ในที่สุดทัณฑ์สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ก็เริ่มต้น!!
ชิงสุ่ยขมวดคิ้วแต่เขาก็รู้ดีว่าทัณฑ์สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่ 7 ที่กำลังจะเกิดขึ้น มันไม่มีทางสร้างปัญหาให้กับอีเย่เจี้ยนเก้อได้
อีเย่เจี้ยนเก้อยืนมองสายฟ้าที่กำลังฟาดฟันผ่านท้องฟ้าอันแสนกว้างใหญ่จากนั้นเธอก็หันหลังมาพยักหน้าแสดงสัญญาณให้ชิงสุ่ยรู้ว่าไม่ต้องกังวล
ชิงสุ่ยก็พยักหน้าตอบก่อนจะเดินถอยหลังออกห่างไปไม่กี่ก้าว
หลังจากผ่านไปชั่วครู่หนึ่งสายฟ้าชุดแรกก็บังเกิดมันเป็นสายฟ้าที่มีขนาดบาง แต่กระแสไฟฟ้าที่อยู่ภายในสีขาวนวลหิมะ พุ่งทะลวงร่างกายอีเย่เจี้ยนเก้อ แต่เธอก็ดูดซับพลังได้จนหมดจด สายฟ้าลำดับที่ 2 ลำดับที่ 3 มีขนาดขยายใหญ่ขึ้นตามลำดับ แต่ก็มอบประโยชน์ให้กับผู้ที่ได้รับมากขึ้นเช่นกัน อีเย่เจี้ยนเก้อยังคงยืนอยู่ท่ามกลางสายฟ้าจำนวนมากที่กำลังไหลผ่านร่างกายของเธอส่งผลให้ร่างกายของเธอแข็งแกร่งขึ้น ควบคู่ไปกับการเปลี่ยนแปลงของกระดูกและเลือด เพียงแค่มองด้วยตาเปล่าก็รู้ได้ทันทีว่าเธอกำลังแข็งแกร่งขึ้น
ในตอนนี้สายฟ้าที่อยู่บนท้องฟ้าเริ่มมีขนาดใหญ่เท่าหัวแม่มือแต่ก็ยังคงมีขนาดบางหากกะขนาดจากสายตา
บรรดาผู้คนที่ต้องเผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์จำเป็นต้องเผชิญหน้ากับสายฟ้าเก้าสวรรค์ที่อยู่บนดินแดนสายฟ้าถ้าหากจะให้พูด สายฟ้าเก้าสวรรค์แต่ละเส้นจะมีความรุนแรงกว่าเส้นก่อนหน้า แล้วจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน สิ่งเดียวที่แตกต่างคือคลื่นพลังของพวกมัน
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์พิโรธคนส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะหลีกเลี่ยงสายฟ้าที่อยู่ในดินแดนอัสนี หรือไม่ก็ใช้วัตถุศักดิ์สิทธิ์เพื่อดูดซับพลังสายฟ้า แต่ทว่าวัตถุเหล่านี้เป็นสิ่งของที่หายากและอาจจะดูดซับสายฟ้าได้เพียงแค่เส้นเดียว
ด้วยความสามารถในการรับรู้ของชิงสุ่ยเขายังได้ช่วยเหลือและวาดเครื่องรางที่ช่วยป้องกันฟ้าผ่าให้กับอีเย่เจี้ยนเก้อ
ตัวของเธอตอนนี้กำลังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วย้ายร่างกายไปมาอยู่บนท้องฟ้าอย่างอิสระ เสื้อผ้าสีขาวของเธอยิ่งทำให้เธอเหมือนกับนางฟ้าเทพธิดาที่กำลังร่ายรำอย่างมีชีวิตชีวา แม้แต่ชิงสุ่ยก็ยังไม่อาจละสายตาจากเธอไปได้
ตอนนี้สายฟ้าดำเนินมาถึงคลื่นลูกที่7 มันมีขนาดใหญ่เกือบเท่าแขนเด็ก ทันทีที่มันปรากฏท้องฟ้ามืดครึ้มพร้อมกับฝนตกโปรยปราย ตัวของอีเย่เจี้ยนเก้อก็ยังเคลื่อนที่หลบหลีกสายฟ้าและดูดซับพลังจากสายฟ้าด้วยท่าทีสงบนิ่งไม่เปลี่ยนแปลง
หัวใจของชิงสุ่ยยังคงจดจ่อไปที่ตัวของเธอวิธีการที่จะใช้ถือว่าเป็นผลดีอย่างมาก เพราะมันจะช่วยให้เธอดูดซับพลังจากสายฟ้าได้ทุกคลื่นสายฟ้า
ในที่สุดคลื่นสายฟ้า2 คืนสุดท้ายก็มาถึง มันไม่ได้หนาและใหญ่เหมือนที่ชิงสุ่ยคาดคิดเอาไว้ สายฟ้าชุดสุดท้ายมีขนาดใหญ่เทียบเท่ากับแขนของอีเย่เจี้ยนเก้อ แต่พลังของมันกับรุนแรงอย่างมากถึงแม้แต่ตัวของเธอก็ไม่สามารถแบกรับ ร่างกายสั่นเครือเหมือนกำลังจะพังทลาย
ชิงสุ่ยรีบก้าวเดินออกไปข้างหน้าเพื่อจับตัวของเธอไม่ให้ล้มลง”เจ้าอย่าเพิ่งยอมแพ้ ใช้โอกาสดีเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ได้มากที่สุด มันจะเป็นสิ่งที่สร้างประโยชน์ให้กับเจ้าในอนาคต”
หลังจากกล่าวจบชิงสุ่ยก็รีบสกัดจุดของเธอ
อีเย่เจี้ยนเก้อพยักหน้าและนั่งขัดสมาธลงบนสนามหญ้าจากนั้นก็เริ่มโคจรพลังดูซับพลังทั้งหมดด้วยความพยายามสูงสุด ภายในดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสดใสและงดงามขณะจ้องมองกลับมาหาชิงสุ่ย ” ข้าจะต้องทะลวงพลังไปให้ถึงขั้นกลางของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่ 7 ให้ได้”
”ดีมาก”
หลังจากการเผชิญหน้ากับสายฟ้าผ่านพ้นไปชิงสุ่ยตรวจสอบพลังของอีเย่เจี้ยนเก้อ แล้ววัดค่าพลังได้ว่าตอนนี้เธอมีพลังมากกว่า 100 ล้านเต๋า ซึ่งถือว่าเป็นพลังที่ค่อนข้างยอดเยี่ยม
”นี่ก็มืดมากแล้วพวกเรากลับกันเถอะ”อีเย่เจี้ยนเก้อเก็บกระบี่เข้าสู่ฝักพร้อมกับนายหน้ามองดูท้องฟ้า
…………………..
เมื่อทั้งสองคนเดินทางกลับมาที่บ้านมันก็เลยเวลารับประทานอาหารเย็นของทุกคนไปเสียแล้ว ตอนนี้เจ้าเด็กน้อยที่ทั้งสองคนรักได้นอนหลับไปแล้ว ชิงสุ่ยจึงอยากจะไปนอนค้างกับเธอ แต่ก็ถูกเธอขับไล่ออกมา
ชิงสุ่ยเข้าใจความเหนื่อยของอีเย่เจี้ยนเก้อดีเขาจึงต้องการปล่อยให้เธอพักผ่อนและรู้สึกผิดอยู่ภายในตัว จากนั้นเขาก็เดินตรงไปที่ห้องของชิงห่านอี้แทน
เขาค่อยๆเปิดประตูอย่างช้าๆ
ชิงห่านอี้ยังไม่ได้นอนและกำลังอ่านหนังสืออยู่เมื่อเธอเห็นชิงสุ่ยเธอก็ยิ้มพร้อมกับกล่าวทักทาย “เจ้ากลับมาแล้ว!!”
ในขณะที่เธอกล่าวเธอก็หยิบกาน้ำชาและรินน้ำชาให้กับชิงสุ่ย
คืนนี้ท้องฟ้ามีเมฆมากแสงจันทร์จึงไม่สามารถส่งผ่านเข้ามาภายในห้องทำให้ภายในห้องมืดสลัว
”สีหน้าของเจ้าดูแปลกไปมีอะไรที่เจ้าอยากจะพูดกับข้าอย่างนั้นหรือ?”ชิงสุ่ยถามขณะที่เขานั่งถัดไปจากเธอ
ชิงห่านอี้แสดงสีหน้าเขินอายแต่มันก็เป็นสีหน้าที่มีความสุข เธอกอดคอชิงสุ่ยและกระซิบข้างหูว่า “ในท้องของข้ามีลูกของเจ้าอยู่”
ชิงสุ่ยอึ้งเล็กน้อยก่อนจะโอบกอดเธอ แม้ว่าชิงสุ่ยจะไม่ได้รีบร้อนแต่เขาก็ไม่เคยคุมกำเนิดฉะนั้นเด็กที่อยู่ในท้องของชิงห่านอี้ก็จะเป็นเจ้าเด็กน้อยที่เขาตั้งใจทำ
ในตอนแรกชิงสุ่ยวางแผนว่าจะยกระดับความแข็งแกร่งให้กับเธอแต่ตอนนี้ไม่ว่าเขาจะโน้มน้าวแล้วอย่างไร ผลลัพธ์ที่ได้คือการปฏิเสธ การเผชิญหน้าทัณฑ์สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งที่มีความอันตรายสูงและเป็นอันตรายต่อเด็ก
ในสายตาของเธอไม่มีอะไรสำคัญยิ่งกว่าเด็กทารกที่อยู่ในร่างกายของเธอแล้ว
ชิงสุ่ยตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่จะได้เห็นเด็กน้อยที่เกิดจากการรวมกันระหว่างกายา9 หยางและกายา 9 หยิน มันทำให้เขาอดจินตนาการถึงสิ่งที่เด็กน้อยคนนี้จะต้องทำในอนาคตไม่ได้เลย
………………………..
เช้าวันถัดมาชิงสุ่ยวางแผนจะเดินทางเข้าไปในวัง แต่ระหว่างที่เขากำลังจะออกเดินทาง ผู้นำแห่งตระกูลเซี่ย องค์ชายสิบสามและเหวินเจี้ยนก็เป็นฝ่ายเดินทางมาหาเขาเอง ชิงสุ่ยจึงรีบกล่าวทักทายชายชรา และรีบเชิญทุกคนเข้ามาภายในหอคอยจักรพรรดิอย่างอบอุ่น
”ท่านอาจารย์!!”องค์ชายสิบสามกล่าวทักทายชิงสุ่ยอยากมีความสุข
เขากล่าวทักทายบรรดาหญิงสาวของชิงสุ่ยด้วยการเรียกว่าท่านอาจารย์หญิงซึ่งมันทำให้ทุกคนรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย ยกเว้นเพียงแค่อีเย่เจี้ยนเก้อและชิงห่านอี้ที่ยังคงอยู่ในท่าทางสงบ
ชิงสุ่ยเริ่มทำการช่วยเหลือชายชราในการชำระล้างสิ่งสกปรกที่ติดขัดอยู่ภายในร่างกายเขาใช้ทักษะเบญจธาตุและปราณหวนคืน ในการหลอมรวมองค์ประกอบภายในร่างกายและทำการขจัดพิษ จากนั้นก็เริ่มต้นกระตุ้นอวัยวะส่วนต่างๆให้มีอายุขัยมากยิ่งขึ้น ซึ่งสิ่งที่เขาทำทั้งหมดมันกินเวลานานเกือบครึ่งวัน
ผลที่ออกมาค่อนข้างยอดเยี่ยมเพราะอายุขัยของชายชราทั้งสองคนตอนนี้เพิ่มขึ้นมาอีกประมาณ 70 ปี แต่มันก็ยังคงเป็นตัวเลขคร่าวๆ ถ้าหากไม่เกิดอุบัติเหตุอันใด พวกเขาก็น่าจะมีชีวิตอยู่ได้ตามที่ชิงสุ่ยคิดไว้
แต่ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ใช่เพียงแค่มีอายุขัยที่เพิ่มขึ้นแต่ทั้งสองคนก็ได้รับพลังมหาศาลจนทำให้พวกเขาถึงกับแสดงสีหน้าประหลาดใจ
ในช่วงบ่ายชิงสุ่ยได้จัดเตรียมงานฉลองพร้อมอาหารเสร็จสรรพจำนวนมากภายในหอคอยจักรพรรดิ ชายชราทั้งสองคนเริ่มรับประทานอาหารและเริ่มกล่าวชมเชยความเอร็ดอร่อยของอาหารอย่างไม่หยุดปาก เมื่อเห็นว่าชายชราทั้งสองคนมีความสุขกับการกินอาหาร ชิงสุ่ยค้นหาวัตถุดิบบางอย่างที่มีค่อนข้างน้อยออกมาทำอาหารให้พวกเขาได้กินเป็นพิเศษ
ในช่วงบ่ายชิงสุ่ยทำการช่วยเหลือเพิ่มพูนรากฐานพลังให้กับองค์ชายสิบสาม ชายหนุ่มคนนี้คือลูกศิษย์คนเดียวของเขา เมื่อเขาจากไป ชายหนุ่มจะเป็นตัวแทนในการช่วยเหลือหอคอยจักรพรรดิให้คงอยู่ ฉะนั้นถ้าหากศิษย์ของเขายิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่าไหร่ ความกังวลของเขาก็จะยิ่งลดน้อยลงมากขึ้นเท่านั้น
หลังจากที่ความแข็งแกร่งขององค์ชายสิบสามเข้าสู่ความเสถียรพลังของเขาก้าวขึ้นสู่ระดับ 180 ล้านเต๋า ซึ่งเป็นระดับพลังที่สมเหตุสมผล และด้วยการฝึกฝนทักษะรูปแบบหมี มันยิ่งทำให้การเป็นผู้สืบทอดมรดกเทพสงครามหมีคลั่งยิ่งแข็งแรงขึ้นและทำให้การฝึกฝนเพิ่มพูนพลังได้อย่างง่ายดาย
ชิงสุ่ยขมวดคิ้วแต่เขาก็รู้ดีว่าทัณฑ์สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่ 7 ที่กำลังจะเกิดขึ้น มันไม่มีทางสร้างปัญหาให้กับอีเย่เจี้ยนเก้อได้
อีเย่เจี้ยนเก้อยืนมองสายฟ้าที่กำลังฟาดฟันผ่านท้องฟ้าอันแสนกว้างใหญ่จากนั้นเธอก็หันหลังมาพยักหน้าแสดงสัญญาณให้ชิงสุ่ยรู้ว่าไม่ต้องกังวล
ชิงสุ่ยก็พยักหน้าตอบก่อนจะเดินถอยหลังออกห่างไปไม่กี่ก้าว
หลังจากผ่านไปชั่วครู่หนึ่งสายฟ้าชุดแรกก็บังเกิดมันเป็นสายฟ้าที่มีขนาดบาง แต่กระแสไฟฟ้าที่อยู่ภายในสีขาวนวลหิมะ พุ่งทะลวงร่างกายอีเย่เจี้ยนเก้อ แต่เธอก็ดูดซับพลังได้จนหมดจด สายฟ้าลำดับที่ 2 ลำดับที่ 3 มีขนาดขยายใหญ่ขึ้นตามลำดับ แต่ก็มอบประโยชน์ให้กับผู้ที่ได้รับมากขึ้นเช่นกัน อีเย่เจี้ยนเก้อยังคงยืนอยู่ท่ามกลางสายฟ้าจำนวนมากที่กำลังไหลผ่านร่างกายของเธอส่งผลให้ร่างกายของเธอแข็งแกร่งขึ้น ควบคู่ไปกับการเปลี่ยนแปลงของกระดูกและเลือด เพียงแค่มองด้วยตาเปล่าก็รู้ได้ทันทีว่าเธอกำลังแข็งแกร่งขึ้น
ในตอนนี้สายฟ้าที่อยู่บนท้องฟ้าเริ่มมีขนาดใหญ่เท่าหัวแม่มือแต่ก็ยังคงมีขนาดบางหากกะขนาดจากสายตา
บรรดาผู้คนที่ต้องเผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์จำเป็นต้องเผชิญหน้ากับสายฟ้าเก้าสวรรค์ที่อยู่บนดินแดนสายฟ้าถ้าหากจะให้พูด สายฟ้าเก้าสวรรค์แต่ละเส้นจะมีความรุนแรงกว่าเส้นก่อนหน้า แล้วจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน สิ่งเดียวที่แตกต่างคือคลื่นพลังของพวกมัน
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับทัณฑ์สวรรค์พิโรธคนส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะหลีกเลี่ยงสายฟ้าที่อยู่ในดินแดนอัสนี หรือไม่ก็ใช้วัตถุศักดิ์สิทธิ์เพื่อดูดซับพลังสายฟ้า แต่ทว่าวัตถุเหล่านี้เป็นสิ่งของที่หายากและอาจจะดูดซับสายฟ้าได้เพียงแค่เส้นเดียว
ด้วยความสามารถในการรับรู้ของชิงสุ่ยเขายังได้ช่วยเหลือและวาดเครื่องรางที่ช่วยป้องกันฟ้าผ่าให้กับอีเย่เจี้ยนเก้อ
ตัวของเธอตอนนี้กำลังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วย้ายร่างกายไปมาอยู่บนท้องฟ้าอย่างอิสระ เสื้อผ้าสีขาวของเธอยิ่งทำให้เธอเหมือนกับนางฟ้าเทพธิดาที่กำลังร่ายรำอย่างมีชีวิตชีวา แม้แต่ชิงสุ่ยก็ยังไม่อาจละสายตาจากเธอไปได้
ตอนนี้สายฟ้าดำเนินมาถึงคลื่นลูกที่7 มันมีขนาดใหญ่เกือบเท่าแขนเด็ก ทันทีที่มันปรากฏท้องฟ้ามืดครึ้มพร้อมกับฝนตกโปรยปราย ตัวของอีเย่เจี้ยนเก้อก็ยังเคลื่อนที่หลบหลีกสายฟ้าและดูดซับพลังจากสายฟ้าด้วยท่าทีสงบนิ่งไม่เปลี่ยนแปลง
หัวใจของชิงสุ่ยยังคงจดจ่อไปที่ตัวของเธอวิธีการที่จะใช้ถือว่าเป็นผลดีอย่างมาก เพราะมันจะช่วยให้เธอดูดซับพลังจากสายฟ้าได้ทุกคลื่นสายฟ้า
ในที่สุดคลื่นสายฟ้า2 คืนสุดท้ายก็มาถึง มันไม่ได้หนาและใหญ่เหมือนที่ชิงสุ่ยคาดคิดเอาไว้ สายฟ้าชุดสุดท้ายมีขนาดใหญ่เทียบเท่ากับแขนของอีเย่เจี้ยนเก้อ แต่พลังของมันกับรุนแรงอย่างมากถึงแม้แต่ตัวของเธอก็ไม่สามารถแบกรับ ร่างกายสั่นเครือเหมือนกำลังจะพังทลาย
ชิงสุ่ยรีบก้าวเดินออกไปข้างหน้าเพื่อจับตัวของเธอไม่ให้ล้มลง”เจ้าอย่าเพิ่งยอมแพ้ ใช้โอกาสดีเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ได้มากที่สุด มันจะเป็นสิ่งที่สร้างประโยชน์ให้กับเจ้าในอนาคต”
หลังจากกล่าวจบชิงสุ่ยก็รีบสกัดจุดของเธอ
อีเย่เจี้ยนเก้อพยักหน้าและนั่งขัดสมาธลงบนสนามหญ้าจากนั้นก็เริ่มโคจรพลังดูซับพลังทั้งหมดด้วยความพยายามสูงสุด ภายในดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสดใสและงดงามขณะจ้องมองกลับมาหาชิงสุ่ย ” ข้าจะต้องทะลวงพลังไปให้ถึงขั้นกลางของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่ 7 ให้ได้”
”ดีมาก”
หลังจากการเผชิญหน้ากับสายฟ้าผ่านพ้นไปชิงสุ่ยตรวจสอบพลังของอีเย่เจี้ยนเก้อ แล้ววัดค่าพลังได้ว่าตอนนี้เธอมีพลังมากกว่า 100 ล้านเต๋า ซึ่งถือว่าเป็นพลังที่ค่อนข้างยอดเยี่ยม
”นี่ก็มืดมากแล้วพวกเรากลับกันเถอะ”อีเย่เจี้ยนเก้อเก็บกระบี่เข้าสู่ฝักพร้อมกับนายหน้ามองดูท้องฟ้า
…………………..
เมื่อทั้งสองคนเดินทางกลับมาที่บ้านมันก็เลยเวลารับประทานอาหารเย็นของทุกคนไปเสียแล้ว ตอนนี้เจ้าเด็กน้อยที่ทั้งสองคนรักได้นอนหลับไปแล้ว ชิงสุ่ยจึงอยากจะไปนอนค้างกับเธอ แต่ก็ถูกเธอขับไล่ออกมา
ชิงสุ่ยเข้าใจความเหนื่อยของอีเย่เจี้ยนเก้อดีเขาจึงต้องการปล่อยให้เธอพักผ่อนและรู้สึกผิดอยู่ภายในตัว จากนั้นเขาก็เดินตรงไปที่ห้องของชิงห่านอี้แทน
เขาค่อยๆเปิดประตูอย่างช้าๆ
ชิงห่านอี้ยังไม่ได้นอนและกำลังอ่านหนังสืออยู่เมื่อเธอเห็นชิงสุ่ยเธอก็ยิ้มพร้อมกับกล่าวทักทาย “เจ้ากลับมาแล้ว!!”
ในขณะที่เธอกล่าวเธอก็หยิบกาน้ำชาและรินน้ำชาให้กับชิงสุ่ย
คืนนี้ท้องฟ้ามีเมฆมากแสงจันทร์จึงไม่สามารถส่งผ่านเข้ามาภายในห้องทำให้ภายในห้องมืดสลัว
”สีหน้าของเจ้าดูแปลกไปมีอะไรที่เจ้าอยากจะพูดกับข้าอย่างนั้นหรือ?”ชิงสุ่ยถามขณะที่เขานั่งถัดไปจากเธอ
ชิงห่านอี้แสดงสีหน้าเขินอายแต่มันก็เป็นสีหน้าที่มีความสุข เธอกอดคอชิงสุ่ยและกระซิบข้างหูว่า “ในท้องของข้ามีลูกของเจ้าอยู่”
ชิงสุ่ยอึ้งเล็กน้อยก่อนจะโอบกอดเธอ แม้ว่าชิงสุ่ยจะไม่ได้รีบร้อนแต่เขาก็ไม่เคยคุมกำเนิดฉะนั้นเด็กที่อยู่ในท้องของชิงห่านอี้ก็จะเป็นเจ้าเด็กน้อยที่เขาตั้งใจทำ
ในตอนแรกชิงสุ่ยวางแผนว่าจะยกระดับความแข็งแกร่งให้กับเธอแต่ตอนนี้ไม่ว่าเขาจะโน้มน้าวแล้วอย่างไร ผลลัพธ์ที่ได้คือการปฏิเสธ การเผชิญหน้าทัณฑ์สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เป็นสิ่งที่มีความอันตรายสูงและเป็นอันตรายต่อเด็ก
ในสายตาของเธอไม่มีอะไรสำคัญยิ่งกว่าเด็กทารกที่อยู่ในร่างกายของเธอแล้ว
ชิงสุ่ยตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่จะได้เห็นเด็กน้อยที่เกิดจากการรวมกันระหว่างกายา9 หยางและกายา 9 หยิน มันทำให้เขาอดจินตนาการถึงสิ่งที่เด็กน้อยคนนี้จะต้องทำในอนาคตไม่ได้เลย
………………………..
เช้าวันถัดมาชิงสุ่ยวางแผนจะเดินทางเข้าไปในวัง แต่ระหว่างที่เขากำลังจะออกเดินทาง ผู้นำแห่งตระกูลเซี่ย องค์ชายสิบสามและเหวินเจี้ยนก็เป็นฝ่ายเดินทางมาหาเขาเอง ชิงสุ่ยจึงรีบกล่าวทักทายชายชรา และรีบเชิญทุกคนเข้ามาภายในหอคอยจักรพรรดิอย่างอบอุ่น
”ท่านอาจารย์!!”องค์ชายสิบสามกล่าวทักทายชิงสุ่ยอยากมีความสุข
เขากล่าวทักทายบรรดาหญิงสาวของชิงสุ่ยด้วยการเรียกว่าท่านอาจารย์หญิงซึ่งมันทำให้ทุกคนรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย ยกเว้นเพียงแค่อีเย่เจี้ยนเก้อและชิงห่านอี้ที่ยังคงอยู่ในท่าทางสงบ
ชิงสุ่ยเริ่มทำการช่วยเหลือชายชราในการชำระล้างสิ่งสกปรกที่ติดขัดอยู่ภายในร่างกายเขาใช้ทักษะเบญจธาตุและปราณหวนคืน ในการหลอมรวมองค์ประกอบภายในร่างกายและทำการขจัดพิษ จากนั้นก็เริ่มต้นกระตุ้นอวัยวะส่วนต่างๆให้มีอายุขัยมากยิ่งขึ้น ซึ่งสิ่งที่เขาทำทั้งหมดมันกินเวลานานเกือบครึ่งวัน
ผลที่ออกมาค่อนข้างยอดเยี่ยมเพราะอายุขัยของชายชราทั้งสองคนตอนนี้เพิ่มขึ้นมาอีกประมาณ 70 ปี แต่มันก็ยังคงเป็นตัวเลขคร่าวๆ ถ้าหากไม่เกิดอุบัติเหตุอันใด พวกเขาก็น่าจะมีชีวิตอยู่ได้ตามที่ชิงสุ่ยคิดไว้
แต่ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ใช่เพียงแค่มีอายุขัยที่เพิ่มขึ้นแต่ทั้งสองคนก็ได้รับพลังมหาศาลจนทำให้พวกเขาถึงกับแสดงสีหน้าประหลาดใจ
ในช่วงบ่ายชิงสุ่ยได้จัดเตรียมงานฉลองพร้อมอาหารเสร็จสรรพจำนวนมากภายในหอคอยจักรพรรดิ ชายชราทั้งสองคนเริ่มรับประทานอาหารและเริ่มกล่าวชมเชยความเอร็ดอร่อยของอาหารอย่างไม่หยุดปาก เมื่อเห็นว่าชายชราทั้งสองคนมีความสุขกับการกินอาหาร ชิงสุ่ยค้นหาวัตถุดิบบางอย่างที่มีค่อนข้างน้อยออกมาทำอาหารให้พวกเขาได้กินเป็นพิเศษ
ในช่วงบ่ายชิงสุ่ยทำการช่วยเหลือเพิ่มพูนรากฐานพลังให้กับองค์ชายสิบสาม ชายหนุ่มคนนี้คือลูกศิษย์คนเดียวของเขา เมื่อเขาจากไป ชายหนุ่มจะเป็นตัวแทนในการช่วยเหลือหอคอยจักรพรรดิให้คงอยู่ ฉะนั้นถ้าหากศิษย์ของเขายิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่าไหร่ ความกังวลของเขาก็จะยิ่งลดน้อยลงมากขึ้นเท่านั้น
หลังจากที่ความแข็งแกร่งขององค์ชายสิบสามเข้าสู่ความเสถียรพลังของเขาก้าวขึ้นสู่ระดับ 180 ล้านเต๋า ซึ่งเป็นระดับพลังที่สมเหตุสมผล และด้วยการฝึกฝนทักษะรูปแบบหมี มันยิ่งทำให้การเป็นผู้สืบทอดมรดกเทพสงครามหมีคลั่งยิ่งแข็งแรงขึ้นและทำให้การฝึกฝนเพิ่มพูนพลังได้อย่างง่ายดาย