AST
บทที่1838 – นิกาย 5 อาศรมนิรันดร์ พลังของเจดีย์ปกปักชะตาสวรรค์
ทันใดนั้นยอดยุทธของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ก็มารวมตัวกันภายใต้ธงของชิงสุ่ยพลังธงสวรรค์ ให้ความรู้สึกเหมือนว่ามีสายตาของมังกรอันน่าเกรงขามกำลังจับจ้อง
เฉินเจินก็รู้สึกตื่นเต้นเช่นกันเธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าชิงสุ่ยจะเก่งกาจในด้านค่ายกลขนาดนี้ ปัจจุบันตัวของเธอคลุกอยู่กับการฝึกฝนจนกระทั่งสามารถสร้างค่ายกลของตัวเองได้ แต่เมื่อเธอเห็นค่ายกลของชิงสุ่ย เธอรู้ได้ทันทีเลยว่าพลังของเธอนั้นอ่อนแอไม่สามารถเทียบชั้นกับชิงสุ่ยได้เลย
ในที่สุดเธอก็มองเห็นแล้วว่าทำไมชายผู้นี้ถึงมั่นใจหรือว่าบางทีพลังในการสร้างค่ายคนของเขาอาจจะเป็นกุญแจสู่ชัยชนะ
ชิงสุ่ยค่อนข้างพึงพอใจกับความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขาการเปลี่ยนแปลงของธงสวรรค์ปัญจธาตุได้ทำให้เขาทะลุทะลวงขึ้นไปอีกขั้น ทำให้เขามีปัญญาสร้างเส้นทางสู่สิ่งที่เขาไม่อาจเอื้อมถึงได้
แน่นอนว่าความรู้สึกเขาได้รับเป็นเหมือนกันก้าวข้ามผ่านประตูไปสู่อีกฟากค่ายกลที่เขารู้ในอดีตเป็นเพียงแค่แผ่นเปลือกเปราะบาง แต่ในปัจจุบันความรู้ของเขากำลังหยั่งรากลึก
ดูวิธีการสร้างค่ายกลในรูปแบบใหม่ส่งผลให้พลังเสริมของค่ายกลปลดปล่อยได้มากถึง 10 เท่าของความแข็งแกร่ง แน่นอนว่าหากผู้ใดได้รับพลังนี้ย่อมสามารถสรรสร้างพละกำลังอันน่าสะพรึงกลัวออกมาได้
”ตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่เราสองคนที่ต้องร่วมมือกันสังหารศัตรูให้หมดส่วนคนของเจ้า เจ้าสบายใจได้เลย”ชิงสุ่ยยิ้มอย่างเรียบง่าย
”เจ้าเป็นคนลึกลับมากจริงๆหรือว่าเจ้าจะมาจากนิกายที่แข็งแกร่งที่สุดทางด้านค่ายกล? เจ้าเป็นคนของนิกายเหล่านั้นใช่หรือไม่?”เฉินเจินมองดูชิงสุ่ยด้วยสีหน้าประหลาดใจ
”ข้ารับรองได้เลยว่าข้าไม่ได้มาจากนิกายเหล่านั้นว่าแต่นิกายเจ้าพูดถึงมันคือนิกายใด?”ชิงสุ่ยเริ่มรู้สึกสงสัยอีกครั้ง
”นิกาย 5 อาศรมนิรันดร์!!”เฉินเจินกล่าวตอบชิงสุ่ยด้วยท่าทางจริงจัง
ชิงสุ่ยพยายามย้อนคืนความทรงจำทั้งหมดแต่สุดท้ายเขาก็ส่ายหน้า “ข้าไม่รู้จักพวกเขาเลยแม้กระทั่งชื่อ แต่ดูแล้วจากที่จะว่า พวกเขาก็คงเป็นกลุ่มคนที่ทรงพลังจริงๆ”
”พลังพลังของพวกเขานั้นอยู่ห่างไกลจากพลังของข้ามาก ทุกคนที่มาจากนิกายนั้นล้วนแล้วแต่มีบุคลิกที่เป็นเอกลักษณ์ และมีความสามารถในการดักจับหรือสังหารยอดยุทธที่แข็งแกร่งกว่าพวกเขาได้อีกเป็นสิบหรืออาจเป็นร้อยพันเท่า คนเหล่านั้นมีความสามารถในการยืมพลังเทวะแห่งเต๋ามาใช้งานในระดับที่หากพูดไปก็คงไม่มีใครเชื่อ พลังของพวกเขาทำให้เหล่านักฆ่าที่แข็งแกร่งเป็นเหมือนตัวตลกไม่ต่างจากลูกไก่ในกำมือ”เฉินเจินอธิบายเพิ่มเติม
”ยอดเยี่ยมยอดเยี่ยมจริงๆ….ฮ่า ฮ่าา ฮ่าาา”
ชิงสุ่ยระเบิดเสียงหัวเราะแน่นอนว่าเฉินเจินยังไม่เข้าใจการกระทำของเขา แต่แล้วบทสนทนาของทั้งสองคนก็ถูกขัดจังหวะ
”ไอ้เด็กปากดีเจ้ากล้าออกมาประลองกับข้าตัวต่อตัวหรือไม่?”ผู้นำที่ดุร้ายเปล่งเสียงตะโกนท้าชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยแสดงสีหน้าตกใจแน่นอนว่าเขาก็อยากจะต่อสู้ต่อตัว แต่เขาก็ไม่คิดว่าศัตรูจะเป็นคนท้าประลองกลับมาเองเสียก่อน
หลังจากมองเห็นสีหน้าที่งุนงงของชิงสุ่ยชายผู้นั้นก็เปล่งเสียงตะโกนอีกครั้ง “เจ้ามันก็แค่คนขี้ขลาด ต่อให้ข้ายอมมอบหญิงสาวผู้นี้ให้กับเจ้า เจ้ามันก็เป็นแค่ขันทีไม่กล้าแตะต้องนาง”
ระหว่างที่ชิงสุ่ยกำลังงุนงงอสูรผู้นั้นก็เริ่มกล่าวคำสบประมาท แต่ชิงสุ่ยก็ไม่ได้รู้สึกโกรธจากคำพูดดูหมิ่นได้เลย หากเป็นการต่อสู้แบบระยะประชิด ชิงสุ่ยมีความมั่นใจอย่างมากว่ามันไม่สามารถทำอะไรชิงสุ่ยได้แน่
ความสามารถของชิงสุ่ยเรียกได้ว่าแข็งแกร่งผนวกกับเจดีย์ปกปักชะตาสวรรค์ ยิ่งทำให้เขามั่นใจว่าเขาสามารถล้มศัตรูได้อย่างแน่นอน
”เจ้าไม่คิดว่าสิ่งที่เจ้าตามหามันช่างน่าตลกบ้างหน่อยรึ?”ชิงสุ่ยตอบกลับขณะก้าวไปข้างหน้า
”มีอะไรให้ต้องตลก?”ชายร่างกายดุร้ายจ้องมองไปทางชิงสุ่ย
”ก็น่าตลกที่เจ้าพยายามไล่ตามหญิงสาวทั้งๆที่หญิงสาวผู้นี้สะอิดสะเอียนอยากจะอ้วกไม่อยากเข้าใกล้เจ้ายังไงล่ะ”ชิงสุ่ยกล่าวตอบพร้อมกับรอยยิ้ม
”ตายซะไอ้บัดซบ!!” ชายคนนี้โกรธแค้นชิงสุ่ยถึงขีดสุดการที่หญิงสาวได้เป็นผู้หญิงของเขามันควรเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจไม่ใช่เรื่องที่น่าสะอิดสะเอียน หากใครกล้าแสดงความอับอายเขาจะตบหญิงสาวผู้นั้นให้ตายคาฝ่ามือ และใครกล้ามองเขาด้วยสายตาที่รังเกียจ เขาจะกระทำการที่เลวร้ายยิ่งกว่าการลอกผิวหนังทั้งเป็นเสียอีก
อสูรกายตอนนี้โบกสะบัดตรีศูลสีทองอร่ามพุ่งตรงเข้าไปหาชิงสุ่ยคลื่นพลังรอบตัวชายผู้นี้เต็มไปด้วยแรงอาฆาตพยาบาท ถ้าหากเขาไม่สามารถสังหารเจ้าเด็กปากดีคนนี้ได้ ความโกรธแค้นที่กำลังลุกโชติช่วงในจิตใจ คงไม่มีวันสลาย
ชิงสุ่ยมีทางเลือกไม่มากนักเขารีบคว้าง้าวทองทะลวงศัตรูและพุ่งเข้าปะทะตรีศูลสีทองอร่ามทันที
ศาสตราวุธทองคำทั้งสองปะทะกันอย่างบ้าคลั่ง
เคล้งงงงง!! ชิงสุ่ยไม่ได้รับผลกระทบจากแรงโจมตีในขณะเดียวกันฝ่ายศัตรูถูกอัดบินกระเด็นกลับไปด้วยความงุนงง แม้แต่ตัวชิงสุ่ยเองก็งุนงงไม่ต่างกัน และแล้วในที่สุดเขาก็เข้าใจถึงผลลัพธ์แห่งเจดีย์ปกปักชะตาสวรรค์
แน่นอนว่าหากนับจากค่าพลังพื้นฐานร่างกายอสุรกายร่างมนุษย์ที่แสนดุร้ายย่อมมีความแข็งแกร่งเหนือกว่าชิงสุ่ย หากเป็นเหตุการณ์ปกติ ขอให้เขารับมือกับกระบวนท่าของชายผู้นี้ได้ สุดท้ายผู้ที่ต้องถอยหลังกลับไปมันควรจะเป็นเขาเอง
แต่ด้วยพลังของเจดีย์ปกปักชะตาสวรรค์มันช่วยขยายขอบเขตพลังที่ใช้ในการป้องกันเพื่อแบกรับพลังที่กำลังหาโถมเข้าสู่ร่างกายผู้ใช้ แต่เนื่องด้วยร่างกายชิงสุ่ยกลับทำหน้าที่เป็นตัวประสานพลังจึงทำให้พลังป้องกันมารวมกับพลังโจมตี จึงทำให้พลังที่ปลดปล่อยออกไปมีค่าสูงขึ้นเกือบ 1 เท่าซึ่งเหนือกว่าพลังของศัตรู มันจึงทำให้แรงโจมตีอัดกระแทกศัตรูให้กระเด็นกลับไป แม้ว่าศัตรูจะไม่ได้รับอันตรายหรือบาดเจ็บแต่ผลลัพธ์ก็ทำให้เขาตกใจมาก แม้แต่เฉินเจินก็ตกใจไม่แพ้กัน
��
บทที่1838 – นิกาย 5 อาศรมนิรันดร์ พลังของเจดีย์ปกปักชะตาสวรรค์
ทันใดนั้นยอดยุทธของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ก็มารวมตัวกันภายใต้ธงของชิงสุ่ยพลังธงสวรรค์ ให้ความรู้สึกเหมือนว่ามีสายตาของมังกรอันน่าเกรงขามกำลังจับจ้อง
เฉินเจินก็รู้สึกตื่นเต้นเช่นกันเธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าชิงสุ่ยจะเก่งกาจในด้านค่ายกลขนาดนี้ ปัจจุบันตัวของเธอคลุกอยู่กับการฝึกฝนจนกระทั่งสามารถสร้างค่ายกลของตัวเองได้ แต่เมื่อเธอเห็นค่ายกลของชิงสุ่ย เธอรู้ได้ทันทีเลยว่าพลังของเธอนั้นอ่อนแอไม่สามารถเทียบชั้นกับชิงสุ่ยได้เลย
ในที่สุดเธอก็มองเห็นแล้วว่าทำไมชายผู้นี้ถึงมั่นใจหรือว่าบางทีพลังในการสร้างค่ายคนของเขาอาจจะเป็นกุญแจสู่ชัยชนะ
ชิงสุ่ยค่อนข้างพึงพอใจกับความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขาการเปลี่ยนแปลงของธงสวรรค์ปัญจธาตุได้ทำให้เขาทะลุทะลวงขึ้นไปอีกขั้น ทำให้เขามีปัญญาสร้างเส้นทางสู่สิ่งที่เขาไม่อาจเอื้อมถึงได้
แน่นอนว่าความรู้สึกเขาได้รับเป็นเหมือนกันก้าวข้ามผ่านประตูไปสู่อีกฟากค่ายกลที่เขารู้ในอดีตเป็นเพียงแค่แผ่นเปลือกเปราะบาง แต่ในปัจจุบันความรู้ของเขากำลังหยั่งรากลึก
ดูวิธีการสร้างค่ายกลในรูปแบบใหม่ส่งผลให้พลังเสริมของค่ายกลปลดปล่อยได้มากถึง 10 เท่าของความแข็งแกร่ง แน่นอนว่าหากผู้ใดได้รับพลังนี้ย่อมสามารถสรรสร้างพละกำลังอันน่าสะพรึงกลัวออกมาได้
”ตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่เราสองคนที่ต้องร่วมมือกันสังหารศัตรูให้หมดส่วนคนของเจ้า เจ้าสบายใจได้เลย”ชิงสุ่ยยิ้มอย่างเรียบง่าย
”เจ้าเป็นคนลึกลับมากจริงๆหรือว่าเจ้าจะมาจากนิกายที่แข็งแกร่งที่สุดทางด้านค่ายกล? เจ้าเป็นคนของนิกายเหล่านั้นใช่หรือไม่?”เฉินเจินมองดูชิงสุ่ยด้วยสีหน้าประหลาดใจ
”ข้ารับรองได้เลยว่าข้าไม่ได้มาจากนิกายเหล่านั้นว่าแต่นิกายเจ้าพูดถึงมันคือนิกายใด?”ชิงสุ่ยเริ่มรู้สึกสงสัยอีกครั้ง
”นิกาย 5 อาศรมนิรันดร์!!”เฉินเจินกล่าวตอบชิงสุ่ยด้วยท่าทางจริงจัง
ชิงสุ่ยพยายามย้อนคืนความทรงจำทั้งหมดแต่สุดท้ายเขาก็ส่ายหน้า “ข้าไม่รู้จักพวกเขาเลยแม้กระทั่งชื่อ แต่ดูแล้วจากที่จะว่า พวกเขาก็คงเป็นกลุ่มคนที่ทรงพลังจริงๆ”
”พลังพลังของพวกเขานั้นอยู่ห่างไกลจากพลังของข้ามาก ทุกคนที่มาจากนิกายนั้นล้วนแล้วแต่มีบุคลิกที่เป็นเอกลักษณ์ และมีความสามารถในการดักจับหรือสังหารยอดยุทธที่แข็งแกร่งกว่าพวกเขาได้อีกเป็นสิบหรืออาจเป็นร้อยพันเท่า คนเหล่านั้นมีความสามารถในการยืมพลังเทวะแห่งเต๋ามาใช้งานในระดับที่หากพูดไปก็คงไม่มีใครเชื่อ พลังของพวกเขาทำให้เหล่านักฆ่าที่แข็งแกร่งเป็นเหมือนตัวตลกไม่ต่างจากลูกไก่ในกำมือ”เฉินเจินอธิบายเพิ่มเติม
”ยอดเยี่ยมยอดเยี่ยมจริงๆ….ฮ่า ฮ่าา ฮ่าาา”
ชิงสุ่ยระเบิดเสียงหัวเราะแน่นอนว่าเฉินเจินยังไม่เข้าใจการกระทำของเขา แต่แล้วบทสนทนาของทั้งสองคนก็ถูกขัดจังหวะ
”ไอ้เด็กปากดีเจ้ากล้าออกมาประลองกับข้าตัวต่อตัวหรือไม่?”ผู้นำที่ดุร้ายเปล่งเสียงตะโกนท้าชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยแสดงสีหน้าตกใจแน่นอนว่าเขาก็อยากจะต่อสู้ต่อตัว แต่เขาก็ไม่คิดว่าศัตรูจะเป็นคนท้าประลองกลับมาเองเสียก่อน
หลังจากมองเห็นสีหน้าที่งุนงงของชิงสุ่ยชายผู้นั้นก็เปล่งเสียงตะโกนอีกครั้ง “เจ้ามันก็แค่คนขี้ขลาด ต่อให้ข้ายอมมอบหญิงสาวผู้นี้ให้กับเจ้า เจ้ามันก็เป็นแค่ขันทีไม่กล้าแตะต้องนาง”
ระหว่างที่ชิงสุ่ยกำลังงุนงงอสูรผู้นั้นก็เริ่มกล่าวคำสบประมาท แต่ชิงสุ่ยก็ไม่ได้รู้สึกโกรธจากคำพูดดูหมิ่นได้เลย หากเป็นการต่อสู้แบบระยะประชิด ชิงสุ่ยมีความมั่นใจอย่างมากว่ามันไม่สามารถทำอะไรชิงสุ่ยได้แน่
ความสามารถของชิงสุ่ยเรียกได้ว่าแข็งแกร่งผนวกกับเจดีย์ปกปักชะตาสวรรค์ ยิ่งทำให้เขามั่นใจว่าเขาสามารถล้มศัตรูได้อย่างแน่นอน
”เจ้าไม่คิดว่าสิ่งที่เจ้าตามหามันช่างน่าตลกบ้างหน่อยรึ?”ชิงสุ่ยตอบกลับขณะก้าวไปข้างหน้า
”มีอะไรให้ต้องตลก?”ชายร่างกายดุร้ายจ้องมองไปทางชิงสุ่ย
”ก็น่าตลกที่เจ้าพยายามไล่ตามหญิงสาวทั้งๆที่หญิงสาวผู้นี้สะอิดสะเอียนอยากจะอ้วกไม่อยากเข้าใกล้เจ้ายังไงล่ะ”ชิงสุ่ยกล่าวตอบพร้อมกับรอยยิ้ม
”ตายซะไอ้บัดซบ!!” ชายคนนี้โกรธแค้นชิงสุ่ยถึงขีดสุดการที่หญิงสาวได้เป็นผู้หญิงของเขามันควรเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจไม่ใช่เรื่องที่น่าสะอิดสะเอียน หากใครกล้าแสดงความอับอายเขาจะตบหญิงสาวผู้นั้นให้ตายคาฝ่ามือ และใครกล้ามองเขาด้วยสายตาที่รังเกียจ เขาจะกระทำการที่เลวร้ายยิ่งกว่าการลอกผิวหนังทั้งเป็นเสียอีก
อสูรกายตอนนี้โบกสะบัดตรีศูลสีทองอร่ามพุ่งตรงเข้าไปหาชิงสุ่ยคลื่นพลังรอบตัวชายผู้นี้เต็มไปด้วยแรงอาฆาตพยาบาท ถ้าหากเขาไม่สามารถสังหารเจ้าเด็กปากดีคนนี้ได้ ความโกรธแค้นที่กำลังลุกโชติช่วงในจิตใจ คงไม่มีวันสลาย
ชิงสุ่ยมีทางเลือกไม่มากนักเขารีบคว้าง้าวทองทะลวงศัตรูและพุ่งเข้าปะทะตรีศูลสีทองอร่ามทันที
ศาสตราวุธทองคำทั้งสองปะทะกันอย่างบ้าคลั่ง
เคล้งงงงง!! ชิงสุ่ยไม่ได้รับผลกระทบจากแรงโจมตีในขณะเดียวกันฝ่ายศัตรูถูกอัดบินกระเด็นกลับไปด้วยความงุนงง แม้แต่ตัวชิงสุ่ยเองก็งุนงงไม่ต่างกัน และแล้วในที่สุดเขาก็เข้าใจถึงผลลัพธ์แห่งเจดีย์ปกปักชะตาสวรรค์
แน่นอนว่าหากนับจากค่าพลังพื้นฐานร่างกายอสุรกายร่างมนุษย์ที่แสนดุร้ายย่อมมีความแข็งแกร่งเหนือกว่าชิงสุ่ย หากเป็นเหตุการณ์ปกติ ขอให้เขารับมือกับกระบวนท่าของชายผู้นี้ได้ สุดท้ายผู้ที่ต้องถอยหลังกลับไปมันควรจะเป็นเขาเอง
แต่ด้วยพลังของเจดีย์ปกปักชะตาสวรรค์มันช่วยขยายขอบเขตพลังที่ใช้ในการป้องกันเพื่อแบกรับพลังที่กำลังหาโถมเข้าสู่ร่างกายผู้ใช้ แต่เนื่องด้วยร่างกายชิงสุ่ยกลับทำหน้าที่เป็นตัวประสานพลังจึงทำให้พลังป้องกันมารวมกับพลังโจมตี จึงทำให้พลังที่ปลดปล่อยออกไปมีค่าสูงขึ้นเกือบ 1 เท่าซึ่งเหนือกว่าพลังของศัตรู มันจึงทำให้แรงโจมตีอัดกระแทกศัตรูให้กระเด็นกลับไป แม้ว่าศัตรูจะไม่ได้รับอันตรายหรือบาดเจ็บแต่ผลลัพธ์ก็ทำให้เขาตกใจมาก แม้แต่เฉินเจินก็ตกใจไม่แพ้กัน
��