AST
พิธีงานแต่งดำเนินไปอย่างราบรื่นชิงสุ่ยทำให้ทุกอย่างทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเต็มไปด้วยความสนุกสนาน เขาไม่เกรงกลัวว่าจะมีคนมาทำลายงานของเขา และเมื่อเวลาผ่านไปแขกก็เริ่มกล่าวคำลาจาก
บรรดาผู้ที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์สนิทสนมมากเริ่มจากไปลงเหลือเพียงแต่คนใกล้ชิดที่อยู่ต่อ
สมาชิกตระกูลชิงนั่งร่วมโต๊ะกันแม้ว่าปัจจุบันสมาชิกตระกูลชิงก็ยังไม่มากเทียบเท่าตะกูลอื่น แต่ปัจจุบันสมาชิกก็ยังคงเพิ่มขึ้น รวมถึงเด็กรุ่นเยาว์ที่มีพลังความสามารถ และมีโอกาสก้าวมาแทนที่ชิงสุ่ย
อีเย่เจี้ยนเก้อนั่งถัดจากชิงสุ่ยเธอยังคงรอยยิ้มแต่ก็เต็มไปด้วยความรู้สึกแปลก เขาและเธอจะรวมกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวจากนี้และตลอดไป แม้ว่าเธอจะรู้สึกเช่นนี้ตั้งแต่ครึ่งปีที่แล้ว แต่เธอก็รู้ดีว่าพิธีการนี้สำคัญเพียงใด
หลายคนมักพูดว่าพิธีการไม่ใช่เรื่องสำคัญหากคนสองคนพอใจจะอยู่ด้วยกันมันก็ไม่มีอะไรสำคัญอีกแล้ว
แน่นอนว่านี่ก็คือความจริงเช่นกันแต่การแต่งงานโดยจัดพิธีการถือเป็นการให้เกียรติหญิงสาวและถือเป็นการบอกต่อความสัมพันธ์นี้แก่ผู้อื่น
อีเย่เจี้ยนเก้อยกน้ำชามอบให้กับชิงอีเและเหยียนจงเยว่ทุกอย่างเหมือนพิธีการในโลกที่แล้วของชิงสุ่ย ในขณะเดียวกันชิงอี้ก็หยิบเอากำไรข้อมือมาสวมให้กับอีเย่เจี้ยนเก้อ
”พี่ชิงสุ่ยท่านนี้น่าอิจฉาจริงๆ”ชิงหยูหัวเราะเบาๆ
ชิงสุ่ยชอบความสัมพันธ์แบบใกล้ชิดไม่ว่าจะแข็งแกร่งเพียงใดทุกคนคือพี่น้องกัน อะไรที่แบ่งปันกันได้เขาก็พร้อมที่จะมอบให้กับคนในตระกูล ซึ่งมันทำให้ความสัมพันธ์นี้แนบแน่นมากยิ่งขึ้นและทุกคนต่างสามารถล้อเลียนซึ่งกันและกันได้
”ท่านพึ่งรู้เหรอว่าพี่ชายชิงสุ่ยเป็นคนน่าอิจฉาขนาดนี้?แต่ไม่ว่าเขาจะเป็นคนอย่างไร เขาก็ยังเป็นพี่ชายของข้าและชอบมอบของขวัญให้กับข้ามาโดยตลอด”ชิงเป่ยกล่าวอย่างมีความสุข
เมื่อชิงสุ่ยมองเห็นชิงเป่ยที่กำลังแสดงท่าทางกระดี๊กระด๊ามีความสุขเขาก็ยิ้มก่อนจะหยิบกระบี่ยาวและกระโปรงศึกจากดินแดนห้วงมิติออกมามอบให้กับเธอ พวกมันถูกบรรจุมาในกล่องและฝักที่ถูกจัดเตรียมไว้อย่างดี ซึ่งเขาเป็นคนจัดเตรียมเองและไม่ได้มีโอกาสที่จะมอบให้กับเธอ
ชิงสุ่ยจึงใช้โอกาสนี้ในการมอบของต่างๆให้กับผู้คนที่หลงเหลืออยู่
ทุกคนต่างมารวมตัวกันและเริ่มต้นบทสนทนาพูดคุยเรื่องราวที่น่าสนใจตัวของอีเย่เจี้ยนเก้อ เธอกำลังมองดูลูกๆชิงสุ่ย เธอมองเห็นทั้งคนที่เธอเคยพบเจอรวมถึงเด็กๆที่เธอไม่เคยเจอไม่ว่าจะเป็นชิงเติงหรือชิงนิ๋ว ซึ่งทั้งสองคนก็กำลังวิ่งเข้าหาเจี้ยนเก้อ
ชิงสุ่ยมองดูอีเย่เจี้ยนเก้อก่อนที่จะนึกย้อนกลับไปในวันที่เขาพาหลวนหลวนมาหาเธอโชคชะตานำพาให้แต่ละคนได้ใกล้ชิดกัน
เมื่อเวลาล่วงเลยไปทุกคนก็เริ่มแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง ในขณะที่ชิงสุ่ยและอีเย่เจี้ยนเก้อก็ถึงเวลากลับเข้าสู่ห้องของคู่บ่าวสาว
อีเย่เจี้ยนเก้อจ้องมองชิงสุ่ยที่กำลังยิ้มแปลกๆจนเธออดถามไม่ได้”รอยยิ้มของเจ้าช่างดูแปลกเหลือเกิน”
”ตอนนี้ข้ามีลูกๆมากมายและลูกๆของข้าก็โตมากพอแล้ว บางทีเมื่อข้าคิดถึงมันข้าก็รู้สึกเหมือนข้ากำลังฝันไป”ชิงสุ่ยไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงคิดแบบนี้ ตัวของเขาเองก็ไม่ค่อยได้อยู่บ้าน เหมือนเวลามันผ่านไปเร็วจนเด็กๆเติบโต แต่คนที่เลี้ยงลูกๆกลับไม่ใช่เขา มันยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าเขาเป็นพ่อที่แย่ไม่มีคุณสมบัติที่มากพอสำหรับลูกๆของเขา
”ทำไมเจ้ายังรู้สึกเช่นนี้ทั้งๆที่เจ้าต้องพยายามทำเพื่อลูกๆ?”อีเย่เจี้ยนเก้อยิ้มก่อนจะกล่าวตำหนิชิงสุ่ยและรู้ว่าเขากำลังคิดอะไร
”ข้าไม่ได้อยู่ดูแลพวกเขาเลยสิ่งที่ข้าทำมันทำให้บรรดาแม่ๆของพวกต้องลำบาก บางครั้งข้าก็รู้สึกเหมือนเป็นหนี้ทุกคนแทน”ชิงสุ่ยกล่าวอย่างโศกเศร้า
บางครั้งเขาก็อยากจะหยุดทำในสิ่งที่เขากำลังจะทำและกลับมาอยู่บ้านให้นานขึ้นแต่มันยังมีสิ่งต่างๆมากมายที่เขาต้องจัดการ และบางทีเขาก็ถูกบังคับให้เข้าร่วมสถานการณ์ที่เขาไม่อาจควบคุมได้
”แต่เจ้าก็เป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับลูกๆของเจ้าถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่รู้ตัวก็ตาม แต่ลูกๆของเจ้าต่างมีความรู้สึกที่พิเศษเมื่ออยู่กับเจ้า เจ้าคือพ่อที่ยอมเสียสละ และทุกคนก็รู้ดีว่าเจ้าเป็นอย่างไร บางทีพ่อที่ดีอาจไม่จำเป็นต้องอยู่ข้างพวกเขาตลอดเวลา” อีเย่เจี้ยนเก้อมองดูชิงสุ่ยด้วยท่าทางอ่อนโยน.Aileen-novel.
และเมื่อชิงสุ่ยได้ฟังคำพูดของอีเย่เจี้ยนเก้อเขาก็รู้สึกดีขึ้นมาทันที
”ในอนาคต เมื่อพวกเรามีลูกด้วยกัน พวกเราควรบอกเล่าเรื่องราวที่ทำให้พวกเราได้มาผ่านพบกันให้ลูกๆได้ฟังหรือไม่?”ชิงสุ่ยยิ้มขณะเอ่ยถาม
อีเย่เจี้ยนเก้อใบหน้าแดงกล่ำ “ใครจะไปมีลูกกับเจ้า”
เมื่อมองดูการแสดงออกที่เขินอายของเธอชิงสุ่ยก็อุ้มเธอขึ้นและกล่าวว่า “คืนวันแต่งงานคือคืนที่วิเศษที่สุดในชีวิต เรามามีลูกกันเถอะ”
”เจ้าคนร้าย….”
เช้าวันถัดมาชิงสุ่ยและอีเย่เจี้ยนเก้อต่างก็ตื่นในเวลาเช้าตรู่ อีเย่เจี้ยนเก้อตื่นก่อนชิงสุ่ยและคนอื่นๆ เพื่อไม่ให้หญิงสาวคนอื่นได้มีโอกาสแซวเธอ
การอยู่บ้านในครั้งนี้ของชิงสุ่ยถือว่าไม่สั้นและไม่ยาวเกินไปเขาใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านยาวนานกว่า 20 วัน แน่นอนว่าเวลาที่ถูกใช้ไปไม่ได้มีอะไรที่ไร้ประโยชน์เลย เขาทำสิ่งต่างๆนานามากมายแม้กระทั่งตอนกลางคืน เขายังได้ทำเรื่องที่สนุกสนานซึ่งมีส่วนช่วยประสานพลังร่างกายทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น
ในวันนี้ชิงสุ่ยได้ช่วยบรรดาหญิงสาวเช่นเดียวกับเด็กๆรุ่นใหม่ในการปรับปรุงรากฐานพลัง
ส่วนเด็กรุ่นใหม่ก็เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกันหลวนหลวนยังคงเป็นเด็กที่ทรงพลังที่สุดในหมวดหมู่เด็กรุ่นเดียวกัน แม้กระทั่งสัตว์อสูรของเธอก็ตาม
ติ๊เฉินเองก็เดินทางมาเยี่ยมเยียนเป็นครั้งคราวเหตุผลที่เธอเดินทางมาก็คงเป็นเพราะติ๊ชิง ดูเหมือนเธอจะชื่นชอบในตัวเด็กน้อยอย่างชิงนิ๋วมาก
ติ๊เฉินและชิงสุ่ยก็ผ่านพิธีงานแต่งงานเช่นกันหลังจากเสร็จพิธีเรื่องขององค์หญิงใหญ่ตอนนี้ในหมู่หญิงสาวของเขา คงจะมีแต่ถานท่ายหลิงเยียนคนเดียวที่ยังไม่ได้แต่งงานกับชิงสุ่ย เพราะแม้แต่อวี้ลู่หยานก็ยังผ่านพิธีการแต่งงานมาแล้ว
ห่ายต่งชิงผู้หญิงสาวอีกคนหนึ่งที่ไม่ได้ให้กำเนิดบุตร เธออยู่กับติ๊เฉินแทบจะตลอดเวลา จนกลายเป็นหนึ่งในสมาชิกของนิกายบงกชเทวะ
ส่วนหยวนซูเธอยังคงพำนักอยู่ที่หอคอยจักรพรรดิ ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับชิงสุ่ยยังคงคลุมเครือ พวกเขาเป็นทั้งเพื่อนสนิทและเกือบเหมือนคนรัก อย่างไรก็ตามทั้งสองคนก็ยังไม่ได้ตกลงปลงใจพูดคุยหรือตัดสินใจที่จะกินอยู่ร่วมกัน
ทั้งสองคนสามารถกอดและจูบกันได้เหมือนคนละแต่ชิงสุ่ยก็ไม่รู้ว่าหยวนซูคิดอะไรอยู่ ถึงอย่างไรซะเวลาก็ยังมีมากมาย ชิงสุ่ยจึงต้องการให้เวลากับเธอ
เวลาเกือบ1 เดือนผ่านไปโดยไม่รู้ตัว ครั้งที่แล้วที่เขากลับมาเขาได้มีเรื่องกับตระกูลน่าหลาน แต่ครั้งนี้ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น
ภายใต้การช่วยเหลือของชิงสุ่ยทุกคนในตระกูลชิงมีระดับพลังที่เพิ่มพูนขึ้นไปอีก 1 ระดับ ส่วนทางด้านนิกายบงกชเทวะ สำนักสวรรค์เร้นลับ และเทือกเขาปู๋โถว ทั้งหมดยังคงสานสัมพันธ์กับตระกูลชิง แม้ว่าจะมีการข้องเกี่ยวกันเพียงแค่เล็กน้อย แต่บรรดาหญิงสาวของชิงสุ่ยต่างก็มีสถานะสูงส่งเมื่ออยู่ตามนิกายเหล่านั้น
ติ๊ชิงห่ายตงชิงและเหวินเหรินอูซวงก็ยังถือเป็นคนของนิกายบงกชเทวะ ส่วนอีเย่เจี้ยนเก้อก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของพระราชวังทะเลราชันย์ไม่เปลี่ยนแปลง
ชิงสุ่ยและอีเย่เจี้ยนเก้อกล่าวอำลาคนในครอบครัวสำหรับ 1 เดือนที่ผ่านมา ติ๊เฉิน องค์หญิงใหญ่ และอีเย่เจี้ยนเก้อใช้เวลาร่วมกันอยู่ในตระกูลชิง และได้สร้างสิ่งก่อสร้างเพิ่มเติมเพื่อใช้เป็นที่พักและขยายที่ฝึกฝนของพวกเขา
เมื่อชิงสุ่ยจากไปบางส่วนก็เลือกที่จะอยู่ต่ออีกสักพักในขณะที่บางส่วนก็เลือกที่จะกลับไปยังที่ที่อยู่ของตน
เมื่อชิงสุ่ยและอีเย่เจี้ยนเก้อออกจากเมืองจักรพรรดิเขาได้ใช้ธงสวรรค์ปัญจธาตุก่อนจะไปปรากฏตัวอยู่บริเวณในถ้ำศักดิ์สิทธิ์
ทันทีที่มู่หยุนชิงเฉิงมองเห็นทั้งสองกลับมาเธอก็รีบกลับทักทาย “พวกเจ้าสองคนกลับมาแล้วเหรอ”
เจี้ยนเก้อยิ้มและจับมือมู่หยุนชิงเฉิง “พระราชวังทะเลราชันย์มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือไม่?”
”ทุกอย่างยังคงปกติเรียบร้อยดีดูเหมือนว่าทั้งสองอารมณ์ดีผิดปกตินะ”มู่หยุน ชิงเฉิงจ้องมองชิงสุ่ยก่อนจะกล่าวกลับเจี้ยนเก้อ
”อืมก็ไม่มีอะไรนิ ตอนที่พวกเรากลับไป พวกเรากลับไปจัดพิธีงานแต่งงานก็เท่านั้นเอง”ชิงสุ่ยยิ้มตอบ
”ข้าขอแสดงความยินดีด้วยนะเจี้ยนเก้อดูเหมือนพี่สาวคนนี้ควรจะมอบของขวัญอะไรสักอย่างแก่เจ้า”มู่หยุน ชิงเฉิงตกตะลึงเล็กน้อยก่อนจะกล่าวอย่างมีความสุข
ใบหน้าของเจี้ยนเก้อแดงกล่ำก่อนจะทิ้งชิงสุ่ยและมุ่งหน้าตรงไปห้องมู่หยุนชิงเฉิงเพื่อสนทนาเรื่องต่างๆ
หลังจากที่พักอยู่ได้อีกครึ่งวันชิงสุ่ยก็บอกลาพวกเธอและตรงไปยังหอคอยจักรพรรดิแห่งเมืองหลินห่าย
ชิงสุ่ยรู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้ก็เปรียบเสมือนบ้านของเขาอีกหลังนึงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขาไปกลับทั้ง 2 ที่บ่อยครั้ง และนี่คงเป็นเหตุผลที่ทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกว่าอวี้ เหนียงก็เปรียบเสมือนพี่สาวของเขา
แม้ว่าเธอจะไม่ใช่คนที่มีพลังแต่ชิงสุ่ยก็ได้มอบยาเม็ดเซียนเทียนให้แก่เธอจนเธอก้าวขึ้นสู่ระดับเทวะเซียนเทียนได้มันอาจจะพูดว่าเธอไม่แข็งแกร่งแต่อย่างน้อยเธอก็สามารถปกป้องตัวเองได้เช่นกัน
ชิงสุ่ยมีความสัมพันธ์กับที่นี่เป็นพิเศษโดยเฉพาะความรู้สึกที่มีให้กับอวี้เหนียง
ถานท่ายหลิงเยียนอยู่ที่นี่เช่นเดียวกับฉินชิงเธอเหมือนต้องการจะพูดอะไรบางอย่างแต่เธอก็เลือกที่จะไม่พูด
ชิงสุ่ยไม่ใช่คนโง่เขารู้ดีว่าเธอมีความในใจจะพูด เขาจึงเดินไปถาม แล้วก็ได้รับคำตอบว่าเธอนั้นอยากกลับไปยังพระราชวังจอมอสูร