คำพูดของชิงสุ่ยดังสะท้อนในหูของเฉิงหยวนเหมือนนาฬิกาที่คอยเวลาระเบิด เขาคือความภาคภูมิใจของตระกูลเฉิง รับเป็นเด็กหนุ่มที่ประสบความสำเร็จไกลที่สุด ตอนที่เขาได้รับมรดกราชาปีศาจเกศาเงินขาว เขารู้สึกดีเป็นอย่างมาก และเริ่มเข้าถึงความรู้ของราชาปีศาจ
แต่ความสับสนที่อยู่ภายในมันเริ่มทำให้เขาสูญเสียบุคลิกมันไม่ใช่การสูญเสียบุคลิกแบบฉับพลัน แต่เป็นการสูญเสียตามธรรมชาติ เขาค่อยๆรู้สึกว่าการสังหารผู้บริสุทธิ์เป็นเรื่องธรรมดา และการใช้วิธีการชั่วร้ายก็กลายเป็นเรื่องปกติทั้งที่เขาไม่เคยคิดเช่นนี้มาก่อน นั่นก็เพราะว่าบุคลิกของเขาได้เริ่มเปลี่ยนแปลงไปแล้ว มันคือแรงกดดันที่สืบทอดมาจากมรดกราชาปีศาจ บุคลิกของเขาจะเริ่มเปลี่ยนแปลงไปสู่การสืบทอดราชาปีศาจอย่างช้าๆ ในจิตใจมนุษย์มีทั้งความดีและความชั่วผู้คนพร้อมจะผันแปรไปตามความเมตตาและความชั่วร้าย
เขาคอยย้ำเตือนกับตัวเองเสมอว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องคงเดิม ถ้าหากวันนึงเขาไม่สามารถรักษาบุคลิกของตนเองได้อีกต่อไปแล้ว ตราบใดที่เขามีสติ เขาจะปลิดชีพตัวเอง
เฉิงหยวนเป็นใบ้ไปชั่วขณะก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้น”พี่ชายชิงสุ่ย ข้ารู้ว่าควรทำเช่นไร ต่อไปนี้ข้าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับน้องเป่ย ข้าคงไม่อาจทำให้นางมีความสุขได้ แม้ว่าท่านจะฆ่าข้า ข้าก็จะไม่โทษท่าน เพราะต่อให้ท่านไม่ฆ่าข้าในวันนี้ ข้าก็คงต้องปลิดชีพตัวเองในวันข้างหน้า”
คำพูดของเฉิงหยวนเต็มไปด้วยความมั่นคงและสายตาที่เด็ดขาด
ชิงสุ่ยตลาดใจอย่างมากดูเหมือนว่าตระกูลเฉิงจะเป็นตระกูลที่ยึดถือคุณธรรม มันยิ่งทำให้ชิงสุ่ยตัดสินใจอยากเดินทางไปยังตระกูลเฉิงเพื่อดูว่ายังมีผู้สืบทอดสายเลือดราชาปีศาจแฝงตัวอยู่ในหมู่พวกเขาหรือไม่
”เอาอย่างนี้แล้วกันพรุ่งนี้ข้าจะเดินทางไปเยี่ยมเยียนผู้อาวุโสของตระกูลเจ้า”ชิงสุ่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
เฉิงหยวนรู้สึกแปลกใจที่ชิงสุ่ยไม่ได้ตัดสินใจสังหารเขาทั้งๆที่รู้ว่าเขาครอบครองพลังอะไรบางทีหลังจากนี้ สงครามของผู้สืบทอดเทพสงครามกับผู้สืบทอดราชาปีศาจอาจจะสิ้นสุดลงก็เป็นได้
”อืมได้เลย พี่ชายชิงสุ่ย ในเมื่อท่านคือผู้สืบทอดมรดกเทพสงคราม ท่านเคยเจอผู้สืบทอดมรดกราชาปีศาจคนอื่นมาก่อนหรือไม่?”เฉิงหยวนถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เฉิงหยวนไม่อาจระงับความรู้สึกอยากรู้อยากเห็น เขาเชื่อมั่นว่าชายคนนี้เหมือนกับที่ชิงเป่ยได้สาธยายเอาไว้ ชิงสุ่ยเป็นคนที่ไม่อาจหยั่งรู้และสามารถพลิกโชคชะตาของตน
เขาไม่คิดว่าชิงสุ่ยต้องการมุ่งหน้าไปยังตระกูลเฉิงเพื่อทำสิ่งไม่ดีเขาจึงไม่รู้สึกกังวลใดๆทั้งสิ้น!! ”แน่นอนข้าเคยเจอและสังหารพวกเขาไปมากมาย หนึ่งในภรรยาของข้าเองก็เป็นผู้สืบทอดราชาปีศาจ”ชิงสุ่ยยิ้มตอบ
คำพูดสั้นๆยิ่งสร้างความประหลาดใจให้กับเฉิงหยวนชิงสุ่ยบอกใบ้ว่าให้เขารู้ว่า ตัวของชายคนนี้มีวิธีหยุดมรดกราชาปีศาจ แต่เขาจะไม่ช่วยเหลือคนอื่น เว้นเสียแต่คนคนนั้นจะเป็นคนที่อยู่ฝ่ายเขา
”พี่ชายชิงสุ่ยท่านสามารถควบคุมความนึกคิดแบบปีศาจที่อยู่ในตัวภรรยาของท่านได้หรือไม่?”เฉิงหยวนกล่าวถามแทบจะทันที
ชิงสุ่ยตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
ถ้าหากจะไม่ให้เขาถามก็คงจะเป็นเพียงแค่เรื่องเหนือจินตนาการเขาจะไม่รู้สึกกระสับกระส่ายได้อย่างไร หากสิ่งที่ชิงสุ่ยกล่าวข้างต้นเป็นความจริง เขาจะต้องเข้าถึงโอกาสนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม
ตัวของเขาอยู่ในระดับดินแดนสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่5 อารมณ์ของเขาผันผวนรุนแรงเป็นบางครั้ง ทุกครั้งที่เขารู้สึกอยากสังหารผู้ใด เขารู้สึกได้เลยว่าพลังในตัวไม่สามารถควบคุมได้ และจำเป็นต้องมองหาใครสักคนนึงเพื่อเข้าต่อกรระบายอารมณ์
สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นโดยธรรมชาติจนเขาเปลี่ยนไปตัวของเขาเป็นคนฉลาด แม้จะรู้ว่าชิงสุ่ยสามารถควบคุมพลังปีศาจได้ แต่ชิงสุ่ยก็ไม่ได้มีหน้าที่ต้องช่วยเหลือเขา แม้ว่าเขาจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับชิงเป่ย แต่มันก็ไม่เพียงพอ เขาจึงไม่ได้พูดเพื่อขอความช่วยเหลือจากชิงสุ่ยในทันที
”เฉิงหยวนน้องเป่ย คือเด็กสาวอายุน้อยที่สุดในรุ่นของข้า ทุกคนปฏิบัติต่อนางดุจแก้วตาดวงใจ ข้าจะไม่ยอมให้ผู้ใดทำร้ายนางเด็ดขาด”ชิงสุ่ยกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม
เฉิงหยวนรับรู้ถึงแรงกดดันมหาศาลภายใต้รอยยิ้มที่น่ากลัวเขารู้เรื่องที่ว่าถ้าหากมีผู้ใดกระทำเช่นนั้น จุดจบของคนผู้นั้นจะต้องอยู่ในชะตากรรมที่น่าสมเพช
”ข้าเข้าใจแล้ว”
”มันไม่ใช่เพียงแค่การทำร้ายโดยตรงแต่รวมถึงการเล่นกับจิตใจ ข้าเองก็จะไม่ยอมเหมือนกัน”ชิงสุ่ยกล่าวเพิ่ม ถ้อยคำของเขาอัดแน่นไปด้วยน้ำเสียงที่รุนแรง ขณะที่เขาจิบน้ำชา
ร่างกายของเฉิงหยวนสั่นเครือเมื่อสัมผัสถึงจิตสังหารที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวชิงสุ่ย แม้ว่าเขาจะมีพลังอยู่ในระดับสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่ 5 เขากลับหาวิธีต้านทานจิตสังหารที่น่ากลัวนี้ไม่ได้
ใบหน้าของเขาซีดเซียวและพยายามซ่อนเร้นความหวาดกลัวทำเหมือนว่าไม่กลัว
”ข้าเข้าใจแต่ข้าก็รักชิงเป่ย ข้าไม่สามารถควบคุมความรู้สึกที่มีต่อนางได้ ข้ายังคงเชื่อมั่นว่าข้าสามารถควบคุมสายเลือดราชาปีศาจที่ซ่อนอยู่ในตัวข้าได้ ข้าจึงไม่ล้มเลิกความคิดที่จะรักนาง”เฉิงหยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
ชิงสุ่ยรู้ดีว่าคำพูดของเด็กหนุ่มคนนี้เป็นความจริงเฉิงหยวนไม่รู้จักตัวตนของเขาและไม่พยายามเรียกร้องขอความช่วยเหลือใดๆน้ำเสียงของเฉิงหยวนไม่ได้มีร่องรอยของความโกหก พลังแห่งการรับรู้ทางจิตวิญญาณของชิงสุ่ยสามารถบอกได้ทันทีว่ามันคือความจริง
สาเหตุที่ชิงสุ่ยปล่อยให้เฉิงหยวนมีชีวิตต่อเพราะเขารู้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้สามารถควบคุมสายเลือดราชาปีศาจได้เขาจึงไม่ได้สั่งให้เฉิงหยวนตัดความสัมพันธ์กับชิงเป่ย
จากนั้นทั้งสองคนก็พูดคุยกันอย่างไม่เป็นทางการชิงสุ่ยได้เรียนรู้สิ่งต่างๆเกี่ยวกับตระกูลเฉิง พวกเขาเป็นตระกูลที่ซ่อนเร้นและมีพลังเทียบเท่ากับพระราชวังอมตะ เฉิงหยวนถือกำเนิดโดยภรรยาหลวง และได้ก้าวขึ้นมามีบทบาทเป็นผู้นำกลุ่มรุ่นยาว ตัวตนของเขาค่อนข้างสูงส่ง และได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี
เมื่อ20 ปีที่แล้ว ตอนที่เขาเดินทางออกตามหาประสบการณ์ชีวิต เขาได้พบเจอกับมรดกราชาปีศาจเกศาเงินขาวโดยไม่ได้ตั้งใจ มันจึงทำให้เขาก้าวนำกลุ่มคนรุ่นเดียวกันภายในช่วงเวลาอันสั้น หลังจากได้รับพลัง3 ปีผ่านไปเขาก็เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นในร่างกาย ส่วนใหญ่จะเป็นอารมณ์และความเข้มข้นของเลือด ยิ่งเขาศึกษา เขาก็รู้ว่ามันหยั่งรากลึกจนเกินกว่าจะแก้
ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกมีความสุขเหมือนตอนที่ได้รับแรกเริ่มเลือดของราชาปีศาจทำให้ความสามารถของเขาพัฒนาอย่างก้าวกระโดด แต่เมื่อมีสิ่งที่ได้รับก็ต้องมีสิ่งที่สูญเสีย มันมีผลข้างเคียง
หลังจากพูดคุยกันได้ประมาณ1 ชั่วยาม เฉิงหยวนก็ขอแยกตัวไปหาชิงเป่ย ส่วนชิงสุ่ยก็ยังคงอยู่ในสวนหลังบ้าน สีหน้าของเขาไม่ได้มีความกังวล เพราะเขาเองก็เคยทำให้สายเลือดปีศาจในตัวถานท่ายหลิงเยียนรุนแรงลดน้อยลง เขาเชื่อมั่นว่าบุคลิกนิสัยที่ดีเป็นสิ่งกำหนดและเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
แต่ความสับสนที่อยู่ภายในมันเริ่มทำให้เขาสูญเสียบุคลิกมันไม่ใช่การสูญเสียบุคลิกแบบฉับพลัน แต่เป็นการสูญเสียตามธรรมชาติ เขาค่อยๆรู้สึกว่าการสังหารผู้บริสุทธิ์เป็นเรื่องธรรมดา และการใช้วิธีการชั่วร้ายก็กลายเป็นเรื่องปกติทั้งที่เขาไม่เคยคิดเช่นนี้มาก่อน นั่นก็เพราะว่าบุคลิกของเขาได้เริ่มเปลี่ยนแปลงไปแล้ว มันคือแรงกดดันที่สืบทอดมาจากมรดกราชาปีศาจ บุคลิกของเขาจะเริ่มเปลี่ยนแปลงไปสู่การสืบทอดราชาปีศาจอย่างช้าๆ ในจิตใจมนุษย์มีทั้งความดีและความชั่วผู้คนพร้อมจะผันแปรไปตามความเมตตาและความชั่วร้าย
เขาคอยย้ำเตือนกับตัวเองเสมอว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องคงเดิม ถ้าหากวันนึงเขาไม่สามารถรักษาบุคลิกของตนเองได้อีกต่อไปแล้ว ตราบใดที่เขามีสติ เขาจะปลิดชีพตัวเอง
เฉิงหยวนเป็นใบ้ไปชั่วขณะก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้น”พี่ชายชิงสุ่ย ข้ารู้ว่าควรทำเช่นไร ต่อไปนี้ข้าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับน้องเป่ย ข้าคงไม่อาจทำให้นางมีความสุขได้ แม้ว่าท่านจะฆ่าข้า ข้าก็จะไม่โทษท่าน เพราะต่อให้ท่านไม่ฆ่าข้าในวันนี้ ข้าก็คงต้องปลิดชีพตัวเองในวันข้างหน้า”
คำพูดของเฉิงหยวนเต็มไปด้วยความมั่นคงและสายตาที่เด็ดขาด
ชิงสุ่ยตลาดใจอย่างมากดูเหมือนว่าตระกูลเฉิงจะเป็นตระกูลที่ยึดถือคุณธรรม มันยิ่งทำให้ชิงสุ่ยตัดสินใจอยากเดินทางไปยังตระกูลเฉิงเพื่อดูว่ายังมีผู้สืบทอดสายเลือดราชาปีศาจแฝงตัวอยู่ในหมู่พวกเขาหรือไม่
”เอาอย่างนี้แล้วกันพรุ่งนี้ข้าจะเดินทางไปเยี่ยมเยียนผู้อาวุโสของตระกูลเจ้า”ชิงสุ่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
เฉิงหยวนรู้สึกแปลกใจที่ชิงสุ่ยไม่ได้ตัดสินใจสังหารเขาทั้งๆที่รู้ว่าเขาครอบครองพลังอะไรบางทีหลังจากนี้ สงครามของผู้สืบทอดเทพสงครามกับผู้สืบทอดราชาปีศาจอาจจะสิ้นสุดลงก็เป็นได้
”อืมได้เลย พี่ชายชิงสุ่ย ในเมื่อท่านคือผู้สืบทอดมรดกเทพสงคราม ท่านเคยเจอผู้สืบทอดมรดกราชาปีศาจคนอื่นมาก่อนหรือไม่?”เฉิงหยวนถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เฉิงหยวนไม่อาจระงับความรู้สึกอยากรู้อยากเห็น เขาเชื่อมั่นว่าชายคนนี้เหมือนกับที่ชิงเป่ยได้สาธยายเอาไว้ ชิงสุ่ยเป็นคนที่ไม่อาจหยั่งรู้และสามารถพลิกโชคชะตาของตน
เขาไม่คิดว่าชิงสุ่ยต้องการมุ่งหน้าไปยังตระกูลเฉิงเพื่อทำสิ่งไม่ดีเขาจึงไม่รู้สึกกังวลใดๆทั้งสิ้น!! ”แน่นอนข้าเคยเจอและสังหารพวกเขาไปมากมาย หนึ่งในภรรยาของข้าเองก็เป็นผู้สืบทอดราชาปีศาจ”ชิงสุ่ยยิ้มตอบ
คำพูดสั้นๆยิ่งสร้างความประหลาดใจให้กับเฉิงหยวนชิงสุ่ยบอกใบ้ว่าให้เขารู้ว่า ตัวของชายคนนี้มีวิธีหยุดมรดกราชาปีศาจ แต่เขาจะไม่ช่วยเหลือคนอื่น เว้นเสียแต่คนคนนั้นจะเป็นคนที่อยู่ฝ่ายเขา
”พี่ชายชิงสุ่ยท่านสามารถควบคุมความนึกคิดแบบปีศาจที่อยู่ในตัวภรรยาของท่านได้หรือไม่?”เฉิงหยวนกล่าวถามแทบจะทันที
ชิงสุ่ยตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
ถ้าหากจะไม่ให้เขาถามก็คงจะเป็นเพียงแค่เรื่องเหนือจินตนาการเขาจะไม่รู้สึกกระสับกระส่ายได้อย่างไร หากสิ่งที่ชิงสุ่ยกล่าวข้างต้นเป็นความจริง เขาจะต้องเข้าถึงโอกาสนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม
ตัวของเขาอยู่ในระดับดินแดนสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่5 อารมณ์ของเขาผันผวนรุนแรงเป็นบางครั้ง ทุกครั้งที่เขารู้สึกอยากสังหารผู้ใด เขารู้สึกได้เลยว่าพลังในตัวไม่สามารถควบคุมได้ และจำเป็นต้องมองหาใครสักคนนึงเพื่อเข้าต่อกรระบายอารมณ์
สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นโดยธรรมชาติจนเขาเปลี่ยนไปตัวของเขาเป็นคนฉลาด แม้จะรู้ว่าชิงสุ่ยสามารถควบคุมพลังปีศาจได้ แต่ชิงสุ่ยก็ไม่ได้มีหน้าที่ต้องช่วยเหลือเขา แม้ว่าเขาจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับชิงเป่ย แต่มันก็ไม่เพียงพอ เขาจึงไม่ได้พูดเพื่อขอความช่วยเหลือจากชิงสุ่ยในทันที
”เฉิงหยวนน้องเป่ย คือเด็กสาวอายุน้อยที่สุดในรุ่นของข้า ทุกคนปฏิบัติต่อนางดุจแก้วตาดวงใจ ข้าจะไม่ยอมให้ผู้ใดทำร้ายนางเด็ดขาด”ชิงสุ่ยกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม
เฉิงหยวนรับรู้ถึงแรงกดดันมหาศาลภายใต้รอยยิ้มที่น่ากลัวเขารู้เรื่องที่ว่าถ้าหากมีผู้ใดกระทำเช่นนั้น จุดจบของคนผู้นั้นจะต้องอยู่ในชะตากรรมที่น่าสมเพช
”ข้าเข้าใจแล้ว”
”มันไม่ใช่เพียงแค่การทำร้ายโดยตรงแต่รวมถึงการเล่นกับจิตใจ ข้าเองก็จะไม่ยอมเหมือนกัน”ชิงสุ่ยกล่าวเพิ่ม ถ้อยคำของเขาอัดแน่นไปด้วยน้ำเสียงที่รุนแรง ขณะที่เขาจิบน้ำชา
ร่างกายของเฉิงหยวนสั่นเครือเมื่อสัมผัสถึงจิตสังหารที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวชิงสุ่ย แม้ว่าเขาจะมีพลังอยู่ในระดับสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่ 5 เขากลับหาวิธีต้านทานจิตสังหารที่น่ากลัวนี้ไม่ได้
ใบหน้าของเขาซีดเซียวและพยายามซ่อนเร้นความหวาดกลัวทำเหมือนว่าไม่กลัว
”ข้าเข้าใจแต่ข้าก็รักชิงเป่ย ข้าไม่สามารถควบคุมความรู้สึกที่มีต่อนางได้ ข้ายังคงเชื่อมั่นว่าข้าสามารถควบคุมสายเลือดราชาปีศาจที่ซ่อนอยู่ในตัวข้าได้ ข้าจึงไม่ล้มเลิกความคิดที่จะรักนาง”เฉิงหยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
ชิงสุ่ยรู้ดีว่าคำพูดของเด็กหนุ่มคนนี้เป็นความจริงเฉิงหยวนไม่รู้จักตัวตนของเขาและไม่พยายามเรียกร้องขอความช่วยเหลือใดๆน้ำเสียงของเฉิงหยวนไม่ได้มีร่องรอยของความโกหก พลังแห่งการรับรู้ทางจิตวิญญาณของชิงสุ่ยสามารถบอกได้ทันทีว่ามันคือความจริง
สาเหตุที่ชิงสุ่ยปล่อยให้เฉิงหยวนมีชีวิตต่อเพราะเขารู้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้สามารถควบคุมสายเลือดราชาปีศาจได้เขาจึงไม่ได้สั่งให้เฉิงหยวนตัดความสัมพันธ์กับชิงเป่ย
จากนั้นทั้งสองคนก็พูดคุยกันอย่างไม่เป็นทางการชิงสุ่ยได้เรียนรู้สิ่งต่างๆเกี่ยวกับตระกูลเฉิง พวกเขาเป็นตระกูลที่ซ่อนเร้นและมีพลังเทียบเท่ากับพระราชวังอมตะ เฉิงหยวนถือกำเนิดโดยภรรยาหลวง และได้ก้าวขึ้นมามีบทบาทเป็นผู้นำกลุ่มรุ่นยาว ตัวตนของเขาค่อนข้างสูงส่ง และได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี
เมื่อ20 ปีที่แล้ว ตอนที่เขาเดินทางออกตามหาประสบการณ์ชีวิต เขาได้พบเจอกับมรดกราชาปีศาจเกศาเงินขาวโดยไม่ได้ตั้งใจ มันจึงทำให้เขาก้าวนำกลุ่มคนรุ่นเดียวกันภายในช่วงเวลาอันสั้น หลังจากได้รับพลัง3 ปีผ่านไปเขาก็เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นในร่างกาย ส่วนใหญ่จะเป็นอารมณ์และความเข้มข้นของเลือด ยิ่งเขาศึกษา เขาก็รู้ว่ามันหยั่งรากลึกจนเกินกว่าจะแก้
ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกมีความสุขเหมือนตอนที่ได้รับแรกเริ่มเลือดของราชาปีศาจทำให้ความสามารถของเขาพัฒนาอย่างก้าวกระโดด แต่เมื่อมีสิ่งที่ได้รับก็ต้องมีสิ่งที่สูญเสีย มันมีผลข้างเคียง
หลังจากพูดคุยกันได้ประมาณ1 ชั่วยาม เฉิงหยวนก็ขอแยกตัวไปหาชิงเป่ย ส่วนชิงสุ่ยก็ยังคงอยู่ในสวนหลังบ้าน สีหน้าของเขาไม่ได้มีความกังวล เพราะเขาเองก็เคยทำให้สายเลือดปีศาจในตัวถานท่ายหลิงเยียนรุนแรงลดน้อยลง เขาเชื่อมั่นว่าบุคลิกนิสัยที่ดีเป็นสิ่งกำหนดและเป็นสิ่งสำคัญที่สุด