AST
บทที่1865 – เดินทางกลับสู่พระราชวังอาทิตย์อัสดง
”เดินทางปลอดภัยดูแลตัวเองด้วย”เฉินเจินกล่าวอย่างเงอะงะ
ชิงสุ่ยพยักหน้า”เจ้าเองก็เช่นกัน ชีวิตของเจ้ามีตั้งหลายสิ่งที่ไม่ต้องคิดมาก และเจ้าอย่างต้องใช้ชีวิตให้คุ้มค่า ชีวิตของมนุษย์เต็มไปด้วยความสนุก เจ้าไม่อยากรู้เหรอว่าสวรรค์ชั้น 7 มันมีความรู้สึกอย่างไร? หรือว่าเจ้าไม่อยากมีลูก? หากเจ้าเข้าใจ เจ้าจะเข้าถึงความรักและความสุข”
ชิงสุ่ยหายตัวไปทันทีหลังจากที่กล่าวจบในขณะที่เธอตั้งแต่มองดูร่างของชิงสุ่ยที่หายไปต่อหน้าต่อตา คำพูดของเขาทำให้เธอทั้งโกรธและเขินอาย แต่มันก็เป็นคำพูดที่มีพลังบอกให้เธอใช้ชีวิตอยู่
เธอมักจะหวังว่าสักวันหนึ่งผู้ชายที่เธอชอบจะปรากฏตัวมันจึงทำให้ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้เธอใช้ชีวิตอย่างอิสระมาโดยตลอด และเหตุผลสำคัญที่เธอไม่ได้แต่งงานกับใคร ก็เพราะเธอยังไม่พบคนที่เหมาะสมกับตัวเอง
เธอเข้าใจถึงความตั้งใจจริงของชิงสุ่ยแล้วเธอก็ไม่ได้เกลียดเขาเลย เธอรู้ดีว่าผู้ชายที่มากความสามารถย่อมมีภรรยามากกว่า 1 คนข้างกาย และนี่คือสาเหตุที่เธอยังไม่ยอมรับมัน
บนโลกใบนี้ผู้ชายมีภรรยามากกว่า1 คนเป็นเรื่องปกติ และยังมีอีกหลายๆเหตุการณ์ที่หญิงสาวฆ่าฟันกันเพื่อแย่งผู้ชายคนเดียว
อย่างไรก็ตามมันคงเป็นเพียงแค่ความฝันในกรณีของชายและหญิงที่อยู่ระดับสูงส่งที่จะมีภรรยาหรือสามีเป็นแค่คนเดียวสำหรับผู้ชายที่แข็งแกร่งย่อมมีภรรยาหลายคนเสมอ และหญิงสาวที่แข็งแกร่งก็ไม่มีวันชายตามองมนุษย์ไร้พลังธรรมดา พวกเธอจึงจำเป็นต้องเตรียมพร้อมแบ่งปันสามีของตนเองให้กับผู้หญิงคนอื่นเสมอ การพบเจอคนรักในโลกกว้างไม่ใช่เรื่องง่ายโดยเฉพาะกับกรณีหญิงสาวอย่างเฉินเจินโดยปกติมนุษย์เพศชายและเพศหญิงมักจะชื่นชอบคนใกล้ตัวตอนวัยเด็ก แต่ไม่ใช่เฉินเจิน แม้ว่าเหลียนเฉินเปา จะมีความโดดเด่นเป็นหนึ่งเหนือผู้คนนับพัน สมบูรณ์แบบไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าตารูปร่าง แต่ช่างน่าเสียดาย ที่ภูมิหลังและความสัมพันธ์ต่างๆมันก็ทำให้สายสัมพันธ์แห่งความรักไม่มีทางเกิดขึ้น
จนกระทั่งชิงสุ่ยปรากฏตัวชายคนนี้โดดเด่นยิ่งกว่าเหลียนเฉินเปียว ในความเป็นจริงแล้วชิงสุ่ยคือคนที่โดดเด่นที่สุดเท่าที่เธอเคยพบเจอ แม้ว่าเธอจะรู้เรื่องของเขาเพียงน้อยนิด แต่เมื่อพิจารณาจากระดับพลัง เธอคาดคิดไว้เลยว่าชายผู้นี้คงจะเป็นคนที่มาจากตระกูลขุนนาง เพียงแต่เขากลับไม่มีกลิ่นอายสูงส่งเหมือนขุนนางพวกนั้นเลย กลิ่นอายรอบตัวเป็นกลิ่นอายที่ดูธรรมชาติ มันทำให้เธอรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่อธิบายไม่ได้
เมื่อนึกย้อนกลับไปตอนที่เขาโอบกอดเธอเฉินเจินรู้สึกเขินอาย แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจ เมื่อเธอไตร่ตรรองเรื่องราว มันก็ทำให้เธอพบว่า เธอคงตกหลุมรักเขาไปแล้ว
………………………………………
แน่นอนว่าการเดินทางกลับต่างจากการเดินทางมามากพอสมควรโดยเฉพาะภายในถ้ำศักดิ์สิทธิ์ที่มีธงสวรรค์ปัญจธาตุ ดังนั้นมันจึงใช้เวลาไม่นานที่จะเดินทางกลับไปพระราชวังอาทิตย์อัสดง
นี่ก็ผ่านมาครึ่งปีแล้วตั้งแต่ที่เขาเดินทางมุ่งหน้าไปยังภูเขาศักดิ์สิทธิ์แม้หกเดือนจะเป็นเวลาไม่นานมากนัก มันก็เป็นเวลาที่เขาต้องสูญเสียไปจากการอยู่กับครอบครัว
พระราชวังอาทิตย์อัสดงตั้งอยู่บนพื้นที่ที่สำคัญซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ภายในดินแดนทะเลเหนือ และอุดมไปด้วยกองกำลังต่างๆนานาที่พร้อมโจมตี สำหรับตอนนี้ถานท่ายหลิงเยียนและฉินชิงก็น่าจะอยู่ที่นี่ ครั้งสุดท้ายที่จากไปเธอได้ทวงระดับพลังของตนเอง ฉะนั้นตอนนี้พลังเธอก็คงจะเพิ่มขึ้นตามระยะเวลา
ทันทีที่ชิงสุ่ยมาถึงทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจึงทำให้เขาค่อนข้างโล่งใจ เมื่อเขาเดินเข้ามาข้างในเขาก็สังเกตเห็นถานท่ายหลิงเยียนที่กำลังยืนรออยู่
เธอแต่งกายในชุดคลุมสีขาวหิมะและชายเสื้อของเธอก็ปลิวไสวไปตามสายลมยิ่งทำให้เธอดูสง่างามดุจเทพธิดา ใบหน้าเย็นชาให้ความรู้สึกเหมือนเธอได้กำราบโลกทั้งใบเอาไว้ในมือ
”ในที่สุดเจ้าก็กลับมาแล้ว”ถานท่ายหลิงเยียนแสดงสีหน้าและคำพูดที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
เธอไม่อาจซ่อนเร้นเสียงแห่งความสุขได้อีกต่อไปชิงสุ่ยรีบตรงเข้าไปหาเธอพร้อมกับโอบแขนทั้งสองข้างล้อมรอบตัวเธอทันที
”ข้าคิดถึงเจ้ามากเหลือเกิน”ชิงสุ่ยกล่าวพร้อมกับหัวเราะเล็กน้อย
ถานท่ายหลิงเยียนสั่นไหวเล็กน้อยคำพูดของชิงสุ่ยทำให้เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นภายในใจ คงจะมีเฉพาะชิงสุ่ยคนเดียวเท่านั้นที่ทำได้
เธอใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี่ตัวคนเดียวแต่ตอนนี้โลกไปก่อนของเธอได้เปิดกว้างแล้วทำให้เธอมีเพื่อนมากมายไม่ว่าจะเป็น ฉินชิง อีเย่เจี้ยนเก้อ หลัวชิงเฉิง มูหยุนชิงเก้อ และชิงห่านอี้ พวกเธอทุกคนเปรียบเสมือนพี่สาวน้องสาวของเธอ ซึ่งสิ่งเหล่านี้แหละคือสิ่งที่ทำให้โลกของเธอเปลี่ยนไป
เธอกำลังยืนนิ่งเหมือนสติเลื่อนลอยพร้อมกับใบหน้าแดงก่ำในไม่ช้าเธอก็ฟื้นคืนสติ และพบว่าชิงสุ่ยกำลังโอบกอดเธออย่างแน่นหนา
”พวกเธอกำลังมาเจ้ารีบปล่อยข้าได้แล้ว!!”ถานท่ายหลิงเยียนมองดูบรรดาหญิงสาวที่กำลังเดินตรงเข้ามา
บทที่1865 – เดินทางกลับสู่พระราชวังอาทิตย์อัสดง
”เดินทางปลอดภัยดูแลตัวเองด้วย”เฉินเจินกล่าวอย่างเงอะงะ
ชิงสุ่ยพยักหน้า”เจ้าเองก็เช่นกัน ชีวิตของเจ้ามีตั้งหลายสิ่งที่ไม่ต้องคิดมาก และเจ้าอย่างต้องใช้ชีวิตให้คุ้มค่า ชีวิตของมนุษย์เต็มไปด้วยความสนุก เจ้าไม่อยากรู้เหรอว่าสวรรค์ชั้น 7 มันมีความรู้สึกอย่างไร? หรือว่าเจ้าไม่อยากมีลูก? หากเจ้าเข้าใจ เจ้าจะเข้าถึงความรักและความสุข”
ชิงสุ่ยหายตัวไปทันทีหลังจากที่กล่าวจบในขณะที่เธอตั้งแต่มองดูร่างของชิงสุ่ยที่หายไปต่อหน้าต่อตา คำพูดของเขาทำให้เธอทั้งโกรธและเขินอาย แต่มันก็เป็นคำพูดที่มีพลังบอกให้เธอใช้ชีวิตอยู่
เธอมักจะหวังว่าสักวันหนึ่งผู้ชายที่เธอชอบจะปรากฏตัวมันจึงทำให้ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้เธอใช้ชีวิตอย่างอิสระมาโดยตลอด และเหตุผลสำคัญที่เธอไม่ได้แต่งงานกับใคร ก็เพราะเธอยังไม่พบคนที่เหมาะสมกับตัวเอง
เธอเข้าใจถึงความตั้งใจจริงของชิงสุ่ยแล้วเธอก็ไม่ได้เกลียดเขาเลย เธอรู้ดีว่าผู้ชายที่มากความสามารถย่อมมีภรรยามากกว่า 1 คนข้างกาย และนี่คือสาเหตุที่เธอยังไม่ยอมรับมัน
บนโลกใบนี้ผู้ชายมีภรรยามากกว่า1 คนเป็นเรื่องปกติ และยังมีอีกหลายๆเหตุการณ์ที่หญิงสาวฆ่าฟันกันเพื่อแย่งผู้ชายคนเดียว
อย่างไรก็ตามมันคงเป็นเพียงแค่ความฝันในกรณีของชายและหญิงที่อยู่ระดับสูงส่งที่จะมีภรรยาหรือสามีเป็นแค่คนเดียวสำหรับผู้ชายที่แข็งแกร่งย่อมมีภรรยาหลายคนเสมอ และหญิงสาวที่แข็งแกร่งก็ไม่มีวันชายตามองมนุษย์ไร้พลังธรรมดา พวกเธอจึงจำเป็นต้องเตรียมพร้อมแบ่งปันสามีของตนเองให้กับผู้หญิงคนอื่นเสมอ การพบเจอคนรักในโลกกว้างไม่ใช่เรื่องง่ายโดยเฉพาะกับกรณีหญิงสาวอย่างเฉินเจินโดยปกติมนุษย์เพศชายและเพศหญิงมักจะชื่นชอบคนใกล้ตัวตอนวัยเด็ก แต่ไม่ใช่เฉินเจิน แม้ว่าเหลียนเฉินเปา จะมีความโดดเด่นเป็นหนึ่งเหนือผู้คนนับพัน สมบูรณ์แบบไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าตารูปร่าง แต่ช่างน่าเสียดาย ที่ภูมิหลังและความสัมพันธ์ต่างๆมันก็ทำให้สายสัมพันธ์แห่งความรักไม่มีทางเกิดขึ้น
จนกระทั่งชิงสุ่ยปรากฏตัวชายคนนี้โดดเด่นยิ่งกว่าเหลียนเฉินเปียว ในความเป็นจริงแล้วชิงสุ่ยคือคนที่โดดเด่นที่สุดเท่าที่เธอเคยพบเจอ แม้ว่าเธอจะรู้เรื่องของเขาเพียงน้อยนิด แต่เมื่อพิจารณาจากระดับพลัง เธอคาดคิดไว้เลยว่าชายผู้นี้คงจะเป็นคนที่มาจากตระกูลขุนนาง เพียงแต่เขากลับไม่มีกลิ่นอายสูงส่งเหมือนขุนนางพวกนั้นเลย กลิ่นอายรอบตัวเป็นกลิ่นอายที่ดูธรรมชาติ มันทำให้เธอรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่อธิบายไม่ได้
เมื่อนึกย้อนกลับไปตอนที่เขาโอบกอดเธอเฉินเจินรู้สึกเขินอาย แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจ เมื่อเธอไตร่ตรรองเรื่องราว มันก็ทำให้เธอพบว่า เธอคงตกหลุมรักเขาไปแล้ว
………………………………………
แน่นอนว่าการเดินทางกลับต่างจากการเดินทางมามากพอสมควรโดยเฉพาะภายในถ้ำศักดิ์สิทธิ์ที่มีธงสวรรค์ปัญจธาตุ ดังนั้นมันจึงใช้เวลาไม่นานที่จะเดินทางกลับไปพระราชวังอาทิตย์อัสดง
นี่ก็ผ่านมาครึ่งปีแล้วตั้งแต่ที่เขาเดินทางมุ่งหน้าไปยังภูเขาศักดิ์สิทธิ์แม้หกเดือนจะเป็นเวลาไม่นานมากนัก มันก็เป็นเวลาที่เขาต้องสูญเสียไปจากการอยู่กับครอบครัว
พระราชวังอาทิตย์อัสดงตั้งอยู่บนพื้นที่ที่สำคัญซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ภายในดินแดนทะเลเหนือ และอุดมไปด้วยกองกำลังต่างๆนานาที่พร้อมโจมตี สำหรับตอนนี้ถานท่ายหลิงเยียนและฉินชิงก็น่าจะอยู่ที่นี่ ครั้งสุดท้ายที่จากไปเธอได้ทวงระดับพลังของตนเอง ฉะนั้นตอนนี้พลังเธอก็คงจะเพิ่มขึ้นตามระยะเวลา
ทันทีที่ชิงสุ่ยมาถึงทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจึงทำให้เขาค่อนข้างโล่งใจ เมื่อเขาเดินเข้ามาข้างในเขาก็สังเกตเห็นถานท่ายหลิงเยียนที่กำลังยืนรออยู่
เธอแต่งกายในชุดคลุมสีขาวหิมะและชายเสื้อของเธอก็ปลิวไสวไปตามสายลมยิ่งทำให้เธอดูสง่างามดุจเทพธิดา ใบหน้าเย็นชาให้ความรู้สึกเหมือนเธอได้กำราบโลกทั้งใบเอาไว้ในมือ
”ในที่สุดเจ้าก็กลับมาแล้ว”ถานท่ายหลิงเยียนแสดงสีหน้าและคำพูดที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
เธอไม่อาจซ่อนเร้นเสียงแห่งความสุขได้อีกต่อไปชิงสุ่ยรีบตรงเข้าไปหาเธอพร้อมกับโอบแขนทั้งสองข้างล้อมรอบตัวเธอทันที
”ข้าคิดถึงเจ้ามากเหลือเกิน”ชิงสุ่ยกล่าวพร้อมกับหัวเราะเล็กน้อย
ถานท่ายหลิงเยียนสั่นไหวเล็กน้อยคำพูดของชิงสุ่ยทำให้เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นภายในใจ คงจะมีเฉพาะชิงสุ่ยคนเดียวเท่านั้นที่ทำได้
เธอใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี่ตัวคนเดียวแต่ตอนนี้โลกไปก่อนของเธอได้เปิดกว้างแล้วทำให้เธอมีเพื่อนมากมายไม่ว่าจะเป็น ฉินชิง อีเย่เจี้ยนเก้อ หลัวชิงเฉิง มูหยุนชิงเก้อ และชิงห่านอี้ พวกเธอทุกคนเปรียบเสมือนพี่สาวน้องสาวของเธอ ซึ่งสิ่งเหล่านี้แหละคือสิ่งที่ทำให้โลกของเธอเปลี่ยนไป
เธอกำลังยืนนิ่งเหมือนสติเลื่อนลอยพร้อมกับใบหน้าแดงก่ำในไม่ช้าเธอก็ฟื้นคืนสติ และพบว่าชิงสุ่ยกำลังโอบกอดเธออย่างแน่นหนา
”พวกเธอกำลังมาเจ้ารีบปล่อยข้าได้แล้ว!!”ถานท่ายหลิงเยียนมองดูบรรดาหญิงสาวที่กำลังเดินตรงเข้ามา