Immortal and Martial Dual Cultivation – บทที่ 231 คําสั่งชุมนุมกระบี่จักรพรรดิ

บทที่ 231 คําสั่งชุมนุมกระบี่จักรพรรดิ

Immortal and Martial Dual Cultivation

ตอนที่ 231 คําสั่งชุมนุมกระบี่จักรพรรดิ

“บูม!”

ขณะที่เซี่ยวเฉินกําลังครุ่นคิด,มีดอกไม้ไฟรุ่งโรจน์พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าอันมืดมิดของเทือกเขาหลิงหยุน ดอกไม้ไฟแพรวพราวทะยานขึ้นสูงถึงหมื่นเมตรภายในพริบตา

ดอกไม้ไฟแตกตัวและกลายไปเป็นภาพร่างของบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งจักรพรรดิกระบี่ มันควบรวมอยู่บนท้องฟ้ายามค่ําคืนจากมัน ก็แตกตัวในนาทีต่อมาเปลี่ยนไปเป็นละอองแสงนับพันที่ดูราวกับอุกกาบาต,บินลอยออกไปทั่วสารทิศ

บ้างก็ลอยไปได้พันเมตร,และร่วงหล่นบ้างก็ไม่ได้แตกตัว แม้จะลอยไปไกลหลายหมื่นเมตร ทันใดนั้นเอง สัญญาณนี้ก็กระจายออกไปทั่วทั้งอาณาจักรต้าฉัน

“คําสั่งชุมนุมกระบี่จักรพรรดิ!” เซี่ยวกล่าวอย่างตกตะลึงและหยุดความคิดพร้อมกับจ้องมองไปยังดอกไม้ไฟที่กําลังแตกตัวบนท้องฟ้า

มันเป็นคําสั่งเรียกชุมนุมระดับสองของศาลากระบี่สวรรค์ มันเป็นรองเพียงคําสั่งชุมนุมกระบี่สวรรค์ที่เรียกใช้ออกมาต่อเมื่อนิกายมีหายนะถึงขั้นล่มสลาย คําสั่งชุมนุมกระบี่จักรพรรดิที่ลั่นออกไปครอบคลุมทั่วทั้งอาณาจักรต้าฉิน

สานุศิษย์ทั้งหมดที่พกเหรียญแสดงตนของศาลากระบี่สวรรค์,ไม่ว่าจะอยู่ในที่แห่งใดก็ตามหรือหากพวกเขาอยู่ระหว่างการฝึกฝน, พวกเขาจะได้รับสัญญาณนี้และมุ่งตรงกลับมาอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทําได้

ในรอบพันปีที่ผ่านมา,ศาลากระบี่สวรรค์ได้เรียกใช้คําสั่งชุมนุมกระบี่จักรพรรดิเพียงสองครั้ง แม้แต่ระหว่างภัยพิบัติเมื่อยี่สิบปีก่อน,ศาลากระบี่สวรรค์ก็ไม่ได้เรียกใช้คําสั่งชุมนุมใดๆ

เกิดอะไรขึ้นกันแน่ศาลากระบี่สวรรค์ถึงได้เรียกใช้คําสั่งชุมนุมกระบี่จักรพรรดิ? ผู้คนนับไม่ถ้วนภายในอาณาจักรต้าฉินต่างครุ่นคิดถึงคําถามเดียวกับเซี่ยวเฉิน

ในช่วงเช้าของวันต่อมา,หลิวสุยเฟิงและเซี่ยวเฉินชีวิหคสีเขียวมุ่งหน้าไปยังลานฝึกฝนของฐานส่องสวรรค์เพื่อเข้าร่วมการทดสอบ ในครั้งนี้,หลิวสุยเฟิงไม่ได้ไปผิดทาง;พวกเขามุ่งหน้ามาถึงลานฝึกฝนได้ภายในหนึ่งชั่วโมง

เดิมที่, พวกเขาคิดว่าพวกเขามาก่อนเวลาแล้ว ใครจะรู้ว่าอีกสิบแปดคนที่ผ่านการทดสอบด่านที่สองได้มารวมตัวกันยืนอยู่อยู่พักนึงแล้ว? ไม่เพียงแค่นั้นผู้ชมบนที่นั่งคนดูก็แน่นขนัดเช่นกัน

มองผ่านๆ สามารถมองเห็นกลุ่มคนหนาแน่นไปทั่วทุกที่ นับหยาบๆอย่างน้อยที่สุดก็สามถึงสี่พันคนสานุศิษย์ชั้นในส่วนใหญ่ของศาลากระบี่สวรรค์มารวมตัวกันที่นี้

นอกจากสานุศิษย์ชั้นใน,ยังมีสานุศิษย์แก่นกลางอีกกลุ่มใหญ่ รวมถึงผู้สืบทอดที่แท้จริง พวกเขานั่งอยู่บนศาลาที่จัดอยู่เหนือขึ้นไปอีกรูบรรยากาศดูยิ่งใหญ่

เซี่ยวเฉินสับสนเขาหันไปถามหลิวสุยเฟิงด้วยเสียงค่อย “เกิดอะไรขึ้น? ทําไมคนถึงมากันเยอะขนาด? นี่มันมากกว่าสองเท่าจากครั้งก่อนเสียอีก”

หลิวสุยเฟิงตอบกลับด้วยเสียงค่อยเช่นกัน “เจ้าเห็นคําสั่งชุมนุมกระบี่จักรพรรดิเมื่อวานหรือไม่?”

เซี่ยวเฉินพยักหน้า “ข้าเห็นแล้ว อย่างไรก็ตามคําสั่งชุมนุมกระบี่จักรพรรดิเกี่ยวอะไรกับการทดสอบในวันนี้?”

แน่นอนว่าคําสั่งชุมนุมกระบี่จักรพรรดิเป็นเรื่องใหญ่ ในมุมมองที่ศาลากระบี่สวรรค์เป็นหนึ่งในนิกายชั้นแนวหน้าของอาณาจักรต้า ฉิน มันจัดว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่ศาลากระบี่สวรรค์เรียกใช้คําสั่งชุมนุมก ระบี่จักรพรรดิออกมา

อย่างไรก็ตาม,แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการทดสอบศิษย์แก่นกลาง? ด่านปฐมบทจบลงไปเรียบร้อยแล้วและในวันนี้มีเพียงด่านสนามประลอง ในความคิดเห็นของเซี่ยวเฉิน,มันไม่น่าจะมีปัญหาที่จะคว้าอันดับหนึ่งจากทั้งสิบเก้าคนที่เหลือ

แม้ว่าเขาจะสนุกที่ได้ประมือกับจางเลี่ยและมู่เหิง,แต่เซี่ยวเฉินก็ไม่ได้ทุ่มสุดตัว ในการดวลเดี่ยว,เขามั่นใจว่าจะจบการประลองลงได้ภายในสิบกระบวณท่า

ด้วยผลการประลองที่น่าจะตายตัวแน่แล้วเป็นธรรมดาที่จะไม่มีใครมาสนใจเข้าชม อย่างไรก็ตาม,ไม่เพียงผู้ชมจะลดน้อยถอยลง แต่ยังเพิ่มขึ้นมากกว่าเมื่อสามวันก่อนอย่างเห็นได้ชัด

หลิวสุยเฟิงทันใดนั้นก็นึกอะไรขึ้นได้ “ใช่แล้ว เจ้าฝึกฝนอยู่ตลอดสามวันที่ผ่านมา ดังนั้นเจ้าคงไม่รู้ว่าเกิดอพไรขึ้นบ้างข้างนอก เจ้าจะเข้าใจเองหลังจากข้าเล่าให้ฟัง”

“ในวันที่สองหลังจากการทดสอบจบลง,ฐานส่องสวรรค์ได้ประกาศออกมาล่วงหน้า โถงหลักจะเรียกรวมสานุศิษย์แก่นกลางที่ฝึกฝนอยู่ภายนอกกลับมาทั้งหมด ในวันนี้,พวกเขาจะมีการประลองจัดอันดับเพื่อเลือกศิษย์แก่นกลางที่แข็งแกร่งที่เก้าสิบคน ดังนั้น มันเป็นเหตุผลหลักที่ดึงดูดผู้คนเข้ามาในวันนี้”

เกิดอะไรขึ้นพวกเขาถึงได้เรียกรวมสานุศิษย์แก่นกลางทั้งหมดกลับมา? เซี่ยวเฉินสงสัย, รู้สึกงุนงง อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้เป็นกังวละมันเป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะเร่งมุ่งหน้ากลับมาภายในหนึ่งคืน

ทุกเมืองใหญ่ภายในอาณาจักรต้าฉิน,มีสถานีขนส่งที่บินตรงเข้ามาที่ศาลากระบี่สวรรค์ ตราบใดที่พวกเขาจ่ายหินวิญญาณเป็นจํานวนมาก,พวกเขาจะสามารถกลับมาที่ศาลากระบี่สวรรค์ได้ภายในครึ่งวัน

ที่เซี่ยวเฉินยังคิดไม่ตกก็คือทําไมการทดสอบศิษย์แก่นกลางถึงได้ จัดขึ้นมาในวันเดียวกับการประลองจัดอันดับสานุศิษย์แก่นกลาง

เซี่ยวเฉินถาม “ประกาศนั้นบอกหรือไม่ว่าทําไมพวกเขาถึงคัดเลือกศิษย์แก่นกลางเก้าสิบคน?”

หลิวสุยเฟิงส่ายหัวและกล่าวขึ้น “มันไม่ได้บอก นี่จะต้องเป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่มาก มิฉะนั้น,พวกเขาคงไม่เรียกใช้คําสั่งชุมนุมกระบี่จักรพรรดิเพื่อเรียกพวกเขากลับอย่างเร่งด่วนเช่นนี้ ผู้ที่ไม่เร่งกลับมาภายในวันที่ได้รับคําสั่งจะได้รับโทษหนัก”

ขณะที่พวกเขากําลังพูดคุย,มีจุดสีดําหลายจุดปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเหนือลานฝึกฝน ขณะที่จุดสีดําเข้ามาใกล้ฝูงชนพบว่าจุดสีดํามากมายพวกนั้นคือสัตว์อสูรวิญญาณปีกที่กําลังบินเข้ามาอย่างดุดัน

สัตว์อสูรวิญญาณเร่งลดระดับลงมาและวนเวียนอยู่เหนือขึ้นไปประมาณหนึ่งร้อยเมตร จากนั้นผู้บ่มเพาะพลังกระโดดลงมาจากพวกมัน และลดจอดบนพื้นอย่างแรงโดยปราศจากการบาดเจ็บ

หลังจากที่พวกเขาลงถึงพื้น,คนพวกนี้ก็มุ่งหน้าไปยังศาลาที่เตรียมไว้สําหรับสานุศิษย์แก่นกลางโดยเฉพาะ สานุศิษย์แก่นกลางที่ไม่ได้ออกไปฝึกฝนภายนอกศาลากระบี่สวรรค์ได้นั่งรออยู่ในนั้นเรียบร้อยแล้ว

“นั่นคืออันดับที่สิบแปดบนตารางเมฆาวายุ,หลินหยุนแห่งยอดเขาเชียนด้วน เขาบ่มเพาะทักษะสุริยันเพลิงพิสุทธิ์ ทักษะกระบี่ของเขากดข่มอย่างไม่น่าเชื่อ หลังจากไม่พบเห็นเขามากว่าครึ่งปี ความแข็งแกร่งของเขาดูเหมือนจะเพิ่มขึ้น เขาตอนนี้อยู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุด”

“อันดับสิบหยุนเข่อซิงแห่งยอดเขาสตรีหยก,ข้าสงสัยว่านางบ่มเพาะพลังดริยอ่อนละมุนไปถึงขั้นไหนแล้ว?”

“อันดับสองเย่หลิงเฟิงแห่งยอดเขาเทียนเยว่ก็อยู่ที่นี่เช่นกัน เขาไม่ได้กลับมาที่นี่นับปีได้แล้ว ตอนนี้เขาอยู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นกลาง

“ข้าสงสัยว่าอันดับหนึ่งมู่หลงชงจะมาด้วยหรือไม่? เขาอยู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุดไปเรียน้อยแล้วเมื่อปีก่อน ข้าสงสัยว่าเขาจะแข็งแกร่งขึ้นถึงเพียงใด?”

หลังจากนั้น ยังมีคนอยู่จํานวนมากกระโดดลงมาจากสัตว์อสูรวิญญาณ ผู้ชมจําคนเหล่านี้ได้ในทันทีพวกเขาล้วนเป็นสานุศิษย์แก่นกลางที่ครองอันดับหนึ่งร้อย ทุกครั้งที่มีคนเผยเผยตัวออกมา,จะมีเสียงอุทานดังขึ้น

ทั้งยี่สิบคนบนลานฝึกฝนทั้งหมดให้ความสนใจไปที่คนกลุ่มนี้ เซี่ยวเฉินเหลียวมองดูและพบว่าคนกลุ่มนี้แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก กระแสพลังของพวกเขาแข็งแกร่งอย่างไม่มีใครเทียบ

พวกเขาส่วนใหญ่อยู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นต้น มีบางคนที่ขึ้นไปถึงระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูงสุดเรียบร้อยแล้ว ดูเหมือนว่าสานุศิษย์แก่นกลางทั้งเก้าสิบคนจะถูกคัดเลือกโดยคนจากร้อยอันดับแรกของเมฆาล่องลอย

คนในสิบอันดับแรกก็แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ อันดับแรกจะแข็งแกร่งถึงเพียงใด? เซี่ยวเฉินครุ่นคิดกับตัวเอง

“ฟู่ ฟิ้ว!”

ทันใดนั้น,มีคลื่นเสียงดังมาจากท้องฟ้า จุดสีดําใกล้เข้ามาในท้องฟ้า:ความรวดเร็วของมันใกล้เคียงกับความเร็วเสียง ขณะมันเคลื่นที่ไปในอากาศ,แรงเสียดเทียนสร้างกําแพงเสียงขึ้นมา,ดังสนั่นไปทั่วทั้งลานฝึกฝน

“ปัง!”

ขณะที่บุคคลดังกล่าวอยู่ห่างออกไปประมาณหนึ่งพันเมตร,คลื่นเสียงโซนิคบูมดังก้องในอากาศหลังจากนั้นเขาก็ลงจอดบนพื้น

คนผู้นี้สวมชุดคลุมยาวสีขาวจันทร์ รูปร่างหน้าตาของเขายอดเยี่ยม เขาถือกระบี่อยู่ในมือขวา,สงวนกระแสพลังของเขาเอาไว้ ตัวเขามีเสน่ห์บางอย่างพร้อมกับเขาค่อยๆเดินตรงไปที่ศาลา

“นั้นมู่หลงชง! มู่หลงชงกลับมาแล้ว! นั้นมันเป็นทักษะเหาะเหิน ข้าจับเดาความแข็งแกร่งของเขาไม่ได้อีกต่อไปแล้ว” ฝูงชนบนที่นั่งผู้ชมทั้งหมดต่างร้องออกมา สานุศิษย์หญิงจํานวนมากขวยเขิน ดวงตาของพวกนางเปล่งประกาย,และหัวใจที่เต้นโครมคราม

เมื่อเซี่ยวเฉินเห็นคนผู้นี้ใบหน้านิ่งสงบของเขาอดไม่ได้ที่จะแสดงอารมณ์หนักอึ้งออกมา

แม้ว่าสิบศิษย์อันดับแรกที่เซี่ยวเฉินเห้ฯก่อนหน้านี้จะแข็งแกร่ง,หากพวกเขาประมือกัน,เซี่ยวเฉินมั่นใจว่ามีโอกาสชนะครึ่งครึ่ง

หากเซี่ยวเฉินทุ่มทุกอยู่ที่เขามีแม้แต่อันดับสองเย่หลิงเฟิง,เซี่ยวเฉินมั่นใจว่าเขาจะมีโอกาสชนะหกในสิบส่วน มีเพียงคนผู้นั้นที่เขาไม่อาจเอาชนะได้

กับสานุศิษย์รุ่นเยาว์เซี่ยวเฉินเคยพบความรู้สึกเช่นนี้เพียงครั้งเดียว ครั้งแรกที่เขาเจอหลิวหรูเยว่ เป็นไปได้ว่าคนผู้นี้จะเทียบได้กับหลิวหรูเยวตอนที่เขาพบนางตอนแรก?

อย่างไรก็ตามเขาเทียบไม่ได้กับหลิวหรูเยวในปัจจุบันอย่างแน่นอน หลิวหรูเยวในตอนนี้เข้าใกล้ระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธแล้ว อีกเพียงก้าวเล็กก็จะไปถึงระดับขอบเขตที่ผู้บ่มเพาะพลังรุ่นเยาว์ทั้งหลายใฝ่ฝันถึง นางไร้คู่ต่อสู้ในระดับขอบเขตพลังเดียวกัน

แม้ว่าเซี่ยวเฉินจะมองไม่เห็นถึงระดับพลังของคนผู้นี้,แต่ดูจากกระแสพลังของเขา,สามารถเดาได้ว่าเขาน่าอยู่ระดับขอบเขตนักบุญขั้นสูง,และยังเหลืออีกยาวไกลกว่าจะถึงขั้นสูงสุด

“มู่หลงชง.เขามาจากยอดเขาใด? ทําไมข้าไม่เคยได้ยินใครพูดถึง?” เซี่ยวเฉินถามขึ้นอย่างใคร่รู้

เมื่อหลิวสุยเฟิงได้ยินเช่นนั้น เขามีสีหน้าอึดอัดไม่สบายใจ เขากล่าว “เขาเป็นอิสระ,เขาไม่ขึ้นตรงกับยอดเขาใด”

เมื่อเซี่ยวเฉินเห็นสีหน้าของหลิวสุยเฟิง,เขาเดาได้ว่ามันเป็นสิ่งที่หลิวสุยเฟิงไม่อยากกล่าวถึง เขาถามขึ้น “เป็นอิสระ? หมายความเช่นไร?”

หลังจากเข้าสู่นิกายศาลากระบี่สวรรค์ชั้นใน,สิ่งแนกที่พวกเขาต้องเลือกก็คือยอดเขา หลังจากนั้นถึงจะทําเหรียญแสดงตนขึ้นมา และกลายเป็นศิษย์ชั้นในจะมีคนที่ไม่ขึ้นกับยอดเขาใดได้เช่นไร?

หากเขาไม่ขึ้นกับยอดเขาใดเช่นนั้นเขาเข้ามาทําอะไรในศาลากระบี่สวรรค์? หรือจะเป็นเพราะพลังงานจิตวิญญาณที่หนาแน่นในเทือกเขาหลิงหยุน? จะมีคนที่แปลกประหลาดถึงเพียงนั้น?

ที่เขาเข้ามาในศาลากระบี่สวรรค์,โดยปกติเขาน่าจะให้ความสําคัญกับทักษะบ่มเพาะและทักษะต่อสู้ของแต่ละยอดเขาเป็นอันดับแรก พลังงานจิตวิญญาณที่หนาแน่นควรจะเป็นอันดับสอง

หลิวสุยเฟิงหยุดไปชั่วครู่เราวกับว่าเขากําลังติดสินใจบางอย่าง จอกนั้นเขาก็ถอนหายใจและกล่าวขึ้น “ความจริงมู่หลงชงคือศิษย์ ยอดเขาฉิงหยุนของพวกเขาเรา หวังหลง,ผู้ที่พวกเขาพบในห้องสมุด,ก็เคยเป็นศิษย์ยอดเขาฉิงหยุน”

เซี่ยวเฉินค่อนข้างประหลาดใจ เขาไม่คาดคิดว่าจะมีเรื่องเช่นนี้อยู่เบื้องหลัง เขาอดไม่ได้ที่จะเหล่มองมู่หลงชงอีกสองสามครั้ง ผู้ที่กําลังเดินไปยังศาลา

หลังจากที่สานุศิษย์แก่นกลางทั้งหมดมากันครบ,หัวหน้าผู้คุมสอบก็ค่อยๆเผยตัวเองบนลานฝึกฝน เขามองไปที่เซี่ยวเฉินและคนอื่นที่อยู่ด้านหลังก่อนที่จะกล่าว “พวกเจ้าแต่ละคนจะเข้าปนะลองสิบห้าครั้ง ชัยชนะแต่ละครั้งจะนับเป็นหนึ่งแต้ม พ่ายแพ้ไม่ได้รับแต้ม ผู้ที่ได้แต้มสูงที่สุดจะเป้ฯที่หนึ่งในการทดสอบศิษย์แก่นกลางครั้งนี้ เขาจะได้รับรางวัลหินวิญญาณระดับต่ําหนึ่งพันก้อนและอาวุธวิญญาณระดับปฐพีขั้นต่ํา”

“อีกเก้าอันดับจะได้รางวัลอย่างเดียวกันคือหินวิญญาณระดับต่ําห้าร่อยก้อนและอาวุธวิญญาณระดับลึกล้ําขั้นสูง ขณะเดียวกัน, อันดับของสิบอันดับแรกในโถงจัดอันดับจะถูกเลื่อนขึ้นไปอีกหนึ่งร้อยอันดับ

รางวัลในครั้งนี้มากกว่าการทดสอบปีก่อนถึงห้าเท่า แต่เซี่ยวเฉินไม่ได้ไปสนใจ ไม่ว่าจะเป็นหินวิญญาณหรืออาวุธวิญญาณ,เขาไม่ได้ต้องการอะไรนัก

สิ่งที่เขาต้องการในตอนนี้คือเม็ดยาเสริมกายระดับ 6 กับสูงกว่าหรือสมบัติลับที่สามารถเสริมร่างกายของเขาได้ นอกเหนือจากนั้น,เขาต้องการทักษะบ่มเพาะพลังที่เน้นไปทางการฝึกฝนร่างกายเป็นพิเศษ

Immortal and Martial Dual Cultivation

Immortal and Martial Dual Cultivation

เซี่ยวเฉินได้ซื้อ ‘ตำราบ่มเพาะพลัง’ มาจากเถาเป่าพร้อมกับเม็ดยาเซียนที่จะทำให้เซี่ยวเฉินเข้าสู่โลกแห่งเซียนได้ ถึงกระนั้นเขาได้เขาได้ฝึกฝนตามตำรามากว่าสามปีแต่กลับไม่มีความคืบหน้าแม้แต่น้อย เขาจึงตัดสินใจที่จะกินเม็ดยาเซียนเข้าไปและมันทำให้เขาข้ามภพไปเกิดในร่างของเด็กหนุ่มที่มีชื่อเดียวกับเขา ไปสู่โลกทวีปเทียนหวู่ไปสู่โลกที่ถูกปกครองด้วยศิลปะการต่อสู้ไปสู่จุดเริ่มต้นใหม่ของเขา

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท