ของถานท่ายหลิงเยียน เพิ่มพูนพลังให้กับเจ้าอสรพิษทองคำคราม
ชิงสุ่ยรู้สึกประหลาดใจอย่างมากแล้วไม่คิดว่าหญิงสาวที่เยือกเย็นเลยงดงามจะพูดอะไรแบบนี้ออกมา เลือดในกายชิงสุ่ยกำลังเดือดพล่าน พลังปราณกำลังพวยพุ่งพร้อมจะทะลวงสมองของเขา
”เมื่อครั้งนั้น?”ชิงสุ่ยกระซิบข้างหูของเธอ
ถานท่ายหลิงเยียนนี่เงียบชิงสุ่ยเองก็รู้ดีว่าเขาไม่ควรล้ำเส้น ถ้าหากเขาทำอะไรที่มันน่าอายเกินไป เธออาจจะเสียอารมณ์ แต่หลังจากนั้นเขาก็กระซิบข้างหูดีกว่า “ชอบแบบนั้นหรือไม่?”
ชิงสุ่ยใช้ทักษะหัตถ์พลิ้วไหวสะเทือนวิญญาณนวดบริเวณกระดูกไหปลาร้าของเธออย่างช้าๆ
สำหรับถานท่ายหลิงเยียนแล้วบริเวณนี้ค่อนข้างบอบบาง เพียงแค่การนวดอย่างเดียวก็มากพอจะกระตุ้นจุดสุดยอดให้กับเธอได้
ร่างกายของถานท่ายหลิงเยียนสั่นเครือจนเธอไม่อาจควบคุมเสียงครางเบาๆของเธอได้อีกต่อไป ชิงสุ่ยค่อยๆทำให้เธอล้มตัวลงนอน จากนั้นมือที่แสนซุกซนของเขาก็เริ่มสัมผัสผิวร่างกายของเธอ
ถานท่ายหลิงเยียนใบหน้าแดงก่ำเธอเอามือทั้งสองข้างปิดหน้าอกของเธอ เพราะตอนนี้ร่างกายของเธอเปลือยเปล่าอย่างสมบูรณ์แล้ว
มือของชิงสุ่ยวางอยู่บนแขนและเอวของเธอมันยิ่งทำให้ร่างกายของถานท่ายหลิงเยียนฉันคืออย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันเขาก็กระซิบข้างหูพูดในสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกอายอย่างมาก
”เก่งมากสาวน้อยเปิดตาได้แล้ว”
มือของชิงสุ่ยเลื้อยขึ้นลงบนร่างกายของเธอในขณะที่เขาพยายามรักษาระยะห่างในระดับที่เข้าใกล้พอประมาณ เขาทำทุกอย่างเพื่อดึงความตื่นเต้นออกมาจากตัวของเธอ
แม้ว่ามือทั้งสองข้างของถานท่ายหลิงเยียนจะปกปิดหน้าอกแต่มันก็ไม่สามารถซ่อนรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเธอได้โดยอาศัยลำพังเพียงแค่แขน มือสองชิงสุ่ยเคลื่อนไหวไปตามเส้นขอบโค้งของหน้าอก ทำให้ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและยินดี
ร่างกายที่งดงามของเธอกระทบอย่างต่อเนื่องเหมือนกำลังบอกว่าเธอต้องการมากกว่านี้
ชิงสุ่ยเข้าควบคุมแขนทั้งสองข้างของถานท่ายหลิงเยียนมันทำให้หน้าอกของเธอค่อยๆเผยให้เห็นอย่างชัดเจน มันมีความงดงามดึงดูดจนชิงสุ่ยเกือบหายใจไม่ออก ผิวที่ขาวนวลเมืองหิมะและหยกขาว…..ปราณีตจนหาจุดตำหนิไม่ได้ ทุกอย่างเป็นสัดส่วนที่พอดิบพอดี ยังคงรูปไว้ซึ่งรูปลักษณ์ของหน้าอกแม้เธอจะนอนลง
สำหรับหญิงสาวทั่วไปไม่ว่าหน้าอกจะตั้งตรงมากเพียงใด แต่เมื่อพวกเธอนอนลงกับพื้น ไม่มีทางที่พวกมันก็ยังคงรูป และต้องเอนไปด้านใดด้านหนึ่ง
ยอดปทุมถันสีชมพูตั้งตรงเหลือภูเขาหิมะขาว…..ความนุ่มนวลยิ่งทำให้ภูเขาทั้ง2 ลูกอ่อนโยนและงดงาม
ชิงสุ่ยก้มหน้าจูบจุดยอดที่แสนงดงามที่สุด
ต่อจากนั้นชิงส่ยก็เริ่มช่วยเธอฝังเข็มทองคำ เขาไม่คาดคิดเลยว่าทักษะฝังเข็มของเขาจะมีประสิทธิภาพเกินกว่าที่เขาคิดเอาไว้ เลือดของเธอเข้าสู่สภาวะฟื้นฟูอย่างก้าวกระโดด
ในตอนนี้สิ่งเดียวที่เธอรู้สึกคือความอับอายแต่เธอก็ยังคงพยายามลืมตาขึ้นเล็กน้อย
ชิงสุ่ยความต้องการของตนขณะที่เขาเพลิดเพลินไปกับร่างกายอันแสนทรงเสน่ห์
การฝังเข็มยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ!!
และแล้วในที่สุดทัณฑ์สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ระดับ7 ที่ชิงสุ่ยคาดหวังก็ปรากฏ แล้วมันก็เป็นอย่างเช่นเคย ถานท่ายหลิงเยียนสามารถฟันฝ่ามันไปได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามมากนัก เธอก้าวขึ้นสู่ระดับกลางของดินแดนสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่ 7 ซึ่งมันทำให้เธอมีพลังอยู่ในระดับหนึ่งหมื่น 100 ล้านเต๋า
ร่างกายของเธอดูเปล่งปลั่งราวกับที่ยืนอยู่ระหว่างสวรรค์ชั้นฟ้าและแผ่นดินเหนือโลกมนุษย์ มันยิ่งทำให้เธอดูยอดเยี่ยมอย่างหาที่สุดไม่ได้
ชิงสุ่ยเดินไปหาแล้วอุ้มร่างของถานท่ายหลิงเยียนขึ้นเธอเองก็สัมผัสได้ถึงความหลงใหลที่เปล่งประกายผ่านจิตใจของชิงสุ่ย
”เยียนเอ๋อนึกย้อนกลับไปแล้ว ทุกอย่างในอดีตมันเหมือนฝันเลย”ชิงสุ่ยรู้สึกดีเป็นอย่างมาก เขารู้สึกว่าเรื่องราวระหว่างเขากับถานท่ายหลิงเยียนมันเหมือนความฝันที่เกินจินตนาการ
”มันคงจะเป็นโชคชะตาอะไรบางอย่างมีเพียงเจ้าคนเดียวเท่านั้นที่สามารถเปิดโรงผลึกแก้วได้”สิ่งต่างๆ พุ่งผ่านเข้ามาในความคิดของถานท่ายหลิงเยียน หาคนที่เปิดฝาโลงไม่ใช่เขาแต่เป็นคนอื่น สถานการณ์ตอนนี้จะเป็นอย่างไร แต่ในใจของเธอรู้สึกได้เลยว่ามีชายคนนี้คนเดียวเท่านั้นที่ทำได้
”ข้าอยากจะเห็นวันที่เจ้าเป็นแม่คน”ชิงสุ่ยกล่าว
ร่างกายของถานท่ายหลิงเยียนสั่นเครือเล็กน้อยขณะที่เธอมองหน้าชิงสุ่ย พร้อมกับใบหน้าแดงก่ำ “มันจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน”
คำตอบของเธอยิ่งทำให้ชิงสุ่ยประหลาดใจอย่างหนักเพราะโดยปกติแล้วถ้าหากเขาพูดอะไรไป เธอจะตอบกลับมาว่า “ฝันไปเถอะ”ตลอด
”ถ้าเช่นนั้นเจ้าว่าอย่างไรดี?เราจะมีเด็กน้อยซุกซน หรือโฉมงามเหมือนเจ้า?”ชิงสุ่ยไม่ได้พยายามหยอกล้อ แต่มันคือความจริงจังที่เขามีต่อเธอ
”ข้าชอบทั้งคู่เลย!!” ”ถ้าเช่นนั้นก็คงจะเป็นลูกแฝด”
ถานท่ายหลิงเยียน”…………….”
…………………
ชิงสุ่ยทำตามแผนถัดไปของเขาเขาปล่อยเจ้าอสรพิษทองคำคราม ในอนาคต เขาและถานท่ายหลิงเยียนจะมุ่งหน้าเดินทางไปยังนิกาย 5 พยัคฆ์อมตะอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจำเป็นต้องเพิ่มพลังเธอให้มากที่สุด แล้วทำให้มันมั่นคง เมื่อผนวกเข้ากับเจดีย์ปกปักชะตาสวรรค์ที่ได้มอบให้กับเธอ มันจะทำให้เธอสามารถต้านทานพลังโจมตี 200 ล้านเต๋าได้อย่างง่ายดาย
ปล่อยเจ้าอสรพิษทองคำครามเป็นสิ่งมีชีวิตที่ยอดเยี่ยมมันมีความยาวเพียงแค่ 1 เมตร และมีความหนาเพียงแค่นิ้วก้อย แต่กลับงดงามและว่องไว
เจ้าอสรพิษทองคำครามต้องการยอดยุทธที่ทรงพลังคอยสนับสนุนเพื่อให้มันได้ปลดปล่อยศักยภาพที่แท้จริง ซึ่งมันก็คล้ายกับการผนึกอยู่ที่แขนของผู้ใช้ ถ้าหากร่างกายของมันรู้สึกปลอดภัย พลังที่ปลดปล่อยออกมาช่วยเหลือเจ้าของจะยิ่งน่ากลัว
หลังจากชิงสุ่ยปล่อยให้เจ้าอสรพิษทองคำครามจดจำถานท่ายหลิงเยียนผู้เป็นเจ้าของใหม่ เขาก็เริ่มนำผลอสูรบรรพกาล และยาเม็ดโชคชะตาทองคำมาช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับเจ้างูตัวน้อย
แม้มันจะมีขนาดเพียงแค่เล็กจ๋อยแต่มันก็เป็นสัตว์สายพันธุ์ที่ใช้สังหารมังกร การโจมตีที่แม่นยำจึงเป็นจุดเด่น เพียงแต่ตอนนี้มันยังไม่สามารถเทียบกับอสูรสยบมังกรได้ และสิ่งที่มันทำได้คือการยับยั้งพลังของสายเลือดมังกรได้ 20 ส่วน ทำให้เหล่ามังกรอ่อนแอลง
ร่างกายของเจ้าอสรพิษทองคำครามก็มีความแข็งแกร่งมากกว่าสิ่งที่ตาเห็นมันจึงสามารถทนแรงอัดที่พลั่งพรูออกมาจากตัวเม็ดยา ถ้าหากเป็นสัตว์อสูรตัวอื่นที่มีขนาดเล็กและได้รับยาในปริมาณมาก อสูรที่อ่อนแอก็คงจะตายจากแรงระเบิดของตัวยา
เจ้าอสรพิษทองคำครามปราศจากปีกแต่ก็สามารถลอยตัวเหนือท้องฟ้าได้ ไม่ว่าจะเป็นบนบกท้องฟ้าหรือใต้ทะเล ไม่มีสิ่งใดสามารถขัดขวางการเคลื่อนไหวของมันได้ และการที่มันได้เจอกับเจ้านายใหม่ ทำให้มันรู้สึกชื่นชอบเจ้านายใหม่อย่างถานท่ายหลิงเยียนเป็นอย่างมาก ตัวของมันจึงเปรียบเสมือนกำไรที่คอยเคลื่อนไหวไปตามเจ้าของโดยไม่สร้างผลกระทบอะไรให้กับตัวเจ้าของ นอกจากจะใช้เป็นการโจมตีได้ มันยังสามารถใช้เป็นเกราะได้เช่นกัน
ชิงสุ่ยจำได้ว่าเขามีอีก1 ตัว ซึ่งชิงห่านอี้ก็ไม่ได้ต้องการมันเพราะเธอเองก็มีราชันย์มังกรพิษอยู่แล้ว หลัวชิงเฉินก็ไม่ต้องการมัน อีกาทองคำสุริยาของเธอเติบโตขึ้นเป็น และสามารถสร้างแรงโจมตีและกดดันศัตรูได้ยิ่งใหญ่เทียบเท่ากับขุนเขา เธอใช้เวลา 2-3 ปีที่ผ่านมาดูแลอีกาทองคำสุริยา เป็นอย่างดี จนมันเปรียบเสมือนเพื่อนและคู่หูที่เธอไว้ใจมากเท่าที่จะไว้ใจได้
มูหยุนชิงเก้อก็ไม่ได้ต้องการมันเช่นกันมังกรหยกขาวของเธอเป็นสัตว์สายพันธุ์มังกรบริสุทธิ์ แน่นอนว่ามันคงไม่ถูกกับสัตว์สายพันธุ์สังหารมังกร
สำหรับฉินชิงเธอคงไม่จำเป็น ด้วยสมบัติอย่างเจดีย์ปกปักชะตาสวรรค์ รวมถึงในตอนเช้า ชิงสุ่ยก็ได้ช่วยยกระดับความแข็งแกร่งของเธอจนก้าวเข้าสู่ระดับกลางแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่ 7 หากนับผู้คนที่อยู่ที่นี่ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะทําร้ายเธอได้
ชิงสุ่ยจึงตัดสินใจมอบเจ้าอสรพิษทองคำครามให้กับหยินตงเมื่อผนวกเข้ากับมรดกเทพจิ้งจอก สัตว์ทั้ง 2 ตัวจะคอยช่วยเหลือเกื้อกูลหนุนนำกันอย่างดี และมันจะช่วยเพิ่มพูนความแข็งแกร่งให้กับหยินตงได้อย่างมีนัยยะสำคัญ
……………….
ครึ่งเดือนผ่านไปโดยไม่รู้ตัวชิงสุ่ยได้ทำสิ่งที่เขาต้องการภายในหอคอยจักรพรรดิไปจนหมดสิ้นแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพระราชวังสุริยา หรือพระราชวังหมาป่ามังกร ทุกหนแห่งต่างมีคนคอยดูแล และยังมีมหาจักรวรรดิราชันน์ปราชญ์คอยดูแลอีกชั้น มันยิ่งสร้างแรงกดดันไม่ให้ผู้อื่นรุกล้ำเข้าไปในดินแดนแห่งนี้
อันที่จริงไม่ว่าจะเป็นพระราชวังสุริยาหรือพระราชวังหมาป่ามังกรทั้งสองแห่งไม่จำเป็นต้องมีคนคอยช่วยเหลือก็สามารถยืนอยู่ได้ ท้ายที่สุดแล้วความแข็งแกร่งของบรรดาหญิงสาวรวมทั้งสัตว์อสูรที่แสนโหดเหี้ยม ถ้าหากไม่ใช่อุบัติการใหญ่หรือภัยพิบัติที่หนักหนาสาหัสสากรรจ์ พวกเธอสามารถใช้พลังโอบอุ้มและจัดการทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง
ชิงสุ่ยทิ้งให้อีเย่เจี้ยนเก้อและชิงห่านอี้อยู่ด้วยกันเพื่อให้ทั้งสองคนได้คอยช่วยเหลือกันและกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ชิงห่านอี้กำลังตั้งครรภ์ เขายิ่งต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
ก่อนที่ชิงสุ่ยจะจากที่แห่งนี้ไปเขารู้สึกว่ามันถึงเวลาที่เขาควรกลับบ้านสักครั้ง หากนับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เขาจากบ้านมา เวลาก็ได้ล่วงเลยมานานมากแล้ว และครั้งถัดไปที่เขาจะออกเดินทาง เขาไม่แน่ใจเลยว่ามันต้องใช้เวลานานมากเพียงใดเขาถึงจะกลับมา ธงสวรรค์ปัญจธาตุ
ชิงสุ่ยเคลื่อนย้ายในพริบตาและปรากฏอยู่ต่อหน้าอี่หวงกู่หวู๋
เมื่ออี่หวงกู่หวู๋รับรู้ได้ถึงพลังประหลาดที่ผันผวนรอบตัวเธอใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ยิ่งเธอเห็นชิงสุ่ยปรากฏกายต่อหน้า เธอมีความสุขอย่างหาที่สุดไม่ได้พร้อมกับกระโดดเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของชิงสุ่ย
ตอนนี้ทั้งสองคนอยู่ภายในห้องของอี่หวงกู่หวู๋
โดยมีชิงสุ่ยโอบกอดหญิงสาวที่น่าดึงดูดเอาไว้ในอ้อมอกอย่างแน่นหนา
”ข้าคิดถึงเจ้ามากจริงๆ!!”อี่หวงกู่หวู๋กล่าวด้วยน้ำเสียงเบาบาง
คำพูดง่ายๆมันกระแทกจิตใจชิงสุ่ยให้รู้สึกผิดเขาจึงบรรจงจูบเธอ “ข้าก็คิดถึงเจ้าเช่นกัน!!”
แม้ว่าหลายปีผ่านไปทุกครั้งที่เขากลับมาอี่หวงกู่หวู๋ก็ยังคงเหมือนเดิม สิ่งเดียวที่แตกต่างคือความแข็งแกร่งของเธอ เธอพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องจนไขว่คว้าพลังที่แข็งแกร่งมาได้ แม้จะไม่ได้รับการช่วยเหลือจากชิงสุ่ย แต่เธอก็สามารถฝึกฝนจนบรรลุดินแดนสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่ 6 ได้
ทักษะการต่อสู้หลักของอี่หวงกู่หวู๋คือทักษะรูปลักษณ์พยัคฆ์เธอสามารถผสานพลังเข้ากับพยัคฆ์สวรรค์ขาว โดยที่พวกมันแต่ละตัวจะจุติบนร่างของเธอพร้อมให้เธอใช้งานตัวละสองชั่วยาม และความแข็งแกร่งของมันจะเพิ่มพูนความแข็งแกร่งให้กับอี่หวงกู่หวู๋ได้มากถึง 4 เท่า
ชิงสุ่ยตกตะลึงเป็นอย่างมากหลังจากที่เขากำลังคิดจะช่วยเหลือเธอให้บุกทะลวงขึ้นสู่ระดับดินแดนสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่ 7 เขาก็พบว่าด้วยระดับปัจจุบันเธอสามารถสร้างพยัคฆ์สวรรค์ขาวได้มากถึง 8 ตัว และแต่ละตัวจะเพิ่มพูนพลังให้เธอได้ ตัวละ 400 ล้านเต๋า ชิงสุ่ยพาอี่หวงกู่หวู๋เดินออกจากห้องตอนนี้เขายังไม่ได้พบเจอหน้าคนในครอบครัวเลย แต่จากการสอบถาม เขาก็รู้ว่าทุกคนยังคงอยู่อย่างสุขสบาย มันคงเป็นเพราะตัวของอี่หวงกู่หวู๋ที่อยู่ในระดับสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่ 6 และพลังพยัคฆ์ขาว 8 ตัวก็มากพอจะทำให้ทุกคนเกรงกลัวไม่กล้ายุ่งหยามกับตระกูลชิง
อี่หวงกู่หวู๋ยังคงสวมชุดเสื้อผ้ากระโปรงธรรมดาและดูเรียบง่ายใบหน้าของเธอปราศจากริ้วรอยไม่สามารถบอกอายุที่แท้จริงของเธอได้ ดวงตาทั้งสองข้างชุ่มชื่นและเต็มไปด้วยล่องลอยแห่งสติปัญญาเหมือนดวงจันทร์ที่ส่องสว่างกลางท้องฟ้า แม้ภายนอกของเธอจะดูเป็นผู้ใหญ่แต่เมื่ออยู่กับชิงสุ่ย ในสายตาของกันและกัน ทั้งสองคนก็ยังคงเป็นเด็กเสมอ
ด้วยรูปร่างที่สง่างามสะโพกและก้นที่เต่งตึงสะดุดตา หน้าอกที่โดดเด่น เสื้อผ้าหลวมๆ มันยิ่งสร้างความมีเสน่ห์ ดึงดูดใจให้ชิงสุ่ยเลือดลมพุ่งพล่าน ใบหน้าของอี่หวงกู่หวู๋ก็แสดงให้เห็นถึงความต้องการทางเพศเล็กน้อยในขณะที่เธอจับมือชิงสุ่ยอย่างแน่นหนาไม่อยากปล่อยมือแม้แต่ชั่ววินาทีเดียว
”ให้ข้าพาเจ้าไปยังที่แห่งหนึ่งแล้วเจ้าจะต้องประหลาดใจ”ชิงสุ่ยยิ้มขณะกล่าว
”การได้เห็นหน้าเจ้าในวันนี้คือสิ่งที่สร้างความประหลาดใจให้กับข้ามากที่สุดแล้ว มันคงไม่มีอะไรจะสร้างความประหลาดใจได้มากกว่านี้อีก”
เสียงที่ฟังดูแหบแห้งจากปากของอี่หวงกู่หวู๋ยิ่งทำให้เธอมีเสน่ห์ในแบบที่ผู้ใหญ่ควรจะเป็น
ชิงสุ่ยรีบใช้ทักษะย่างก้าว9 เทวาหายวับไปปรากฏในสถานที่ที่แสนเงียบสงบ ชิงสุ่ยเตรียมตัวเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเธอ นั่นก็หมายความว่าเธอจะต้องถอดเสื้อผ้า
ยิ่งการอยู่ห่างกันมันยิ่งทำให้เธอคิดถึงเขาหัวใจที่ฟุ้งซ่านของทั้งสองกำลังมาบรรจบกัน อี่หวงกู่หวู๋จึงเป็นคนเริ่มต้น เรียกร้องให้ชิงสุ่ยร่วมรักกับเธอ แน่นอนว่าเขาเองก็พร้อมจะร่วมมือเป็นอย่างดี
หลังจากเวลา2 ชั่วยามผ่านไป ทุกอย่างก็กลับสู่ความเงียบสงบ
อี่หวงกู่หวู๋นอนเกียจคร้านอยู่ภายในอ้อมแขนชิงสุ่ย
จากนั้นชิงสุ่ยก็เตรียมตัวดำเนินการฝังเข็มและคาดหวังว่าอี่หวงกู่หวู๋จะบรรลุทะลวงเข้าสู่ขั้นกลางของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่ 7 ซึ่งมาพร้อมกับทัณฑ์สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์
เมื่อเปรียบเทียบกับหญิงสาวคนอื่นทัณฑ์สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ของอี่หวงกู่หวู๋มันเกิดขึ้นมากกว่า แต่เธอก็สามารถสร้างพยัคฆ์ขาวเข้ามาช่วยต้านทานพลังที่ต้องแบกรับ มันยิ่งทำให้รากฐานของอี่หวงกู่หวู๋มั่นคง
ชิงสุ่ยรู้สึกประหลาดใจอย่างมากแล้วไม่คิดว่าหญิงสาวที่เยือกเย็นเลยงดงามจะพูดอะไรแบบนี้ออกมา เลือดในกายชิงสุ่ยกำลังเดือดพล่าน พลังปราณกำลังพวยพุ่งพร้อมจะทะลวงสมองของเขา
”เมื่อครั้งนั้น?”ชิงสุ่ยกระซิบข้างหูของเธอ
ถานท่ายหลิงเยียนนี่เงียบชิงสุ่ยเองก็รู้ดีว่าเขาไม่ควรล้ำเส้น ถ้าหากเขาทำอะไรที่มันน่าอายเกินไป เธออาจจะเสียอารมณ์ แต่หลังจากนั้นเขาก็กระซิบข้างหูดีกว่า “ชอบแบบนั้นหรือไม่?”
ชิงสุ่ยใช้ทักษะหัตถ์พลิ้วไหวสะเทือนวิญญาณนวดบริเวณกระดูกไหปลาร้าของเธออย่างช้าๆ
สำหรับถานท่ายหลิงเยียนแล้วบริเวณนี้ค่อนข้างบอบบาง เพียงแค่การนวดอย่างเดียวก็มากพอจะกระตุ้นจุดสุดยอดให้กับเธอได้
ร่างกายของถานท่ายหลิงเยียนสั่นเครือจนเธอไม่อาจควบคุมเสียงครางเบาๆของเธอได้อีกต่อไป ชิงสุ่ยค่อยๆทำให้เธอล้มตัวลงนอน จากนั้นมือที่แสนซุกซนของเขาก็เริ่มสัมผัสผิวร่างกายของเธอ
ถานท่ายหลิงเยียนใบหน้าแดงก่ำเธอเอามือทั้งสองข้างปิดหน้าอกของเธอ เพราะตอนนี้ร่างกายของเธอเปลือยเปล่าอย่างสมบูรณ์แล้ว
มือของชิงสุ่ยวางอยู่บนแขนและเอวของเธอมันยิ่งทำให้ร่างกายของถานท่ายหลิงเยียนฉันคืออย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันเขาก็กระซิบข้างหูพูดในสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกอายอย่างมาก
”เก่งมากสาวน้อยเปิดตาได้แล้ว”
มือของชิงสุ่ยเลื้อยขึ้นลงบนร่างกายของเธอในขณะที่เขาพยายามรักษาระยะห่างในระดับที่เข้าใกล้พอประมาณ เขาทำทุกอย่างเพื่อดึงความตื่นเต้นออกมาจากตัวของเธอ
แม้ว่ามือทั้งสองข้างของถานท่ายหลิงเยียนจะปกปิดหน้าอกแต่มันก็ไม่สามารถซ่อนรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเธอได้โดยอาศัยลำพังเพียงแค่แขน มือสองชิงสุ่ยเคลื่อนไหวไปตามเส้นขอบโค้งของหน้าอก ทำให้ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและยินดี
ร่างกายที่งดงามของเธอกระทบอย่างต่อเนื่องเหมือนกำลังบอกว่าเธอต้องการมากกว่านี้
ชิงสุ่ยเข้าควบคุมแขนทั้งสองข้างของถานท่ายหลิงเยียนมันทำให้หน้าอกของเธอค่อยๆเผยให้เห็นอย่างชัดเจน มันมีความงดงามดึงดูดจนชิงสุ่ยเกือบหายใจไม่ออก ผิวที่ขาวนวลเมืองหิมะและหยกขาว…..ปราณีตจนหาจุดตำหนิไม่ได้ ทุกอย่างเป็นสัดส่วนที่พอดิบพอดี ยังคงรูปไว้ซึ่งรูปลักษณ์ของหน้าอกแม้เธอจะนอนลง
สำหรับหญิงสาวทั่วไปไม่ว่าหน้าอกจะตั้งตรงมากเพียงใด แต่เมื่อพวกเธอนอนลงกับพื้น ไม่มีทางที่พวกมันก็ยังคงรูป และต้องเอนไปด้านใดด้านหนึ่ง
ยอดปทุมถันสีชมพูตั้งตรงเหลือภูเขาหิมะขาว…..ความนุ่มนวลยิ่งทำให้ภูเขาทั้ง2 ลูกอ่อนโยนและงดงาม
ชิงสุ่ยก้มหน้าจูบจุดยอดที่แสนงดงามที่สุด
ต่อจากนั้นชิงส่ยก็เริ่มช่วยเธอฝังเข็มทองคำ เขาไม่คาดคิดเลยว่าทักษะฝังเข็มของเขาจะมีประสิทธิภาพเกินกว่าที่เขาคิดเอาไว้ เลือดของเธอเข้าสู่สภาวะฟื้นฟูอย่างก้าวกระโดด
ในตอนนี้สิ่งเดียวที่เธอรู้สึกคือความอับอายแต่เธอก็ยังคงพยายามลืมตาขึ้นเล็กน้อย
ชิงสุ่ยความต้องการของตนขณะที่เขาเพลิดเพลินไปกับร่างกายอันแสนทรงเสน่ห์
การฝังเข็มยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ!!
และแล้วในที่สุดทัณฑ์สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ระดับ7 ที่ชิงสุ่ยคาดหวังก็ปรากฏ แล้วมันก็เป็นอย่างเช่นเคย ถานท่ายหลิงเยียนสามารถฟันฝ่ามันไปได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามมากนัก เธอก้าวขึ้นสู่ระดับกลางของดินแดนสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่ 7 ซึ่งมันทำให้เธอมีพลังอยู่ในระดับหนึ่งหมื่น 100 ล้านเต๋า
ร่างกายของเธอดูเปล่งปลั่งราวกับที่ยืนอยู่ระหว่างสวรรค์ชั้นฟ้าและแผ่นดินเหนือโลกมนุษย์ มันยิ่งทำให้เธอดูยอดเยี่ยมอย่างหาที่สุดไม่ได้
ชิงสุ่ยเดินไปหาแล้วอุ้มร่างของถานท่ายหลิงเยียนขึ้นเธอเองก็สัมผัสได้ถึงความหลงใหลที่เปล่งประกายผ่านจิตใจของชิงสุ่ย
”เยียนเอ๋อนึกย้อนกลับไปแล้ว ทุกอย่างในอดีตมันเหมือนฝันเลย”ชิงสุ่ยรู้สึกดีเป็นอย่างมาก เขารู้สึกว่าเรื่องราวระหว่างเขากับถานท่ายหลิงเยียนมันเหมือนความฝันที่เกินจินตนาการ
”มันคงจะเป็นโชคชะตาอะไรบางอย่างมีเพียงเจ้าคนเดียวเท่านั้นที่สามารถเปิดโรงผลึกแก้วได้”สิ่งต่างๆ พุ่งผ่านเข้ามาในความคิดของถานท่ายหลิงเยียน หาคนที่เปิดฝาโลงไม่ใช่เขาแต่เป็นคนอื่น สถานการณ์ตอนนี้จะเป็นอย่างไร แต่ในใจของเธอรู้สึกได้เลยว่ามีชายคนนี้คนเดียวเท่านั้นที่ทำได้
”ข้าอยากจะเห็นวันที่เจ้าเป็นแม่คน”ชิงสุ่ยกล่าว
ร่างกายของถานท่ายหลิงเยียนสั่นเครือเล็กน้อยขณะที่เธอมองหน้าชิงสุ่ย พร้อมกับใบหน้าแดงก่ำ “มันจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน”
คำตอบของเธอยิ่งทำให้ชิงสุ่ยประหลาดใจอย่างหนักเพราะโดยปกติแล้วถ้าหากเขาพูดอะไรไป เธอจะตอบกลับมาว่า “ฝันไปเถอะ”ตลอด
”ถ้าเช่นนั้นเจ้าว่าอย่างไรดี?เราจะมีเด็กน้อยซุกซน หรือโฉมงามเหมือนเจ้า?”ชิงสุ่ยไม่ได้พยายามหยอกล้อ แต่มันคือความจริงจังที่เขามีต่อเธอ
”ข้าชอบทั้งคู่เลย!!” ”ถ้าเช่นนั้นก็คงจะเป็นลูกแฝด”
ถานท่ายหลิงเยียน”…………….”
…………………
ชิงสุ่ยทำตามแผนถัดไปของเขาเขาปล่อยเจ้าอสรพิษทองคำคราม ในอนาคต เขาและถานท่ายหลิงเยียนจะมุ่งหน้าเดินทางไปยังนิกาย 5 พยัคฆ์อมตะอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจำเป็นต้องเพิ่มพลังเธอให้มากที่สุด แล้วทำให้มันมั่นคง เมื่อผนวกเข้ากับเจดีย์ปกปักชะตาสวรรค์ที่ได้มอบให้กับเธอ มันจะทำให้เธอสามารถต้านทานพลังโจมตี 200 ล้านเต๋าได้อย่างง่ายดาย
ปล่อยเจ้าอสรพิษทองคำครามเป็นสิ่งมีชีวิตที่ยอดเยี่ยมมันมีความยาวเพียงแค่ 1 เมตร และมีความหนาเพียงแค่นิ้วก้อย แต่กลับงดงามและว่องไว
เจ้าอสรพิษทองคำครามต้องการยอดยุทธที่ทรงพลังคอยสนับสนุนเพื่อให้มันได้ปลดปล่อยศักยภาพที่แท้จริง ซึ่งมันก็คล้ายกับการผนึกอยู่ที่แขนของผู้ใช้ ถ้าหากร่างกายของมันรู้สึกปลอดภัย พลังที่ปลดปล่อยออกมาช่วยเหลือเจ้าของจะยิ่งน่ากลัว
หลังจากชิงสุ่ยปล่อยให้เจ้าอสรพิษทองคำครามจดจำถานท่ายหลิงเยียนผู้เป็นเจ้าของใหม่ เขาก็เริ่มนำผลอสูรบรรพกาล และยาเม็ดโชคชะตาทองคำมาช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับเจ้างูตัวน้อย
แม้มันจะมีขนาดเพียงแค่เล็กจ๋อยแต่มันก็เป็นสัตว์สายพันธุ์ที่ใช้สังหารมังกร การโจมตีที่แม่นยำจึงเป็นจุดเด่น เพียงแต่ตอนนี้มันยังไม่สามารถเทียบกับอสูรสยบมังกรได้ และสิ่งที่มันทำได้คือการยับยั้งพลังของสายเลือดมังกรได้ 20 ส่วน ทำให้เหล่ามังกรอ่อนแอลง
ร่างกายของเจ้าอสรพิษทองคำครามก็มีความแข็งแกร่งมากกว่าสิ่งที่ตาเห็นมันจึงสามารถทนแรงอัดที่พลั่งพรูออกมาจากตัวเม็ดยา ถ้าหากเป็นสัตว์อสูรตัวอื่นที่มีขนาดเล็กและได้รับยาในปริมาณมาก อสูรที่อ่อนแอก็คงจะตายจากแรงระเบิดของตัวยา
เจ้าอสรพิษทองคำครามปราศจากปีกแต่ก็สามารถลอยตัวเหนือท้องฟ้าได้ ไม่ว่าจะเป็นบนบกท้องฟ้าหรือใต้ทะเล ไม่มีสิ่งใดสามารถขัดขวางการเคลื่อนไหวของมันได้ และการที่มันได้เจอกับเจ้านายใหม่ ทำให้มันรู้สึกชื่นชอบเจ้านายใหม่อย่างถานท่ายหลิงเยียนเป็นอย่างมาก ตัวของมันจึงเปรียบเสมือนกำไรที่คอยเคลื่อนไหวไปตามเจ้าของโดยไม่สร้างผลกระทบอะไรให้กับตัวเจ้าของ นอกจากจะใช้เป็นการโจมตีได้ มันยังสามารถใช้เป็นเกราะได้เช่นกัน
ชิงสุ่ยจำได้ว่าเขามีอีก1 ตัว ซึ่งชิงห่านอี้ก็ไม่ได้ต้องการมันเพราะเธอเองก็มีราชันย์มังกรพิษอยู่แล้ว หลัวชิงเฉินก็ไม่ต้องการมัน อีกาทองคำสุริยาของเธอเติบโตขึ้นเป็น และสามารถสร้างแรงโจมตีและกดดันศัตรูได้ยิ่งใหญ่เทียบเท่ากับขุนเขา เธอใช้เวลา 2-3 ปีที่ผ่านมาดูแลอีกาทองคำสุริยา เป็นอย่างดี จนมันเปรียบเสมือนเพื่อนและคู่หูที่เธอไว้ใจมากเท่าที่จะไว้ใจได้
มูหยุนชิงเก้อก็ไม่ได้ต้องการมันเช่นกันมังกรหยกขาวของเธอเป็นสัตว์สายพันธุ์มังกรบริสุทธิ์ แน่นอนว่ามันคงไม่ถูกกับสัตว์สายพันธุ์สังหารมังกร
สำหรับฉินชิงเธอคงไม่จำเป็น ด้วยสมบัติอย่างเจดีย์ปกปักชะตาสวรรค์ รวมถึงในตอนเช้า ชิงสุ่ยก็ได้ช่วยยกระดับความแข็งแกร่งของเธอจนก้าวเข้าสู่ระดับกลางแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่ 7 หากนับผู้คนที่อยู่ที่นี่ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะทําร้ายเธอได้
ชิงสุ่ยจึงตัดสินใจมอบเจ้าอสรพิษทองคำครามให้กับหยินตงเมื่อผนวกเข้ากับมรดกเทพจิ้งจอก สัตว์ทั้ง 2 ตัวจะคอยช่วยเหลือเกื้อกูลหนุนนำกันอย่างดี และมันจะช่วยเพิ่มพูนความแข็งแกร่งให้กับหยินตงได้อย่างมีนัยยะสำคัญ
……………….
ครึ่งเดือนผ่านไปโดยไม่รู้ตัวชิงสุ่ยได้ทำสิ่งที่เขาต้องการภายในหอคอยจักรพรรดิไปจนหมดสิ้นแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพระราชวังสุริยา หรือพระราชวังหมาป่ามังกร ทุกหนแห่งต่างมีคนคอยดูแล และยังมีมหาจักรวรรดิราชันน์ปราชญ์คอยดูแลอีกชั้น มันยิ่งสร้างแรงกดดันไม่ให้ผู้อื่นรุกล้ำเข้าไปในดินแดนแห่งนี้
อันที่จริงไม่ว่าจะเป็นพระราชวังสุริยาหรือพระราชวังหมาป่ามังกรทั้งสองแห่งไม่จำเป็นต้องมีคนคอยช่วยเหลือก็สามารถยืนอยู่ได้ ท้ายที่สุดแล้วความแข็งแกร่งของบรรดาหญิงสาวรวมทั้งสัตว์อสูรที่แสนโหดเหี้ยม ถ้าหากไม่ใช่อุบัติการใหญ่หรือภัยพิบัติที่หนักหนาสาหัสสากรรจ์ พวกเธอสามารถใช้พลังโอบอุ้มและจัดการทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง
ชิงสุ่ยทิ้งให้อีเย่เจี้ยนเก้อและชิงห่านอี้อยู่ด้วยกันเพื่อให้ทั้งสองคนได้คอยช่วยเหลือกันและกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ชิงห่านอี้กำลังตั้งครรภ์ เขายิ่งต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
ก่อนที่ชิงสุ่ยจะจากที่แห่งนี้ไปเขารู้สึกว่ามันถึงเวลาที่เขาควรกลับบ้านสักครั้ง หากนับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เขาจากบ้านมา เวลาก็ได้ล่วงเลยมานานมากแล้ว และครั้งถัดไปที่เขาจะออกเดินทาง เขาไม่แน่ใจเลยว่ามันต้องใช้เวลานานมากเพียงใดเขาถึงจะกลับมา ธงสวรรค์ปัญจธาตุ
ชิงสุ่ยเคลื่อนย้ายในพริบตาและปรากฏอยู่ต่อหน้าอี่หวงกู่หวู๋
เมื่ออี่หวงกู่หวู๋รับรู้ได้ถึงพลังประหลาดที่ผันผวนรอบตัวเธอใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ยิ่งเธอเห็นชิงสุ่ยปรากฏกายต่อหน้า เธอมีความสุขอย่างหาที่สุดไม่ได้พร้อมกับกระโดดเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของชิงสุ่ย
ตอนนี้ทั้งสองคนอยู่ภายในห้องของอี่หวงกู่หวู๋
โดยมีชิงสุ่ยโอบกอดหญิงสาวที่น่าดึงดูดเอาไว้ในอ้อมอกอย่างแน่นหนา
”ข้าคิดถึงเจ้ามากจริงๆ!!”อี่หวงกู่หวู๋กล่าวด้วยน้ำเสียงเบาบาง
คำพูดง่ายๆมันกระแทกจิตใจชิงสุ่ยให้รู้สึกผิดเขาจึงบรรจงจูบเธอ “ข้าก็คิดถึงเจ้าเช่นกัน!!”
แม้ว่าหลายปีผ่านไปทุกครั้งที่เขากลับมาอี่หวงกู่หวู๋ก็ยังคงเหมือนเดิม สิ่งเดียวที่แตกต่างคือความแข็งแกร่งของเธอ เธอพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องจนไขว่คว้าพลังที่แข็งแกร่งมาได้ แม้จะไม่ได้รับการช่วยเหลือจากชิงสุ่ย แต่เธอก็สามารถฝึกฝนจนบรรลุดินแดนสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่ 6 ได้
ทักษะการต่อสู้หลักของอี่หวงกู่หวู๋คือทักษะรูปลักษณ์พยัคฆ์เธอสามารถผสานพลังเข้ากับพยัคฆ์สวรรค์ขาว โดยที่พวกมันแต่ละตัวจะจุติบนร่างของเธอพร้อมให้เธอใช้งานตัวละสองชั่วยาม และความแข็งแกร่งของมันจะเพิ่มพูนความแข็งแกร่งให้กับอี่หวงกู่หวู๋ได้มากถึง 4 เท่า
ชิงสุ่ยตกตะลึงเป็นอย่างมากหลังจากที่เขากำลังคิดจะช่วยเหลือเธอให้บุกทะลวงขึ้นสู่ระดับดินแดนสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่ 7 เขาก็พบว่าด้วยระดับปัจจุบันเธอสามารถสร้างพยัคฆ์สวรรค์ขาวได้มากถึง 8 ตัว และแต่ละตัวจะเพิ่มพูนพลังให้เธอได้ ตัวละ 400 ล้านเต๋า ชิงสุ่ยพาอี่หวงกู่หวู๋เดินออกจากห้องตอนนี้เขายังไม่ได้พบเจอหน้าคนในครอบครัวเลย แต่จากการสอบถาม เขาก็รู้ว่าทุกคนยังคงอยู่อย่างสุขสบาย มันคงเป็นเพราะตัวของอี่หวงกู่หวู๋ที่อยู่ในระดับสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่ 6 และพลังพยัคฆ์ขาว 8 ตัวก็มากพอจะทำให้ทุกคนเกรงกลัวไม่กล้ายุ่งหยามกับตระกูลชิง
อี่หวงกู่หวู๋ยังคงสวมชุดเสื้อผ้ากระโปรงธรรมดาและดูเรียบง่ายใบหน้าของเธอปราศจากริ้วรอยไม่สามารถบอกอายุที่แท้จริงของเธอได้ ดวงตาทั้งสองข้างชุ่มชื่นและเต็มไปด้วยล่องลอยแห่งสติปัญญาเหมือนดวงจันทร์ที่ส่องสว่างกลางท้องฟ้า แม้ภายนอกของเธอจะดูเป็นผู้ใหญ่แต่เมื่ออยู่กับชิงสุ่ย ในสายตาของกันและกัน ทั้งสองคนก็ยังคงเป็นเด็กเสมอ
ด้วยรูปร่างที่สง่างามสะโพกและก้นที่เต่งตึงสะดุดตา หน้าอกที่โดดเด่น เสื้อผ้าหลวมๆ มันยิ่งสร้างความมีเสน่ห์ ดึงดูดใจให้ชิงสุ่ยเลือดลมพุ่งพล่าน ใบหน้าของอี่หวงกู่หวู๋ก็แสดงให้เห็นถึงความต้องการทางเพศเล็กน้อยในขณะที่เธอจับมือชิงสุ่ยอย่างแน่นหนาไม่อยากปล่อยมือแม้แต่ชั่ววินาทีเดียว
”ให้ข้าพาเจ้าไปยังที่แห่งหนึ่งแล้วเจ้าจะต้องประหลาดใจ”ชิงสุ่ยยิ้มขณะกล่าว
”การได้เห็นหน้าเจ้าในวันนี้คือสิ่งที่สร้างความประหลาดใจให้กับข้ามากที่สุดแล้ว มันคงไม่มีอะไรจะสร้างความประหลาดใจได้มากกว่านี้อีก”
เสียงที่ฟังดูแหบแห้งจากปากของอี่หวงกู่หวู๋ยิ่งทำให้เธอมีเสน่ห์ในแบบที่ผู้ใหญ่ควรจะเป็น
ชิงสุ่ยรีบใช้ทักษะย่างก้าว9 เทวาหายวับไปปรากฏในสถานที่ที่แสนเงียบสงบ ชิงสุ่ยเตรียมตัวเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเธอ นั่นก็หมายความว่าเธอจะต้องถอดเสื้อผ้า
ยิ่งการอยู่ห่างกันมันยิ่งทำให้เธอคิดถึงเขาหัวใจที่ฟุ้งซ่านของทั้งสองกำลังมาบรรจบกัน อี่หวงกู่หวู๋จึงเป็นคนเริ่มต้น เรียกร้องให้ชิงสุ่ยร่วมรักกับเธอ แน่นอนว่าเขาเองก็พร้อมจะร่วมมือเป็นอย่างดี
หลังจากเวลา2 ชั่วยามผ่านไป ทุกอย่างก็กลับสู่ความเงียบสงบ
อี่หวงกู่หวู๋นอนเกียจคร้านอยู่ภายในอ้อมแขนชิงสุ่ย
จากนั้นชิงสุ่ยก็เตรียมตัวดำเนินการฝังเข็มและคาดหวังว่าอี่หวงกู่หวู๋จะบรรลุทะลวงเข้าสู่ขั้นกลางของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่ 7 ซึ่งมาพร้อมกับทัณฑ์สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์
เมื่อเปรียบเทียบกับหญิงสาวคนอื่นทัณฑ์สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ของอี่หวงกู่หวู๋มันเกิดขึ้นมากกว่า แต่เธอก็สามารถสร้างพยัคฆ์ขาวเข้ามาช่วยต้านทานพลังที่ต้องแบกรับ มันยิ่งทำให้รากฐานของอี่หวงกู่หวู๋มั่นคง