หญิงสาวผู้นี้ครอบครองความงามเหนือซะยิ่งกว่าบรรดาหญิงสาวทั้งหมดที่ชิงสุ่ยเคยพบเจอแต่มันก็เป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าใครสวยกว่าใคร เมื่อทุกคนต่างก็เป็นโฉมงามที่มีรูปลักษณ์งดงามไร้ที่ติเมื่ออยู่ภายใต้สายตาของเขา
เธอเอามือไขว้หลังแสดงท่าทางแปลกกว่าหญิงสาวคนอื่นๆแต่มันก็เป็นท่าทางที่น่าประทับใจ ซึ่งสร้างความโดดเด่นให้เธอเหนือกว่าผู้อื่น ชิงสุ่ยไม่อาจหาคำอธิบายแทนคำว่าสมบูรณ์แบบได้เลย เธอเป็นไปด้วยความงดงามและน่าเกรงขาม
หญิงสาวที่ยืนอยู่บนวิหคเพลิงเบญจรัสมองดูโลกใบนี้ด้วยสายตาดูถูกเธอจับจ้องมาที่ชิงสุ่ยก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความสงบ ชิงสุ่ยเป็นคนที่มีผิวพรรณค่อนข้างดี แต่ถ้าจะให้เทียบผิวพรรณกับนายน้อยที่สองแห่งตระกูลฮัวแน่นอนว่าชิงสุ่ยยอมสู้ชายคนนี้ไม่ได้ แต่อย่างไรก็ตามเธอกลับรู้สึกชอบลักษณะของชิงสุ่ยมากกว่านายน้อยที่สองแห่งตระกูลฮัวที่ตัวเป็นชายแต่กลายเป็นหญิง
ความเป็นชายของชิงสุ่ยเอ่อล้นออกมาจากร่างกายอย่างเห็นได้ชัดเพราะร่างกายที่ครอบครองกายา9 หยาง แม้กลิ่นอายจะดูอ่อนนุ่มแต่ภายในจะแข็งแกร่ง
ผ่านไปอีกชั่วครู่หนึ่งหญิงสาวผู้นั้นถึงกับอ้าปากเมื่อสัมผัสถึงกายา 9 หยางที่ซ่อนอยู่ในตัวชิงสุ่ย มันคือร่างกายชนิดพิเศษที่มีโอกาสพบเจอหนึ่งในล้านเท่านั้น นอกจากนี้เธอยังรับรู้ถึงพลังปราณจิตอันทรงพลังจากตัวของชิงสุ่ยเช่นกัน
เจ้าคงจะเป็นชิงสุ่ยใช่หรือไม่ หญิงสาวคนนั้นหันหน้ามองตรงไปที่ชิงสุ่ย
น้ำเสียงของเธอนุ่มลึกและมีเสน่ห์เหมือนท่วงทำนองกลอมสวรรค์เสียงของเธอวิเศษเสียยิ่งกว่าการฟังเพลงในโลกใบก่อน ดูเหมือนผู้สร้างโลกพึ่งพอใจในการสร้างสรรค์โฉมงามให้มาพร้อมกับเสียงที่แสนไพเราะ เสียงอันแสนอัศจรรย์สามารถเปลี่ยนแปลงความคิดผู้คน ให้แปรเปลี่ยนความผิดพลาดเป็นการให้อภัยได้
จิตใจของชิงสุ่ยจึงรู้สึกผ่อนคลายเหมือนเสียงของเธอเป็นตัวเชื่อมโยงหัวใจกับสมองให้บังเกิดพลังบางอย่าง
เจ้าของจะเป็นผู้นำที่ทุกคนกล่าวถึงสินะ ชิงสุ่ยยิ้มตอบ
เจ้าช่างเป็นคนหัวรั้นข้าส่งคนของข้ามาเพื่อเชิญเจ้า แต่เจ้าก็ปฏิเสธพวกเขาทุกคน หญิงสาวคนนั้นกล่าวด้วยท่าทางสบายใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้ความจริงเบื้องหลังรอยยิ้มของเธอ
ในสายตาของข้าข้าจะไม่ปฏิบัติกับคนอยู่ 3 ชนิด และข้ายิ่งรังเกียจคนที่ใช้กำลังบังคับผู้อื่นให้ต้องปฏิบัติตาม ในขณะที่ชิงสุ่ยกล่าว เขาก็สังเกตหญิงสาวและวิหคเพลิงเบญจรัส
นายน้อยที่สองแห่งตระกูลฮัวขยิบตาให้โฉมงามให้มาพร้อมกับเสียงที่แสนไพเราะ เสียงอันแสนอัศจรรย์สามารถเปลี่ยนแปลงความคิดผู้คน ให้แปรเปลี่ยนความผิดพลาดเป็นการให้อภัยได้
จิตใจของชิงสุ่ยจึงรู้สึกผ่อนคลายเหมือนเสียงของเธอเป็นตัวเชื่อมโยงหัวใจกับสมองให้บังเกิดพลังบางอย่าง
เจ้าของจะเป็นผู้นำที่ทุกคนกล่าวถึงสินะ ชิงสุ่ยยิ้มตอบ
เจ้าช่างเป็นคนหัวรั้นข้าส่งคนของข้ามาเพื่อเชิญเจ้า แต่เจ้าก็ปฏิเสธพวกเขาทุกคน หญิงสาวคนนั้นกล่าวด้วยท่าทางสบายใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้ความจริงเบื้องหลังรอยยิ้มของเธอ
ในสายตาของข้าข้าจะไม่ปฏิบัติกับคนอยู่ 3 ชนิด และข้ายิ่งรังเกียจคนที่ใช้กำลังบังคับผู้อื่นให้ต้องปฏิบัติตาม ในขณะที่ชิงสุ่ยกล่าว เขาก็สังเกตหญิงสาวและวิหคเพลิงเบญจรัส
นายน้อยที่สองแห่งตระกูลฮัวขยิบตาให้กับชิงสุ่ยหลายต่อหลายครั้งแต่ชิงสุ่ยก็เพิกเฉย นายน้อยที่สองแห่งตระกูลฮัวพยายามหยุดชิงสุ่ยไม่ให้ต่อล้อต่อเถียงกับหญิงสาวผู้นี้ อีกทั้งเขายังพยายามย้ำเตือนให้ชิงสุ่ยรู้ว่าหญิงสาวคนนี้แข็งแกร่งเพียงใด
คน3 ชนิดคืออะไร หญิงสาวคนนั้นกล่าวถามด้วยความสงสัย
ข้าจะไม่รักษาให้กับคนเลวทรามต่ำช้ากดขี่ข่มเหงข้าจะไม่รักษาคนที่พยายามฝืนกฎธรรมชาติ และสุดท้ายข้าจะไม่รักษาผู้อื่น หากข้าไม่ต้องการ ชิงสุ่ยตอบกลับ ทุกวันนี้เขาเรียนรู้ถึงกฎของธรรมชาติ ฉะนั้นฉะนั้นเขาจึงรู้ว่าการฝืนกฎธรรมชาติเพื่อช่วยเหลือผู้คนมันเป็นไปไม่ได้
คำพูดอาจจะฟังดูแปลกๆแต่ถ้าจะให้ยกตัวอย่าง ก็คงจะเป็นหมอ ที่ไม่สามารถฟื้นชีวิตคนตายได้ และอีกอย่างก็คงเป็นการที่เขาเลือกที่จะไม่ช่วยชีวิตคนที่มีจะกลายเป็นสาเหตุทำให้เขาต้องตาย
ช่างน่าสนใจข้าชักสงสัยแล้วว่าเจ้าจะเก่งกาจพอจะทำตามกฎที่เจ้าวางไว้ได้หรือไม่? หญิงสาวคนนั้นจ้องมองมาที่ชิงสุ่ยด้วยรอยยิ้ม
รอยยิ้มของเธอในคราวนี้มันเป็นรอยยิ้มที่น่าหลงใหลและมีเสน่ห์อย่างแท้จริง
ฮ่าฮ่า ฮ่า!! ชิงสุ่ยระเบิดเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
เจ้าหัวเราะอะไรกัน? หญิงสาวจ้องมองชิงสุ่ยด้วยสายตางุนงง
สมกับเป็นหญิงสาวอาภัพข้าละสงสัยว่าเจ้าจะมีชีวิตอยู่ท่านดูเทศกาลไหว้พระจันทร์หรือไม่?
ตอนนี้คือช่วงเดือนมีนาคมเขารู้สึกประทับใจในความสงบที่หญิงสาวผู้นี้ถือครอง ในฐานะของคนที่กำลังจะตาย เธอกลับไม่แสดงอาการวิตกกังวลหรือไม่สบายใจเลยแม้แต่น้อย ลมหายใจของเธอยังคงรักษาสภาวะสงบนิ่ง เหมือนไม่ได้แกล้งทำ
หญิงสาวผู้นั้นจ้องมองชิงสุ่ยดวงตาที่สดใสเธอรู้ดีว่าชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าถูกขนานนามว่าหมอเทวดา หมอผู้เก่งกาจทางด้านการรักษา แต่แน่นอนว่าไม่มีใครนอกจากตัวของเธอเองที่ล่วงรู้ว่าเธอใกล้จะตาย และคงจบลงช่วงกลางฤดูใบไม้ร่วง ดังนั้นเธอจึงไม่เคยปกปิดความเจ็บป่วยของตนเอง
ดูเหมือนเจ้าจะเก่งกว่าส่วนที่ผู้คนเลื่องลือหากข้าต้องการให้เจ้ารักษาข้า ข้าจะต้องทำอย่างไร เธอกล่าวถามอย่างตรงไปตรงมา
นอกเหนือจาก3 ข้อเบื้องต้น ยังมีอีกเงื่อนไข คือข้าจะยอมรักษาก็ต่อเมื่อเจ้ายอมแลกสิ่งของมีข้าที่สุดของเจ้าให้กับข้า ชิงสุ่ยกล่าวตอบอย่างเป็นธรรมชาติ
หญิงสาวผู้นั้นไม่ใช่เด็กหญิงตัวเล็กไม่รู้จักโลกเธอจ้องมองชิงสุ่ยด้วยสายตาเย็นชา เจ้าต้องการสิ่งของมีค่าที่สุดของข้าเพื่อแลกกับการที่เจ้าจะรักษาข้า?
ข้าบอกไปแต่แรกแล้วว่าข้าจะไม่รักษาคนอย่างเจ้า ชิงสุ่ยให้คำตอบที่ไม่เกี่ยวข้องกับคำถาม เจ้ารู้หรือไม่ว่าสิ่งที่มีข้าที่สุดของข้าคืออะไรตัวข้านั้นมีทั้งทรัพย์สมบัติ เงินทอง ศาสตราวุธ เคล็ดวิชาล้ำค่า………
ถ้าไม่สนใจเงินทองสมบัติ ศาสตราวุธ เคล็ดวิชารวมทั้งอื่นๆที่เจ้าว่ามาทั้งหมด ชิงสุ่ยกล่าวแทรก
แล้วเจ้าต้องการอะไรกันแน่? หญิงสาวผู้นั้นตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่ทรงเสน่ห์ รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนลึกซึ้ง
เจ้าน่าจะรู้ในสิ่งที่ข้าต้องการ ชิงสุ่ยตอบกลับ
เจ้ากล้าดียังไงเจ้ารู้หรือไม่ว่าคนที่กล้าท้าทายข้าจุดจบสุดท้ายมันเป็นเช่นไร? หญิงสาวผู้นั้นจ้องเขม่งไปที่ชิงสุ่ย
ความตาย!! ชิงสุ่ยหัวเราะคึกคัก
หรือว่าเจ้าไม่กลัวความตาย?
ชิงสุ่ยมองดูหญิงสาวที่เอามือไขว้หลัง ข้ากลัวความตาย แต่ข้าไม่กลัวตอนนี้เพราะข้าจะไม่ตาย ในเมื่อเจ้ามั่นใจงั้นเอาแบบนี้ เรามาสู้กัน ถ้าเจ้าพ่ายแพ้เจ้าจะต้องรักษาข้า
ชิงสุ่ยไม่อาจกลั้นเสียงหัวเราะได้อีกต่อไป ทำไมคนอย่างเจ้าถึงกล้าทำตัวไร้ยางอาย หากข้าแพ้ข้าต้องรักษาเจ้า แล้วถ้าเจ้าแพ้ล่ะ?
ข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าจริงๆแต่ในเมื่อเจ้าไม่ต้องการช่วยเหลือข้า เอาแบบนี้แล้วกัน ถ้าหากข้าแพ้ เจ้าลงโทษก็ได้ตามที่ใจต้องการ หญิงสาวคนนั้นกล่าวด้วยคำพูดที่ดูไม่เต็มใจ
ถ้าหากข้าชนะแล้วเจ้าไม่ยอมทำในสิ่งที่ข้าต้องการ ตอนนั้น เจ้าเลือกที่จะฆ่าตัวตาย ความพยายามของข้าไม่เสียเปล่าหรือ ชิงสุ่ยระเบิดเสียงหัวเราะ
ถ้าอย่างนั้นเจ้าจงบอกสิ่งที่เจ้าต้องการมา หญิงสาวไม่คาดคิดเลยว่าชิงสุ่ยจะคิดเช่นนี้
ถ้าข้าชนะเจ้าจะต้องออกจากมหาจักรวรรดิราชันย์ปราชญ์