AST
บทที่1853 – ความลับที่ซ่อนอยู่หลังภาพโฉมงาม? พลัง 800,000 เต๋า
จักรพรรดินีผีดูดเลือดรู้สึกแปลกใจในความก้าวหน้าของตนจึงทำให้เธอลืมเลือนการกระทำอันแสนน่าอับอายทั้งหมดในตอนนี้ไป
แม้คลื่นพลังอันน่าเกรงขามกำลังไหลวนอยู่รอบตัวเธอด้วยปริมาณมหาศาลแต่มันก็ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลาย
พิธีการทั้งหมดจะขึ้นประมาณ1 ชั่วโมง แน่นอนว่ามันเป็นหนึ่งชั่วโมงที่แสนยาวนาน แต่ก็แลกมาด้วยผลประโยชน์ของทั้งคู่
เมื่อพลังทุกอย่างเพิ่มพูนจะถึงขีดสุดมันก็ค่อยๆกลับสู่สถานการณ์ปกติชิงสุ่ยจึงค่อยๆเคลื่อนไหวร่างกายอย่างช้าๆอีกครั้ง ในตอนนี้ทั้งสองเริ่มเพลิดเพลินไปกับช่วงเวลาอันแสนสุข มันคือความรู้สึกหลงมัวเมาในความสนุกสนานของร่างกายทั้งสองอย่างต่อเนื่อง
เสียงครวญครางอันแสนนุ่มนวลดังออกมาจากห้องจักรพรรดินีผีดูดเลือดพยายามหลีกเลี่ยงสายตาชิงสุ่ยด้วยความประหม่า อย่างไรก็ตามเมื่ออยู่ต่อหน้าชายผู้นี้ทุกอย่างก็ไร้ประโยชน์ ชิงสุ่ยจูบปากของเธออย่างดูดดื่ม ซึ่งมันทำให้เธอไม่สามารถหลีกเลี่ยงสายตาจากเขาได้อีกต่อไป แน่นอนว่าร่างกายส่วนล่างของเขายังคงบ่นขยี้ร่างกายของเธอจนเธอไม่อาจยับยั้งเสียงร้องครวญครางอันแสนยั่วยวนใจได้
ชิงสุ่ยค่อยๆจูบบริเวณหน้าผากยิ่งทำให้เธอเขินอายแต่เธอก็พยายามรักษาความสง่างามของเธอเอาไว้
ชิงสุ่ยลดศีรษะลงและเริ่มประกบจูบริมฝีปาก ลิ้นของเขาค่อยๆแทรกตัวผ่านปากของเธอเพื่อสัมผัสกับลิ้น ลิ้นทั้งสองสัมผัสกันอย่างดูดดื่ม จากนั้นเขาก็ค่อยๆขยับตัวลงต่ำ จูบตั้งแต่ศอกคอ ค่อยๆเลื้อยลงไปสู่หน้าอก ชิงสุ่ยไม่อาจต้านทานแรงดึงดูดจากยอดปทุมถันและฐานภูเขาอันกลมมนอันแสนยั่วยวนได้
และแล้วเวลาผ่านไปเกือบเที่ยงคืนเสียงร้องครวญครางภายในห้องก็เงียบสงัดลง หลังจากที่จักรพรรดินีผีดูดเลือดได้ผ่านลมพายุมรสุม ความเปลี่ยนแปลงทำให้เธอมีเสน่ห์มากกว่าที่เคยเป็น นอกจากนี้ความเยือกเย็นของเธอยิ่งทำให้กลิ่นอายรอบตัวของเธอดึงดูดผู้คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งใบหน้า มันคือใบหน้าที่ทำให้ผู้คนที่ได้เห็นถึงกับกระอักเลือดด้วยความกระหาย
ชิงสุ่ยยังคงจ้องมองใบหน้าอันแสนงดงามซึ่งแทรกไปด้วยสีชมพูจางๆแน่นอนว่ามันเกิดจากช่วงเวลาที่ทั้งสองคนได้ร่วมเตียงกัน ขณะที่เขากอดเธอเธอก็วางใบหน้าแนบอิงแขนของเขา ทั้งสองจ้องมองกันพร้อมบรรยากาศอันแสนอบอุ่น
”ตอนที่เจ้าร้องครวญครางเสียงของเจ้าช่างน่าฟังเหลือเกิน!!”ชิงสุ่ยยิ้มขณะกล่าว ถ้าหากคนที่ได้ยินเสียงร้องเหล่านี้ บางคนอาจจะบรรลุถึงขีดสุดยอดได้ภายในชั่วพริบตา ”ไอ้คนลามก!!”จักรพรรดินีผีดูดเลือดซุกตัวลงไปในอ้อมกอดของเขา เธอเองก็พยายามที่จะไม่ร้องเสียงครวญครางนั้นออกมา แต่ดูเหมือนว่าทั้งหมดจะอยู่เหนือการควบคุมของเธอ
”แต่เจ้าก็รู้สึกดีใช่ไหมล่ะ?”ชิงสุ่ยแสดงสีหน้าเจ้าเล่ห์
”ข้าไม่บอกเจ้าหรอก!!”
เมื่อได้ยินคำตอบเช่นนี้ชิงสุ่ยก็ไม่มีทางเลือกนอกจากพลิกตัวเธออีกครั้ง เขาตั้งใจจะทำเช่นดั่งเดิมเพื่อให้เธอตอบคำตอบของเขา
เวลาตลอดเกือบครึ่งคืนถูกใช้ไปบนเตียงโดยที่ทั้งสองแทบไม่ได้พักผ่อนเช้าวันถัดมาทั้งสองยังคงตื่นเช้าเพื่อรอรับเด็กน้อยที่ตื่นเช้าเป็นประจำ วันนี้สีหน้าของจักรพรรดินีผีดูดเลือดเต็มไปด้วยความเปล่งปลั่ง โดยเฉพาะยามที่มีลูกน้อยอยู่ในอ้อมอก
ชิงสุ่ยชอบการใช้ชีวิตแบบนี้มากที่สุดหลังจากพักอยู่ในที่แห่งนี้ได้อีกประมาณ 1 เดือน ชิงสุ่ยก็ตัดสินใจพร้อมที่จะออกเดินทางต่อ เจ้าเด็กน้อยแสนน่ารักตอนนี้ก็อายุได้ประมาณ 2 เดือนแล้ว เธอเริ่มรับรู้ถึงพลังของตนจึงทำให้เวลานอนกลางวันสั้นลงเรื่อยๆ
ชิงสุ่ยสามารถออกเดินทางได้โดยปราศจากความกังวลเพราะอย่างน้อยความแข็งแกร่งของจักรพรรดินีผีดูดเลือดในปัจจุบันก็ไม่ใช่ความแข็งแกร่งที่ใครจะมารุกรานเธอได้ง่ายๆ นอกจากนี้เวลาอีกส่วนหนึ่งชิงสุ่ยก็ได้ใช้มันในการฝึกฝนอีกหลายๆทักษะให้กับเธอ และยังช่วยเธอในการสร้างชุดเกราะกึ่งศาสตราวุธเทวะ แน่นอนว่าวัสดุที่สร้างจากแร่ทองคำปีศาจสวรรค์ย่อมทำให้สิ่งประดิษฐ์ที่เขาสร้างชุดใหม่ ดีกว่าชุดก่อนๆที่เคยทำมา
จักรพรรดินีผีดูดเลือดรู้สึกได้เลยว่าคงไม่มีอะไรที่ชายผู้นี้ทำไม่ได้ไม่ว่าจะเป็นทักษะการสร้างสรรค์อาหาร ทักษะการรักษา ทักษะการสร้างอาวุธ ทักษะการวางค่ายกลรูปแบบ ตลอดจนไปถึงทักษะการกลั่นยา คนคนเดียวรอบรู้แทบทุกด้าน เธอจึงไม่รู้ว่าเขามีความรู้ในระดับใด แต่เธอก็รับสิ่งที่เขาสอนมาอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นทักษะการฝึกฝนเคลื่อนไหวร่างกาย จวบจนกระทั่งทักษะการทำอาหาร เธอเป็นคนที่ฉลาดและเรียนรู้ได้เร็ว ที่สำคัญชิงสุ่ยได้ทิ้งเครื่องปรุงจำนวนมากมายให้กับเธอ ซึ่งมันทำให้เธอสามารถจัดเตรียมอาหารที่แม้แต่พ่อครัวชั้นเลิศระดับจักรพรรดิก็ยังไม่อาจเทียบเทียมรสชาติอาหารของเธอได้
”ขอให้เจ้าเดินทางปลอดภัย!!”จักรพรรดินีผีดูดเลือดกล่าวอวยพร
ชิงสุ่ยยิ้มและพยักหน้าจากนั้นก็เดินไปจูบเธอรวมถึงหอมแก้มเด็กสาวตัวน้อยในอ้อมอกเธอ “สถานที่แห่งนี้อาจจะเป็นที่ที่ปลอดภัย แต่เจ้าจะต้องระมัดระวังตัวเอาไว้เสมอ หากเจ้าต้องการความช่วยเหลือ ก็จงมาที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ที่แห่งนั้นจะต้องช่วยเหลือเจ้าได้”
”อืมข้าเองก็อยู่ที่นี่มานาน ฉะนั้นข้าเองก็เชื่อเสมอว่าที่นี่คือที่ที่ปลอดภัย นอกจากนี้ความแข็งแกร่งของข้าก็เพิ่มพูนขึ้นหลายเท่า รวมถึงการได้เรียนรู้ทักษะการสร้างค่ายกลจากเจ้า ฉะนั้นเจ้าอย่าได้กังวลเลย”จักรพรรดินีผีดูดเลือดกล่าวก่อนจะเคลื่อนย้ายศีรษะเอาหน้าผากไปแตะหน้าผากของชิงสุ่ย
”ในครั้งหน้าที่ข้ากลับมา เราจะจัดพิธีการบอกกล่าวให้กับทุกคนได้รับรู้ ว่าเจ้าคือหญิงสาวของข้า แม้ว่าเจ้าจะไม่ใช่ผู้หญิงเพียงคนเดียวของข้า แต่ข้าก็จะยอมทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องเจ้าและลูกน้อยของข้า”
”ข้ารู้และก็เชื่อในคำพูดของเจ้า ข้าไม่สนใจพิธีรีตองหรอก เพราะว่าความสัมพันธ์ไม่ได้เกิดจากพิธีรีตองเหล่านั้น”
”อืมในการมาเยี่ยมครั้งหน้า เจ้าอยากจะกลับไปดูครอบครัวของข้าหรือไม่?”ชิงสุ่ยคิดเล็กน้อยก่อนจะถาม เพราะว่าหญิงสาวส่วนใหญ่ของเขาต่างก็เคยไปที่ตระกูลของเขาอย่างน้อยก็ครั้งหนึ่ง
”ข้ากลัวว่าพวกเขาจะไม่ชอบข้า”จักรพรรดินีผีดูดเลือดแสดงสีหน้าวิตกกังวลเล็กน้อย
ชิงสุ่ยจุมพิตปลายจมูกของเธอ”อย่าได้กังวลเลย พวกนางจะต้องชอบเจ้า เพราะในเมื่อข้าชอบเจ้า ทุกคนก็จะชอบเจ้าเช่นกัน”
ชิงสุ่ยคือกระดูกสันหลังของตระกูลชิงผู้คนในตระกูลชิงยืนหยัดมาถึงจุดนี้ได้ก็เพราะเขา ดังนั้นทุกคนจึงเชื่อมั่นในความคิดของชิงสุ่ย และเชื่อว่าอะไรที่ชิงสุ่ยคิดย่อมเป็นสิ่งที่ดี
”ก็ได้ข้าสัญญา”
เมื่อได้ยินคำตอบชิงสุ่ยก็ค่อยๆทะยานบลอยหายไป สายตาของเขาจ้องมองจักรพรรดินีผีดูดเลือดเช่นเดียวกับสายตาที่เธอมองกลับมา จนกระทั่งในไม่ช้าทั้ง 2 ก็กลายเป็นเพียงแค่จุดเล็กๆที่อยู่ห่างไกลกัน
ภารกิจในการมาเยือนที่นี่สำหรับชิงสุ่ยตอนนี้ถือว่าสมบูรณ์แบบทุกสิ่งเกิดขึ้นอย่างที่เขาตั้งใจ และโชคก็ได้นำพาเขามาเจอภาพโฉมงามลำดับที่ 12 โดยที่เขาเองก็ยังไม่รู้ว่าคลื่นพลังเทพธิดาคือทักษะที่ซ่อนอยู่ภายในรูปภาพเหล่านั้นหรือไม่ แต่ที่เขาบอกได้คือมันได้มอบพลังให้กับเขามากมาย
ในตอนนี้ความแข็งแกร่งของชิงสุ่ยหลังจากผ่านเรื่องราวต่างๆได้พัฒนาขึ้นสู่ระดับ800,000 เต๋าเป้นที่เรียบร้อยแล้ว โดยพลังพื้นฐานของเขามีค่ามากถึง 2,500,000 สุริยา เรียกได้ว่าการมาเยือนครั้งนี้พัฒนาความแข็งแกร่งของเขาไปหลายเท่า
หญิงสาวทุกคนที่อยู่ภายในรูปภาพโฉมงามทั้ง12 ปัจจุบันได้กลายเป็นภรรยาของเขาไปหมดแล้ว เหลืออยู่เพียงคนเดียวก็คงเป็นฉินชิง อย่างไรก็ตามเขาก็เชื่อว่าเธอจะต้องมีใจให้กับเขา หากไม่มีความผิดพลาด เส้นลมปราณสวรรค์ทั้ง 12 ก็คงถูกปลดปล่อยโดยมีฉินชิงเป็นกุญแจสำคัญลำดับสุดท้าย
ชิงสุ่ยอาศัยอยู่ในที่ของจักรพรรดินีผีดูดเลือดเป็นเวลาประมาณ3 เดือน ลึกๆแล้วเขาเองก็รู้สึกเสียใจที่ต้องลาจากเธอมา แต่เนื่องจากผาราชินีปีศาจดูดเลือดอยู่ไม่ห่างไกลจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นชิงสุ่ยจึงสามารถเดินทางมาหาเธอได้ในระยะเวลาอันสั้น
เมื่อได้พบกับชิงสุ่ยดวงตาของเฉินเจินก็ทอแสงสว่างสดใสอีกครั้ง เพียงแค่ไม่กี่เดือนที่ทั้งสองจากลากัน ดูเหมือนเธอจะค้นพบบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปจากตัวชิงสุ่ย
บทที่1853 – ความลับที่ซ่อนอยู่หลังภาพโฉมงาม? พลัง 800,000 เต๋า
จักรพรรดินีผีดูดเลือดรู้สึกแปลกใจในความก้าวหน้าของตนจึงทำให้เธอลืมเลือนการกระทำอันแสนน่าอับอายทั้งหมดในตอนนี้ไป
แม้คลื่นพลังอันน่าเกรงขามกำลังไหลวนอยู่รอบตัวเธอด้วยปริมาณมหาศาลแต่มันก็ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลาย
พิธีการทั้งหมดจะขึ้นประมาณ1 ชั่วโมง แน่นอนว่ามันเป็นหนึ่งชั่วโมงที่แสนยาวนาน แต่ก็แลกมาด้วยผลประโยชน์ของทั้งคู่
เมื่อพลังทุกอย่างเพิ่มพูนจะถึงขีดสุดมันก็ค่อยๆกลับสู่สถานการณ์ปกติชิงสุ่ยจึงค่อยๆเคลื่อนไหวร่างกายอย่างช้าๆอีกครั้ง ในตอนนี้ทั้งสองเริ่มเพลิดเพลินไปกับช่วงเวลาอันแสนสุข มันคือความรู้สึกหลงมัวเมาในความสนุกสนานของร่างกายทั้งสองอย่างต่อเนื่อง
เสียงครวญครางอันแสนนุ่มนวลดังออกมาจากห้องจักรพรรดินีผีดูดเลือดพยายามหลีกเลี่ยงสายตาชิงสุ่ยด้วยความประหม่า อย่างไรก็ตามเมื่ออยู่ต่อหน้าชายผู้นี้ทุกอย่างก็ไร้ประโยชน์ ชิงสุ่ยจูบปากของเธออย่างดูดดื่ม ซึ่งมันทำให้เธอไม่สามารถหลีกเลี่ยงสายตาจากเขาได้อีกต่อไป แน่นอนว่าร่างกายส่วนล่างของเขายังคงบ่นขยี้ร่างกายของเธอจนเธอไม่อาจยับยั้งเสียงร้องครวญครางอันแสนยั่วยวนใจได้
ชิงสุ่ยค่อยๆจูบบริเวณหน้าผากยิ่งทำให้เธอเขินอายแต่เธอก็พยายามรักษาความสง่างามของเธอเอาไว้
ชิงสุ่ยลดศีรษะลงและเริ่มประกบจูบริมฝีปาก ลิ้นของเขาค่อยๆแทรกตัวผ่านปากของเธอเพื่อสัมผัสกับลิ้น ลิ้นทั้งสองสัมผัสกันอย่างดูดดื่ม จากนั้นเขาก็ค่อยๆขยับตัวลงต่ำ จูบตั้งแต่ศอกคอ ค่อยๆเลื้อยลงไปสู่หน้าอก ชิงสุ่ยไม่อาจต้านทานแรงดึงดูดจากยอดปทุมถันและฐานภูเขาอันกลมมนอันแสนยั่วยวนได้
และแล้วเวลาผ่านไปเกือบเที่ยงคืนเสียงร้องครวญครางภายในห้องก็เงียบสงัดลง หลังจากที่จักรพรรดินีผีดูดเลือดได้ผ่านลมพายุมรสุม ความเปลี่ยนแปลงทำให้เธอมีเสน่ห์มากกว่าที่เคยเป็น นอกจากนี้ความเยือกเย็นของเธอยิ่งทำให้กลิ่นอายรอบตัวของเธอดึงดูดผู้คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งใบหน้า มันคือใบหน้าที่ทำให้ผู้คนที่ได้เห็นถึงกับกระอักเลือดด้วยความกระหาย
ชิงสุ่ยยังคงจ้องมองใบหน้าอันแสนงดงามซึ่งแทรกไปด้วยสีชมพูจางๆแน่นอนว่ามันเกิดจากช่วงเวลาที่ทั้งสองคนได้ร่วมเตียงกัน ขณะที่เขากอดเธอเธอก็วางใบหน้าแนบอิงแขนของเขา ทั้งสองจ้องมองกันพร้อมบรรยากาศอันแสนอบอุ่น
”ตอนที่เจ้าร้องครวญครางเสียงของเจ้าช่างน่าฟังเหลือเกิน!!”ชิงสุ่ยยิ้มขณะกล่าว ถ้าหากคนที่ได้ยินเสียงร้องเหล่านี้ บางคนอาจจะบรรลุถึงขีดสุดยอดได้ภายในชั่วพริบตา ”ไอ้คนลามก!!”จักรพรรดินีผีดูดเลือดซุกตัวลงไปในอ้อมกอดของเขา เธอเองก็พยายามที่จะไม่ร้องเสียงครวญครางนั้นออกมา แต่ดูเหมือนว่าทั้งหมดจะอยู่เหนือการควบคุมของเธอ
”แต่เจ้าก็รู้สึกดีใช่ไหมล่ะ?”ชิงสุ่ยแสดงสีหน้าเจ้าเล่ห์
”ข้าไม่บอกเจ้าหรอก!!”
เมื่อได้ยินคำตอบเช่นนี้ชิงสุ่ยก็ไม่มีทางเลือกนอกจากพลิกตัวเธออีกครั้ง เขาตั้งใจจะทำเช่นดั่งเดิมเพื่อให้เธอตอบคำตอบของเขา
เวลาตลอดเกือบครึ่งคืนถูกใช้ไปบนเตียงโดยที่ทั้งสองแทบไม่ได้พักผ่อนเช้าวันถัดมาทั้งสองยังคงตื่นเช้าเพื่อรอรับเด็กน้อยที่ตื่นเช้าเป็นประจำ วันนี้สีหน้าของจักรพรรดินีผีดูดเลือดเต็มไปด้วยความเปล่งปลั่ง โดยเฉพาะยามที่มีลูกน้อยอยู่ในอ้อมอก
ชิงสุ่ยชอบการใช้ชีวิตแบบนี้มากที่สุดหลังจากพักอยู่ในที่แห่งนี้ได้อีกประมาณ 1 เดือน ชิงสุ่ยก็ตัดสินใจพร้อมที่จะออกเดินทางต่อ เจ้าเด็กน้อยแสนน่ารักตอนนี้ก็อายุได้ประมาณ 2 เดือนแล้ว เธอเริ่มรับรู้ถึงพลังของตนจึงทำให้เวลานอนกลางวันสั้นลงเรื่อยๆ
ชิงสุ่ยสามารถออกเดินทางได้โดยปราศจากความกังวลเพราะอย่างน้อยความแข็งแกร่งของจักรพรรดินีผีดูดเลือดในปัจจุบันก็ไม่ใช่ความแข็งแกร่งที่ใครจะมารุกรานเธอได้ง่ายๆ นอกจากนี้เวลาอีกส่วนหนึ่งชิงสุ่ยก็ได้ใช้มันในการฝึกฝนอีกหลายๆทักษะให้กับเธอ และยังช่วยเธอในการสร้างชุดเกราะกึ่งศาสตราวุธเทวะ แน่นอนว่าวัสดุที่สร้างจากแร่ทองคำปีศาจสวรรค์ย่อมทำให้สิ่งประดิษฐ์ที่เขาสร้างชุดใหม่ ดีกว่าชุดก่อนๆที่เคยทำมา
จักรพรรดินีผีดูดเลือดรู้สึกได้เลยว่าคงไม่มีอะไรที่ชายผู้นี้ทำไม่ได้ไม่ว่าจะเป็นทักษะการสร้างสรรค์อาหาร ทักษะการรักษา ทักษะการสร้างอาวุธ ทักษะการวางค่ายกลรูปแบบ ตลอดจนไปถึงทักษะการกลั่นยา คนคนเดียวรอบรู้แทบทุกด้าน เธอจึงไม่รู้ว่าเขามีความรู้ในระดับใด แต่เธอก็รับสิ่งที่เขาสอนมาอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นทักษะการฝึกฝนเคลื่อนไหวร่างกาย จวบจนกระทั่งทักษะการทำอาหาร เธอเป็นคนที่ฉลาดและเรียนรู้ได้เร็ว ที่สำคัญชิงสุ่ยได้ทิ้งเครื่องปรุงจำนวนมากมายให้กับเธอ ซึ่งมันทำให้เธอสามารถจัดเตรียมอาหารที่แม้แต่พ่อครัวชั้นเลิศระดับจักรพรรดิก็ยังไม่อาจเทียบเทียมรสชาติอาหารของเธอได้
”ขอให้เจ้าเดินทางปลอดภัย!!”จักรพรรดินีผีดูดเลือดกล่าวอวยพร
ชิงสุ่ยยิ้มและพยักหน้าจากนั้นก็เดินไปจูบเธอรวมถึงหอมแก้มเด็กสาวตัวน้อยในอ้อมอกเธอ “สถานที่แห่งนี้อาจจะเป็นที่ที่ปลอดภัย แต่เจ้าจะต้องระมัดระวังตัวเอาไว้เสมอ หากเจ้าต้องการความช่วยเหลือ ก็จงมาที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ที่แห่งนั้นจะต้องช่วยเหลือเจ้าได้”
”อืมข้าเองก็อยู่ที่นี่มานาน ฉะนั้นข้าเองก็เชื่อเสมอว่าที่นี่คือที่ที่ปลอดภัย นอกจากนี้ความแข็งแกร่งของข้าก็เพิ่มพูนขึ้นหลายเท่า รวมถึงการได้เรียนรู้ทักษะการสร้างค่ายกลจากเจ้า ฉะนั้นเจ้าอย่าได้กังวลเลย”จักรพรรดินีผีดูดเลือดกล่าวก่อนจะเคลื่อนย้ายศีรษะเอาหน้าผากไปแตะหน้าผากของชิงสุ่ย
”ในครั้งหน้าที่ข้ากลับมา เราจะจัดพิธีการบอกกล่าวให้กับทุกคนได้รับรู้ ว่าเจ้าคือหญิงสาวของข้า แม้ว่าเจ้าจะไม่ใช่ผู้หญิงเพียงคนเดียวของข้า แต่ข้าก็จะยอมทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องเจ้าและลูกน้อยของข้า”
”ข้ารู้และก็เชื่อในคำพูดของเจ้า ข้าไม่สนใจพิธีรีตองหรอก เพราะว่าความสัมพันธ์ไม่ได้เกิดจากพิธีรีตองเหล่านั้น”
”อืมในการมาเยี่ยมครั้งหน้า เจ้าอยากจะกลับไปดูครอบครัวของข้าหรือไม่?”ชิงสุ่ยคิดเล็กน้อยก่อนจะถาม เพราะว่าหญิงสาวส่วนใหญ่ของเขาต่างก็เคยไปที่ตระกูลของเขาอย่างน้อยก็ครั้งหนึ่ง
”ข้ากลัวว่าพวกเขาจะไม่ชอบข้า”จักรพรรดินีผีดูดเลือดแสดงสีหน้าวิตกกังวลเล็กน้อย
ชิงสุ่ยจุมพิตปลายจมูกของเธอ”อย่าได้กังวลเลย พวกนางจะต้องชอบเจ้า เพราะในเมื่อข้าชอบเจ้า ทุกคนก็จะชอบเจ้าเช่นกัน”
ชิงสุ่ยคือกระดูกสันหลังของตระกูลชิงผู้คนในตระกูลชิงยืนหยัดมาถึงจุดนี้ได้ก็เพราะเขา ดังนั้นทุกคนจึงเชื่อมั่นในความคิดของชิงสุ่ย และเชื่อว่าอะไรที่ชิงสุ่ยคิดย่อมเป็นสิ่งที่ดี
”ก็ได้ข้าสัญญา”
เมื่อได้ยินคำตอบชิงสุ่ยก็ค่อยๆทะยานบลอยหายไป สายตาของเขาจ้องมองจักรพรรดินีผีดูดเลือดเช่นเดียวกับสายตาที่เธอมองกลับมา จนกระทั่งในไม่ช้าทั้ง 2 ก็กลายเป็นเพียงแค่จุดเล็กๆที่อยู่ห่างไกลกัน
ภารกิจในการมาเยือนที่นี่สำหรับชิงสุ่ยตอนนี้ถือว่าสมบูรณ์แบบทุกสิ่งเกิดขึ้นอย่างที่เขาตั้งใจ และโชคก็ได้นำพาเขามาเจอภาพโฉมงามลำดับที่ 12 โดยที่เขาเองก็ยังไม่รู้ว่าคลื่นพลังเทพธิดาคือทักษะที่ซ่อนอยู่ภายในรูปภาพเหล่านั้นหรือไม่ แต่ที่เขาบอกได้คือมันได้มอบพลังให้กับเขามากมาย
ในตอนนี้ความแข็งแกร่งของชิงสุ่ยหลังจากผ่านเรื่องราวต่างๆได้พัฒนาขึ้นสู่ระดับ800,000 เต๋าเป้นที่เรียบร้อยแล้ว โดยพลังพื้นฐานของเขามีค่ามากถึง 2,500,000 สุริยา เรียกได้ว่าการมาเยือนครั้งนี้พัฒนาความแข็งแกร่งของเขาไปหลายเท่า
หญิงสาวทุกคนที่อยู่ภายในรูปภาพโฉมงามทั้ง12 ปัจจุบันได้กลายเป็นภรรยาของเขาไปหมดแล้ว เหลืออยู่เพียงคนเดียวก็คงเป็นฉินชิง อย่างไรก็ตามเขาก็เชื่อว่าเธอจะต้องมีใจให้กับเขา หากไม่มีความผิดพลาด เส้นลมปราณสวรรค์ทั้ง 12 ก็คงถูกปลดปล่อยโดยมีฉินชิงเป็นกุญแจสำคัญลำดับสุดท้าย
ชิงสุ่ยอาศัยอยู่ในที่ของจักรพรรดินีผีดูดเลือดเป็นเวลาประมาณ3 เดือน ลึกๆแล้วเขาเองก็รู้สึกเสียใจที่ต้องลาจากเธอมา แต่เนื่องจากผาราชินีปีศาจดูดเลือดอยู่ไม่ห่างไกลจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นชิงสุ่ยจึงสามารถเดินทางมาหาเธอได้ในระยะเวลาอันสั้น
เมื่อได้พบกับชิงสุ่ยดวงตาของเฉินเจินก็ทอแสงสว่างสดใสอีกครั้ง เพียงแค่ไม่กี่เดือนที่ทั้งสองจากลากัน ดูเหมือนเธอจะค้นพบบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปจากตัวชิงสุ่ย