AST
เดิมทีชิงสุ่ยไม่ตั้งใจจะให้อาวุโสทั้งสองเข้าร่วมต่อสู้
แต่หากเขาทำเช่นนั้นจริงๆก็หมายความว่าเขาดูถูกทั้งสองเช่นนั้นแล้วเขาจึงไม่ได้ทำแบบนั้น เพราะสำหรับพวกเขาแล้วพระราชวังสุริยานั้นก็ไม่ต่างกับครอบครัวของพวกเขา
แม้ชิงสุ่ยจะมีประสบการณ์ในการต่อสู้มามากมายแต่การต่อสู่รวมกับพวกเขาในตอนนี้กับเป็นปัญหาอย่างหนึ่งของเขา เพราเขาไม่รู้ หญิงสาวทั้งสองและชายชราทั้งคู๋นั้นมีความสามารถอะไรบ้าง ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องวางแผนการให้ดีในตอนนี้
“เราจะให้อาวุโสโม่และอาวุโสจินเข้าร่วมการประลองในครั้งนี้”
เมื่อชายชราทั้งสองรู้เรื่องนี้เขาพวกเขามีความสุขอย่างมาก เดิมที่พวกเขาไม่คิดว่าจะได้รับเกียรติ ดังกล่าวนี้ทำให้ทั้งสองประหลาดใจอย่างมาก
ชิงสุ่ยเป็นคนที่ให้ความเคารพผู้ที่อายุมากกว่าซึ่งอาวุโสทั้งสองก็ถือว่าเป็นคนเก่าแก่ของพระราชวังสุริยาและมีฐานะที่สูงส่งไม่ว่าจะในเผ่าของพวกเขาหรือแม้แต่ในพระราชวังสุริยา แม้แต่ชิงสุ่ยและนายหญิงทั้งสามก็ต้องเคารพพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาก็เป็นคนที่ปกป้องพระราชวังสุริยามาตลอด แม้แต่ยามชิงเฉินเล็กๆก็ได้พวกเขาดูแล ดังนั้นเธอจึงสนิทกับทั้งสองอย่างมาก
ถึงอย่างไรก็ตามพวกเขาก็ไม่ใช่คนที่ดูแลพระราชวังสุริยายังไงซะผู้ที่จะได้รับสืบทอดตำแหน่งผู้นำก็ยังคงต้องเป็นที่ผ็ที่ได้รับสายเลือดมาจากผู้นำคนก่อน และแน่นอนเขาต้องเป็นคนที่แข็งแกร่ง
“เชิญอาวุโสทั้งสอง”ชิงสุ่ยลุกขึ้นกล่าว เมื่อเห็นทั้งสองเดินเข้ามา
“คุณชายชิง เราได้ยินมาว่านายหญิงอนุญาตให้ พวกเรามีส่วนร่วมในสงครามนี้ พวกเราเลยเข้ามาถามด้วยสงสัยว่านี่ มันคือเรื่องจริงหรือไม่?”
ชายชราที่กล่าเขาดูมีอายุมากแล้วแต่ยังดูแข็งแกรงแม้ว่าผมของเขาจะถูกย้อมจนขาวสนิท แต่กลิ่นอายของเขากับสงบนิ่ง และยิ่งใหญ่ไพศาล ชายชราคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากจินกุ่ยซือผู้บ่มเพาะระดับสูงเผ่าเต่าวชิระอมตะ
ส่วนชายชราอีกคนมีผิวสีเข้มมันทำให้เขาดูหน้าเกรงข้ามอย่างบอกไม่ถูก ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความผันผวนของเวลา นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เขายิ้มออกมาและจ้องมองไปที่ชิงสุ่ยด้วยความคาดหวัง
“ถูกต้อง ข้าอยากรู้จริงๆว่าพวกท่านสนใจที่จะเข้าร่วมการประลองในครั้งนี้หรือไม่” ชิงสุ่ยกล่าวขณะที่เชิญพวกเขานั่ง
“นี่คือความฝันของพวกเรา ไม่มีอะไรที่เราต้องการมากว่านี้อีกแล้ว นี่มันก็นายมากแล้ว หลังจากต่อสู้ครั้งสุดท้าย ของพวกเรา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเราต้องเข้าร่วมการประลองในครั้งนี้อย่างแน่นอน” อาวุสโม่รีบกล่าว
สำหรับผู้บ่มเพาะพวกเขามักจะแสวงหาโอกาสที่จะต่อสู้เสมอ พวกเขาฝึกฝนในทุกๆวันให้แข็งแกร่งขึ้นเพื่อที่จะสามารถต่อสู้กับคนที่แข็งแกร่งได้ ดังนั้นนี่เหมือนเป็นการเติมเต็มความฝันของพวกเขา ไม่มีทางที่พวกเขาจะปฏิเสธมัน ไอลีนโนเวล
“แน่นอน ข้าก็จะเข้าร่วมมัน อีกอย่างหนึ่ง คุณชายชิงท่านสุภาพเกินไปแล้ว เราเป็นส่วนหนึ่งของพระราชวังสุริยาพวกเรามีหน้าป้องกันที่แห่งนี้ให้ปลอดภัย มีหรือที่เราจะกล้าปฏิเสธมัน”
หลังจากนั้นไม่นานชายชราทั้งสองก็จากไป ชิงสุ่ยยสามารถบอกได้ว่านี่เป็นที่สิ่งจำเป็น แม้ว่าบางครั้งการไม่ยอมให้พวกเขาเข้าร่วมการต่อสู้จะเป็นหนทางในการปกป้องพวกเขาเอาไว้ แต่ถึงอย่างไรชิงสุ่ยก็รู้ดีว่านั้นไม่ใช่วิถีทางที่พวกเขาต้องการ บางครั้งพวกเขายอมตายดีกว่าจะเสียศักดิ์ศรี
ในไม่ช้าสามวันก็ได้ผ่านพ้นไป
ชิงสุ่ยนายหญิง ชิงเฉิง อาวุโสโม่ และ อาวุโสจิน นำบางคนมาปรากฏตัวในสถานที่ที่ไม่ไกลจาก Sunset Palace มีภูเขาที่จมอยู่รอบ ๆ พื้นที่เหมือนหุบเขา อย่างไรก็ตามหุบเขานี้กว้างใหญ่เกินไป
เจี้ยนเก้อก็มาด้วยในตอนนี้อย่างไรก็ตามชิงสุ่ยก็ไม่อนุญาตให้เธอเข้ามามีส่วนร่วมในการต่อสู้ครั้งนี้ เพราเธอกำลังท้องอยู่ในตอนนี้ ดังนั้นชิงสุ่ยจึงไม่อยากให้เธอเข้ามาเสี่ยงกับอันตราย นอกเหนือจากเธอยังมีผู้บ่มเพาะอีกหลายคนที่มากจากพระราชวังสุริยา ในขณะที่เงาของอีกฝ่ายก็ค่อยๆปรากฏตัวขึ้นที่ทางตรงกันข้าม
ในที่สุดเวลานี้ก็มาถึงผู้คนของพระราชวังหมาป่ามังกรก็มาถึง ในตอนนี้ชิงสุ่ยสามารถบอกได้เลยว่ากำลังของพวกเขาได้เปรียบอย่างมากในตอนนี้ หากไม่ใช่ดินแดนหยกของเขาได้ยกระดับขึ้นชิงสุ่ยสามารถบอกได้เลยว่าเขาคงไม่สามารถจัดการกับอีกฝ่ายได้
ชิงสุ่ยจ้องที่ไปที่ชายคนหนึ่งในหมู่พวกเขาเขานั้นมีรูปร่างที่คล้ายคลึงกับมนุษย์อย่างมาก จุดเด่นของเขาคือดวงตาสีเขียว กับหน้าหน้าผากที่กว้างนูน แม้แต่ชิงสุ่ยก็ยังยอมรับว่าดวงตาของเขางดงามอย่างมาก
ไม่เพียงแค่เขาเท่านั้นชายคนอื่นๆที่อยู่ข้างหลังพวกเขาก็มีความสง่างามในทำนองเดียวกัน บางทีนี่อาจเป็นจุดเด่นของเผ่าของพวกเขา
“ชิงสุ่ย คนที่เป็นผู้นำของพวกเขานั้น ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากปรมาจารย์ที่สามของพระราชวังหมาป่ามังกร เขาเป็นอัจฉริยะที่เก่งกาจและมีพรสวรรค์ที่ล้นหลาม เขาเป็นคนที่เพียบพร้อมในทุกๆด้าย นอกจากนี้เขายังแข็งแกร่งอย่างมาก เจ้าต้องระวังเขาเป็นพิเศษระหว่างการต่อสู้” นายหญิงชิงเฉินกล่าวเตือน
ชิงสุ่ยพยักหน้าดูเหมือนว่าเธอจะพอมีข้อมูลของเขาอยู่บ้าง
“ส่วนชายชราทั้งสองข้างหลังเขา คือผู้พิทักษ์ของพระราชวังหมาป่ามังกร พวกเขาเป็นพี่น้องแท้ๆกัน และยังเป็นผู้ฝึกเคล็ดวิชาต่อสู้ผสาน เมื่อพวกเขาร่วมกันโจมดีความสามารถของพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้นอีกมากมาย” เธอกล่าวต่อ
ชิงสุ่ยหันไปมองชายชราทั้งสองหลังจากได้ยินทั้งสองดูเหมือนเผ่ามังกรโบราณอย่างมาก แต่ถึงอย่างไรใบหน้าของพวกเขาก็เต็มไปด้วยเหี่ยวย่นเนื่องจากอายุของพวกเขา ดวงตาของพวกเขาดูไร้ชีวิตชีวา ราวกับร่างไร้วิญญาณ อย่างไรก็ตามกลิ่นอายที่พวกเขาปลดปล่อยออกมานั้นก็ดูไม่ธรรมดาเลย
“ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเต็มไปด้วยผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งสินะ” ชิงสุ่ยยิ้มและพูด
“แน่นอนพวกเขาแข็งแกร่งอย่างมากเมื่อเทียบกับพวกเรา ที่จริงแล้วถ้าไม่มีเจ้าอยู่ตรงนี้ พวกเราคงจะไม่สามารถเอาชนะการต่อสู้ในครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน” มู่หยุนชิงเฉิงยิ้มออกมา
“ท่านมั่นใจในตัวข้าอย่างนั้นรึ?” ชิงสุ่ยจ้องมองไปที่เธอ
“แน่นอน ข้าจึงมาอยู่ที่นี่กับเจ้า เพียงแค่มีเจ้าข้างๆ ข้าไม่กลัวว่าจะต้องต่อสู้กับใครก็ตาม” หยุนชิงเฉิงเกล่าวเสริม
ในตอนนี้ชิงสุ่ยยิ้มออกมาและค่อยๆถูกจมูกของเขาด้วยรอยยิ้มขณะจ้องมองเธอ ชิงสุ่ยย้อมรับว่าเธอเป็นคนที่งดงามอย่างมาก และทรงเสน่ห์ที่สุด มันทำให้เขาคิดถึงครั้งแรกที่ได้มองลงไปบนร่างกายของเธอ..
เมื่อเห็นการจ้องมองของเขาหยุนชิงเฉิงได้ลงไปในความงุนงง ราวกับว่ามีอะไรบางอย่างแอบซ้อนอยู่ในนั้น ทันใดนั้นเธอก็เขินอายออกมา ก่อนที่จะใช้มือของเธอสะกิดเขาในตอนนี้
ตอนนี้ชิงสุ่ยได้เรียกคืนสติกลับมาก่อนทีจะยิ้มออกมาก่อนหันกลับไปมองฝ่ายตรงข้าม