้นมาเขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เวลาได้ผ่านไปกว่าครึ่งวันแล้ว เขาดูเหนื่อยล้าอย่างยิ่งในตอนนี้ แม้กระนั้นเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาก็ได้เห็นสาวผู้นี้ที่กําลังจ้องมองเขาอย่างใกล้ชิด
“เป็นอย่างไรบ้าง?” หญิงสาวถามขึ้นด้วยความกังวล ชิงสุ่ยสามารถสัมผัสได้ถึงความไม่มั่นใจในน้ําเสียงของนาง นางกลัวว่าชิงสุ่ยจะกล่าวอะไรที่ทําให้นางต้องเสียใจอีกครั้ง
ชิงสุ่ยยิ้ม “ข้าสามารถรักษาได้เพียงแต่ต้องใช้เวลา แต่ว่าชายผู้นี้จะต้องทนรับเข็มเหล่านี้ไว้ในช่วงที่ข้าทําการรักษา”
“ไม่เป็นไรหรอก นี่ถือเป็นข่าวดีอย่างยิ่ง ข้าไม่รู้ว่าจะขอบคุณท่านเช่นไรดี” หญิงสาวถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ในที่สุดนางก็ได้พบเจอความหวังอีกครั้งแม้จะเจ็บปวดมานานแสนนาน
ความหวังและเป้าหมายในชีวิตของหญิงสาวผู้นี้คือการรักษาสามีของนาง ตราบใดที่ความหวังของนางเป็นจริงมันก็จะเป็นความสําเร็จครั้งใหญ่ ซึ่งจะทําให้ชีวิตของนางมีความสุขมากยิ่งขึ้น
“ท่านหญิงอย่ากังวลใจไป รอจนกว่าข้ารักษาสามีของท่านจนจะสิ้น เมื่อถึงตอนนั้นก็ยังไม่สายจะขอบคุณข้า” ชิงสุ่ยตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม
หญิงสาวพยักหน้า “ท่านคงจะเหนื่อยมากแล้ว เชิญท่านไปพักก่อนเถอะ!”
“ท่านหญิง คงจะไม่ดีหากข้าต้องอยู่ที่นี่เป็นเวลานาน สามีของท่านต้องใช้เวลานานในการพักฟื้น อย่างน้อยก็ครึ่งปีหรือมากกว่านั้น เหตุใดท่านจึงไม่มาพักที่หอคอยจักรพรรดิของข้า?” ชิงสุ่ยพูดหลังจากไตร่ตรอง
“เช่นนั้นก็ขอบคุณท่านมาก” หญิงสาวไม่ได้ปฏิเสธข้อเสนอของเขา นางคิดจะทําเช่นนี้เหมือ นกัน
ในยามบ่ายรถม้าสัตว์อสูรที่หรูหราและถูกลากด้วยอาชามังกรทองคําก็ได้มาถึงหอคอยจักรพรรดิ ชิงสุ่ยแบ่งชั้นให้พวกเขาอยู่เป็นส่วนตัวและจัดการเรื่องที่พักให้แก่ทุกๆคน การรักษาชายผู้นี้ต้องการเวลาที่ยาวนาน
แน่นอนว่าชิงสุ่ยไม่ได้คิดที่จะหาผลประโยชน์จากคนพวกนี้ ในภายภาคหน้าแล้วมันก็จะเป็นประโยชน์ต่อตัวเขาเอง ชิงสุ่ยจําเป็นต้องศึกษาอีกหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อให้เขายกระดับขึ้นสู่ระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์
นิกายนิรันกาลที่ชิงสุ่ยรู้จักนั้นมีเพียงนิกาย 5 พยัคฆ์อมตะ ยิ่งกว่านั้นอาจมีความเป็นไปได้ที่ความขัดแย้งจะเกิดขึ้นในอนาคต นี่จึงเป็นเหตุผลที่เขาพยายามหาสหายของตนเองให้มากที่สุด
ชิงสุ่ยแนะนำหยินเทียนและเฟิงซี่ให้แก่ผู้คนของหอคอยจักรพรรดิเมื่อพวกเขามาถึง เขารู้ดีว่าสองคนนี้นั้นทรงพลังมากเพียงใด คนส่วนใหญ่ภายในหอคอยจักรพรรดิก็ตระหนักได้ถึงความแข็งแกร่งของผู้คนแห่งนิกายจันทรานิรันกาลทั้งสองคนนี้ แต่มีเพียงบางคนเท่านั้นที่เข้าใจความหมายที่แท้จริงของ “นิกายนิรันกาล”
ส่วนใหญ่แล้วพวกเขาจะเข้าใจเพียงว่ากลุ่มคนที่ทรงพลังมากพอนั้นจะถูกเรียกว่านิกายนิรันกาล แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้นั่นก็คือจะต้องมียอดฝีมือระดับระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์อยู่ภายในนิกายเท่านั้นจึงจะสามารถใช้ชื่อเช่นนี้ได้
หญิงสาวผู้นี้ดูเป็นคนง่ายๆสบายๆ นางเป็นมิตรต่อทุกๆคนที่อยู่ที่นี่ นอกจากนี้หยินต่ง เหลียนหลิงเฟิงและฉินชิงต่างก็รู้ดีว่านางนั้นไม่ธรรมดา
หญิงสาวเริ่มอยากรู้อยากเห็นเรื่องของคนพวกนี้มากยิ่งขึ้น อย่างที่มีคํากล่าวที่ว่านกที่มีขนเหมือนกันมักจะมารวมตัวกันและนั่นก็มักจะเป็นจริงเสมอ การที่จะตรวจสอบตัวตนที่แท้จริงของคนๆหนึ่งนั้นให้ดูว่ามิตรสหายของเขานั้นเป็นแบบไหนและเขาปฏิบัติเช่นไรกับคนอื่นๆ
หยินเทียนได้พักผ่อนแล้วในตอนนี้ นี่ถือเป็นการพักผ่อนที่แท้จริงหลังจากผ่านมานานหลายปี เมื่อได้เห็นเขาหลับสนิทเฟิงซี่ก็รู้สึกวางใจมากยิ่งขึ้น นางจึงค่อยๆเดินออกไปจากห้องพร้อมกับชิงสุ่ย
มีคนมากมายมาทําความเคารพระหว่างที่พวกเขาเดินไปด้วยกัน
“ท่านหมอเทวดาชิง มีความหวังที่เขาจะกลับมาหายเป็นปกติหรือไม่?” เฟิงซี่ถามขึ้นขณะที่นางมองมาที่ชิงสุ่ยอย่างจริงจัง
ในตอนนี้เฟิงซี่เชื่อในความสามารถของชิงสุ่ยแต่นางไม่รู้ว่าเขาจะสามารถรักษาสามีของ นางให้หายเป็นปกติได้หรือไม่
“ข้าไม่อาจรับปากท่านได้ในตอนนี้ ท่านหญิง ท่านยังกังวลอะไรอีกนั้นหรือในตอนนี้?” ชิงสุ่ยตอบกลับไปพร้อมกับรอยยิ้ม
“บางที่อาจเป็นเรื่องของเวลา ข้ายังรู้สึกตกตะลึงราวกับว่าตนเองได้ฝันไป เขากลัวว่าตัวเองอาจจะตื่นขึ้นมาจากความฝันนี้และทุกสิ่งทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนเดิม” เฟิง ซี่ยิ้มออกมา
“พลังของท่านหญิงนั้นมากยิ่งนัก แต่ท่านก็จําเป็นต้องพักผ่อนเช่นเดียวกัน ข้าหมายถึงจิตใจของท่านนั้นควรพักผ่อน ทุกสิ่งทุกอย่างจะดีขึ้นเมื่อท่านได้ตื่นขึ้นมาในวันพรุ่งนี้” ชิงสุ่ยกล่าวพร้อ มกับรอยยิ้ม
นางออกมาส่งเขาที่หน้าประตูก่อนจะมองร่างของเขาเดินหายไปแล้วค่อยกลับเข้ามาภายในห้อง นางนอนไม่หลับเลยไม่รู้สึกง่วงเลย เมื่อใดก็ตามที่คนเรารู้สึกมีความสุขหรือโศกเศร้าจนมากเกินไปก็อาจจะเป็นเช่นนี้ได้
หลังจากผ่านไปหลายสัปดาห์ชิงสุ่ยก็ใช้เวลายามค่ําคืนเพื่อฝึกฝนภายในดินแดนหยกยุพราชอมตะพร้อมกับรักษาหยินเทียนตลอดทั้งวัน เพียงแต่เมื่อวานชิงสุ่ยก็เริ่มมีความคิดที่จะลองใช้หนอนไหมมังกรทองในการสังหารปรสิตที่อยู่ภายในร่างกายของชายผู้นี้
มันได้ผลเกินกว่าที่เขาคาดคิดเอาไว้ ทําให้เขาสามารถรักษาชายผู้นี้ได้เร็วขึ้นหลายเท่า ซึ่งสร้างความยินดีให้แก่ชิงสุ่ยเป็นอย่างมาก หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเขาสามารถสังหารปรสิตทั้งหมดที่อยู่ ภายในร่างกายของหยินเทียนได้ภายในเวลาเพียงครึ่งเดือน
แต่ถึงกระนั้นชิงสุ่ยก็ยังคงใช้เข็มแห่งชีวิตและความตายและพลังธรรมชาติของเขาด้วยเช่นกัน เพราะมันเป็นการฝึกฝนให้เขารักษาคนไข้ไปในตัว เพียงแต่กําลังหลักในการสังหารปรสิตนั้นเป็นหนอนไหมมังกรทองแทน
เฟิงซี่ และหยินเทียนนั้นรู้สึกขอบคุณชิงสุ่ยเป็นอย่างมากที่คอยรักษาเขา พวกเขาไม่มีความสัมพันธ์กับชิงสุ่ยแม้แต่น้อยแต่พวกเขาก็ได้เห็นว่าชิงสุ่ยพยายามมากเพียงใดในหลายวันที่ผ่านมานี้ เขาใช้เวลาตลอดทั้งวันไปกับการรักษาหยินเทียนและเพียงพักเพื่อทานอาหารเท่านั้น เฟิงซี่ตระหนักดีว่าพวกเขานั้นไม่มีความเกี่ยวข้องกับชิงสุ่ยแนะนางรู้ดีว่าในอนาคตนั้นเขาจะต้องโด่งดังไปมากกว่านี้ในฐานะหมอเทวดาที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านการแพทย์สูงส่ง
ตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้หยินเทียนและภรรยาของเขาก็เริ่มสนิทสนมกับผู้คนของหอคอยจักรพรรดิ ชิงสุ่ยและคนอื่นๆที่อยู่ที่นี่ต่างก็ถือว่าเป็นรุ่นเยาว์ดังนั้นเฟิงซี่ ที่จะให้คําแนะนําแก่พวกเขา เมื่อใดก็ตามที่นางมีเวลาว่าง จากนั้นเสวี่ยนั่วก็เริ่มเรียกเฟิงซี่ว่าท่านป้าเฟิง คําแนะนําของเฟิงซี่ นั้นทําให้พวกเขาพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็ว ชิงสุ่ยก็รู้สึกประหลาดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกันเพราะตัวเขาเองก็ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆมากมาย
เวลาอีกครึ่งเดือนได้ผ่านพ้นไป ในตอนนี้ปรสิตภายในร่างกายของหยินเทียนได้ถูกกําจัดไปจนหมดสิ้นแล้ว หลังจากได้รู้เรื่องนี้หยินเทียนและเฟิงซี่ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แม้แต่หยินเทียนก็รู้สึกอึดอัดอย่างยิ่งเมื่อใดก็ตามที่เขานึกถึงปรสิตที่เคยอยู่ภายในร่างกายของเขาลง
หยินเทียนรู้สึกได้ว่าพิษที่อยู่ภายในร่างกายของเขานั้นหายไปหมดแล้ว แต่ร่างกายของเขานั้น ก็ยังเจ็บปวดจากอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นเพราะการกัดกินของปรสิตเหล่านั้น แม้ว่าเขาต้องการที่จะฟื้นฟูร่างกายของตนเองให้หายดีแต่เขาก็คิดว่ามันคงเป็นไปไม่ได้
ไม่ว่าเขาจะสามารถรักษาตัวเองได้หรือไม่แต่ลึกๆแล้วในใจของเขาก็รู้สึกไม่สบายใจที่มีบาดแผ ลพวกนี้อยู่ภายในร่างกาย แต่อย่างน้อยสภาพร่างกายของเขาก็คงจะไม่แย่ไปกว่านี้ เขาเริ่มรู้สึกผูกพันกับชิงสุ่ยไปโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว
หยินเทียนปลดปล่อยกลิ่นอายที่แท้จริงของเขาออกมาเมื่อเขานอนอยู่บนเตียง แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่ใจดีต่อคนอื่นๆแต่กลิ่นอายของเขานั้นก็ทําให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวได้
เพราะว่าปรสิตเหล่านั้นที่อยู่ภายในร่างกายของเขามานานหลายปีทําให้พลังของเขาและลงไปอย่างมาก แม้ว่าพลังของเขาจะหายไปนั้นแต่มันก็ยังอยู่ในระดับที่น่าถ้าคุณกลัว
“ข้าจะเตรียมฟื้นฟูร่างกายของท่านลุงในวันนี้ซึ่งจะช่วยให้ท่านรู้สึกดีขึ้นเป็นอย่างมาก แต่การฟื้นฟูของการรักษาครั้งนี้จะเป็นไปอย่างช้าๆ” ชิงสุ่ยก็คุ้นเคยกับการเรียกหยินเทียนว่าท่านลุง เมื่อทุกๆคนเริ่มใกล้ชิดสนิทสนมกันพวกเขาก็เริ่มทําตามเสวี่ยนั่วและเรียกเฟิงซี่ว่าท่านป้าเฟิงเช่นเดียวกัน ชิงสุ่ยก็เรียกตามคนพวกนั้นโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว
เมื่อเขาเรียกเฟิงซี่ว่าท่านป้าเฟิงแล้วนั้น เขาก็ควรจะเรียกหยินเทียนว่าท่านลุงด้วยเช่นกัน
การฟื้นฟูร่างกายนั้นใช้เวลานาน ชิงสุ่ยยังมอบยาที่ล้ําค่าให้แก่หยินเทียนมากมาย แต่ยาพื้นกายาและยาเสริมกระดูกให้ผลดีที่สุดในตอนนี้ด้วยเพราะร่างกายที่ยังอ่อนแอของหยินเทียน
ชิงสุ่ยผสมผสานกันฟื้นฟูร่างกายและปราณแห่งการหวนคืนเข้าด้วยกัน เขาใช้เวลาเกือบทั้งวันในการดําเนินการจนเสร็จสิ้น แต่ผลที่เกิดขึ้นนั้นถือเป็นเรื่องใหญ่มากเพราะมันเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพร่างกายหยินเทียน หากอาการบาดเจ็บของเขาก่อนหน้านี้อยู่ในระดับที่ 10 ในตอนนี้เขาก็สามารถรักษาไปได้ 3 ระดับแล้ว
หลังจากที่ชิงสุ่ยรักษาเสร็จสิ้นในวันนี้ เขาก็เห็นหยินเทียนมองมาที่เขาด้วยสายตาประหลาดใจ ไม่มีผู้ใดเข้าใจสถานการณ์ของเขาได้ดีกว่าชายหนุ่มผู้นี้ เขาไม่เคยคาดฝันเลยว่าร่างกายของเขาจะหายเป็นปกติได้
เมื่อได้เห็นชายหนุ่มที่ดูสงบนิ่งมาโดยตลอดกําลังตื่นเต้น เฟิงซี่ก็รู้สึกพูดไม่ออก นางรู้ว่าการรักษานั้นได้ผล จึงกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ต้องเร่งรีบไป”
“ข้าจะปิดปากให้เงียบกว่านี้” หยินเทียนกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมา คําพูดของเขานั้นทําให้คนอื่นหัวเราะตามด้วยเช่นกัน
“ต่อจากนี้ร่างกายของท่านจะฟื้นฟูอย่างช้าๆ ข้าไม่อาจช่วยเหลือท่านได้ในระยะเวลานี้ การฟื้นฟูของท่านน่าจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน หลังจากเวลาผ่านไปข้าจะฟื้นฟูร่างกายให้แก่ท่านลุงอีกครั้ง เมื่อถึงตอนนั้นขาของท่านน่าจะกลับมาเป็นปกติ เมื่อข้าพูดคําว่าปกติ” มันหมายถึง คนธรรมดาทั่วไป ข้าไม่อาจเร่งรัดรักษาพลังยุทธให้แก่ท่านได้ต้องรอเวลาอีกอย่างน้อยประมาณ 3-4 เดือน” ชิงสุ่ยอธิบายต่อหยินเทียนและเฟิงซี่เรื่องสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น
“เช่นนั้นก็ดีมากแล้ว ข้ารู้สึกอยากจะขอบคุณพระเจ้าที่ให้พวกเราพบกับเจ้าในช่วงเวลาที่ยากลําบากที่สุด”เฟิงซี่เรายังยินดีพร้อมกับดึงมือของชิงสุ่ยให้นั่งลงข้างๆนา
เฟิงซี่นั้นเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งจึงเป็นเรื่องปกติสําหรับนางที่จะทําเช่นนี้ หยินเทียนก็ไม่รู้สึกอึดอัดใจกับสิ่งที่นางแสดงออกมา
ชิงสุ่ยยิ้มและนั่งลงข้างๆเฟิง พร้อมกับมองไปที่หยินเทียนที่อยู่ตรงหน้าเขา เขายิ้มและกล่าวว่า “ทุกคนต่างก็รู้สึกคุ้นเคยกันดีแล้วหลังจากที่ได้อยู่ร่วมกันมาหลายวัน ท่านยังดูแลเด็กๆของข้า ราวกับลูกหลานของท่าน นี่คือโชคชะตาระหว่างท่านลุง ท่านป้าเฟิงและข้า ที่ได้พบกันในโลกที่กว้างใหญ่เช่นนี้ เมื่อโชคชะตานําพาให้เรามาพบกันก็ถือว่าพวกเรามีความผูกพันกันแล้ว”
“ใช่แล้ว ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะนําพาให้เป็นเช่นนี้ มิฉะนั้นข้าคงไม่อาจกลับมาพูดได้ดังเช่นทุกวันนี้
“โชคชะตานั้นบางทีก็มาพร้อมกับความสุขบางทีก็มาพร้อมกับความโศกเศร้า บางทีก็นําพามิตรสหายมาให้บางทีก็นําพาครูมาให้ ” เฟิงซี่มองมาที่ชิงสุ่ยและหัวเราะออกมา
ในตลอดการสนทนานี้ชิงสุ่ยจะพูดถึงเรื่องของตนเองในบางครั้ง พวกเขามาจากนิกายจันทรานิรันกาลแต่ก็ยังถือว่าอ่อนแอกว่าเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ นิกายนิรันกาลนั้นแบ่งกลุ่มแตกต่างกันไป ส่วนใหญ่แล้วพวกเขาจะอาศัยอยู่ในส่วนลึกของมหาทวีปอุดรเทวาเนื่องจากพื้นที่นั้นถูกล้อมรอบด้วยทะเลอันกว้างใหญ่
“ท่านป้าเฟิงและท่านลุง พวกท่านยังต้องอยู่ที่นี่อีกประมาณ 1 เดือน แต่ข้านั้นยังมีเรื่องที่ต้องทําแล้วจะกลับมาภายในเวลา 1 เดือนนี้ ข้าอยากจะขอให้ป้าเฟิงช่วยดูแลทุกๆคนที่อยู่ที่นี้ในเวลานี้ แม้ว่ามันจะเป็นคําขอที่มากเกินไปก็ตาม” เฟิงซี่ยังคงเข้าใจได้ว่าชิงสุ่ยต้องการจะสื่ออะไรกับพวกเขา
“ไม่ต้องห่วงที่นี่หรอก เรื่องที่เจ้าต้องทํานั้นเป็นอันตรายหรือไม่? เจ้าต้องการความช่วยเหลือหรือเปล่า?” เฟิงซี่ถามขึ้นด้วยความกังวล
“ไม่เป็นไรขอรับ ข้าเพียงแค่กลับไปที่บ้านเกิด ไม่มีอะไรที่อันตราย ข้าสามารถปกป้องตัวเองได้พวกท่านก็ทราบดี อย่างน้อยที่สุดข้าก็สามารถปกป้องตนเองจากอันตรายที่เกิดขึ้นได้”
ในวันถัดมาชิงสุ่ยบอกกล่าวกับทุกๆคนเรื่องการเตรียมตัวกลับบ้านของเขาและบอกให้ทุกๆคนรอเขาหากมีอะไรเกิดขึ้น หากเป็นเรื่องที่เร่งด่วนและร้ายแรงให้ปรึกษาท่านป้าเฟิงทันที หลังจากที่ชิงสุ่ยยืนยันว่าเขาจะกลับมาภายในเดือนนี้ เขาก็เตรียมตัวที่จะเดินทางกลับบ้านทันที