Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล – บทที่ 1638–ชายชราหวังผู้ลึกลับ

บทที่ 1638–ชายชราหวังผู้ลึกลับ

AST
ฝากติดตามเพจด้วยนะครับแฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย
บทที่1638 –ชายชราหวังผู้ลึกลับ
ในตอนนี้หยินชารู้ดีว่าถ้าพ่อของเขาฟื้นความแข็งแกร่งได้กลับมาตระกูลหงจะไม่กล้าทำเรื่องอย่างนี้แน่นอน ตอนนี้ตระกูลหยินก็เหลือเพียงแม่ของเขาเท่านั้นที่มีความสามารถใกล้เคียงกับพ่อของเขา
เฟิงซี่ยิ้มออกมาและมองไปที่หยินเทียน“ ท่านคิดอย่างไร กับต่อสู้ครั้งนี้ เราควรมีแผนยังไงรึ?”
หยินเทียนยิ้มและพูดว่า“ข้าแน่ใจว่าเจ้าคิดออกแล้ว ทำไมเจ้าไม่ลองบอกข้าดูละ ว่าในตอนนี้สิ่งที่เจ้าคิดกับข้าคิดเหมือนกันหรือไม่?”
“เราจะทำการประลอง 10ต่อ10 “เฟิงซี่มองหยินเทียนและพูดด้วยรอยยิ้ม
หยินเทียนรู้ว่าเธอนั้นจะส่งชิงสุ่ยเข้าไปในการต่อสู้อย่างแน่นอนนอกจากนี้รวมถึงเธอและลูกชายของเขา
ในตอนนี้หยินชาไม่ค่อยเข้าใจมากนักเขานั้นไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับชิงสุ่ยมากนัก ในตอนนี้เขาเลือกที่จะอยู่เงียบๆ และฟังต่อไป เพราะเขาเชื่อมั่นในการตัดสินใจของพ่อและแม่เขาเสมอ
“แล้วเราจะส่งใครไปบ้าง?” หยินเทียนยิ้มและถาม
”ข้าชาเอ๋อ ชิงลุ่ย ชิงเฟิง,หมิงอวี้ และอาวุโสทั้งสอง” เฟิงซี่ยิ้มและตอบ (7 คน??)
หยินเทียนยิ้มและมองไปที่เฟิงซี่เขาไม่ได้แสดงความไม่เห็นเกี่ยวกับวิธีของเธอ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เห็นด้วยกับแผนการของเธอในครั้งนี้
“มีอะไรรึ แผนของข้ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?” เธอถามออกมาเมื่อเห็นร้อยยิ้มที่ผิดปกติของเขา
“เป็นเวลาหลายปีตระกูลหงได้วางแผนเอาไว้ โดยเฉพาะในครั้งนี้เราดันเป็นฝ่ายที่ติดกับพวกเขาเอง ดังนั้นข้าคิดว่าท่านอาวุโสทั้งสองคงไม่ช่วยเหลือเราอย่างแน่นอน ดีกว่าสำหรับเราที่จะไม่หวังในตัวพวกเขามากนัก “หยินเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจ
เป็นอย่างที่หยินเทียนกล่าวเอาไว้เนื่องจากเรื่องราวในครั้งนี้เป็นฝ่ายตระกูลหยินที่ผิดพลาดจริงๆ นอกจากนี้ในช่วงเวลาที่หยินเทียนและเฟิงซี่ไม่อยู่อาวุโสทั้งสองก็ได้ออกรับหน้าและกำจัดอริมาโดยตลอด มันจึงทำให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บภายใน อย่างน้อยต้องใช้เวลาถึงสามเดือนในการฟื้นตัว
อย่างไรก็ตามเฟิงซี่ก็รู้ดีว่ามันคือข้าอ้างแม้พวกเขาจะแข็งแกร่งขนาดไหนพวกเขาก็ยังเป็นคนยังไงซะเขาก็ย่อมถูกกดดันจากตระกูลอื่นๆ หากทำเกินหน้าที่ของตน แต่ถึงอย่างไรเธอก็สงสัยว่าเป็นใครกันที่สามารถสร้างแรงกดดันให้ทั้งสองได้ เพราะพวกเขาเป็นคนที่จะไม่ยอมทรยศตระกูลหยิน แม้ว่าพวกเขาจะต้องตายแน่นอน นั้นหมายความว่าพวกเขาต้องถูกคุกคามโดยบุคคลหนึ่งที่มีผลต่อชีวิตของพวกเขา มิฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะทำเช่นนี้
แม้เฟิงซี่จะรู้สึกผิดหวังแต่ตระกูลหยินก็ไม่สามารถบีบบังคับพวกเขาได้ ชิงเฟิง หมิงอวี้ ทั้งสองเป็นสหายที่ดีของพวกเขา ซึ่งแน่นอนในครั้งพวกเขาย่อมให้ความช่วยเหลือตระกูลหยิน แต่นั้นก้ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะตอบตกลง ยังไงซะพวกเขาก็ยังมีตระกูงของตัวเองที่ต้องดูแล แต่อย่างไรก็ตามในตอนนี้ถ้าพวกเขาเข้าร่วม จำนวนของผู้เขาร่วมเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น
“แล้วเราจะทำอย่างไรดี” เฟิงซี่ถักคิ้วขึ้นแล้วถามออกมา หากปราศาจากอาวุโสทั้งสองหรือชิงเฟิง หมิงอวี้ แม้พวกเขาจะมีชิงสุ่ยนี่ก็ถือว่าเป็นงานที่ยากเอาการ
“ที่จริงแล้วเพียงแค่มีชิสุ่ยทางด้านข้างของเราก็ได้เปรียบมากแล้ว มันก็ไม่ได้แย่มากมายดังที่เจ้าคิดเอาไว้หลอก” หยินเทียนพูดด้วยรอยยิ้ม
“ข้าแค่คิดเพื่อเรื่องไม่คาดฝันเอาไว้เท่านั้น ด้วยจำนวนคนที่น้อยกว่าเราจะทำอย่างไร” เฟิงซี่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่กังวล
“ฮ่าฮ่า ไม่ต้องกังวลหรอก ให้เราจะให้พ่อครัวหวังมีส่วนร่วมในการแข่งขันครั้งนี้ ด้วยวิธีนี้เราควรจะสามารถชนะได้อย่างง่ายดาย” หยินเทียนกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
“ท่านหมายถึงท่านลุงหวัง ที่เป็นพ่อครัว ใช่ไหม” เฟิงซี่ถามด้วยความไม่เชื่อ
ในตอนนี้หยินชาเองก็ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เขาเพิ่งได้ยินมาและหันไปมองพ่อของเขาในทัน
“ใช่ ก็มีเพียงแค่ท่านลุงหวังคนนั้นคนเดียวเท่านั้น” หยินเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบ
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของทั้งสองเขาจึงกล่าวต่อว่า“ อย่าได้กังวลท่านลุงหวังนั้นอ่อนแอกว่าข้าตอนที่สมบูรณ์ที่สุดเพียงเล็กน้อย แม้แต่ชิงเฟิงและหมิงอวี้ ร่วมกันสู้ก็ไม่อาจเทียบเท่าได้ ไม่ควรมีปัญหาใด ๆ หากเลือกเขาเข้าร่วมการประลองในครั้งนี้”
“แล้วท่านลุงหวังจะเข้าร่วมการประลองในครั้งนี้ด้วยหรือไม่?” หยินชาและเฟิงซี่ถามออกมา
ในที่สุดหยินชาก็สามารถเข้าใจบางสิ่งได้ในที่สุดเหตุผลที่เขาสามารถมีชีวิตรอดมาได้ในทุกๆวันนี้ไม่ใช่เพียงเพราะอาวุโสทั้งสองที่คอยดูแล ยังมีชายชราหวังผู้นี้ผู้แฝงตัวอยู่ในเงามืด และคอยช่วยเหลือเขาเอาไว้
“แน่นอนท่านลุงหวังผู้นี้คือคนที่ปกป้องเจ้ามาโดยตลอด เขาคือผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งอย่างมาก เหตุผลที่เขาได้เร้นกายไปก็เพราะเขาไม่สามารถปกป้องภรรยาของเขาได้ หลังจากที่แก้แค้นให้เธอสำเร็จเขาก็แทบไม่เคยแสดงความแข็งแกร่ง และหยุได้ระทิ้งเส้นทางแห่งการบ่มเพราะไป หากในตอนนี้เขายังคงบ้าคลั่งและฝึกฝนเหมือนดังเคย แม้แต่ข้าที่ร่างกายแข็งแรงดีก็ไม่ใช่คู่ต้อสู้ของเขา อาจกล่าวมีคนไม่กี่คนเท่านั้นที่จะพอรับมือเขาได้ อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้จากไปไหนเขาได้มาอยู่กับข้าและได้หาความสุขจากการทำอาหาร แม้ว่าเขาจะไม่พรสวรรค์ในทางนี้ก็ตาม”
แม้แต่เฟิงซี่ก็ไม่เคยรู้เรื่องนี้มากก่อนตลอดเวลานี้เธอมักคิดเสมอว่าเขาอยู่เพียงระดับเซียนเทียนเท่านั้น และไม่เคยคิดว่าเขานั้นแข็งแกร่งมากมายกว่าเธอขนาดนี้
ในตอนนี้ชายชราที่ได้เดินเข้าพร้อมกับจานที่เตรียมไว้เพื่อเสิร์ฟอาหารให้กับหยินเทียนและครอบครัวของเขา ตั้งแต่หยินชาเริ่มจำความได้ สิ่งที่เขารู้ก็มีเพียงว่าชายชราหวังนั้นเป็นพ่อครัวของตระกูลหยินเท่านั้น
รูปร่างของชายหวังไม่สูงมากนักยิ่งไปกว่านั้นเขาดูอ้วนเสียมากกว่า เขามีใบหน้าที่ใจดีและน่ารื่นรมย์ นอกจากนี้เขายังมีบุคลิกที่อบอุ่น เขาเข้ามาพร้อมกับอาหารที่เตรียมไว้ เมื่อก่อนนั้นหยินเทียนได้ช่วยเขาล้างแค้นให้กับผู้หญิงที่เขารัก เพราะเขานั้นไม่สามารถจัดการอีกฝ่ายได้ มันจึงทำให้ชายชราหวังรู้สึกติดหนี้บุญมหญ่หลวงกับหยินเทียน ในขณะเดียวกันเขาก็เบื่อหน่ายกับวิถีชีวิตของการห่าฟัน มันจึงทำให้เขาเดินออกมาจากเส้นทางแห่งนั้นและมาเป็นพ่อครัวให้กับหยินเทียน.ไอลีนโนเวล.
ชายชราหวังวางจานลงบนโต๊ะขณะที่เดินเขาเดินเข้าไปหาหยินเทียน แม้ว่าชายชราหวังอาจจะเป็นเหมือนคนรับใช้ของตระกูลหยิน แต่ตระกูลหยินไม่เคยปฏิบัติต่อเขาในฐานะคนนอก จากรูปร่างหน้าตาของเขาที่ดูแก่กว่าหยิน จึงทำให้หยินเทียนมักเรียกเขาว่าพี่หวังอยู่เสมอ แม้ว่าเขาจะเด็กกว่าหยินเทียนก็ตาม
“พี่หวังทำไมท่านไม่นั่งลงและกินด้วยกันกับเราละ!” หยินเทียนยิ้มและพูดว่า
ในอดีตชายชราหวังเคยกินอาหารร่วมกันกับทั้งสามคนแต่นี่เป็นครั้งแรกในรอบกว่าสิบปีที่เขาได้มีโอกาสทานอาหารเย็นร่วมกับพวกเขาอีกครั้ง เมื่อชายชราวังได้ยินคำเชิญของพวกเขา เขาก็ยินดีอย่างมาก เขาได้นั่งลงใกล้ๆหยินชาในตอนนี้
“ท่านลุงวัง!” หยินชาทักทายชายชราวัง
ชายชราวังยิ้มและกล่าวว่า“ในที่สุดพ่อและแม่ของเจ้ากลับมาแล้ว ตอนนี้เจ้ารู้สึกโล่งใจหรือยัง?”
“ใช่ก็ใช่ แต่ตอนนี้ตระกูลกำลังคิดจะจะกำจัดเราก่อนที่ท่านพ่อจะหายดี” หยินชากล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
แม้ว่าเขาจะไม่สนใจการบ่มเพาะแต่สิ่งที่เขาทำอยู่ก็คือปกป้องตระกูลหยินและคอยคิดตามตระกูลอื่นๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ใครมาทำลายตระกูลหยิน
“น้องเทียนเจ้ามีแผนในครั้งนี้แล้วรึยัง ไม่ว่ายังไงก็ตามให้ข้าได้มีส่วนร่วมในการประลองในครั้งนี้ด้วยเถอะ หากเจ้ายังปกติดีอยู่ข้าเองก็คงไม่ยื่นมือเข้ามายุ่ง แต่ในครั้งนี้เจ้ายังไม่หายดี ปล่อยขยะพวกนั้นให้เป็นหน้าที่ของข้า”
“พวกเราจะส่งคนสิบคนลงไปในการต่อสู้ครั้งนี้” หยินเทียนยิ้มและกล่าว
“น้องเทียน เจ้าช่างเป็นคนใจกว้างจริงๆ” ชายชรารู้ดีว่าหยินเทียนจะไม่ส่งคนลงไปครบ10คนอย่างแน่นอน นั้นเพราะเขาไม่มีกำลังคนขนาดนั้น ฃ
ในความคิดของหยินเทียนแผนดั้งเดิมของเขาคือการส่งให้ชิงเฟิง หมิงอวี้ ชิงสุ่ย และชายชราหวัง เข้าร่วมการแข่งขัน ด้วยการประสานงานของชิงสุ่ย มันจะทำให้ที่นี้ไร้พ่ายอย่างแน่นอน
“ข้ากำลังจะตามหาท่าน ก็เป็นเพราะเหตุผลนี้ ในตอนนี้ข้านั้นไร้หนทางจริงๆ จึงต้องขอรบกวนท่านแล้ว เพราะท่านเพื่อนคนเดียวที่ข้ามีอยู่ในตอนนี้” หยินเทียนยิ้มและพูด ด้วยความแข็งแกร่งของเขาทำให้เขาสูญเสียเพื่อนไปมากมาย
ในโลกของผู้ฝึกตนหนทางที่เหลืออยู่ก็คนความเดียวดาย จึงมีคำพูดที่ว่ายิ่งสูงยิ่งหนาว ในตอนนี้สหายที่สนิทสนมของเขาก็ได้ล้มตายไปเกือบหมด ไม่ว่าจะเป็นด้วยการต่อสู้ หรือหมดอายุไขก็ตาม
”เราเป็นพี่น้องกันที่นี่ก็คือครอบครัวของข้า ไม่ว่าอนาคตจะเปลี่ยนแปลงไปมากเพียงใด นี่เป็นเพียงสิ่งเดียวที่จะยังคงเหมือนเดิมตลอดไป” ชายชราหวังหัวเราะเบา ๆ
“ไปกันเถอะ ข้าจะแนะนำเจ้าให้รู้จักกับหมอที่น่าอัศจรรย์ที่ช่วยข้าไว้ นอกจากนี้เขายังมีพรสวรรค์ในการปรุงอาหารที่ไม่มีใครเทียบได้” หยินเทียนยิ้มและกล่าวว่า
“เยี่ยมข้าจะขอบคุณเขา ที่ช่วยทำให้เจ้าผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบากตลอดหลายปีที่มาได้ มันเป็นเวลาที่โหดร้ายอย่างมากสำหรับพวกเจ้า เนื่องจากเขาเป็นคนที่ช่วยเจ้าไว้ นั่นก็หมายความว่าเขายังก็เป็นผู้มีพระคุณของของข้าอีกด้วย” ชายชราหวังยืนขึ้นและกำลังจะลุกออกไป
“ทำไมพวกท่านทั้งสองไม่นั่งลงและเพลิดเพลินกับมื้ออาหารของท่านก่อนที่จะไปที่นั่นละ” เฟิงซี่กล่าวอย่างรวดเร็ว
หยินเทียนมองไปรอบๆ และยิ้ม“ ถ้าอย่างนั้นทำไมเราไม่เชิญชิงสุ่ยและคนอื่นๆมาร่วมท่านอาหารกับเราละ”
หยินชายืนขึ้นอย่างรวดเร็ว“ท่านพ่อทำไม ท่านไม่ใช้นี้เวลาคุยกับท่านลุงหวังละ ในขณะที่ข้าไปจะเชิญพวกเขามาเอง”
เฟิงซี่พยักหน้า“เอาล่ะ เราจะอยู่ที่นี่จนกว่าเจ้าจะกลับมา”
ในตอนนี้หญิงสาวทั้งสองไม่ได้มากับชิงสุ่ยมีเพียงแค่เขาคนเดียวที่กลับมาพร้อมหยินชา นี่เป็นการเจอกันครั้งแรกของชิงสุ่ยกับชายชราหวัง แม้จะเป็นเช่นนั้นเขาก็สามารถที่จะรู้สึกได้ว่าชายชราหวังทรงพลังขนาดไหน แม้ว่าเขาอาจจะไม่สามารถบอกได้ว่าพลังที่แท้จริงของชายชราผู้นี้อยู่ในขั้นไหนกันแน่ แต่ความรู้สึกของเขาก็บอกเขาว่าเขามีความแข็งแกร่งมากกว่าเฟิงซี่อย่างแน่นอน
ชายชราหวังเข้าหาเดินเข้าไปหาชิงสุ่ยอย่างมีความสุขทันทีที่เขาเห็นเขาชายชราก็ได้กล่าวว่า“ ข้าคือชายชราหวังต้องขอโทษจริงๆ ที่ข้าไม่สามารถแสดงความขอบคุณเจ้าได้ ที่เจ้าได้ช่วยชีวิตน้องชายของข้าเอาไว้ หากมีสิ่งใดที่จะให้ข้าช่วย ไม่ว่าจะอะไรก็ตามเจ้าสามารถบอกข้าได้เลย ข้าจะพยายามทำมันอย่างสุดความสามารถ”
ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าวว่า“ท่านอาวุโสท่านพูดเป็นทางการกับข้ามากไปแล้ว ข้านั้นได้ถูกพามาที่นี่พร้อมกับท่านลุงและคนอื่นๆ และด้วยโชคชะตา ภรรยาของข้ายังได้กล่าวเป็นลูกบุญธรรมของท่านป้าเฟิงอีกด้วย ดังนั้นเราก็คือครอบครัวเดียวกัน”
“จริงรึ?ยอดเยี่ยมไปเลย ข้าไม่รู้มาก่อนเลยว่าข้าจะมีครอบครัวที่ใหญ่โตขนาดนี้ เอาล่ะทำไมเราไม่นั่งลงกินอาหารและพูดคุยกันในเวลาเดียวกันล่ะ? โอ้ แล้วภรรยาของเจ้าอยู่ไหนกัน? “ชายชราหวังพูดด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น
“พวกนางทานอาหารกันเสร็จแล้ว ดังนั้นพวกนางจึงตัดสินใจที่จะอยู่ในห้องแทนในเวลานี้”
ในตอนนี้ชิงสุ่ยรู้ดีว่าสิ่งที่จะพูดหลังจากมืออาหารคืออะไรมันจึงเป็นเรื่องดีที่ทั้งสองคนจไม่เข้ามารับฟังในเวลานี้
“ชิงสุ่ย ป้าจะบอกความจริงกับเจ้า เราต้องการให้เจ้าเข้าร่วมการประลองเป็นตายในครั้งนี้” เฟิงซี่กล่าวขณะมองดูชิงสุ่ย
“แน่นอนท่านป้า เนื่องจากหลิงเยียนและฉินชิงเป็นคนที่ทำให้เกิดปัญหานี้ แม้ว่าท่านป้าเฟิง จะไม่ได้ขอร้องให้ข้าเข้าร่วมในการประลองครั้งนี้ ข้าก็จะอาสาเข้าทำมัน” ชิงสุ่ยกล่าวออกมาด้วยความรวดเร็ว
เฟิงซี่ส่ายหน้าของเธอ“มันเป็นเรื่อยังเอิญ แม้ว่าจะไม่มีเรื่องนี้ ตระกูลหงคงพยายามาข้ออ้างอื่นในการจัดการกับเราอยู่ดี เป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขาคือตระกูลหยินของข้า”
ชิงสุ่ยรู้ว่าเฟิงซี่กำลังพูดความจริงอยู่ หลังจากความคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็ถามออกมาว่า“ ท่านป้าวางแผนที่จะต่อสู้ในสงครามนี้อย่างไรบ้าง?”
“ข้าวางแผนที่จะจบการแข่งขันในรอบเดียวโดยการประลองครั้งนี้เป็นการประลองแบบกลุ่ม โดยที่แต่ละฝั่งจะสามารถส่งคนออกมาได้ไม่เกิน10คน เจ้าคิดอย่างไรเกี่ยวกับกลยุทธ์ของเราบ้าง?” เธอถามออกมาหลังจากที่กล่าวจบ
“ท่านป้าเฟิง ท่านเป็นคนใจกว้างเกินไปแล้ว” ชิงสุ่ยยิ้มและพูดว่า
มันเหมือนกับสิ่งที่ชายชราวังพูดในก่อนหน้านี้ซึ่งชิงสุ่ยรู้ชัดเจนว่าเธอไม่ได้ใจดีอย่างนั้น เธอเพียงต้องการที่จะถอนรากถอนโคนตระกูลหงให้หมดไปในทีเดียว เช่นนั้นแล้วความแข็งแกร่งพวกเขาจะลดลงอย่างมาก และยากที่จะกลับมา
แน่นอนว่ามีเหตุผลที่ชิงสุ่ยชมเธอว่าเป็นคนใจกว้างเพราะพวกเขาสามารถต่อสู้ในการประลองเห็นตายได้ โดยที่แต่ละฝ่ายสามารถส่งตัวแทนออกมา5คน โดยแบ่งการประลองสองออกสองครั้ง ด้วยวิธีนี้พวกเขาจะมีโอกาสที่จะชนะการประลองมากกว่า แต่ถึงอย่างไรเพราะเธอเชื่อมั่นในกลุ่มของเธอ และอยากรับจัดการเรื่องทั้งหมดลงเธอจึงได้ตัดสินใจเช่นนี้

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

Status: Ongoing

นิยายเรื่องนี้เป็นเกี่ยวกับตัวละครหลักมีชื่อว่า ชิงสุ่ยซึ่งถูกส่งข้ามมิติและมายังทวีปคิวชู  ทั้งทวีปเต็มไปด้วยการฆ่าฟันดังพายุโลหิต ส่งผลให้ซากศพ กระดูกและเศษเนื้อ  กระจายเกลื่อนไปทั่วทวีปซึ่งถือเรื่องธรรมดามากในโลกใบนี้

 นักรบหนุ่มชิงสุ่ยทำการพลิกชะตากรรมชีวิตเพื่อสร้างเส้นในการเพาะปลูกพลังยุทธ เขาใช้เวลากว่า 10 ปีเพื่อฝึกฝนตัวเอง เพื่อที่จะแสวงหาการแก้แค้นบุคคลผู้หนึ่งที่ได้ทอดทิ้งแม่ของเขา! บนเส้นทางชีวิตนี้ เขาได้มีโอกาสพบกับหญิงสาวผู้มีความงดงามดุลรูปปั่นเทพธิดา ( เจ้าหญิงน้ำแข็ง ) ชิชิงซวง ซึ่งเป็นบ่อเกิดของความเกลียดชังและการแก้แค้นจากคู่หมั้นของเธอนามซิตู่บูฟาน หลังจากผ่านพ้นเข้าเมืองร้อยไมล์ ชิงสุ่ยได้พบกับสาวสวยแสนงดงามชื่อ ยูฮี และคนอื่นๆ ที่อาณาจักรเซียนเทียน

 หลังจากที่เขาเผชิญความทุกข์ยากในเส้นทางชีวิต เขาได้ฆ่านายน้อยของตระกูลกงหยางเพราะยูฮี ทำให้เขาต้องหลบๆซ่อนๆ แต่ในความโชคร้ายก็มีความโชคดี หญิงสาวรูปร่างใบหน้าราวกับนางอัปสรสวรรค์ ชื่อเย่ยีเจียนจี  ได้พานพบและได้ช่วยเหลือเขาเอาไว้ ต่อไปนี้เขาจะต้องพบเจอกับสงครามที่ต้องล้างด้วยเลือด  ชิงสุ่ยจะสามารถรอดพ้นอันตรายได้หรือไม่ จะรอดพ้นภัยพิบัติได้หรือไม่  และความสัมพันธ์ของเขากับสาวงามต่างๆจะเป็นอย่างไร

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท