ข้ามีข่าวจะแจ้งให้ท่านทราบ ไม่รู้ว่าท่านเองอยากจะฟังมันหรือไม่? อวี้ซี่หยวนถามด้วยรอยยิ้ม
แน่นอน ข้าย่อมต้องอยากฟัง ชิงสุ่ยตอบกลับ
ชิงสุ่ยรู้ดีว่าข่าวที่ได้มาจากอวี้ซี่หยวนล้วนเป็นข่าวที่มีค่ามาก เขาจึงไม่มีทางปล่อยให้ข่าวหลุดมือ
ท่านรู้จักดินแดนหิมะอุดรที่ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองฉางหรือไม่? พื้นที่แห่งนั้นเต็มไปด้วยพลังปราณจิตที่หนาแน่น แต่กลับไม่มีเส้นเลือดปราณจิตหรือบ่อน้ำพุปราณจิตไหลผ่าน กำลังจะปะทุขึ้นทุกๆ 1000 ปี ทำให้ที่แห่งนั้นหนาวเย็นยะเยือก พลังปราณจิตของทั้งหมดในดินแดนหิมะอุดรจะพุ่งผ่านมาจากภายในของประตูเส้นทางแห่งปราณ อวี้ซี่หยวน ประตูเส้นทางแห่งปราณ?
ชิงสุ่ยเข้าใจสถานการณ์ดี พื้นที่เธอพูดถึงเป็นพื้นที่ที่ไม่เหมือนที่ใด มันคล้ายกับรูปแบบที่ถูกเอาไว้ในสถานที่ แม้ว่าการเดินทางจะสามารถเข้าออกจากทางอื่นได้ เพียงแต่การที่เราจะเดินทางไปยังสถานที่แห่งนั้นได้เราจะต้องรู้ตำแหน่งที่ตั้ง และหากใช้วิธีการปกติมันก็คงจะเต็มไปด้วยสิ่งกีดขวาง ฉะนั้นการเดินทางเข้าผ่านประตูเส้นทางแห่งปราณมันจึงเป็นวิธีที่ง่ายดายและปลอดภัยกว่า
ชิงสุ่ยรู้ดีว่าภายในดินแดนย่อมต้องเตรียมไปด้วยขุมสมบัติ ซึ่งเขาก็ไม่มีทางปฏิเสธ ชิงสุ่ยจึงหันไปหาอวี้ซี่หยวนและถามว่า ข่าวนี้แม่นยำหรือไม่?
แม่นยำที่สุด เพียงแต่ข่าวเหล่านี้ก็ไปถึงหูของเหล่าขุมกำลังอื่นๆอีกมากมาย จนไม่แน่ใจว่ามันจะมีห้องให้พวกเราเข้าร่วมหรือไม่? อวี้ซี่หยวนกล่าว
ห้อง? ห้องอะไร? ชิงสุ่ยงุนงงสงสัย ดูเหมือนว่าสถานที่แห่งนี้จะแตกต่างจากที่อื่นที่เขาเคยไปมา
สถานที่แห่งนี้เปิดเพียง 1 ครั้งทุกๆพันปี จากที่ข้าเคยได้ยิน ดูเหมือนจะมีเพียงแค่ 10 คนเท่านั้นที่ได้เข้าไป พลังงานจะปะทุจนถึงขีดสูงสุดภายในเวลา 1 เดือน ทางเข้าถูกเปิดออกเป็นครั้งที่ 2 เพื่อให้คนภายในออกมาได้ การเปิดครั้งที่ 2 ผู้คนภายนอกไม่ควรเข้าไปข้างในแต่ก็มีคนฝ่าฝืนกฎ ทำให้พวกเขาต้องติดอยู่ภายในดินแดนต่างมิติแห่งนั้นนานนับพันปี อวี้ซีหยวนกล่าวอธิบายด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ชิงสุ่ยรู้ดีว่าอวี้ซีหยวนเป็นคนที่เชื่อมั่นในข่าวกรอง และข่าวกรองของเธอจะต้องแม่นยำ แม้ว่าเขาจะไม่รู้แหล่งที่มาของข่าว แต่ข่าวที่เธอได้รับมาจะต้องเป็นข่าวที่ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น ผู้ที่สืบทอดภูมิปัญญานับพันปีคงหนีไม่พ้นเหล่าตระกูลโบราณ
ชิงสุ่ยมั่นใจว่าทุกคนคงมุ่งหน้าเข้าไปในที่แห่งนั้น เพราะโอกาสที่มันเปิดแต่ละครั้งใช้เวลายาวนาน ถึงจะเป็นดินแดนหิมะอุดร แต่ก็ไม่ใช่ว่าคนนอกจะไม่ล่วงรู้ถึงความลับเหล่านี้
ท่านรู้หรือไม่ว่าภายในดินแดนแห่งนั้นมีความลับอะไรซ่อนอยู่บ้าง? พวกเราควรต่อสู้เพื่อแย่งชิงมันหรือไม่? ชิงสุ่ยหัวเราะขณะกล่าวถาม
แน่นอนว่าภายในสถานที่ย่อมเต็มไปด้วยขุมสมบัติมากมาย ที่แห่งนั้นคือดินแดนของปราณจิต มันต้องเต็มไปด้วยหญ้าปราณจิต ยาปราณจิต สัตว์ปราณจิตและสมบัติธรรมชาติอื่นๆ ที่ขึ้นอยู่กับโอกาส แต่ก็อาจจะเจอได้ในตัวของสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งเพราะพวกมันเองก็กินสมบัติต่างๆเข้าไป
ฉะนั้นเมื่อเวลานั้นมาถึง พวกเราก็ควรจะไปลองดู อวี้ซี่หยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงลังเล
พวกเราต้องไปแน่ แต่ให้ข้าไปคนเดียวก็พอ แล้วถ้าหากมันไม่มีอันตราย ครั้งต่อไปข้าจะพาท่านไปเอง ชิงสุ่ยกล่าวก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะ
ครั้งหน้า? มันต้องใช้เวลาอีก 1000 ปีเลย คำถามคือข้าก็ยังมีชีวิตอยู่อีกหรือ?…. ประตูเส้นทางแห่งปราณจะเปิดในอีกเมื่อไหร่? ชิงสุ่ยถามเพราะรู้ว่าอวี้ซี่หยวนคงเตรียมแผนการที่จะเข้าร่วมไว้แล้ว
3 วันหลังจากนี้ เวลาเที่ยง
ดี เช่นนั้นพวกเรามาเตรียมตัว แล้วจะได้ไปพร้อมกัน
……….
3 วันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ชิงสุ่ยและอวี้ซี่หยวนเร่งเดินทางไปยังประตูเส้นทางแห่งปราณ แม้ว่าจะเหลือเวลาไม่มากแต่ด้วยความชำนาญในเส้นทางทำให้พวกเขาไปถึงก็ยังมีเวลาให้เที่ยวเล่นเหลือเฟือ
พระอาทิตย์ประกายฝั่งตะวันออก สาดส่องแสงอัมพร ภาพวันวานของชีวิตเลื่อนผ่านที่ขอบฟ้าสูง โลกกว้างใหญ่วิสัยทัศน์ของผู้คนก็ยิ่งกว้างไกล การฝึกฝนของเหล่าผู้คนที่อยู่บนโลกล้วนเป็นเรื่องมหัศจรรย์
ประตูเส้นทางแห่งปราณที่ทุกคนพูดถึงตั้งอยู่ในหุบผาขนาดใหญ่ ผู้คนมากมายได้มารวมตัวกันณที่แห่งนี้ ทำให้จำนวนผู้คนกระจัดกระจายปกคลุมไปทั่วพื้นที่ อากาศเต็มไปด้วยกลิ่นอบอวลของต้นหญ้า แสงอาทิตย์สาดส่อง ใบหญ้าพริ้วไหวไปตามสายลม
แม้จะอยู่ในหุบเขา แต่ก็มีต้นไม้สูงใหญ่แค่เพียงไม่กี่รุ่น บางคนกำลังนั่งจิบชา บางคนกำลังนั่งดื่มสุรา ใบหน้าอาจจะดูผ่อนคลายแต่ความจริงแล้วทุกคนต่างก็สังเกตผู้คนรอบข้างด้วยสายตาหวาดหวั่น
ชิงสุ่ยเคยคิดจะพาองค์จักรพรรดิคลั่งและมิตรสหายคนอื่นติดตามมาด้วย แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจไม่ทำเช่นนั้น บริเวณแห่งนี้คือพรมแดนของโลกเก้ามหาทวีป การเปิดดินแดนปราณจิตย่อมต้องดึงดูดเหล่ายอดยุทธผู้ทรงพลังมากมายและมันจะทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้าย
ชิงสุ่ยเชื่อว่าถ้าหากเป็นตัวเขาคนเดียวเขาสามารถหลบหนีได้โดยไม่มีปัญหาอะไร และด้วยความแข็งแกร่งของอวี้ซี่หยวน เธอดูจะทรงพลังยิ่งกว่าองค์จักรพรรดิคลั่งและคนอื่น ดังนั้นชิงสุ่ยจึงไม่ห้ามเธอเลย แม้ว่าจะเป็นในเมืองฉางก็มีอยู่เพียงคนแค่หยิบมือเท่านั้นที่แข็งแกร่งกว่าอวี้ซี่หยวน
ชิงสุ่ยและอวี้ซี่หยวนเลือกบริเวณที่เงียบสงบเพื่อพักผ่อนก่อนที่ประตูปราณจิตจะถูกเปิดออก
เมื่อบริเวณนี้เป็นส่วนหนึ่งของดินแดนหิมะอุดร ชิงสุ่ยจึงมองเห็นทั้งตระกูลฉาง ตระกูลหลาง ตระกูลโซว่ และพระราชวังอมตะใต้อุดรพสุธา แต่ว่าชิงสุ่ยมองไม่หลวนหลวนหรือเป่ยหมิงเสวี่ย
ชิงสุ่ยสถานที่แห่งนี้อยู่ภายใต้เขตแดนหิมะอุดร มีตระกูลมากมายอาศัยอยู่ภายในเมืองโดยรอบ แต่ละเมืองล้วนมีผู้ทรงพลัง อย่างไรก็ตาม พวกเขาบางส่วนก็ไม่ได้เป็นคนของเขตแดนหิมะอุดร ข้าไม่แน่ใจเหมือนกันว่าพวกเขามาจากโลกก้าวมหาทวีปที่แท้จริงบ้างหรือไม่ ฉะนั้นพวกเราควรระวังเอาไว้ให้มาก อวี้ซี่หยวนกล่าวขณะมองดูกลุ่มคนที่อยู่ไม่ห่างไกลออกไป อืม ข้าเข้าใจแล้ว
โอ้ ไม่ใช่ว่านั่นคือกลุ่มของพระราชวังอมตะมหาสุริยันหรอกหรือ? อวี้ซี่หยวนอุทานด้วยความประหลาดใจ
ชิงสุ่ยชำเลืองตามองตามอวี้ซี่หยวน เธอกำลังมองดูกลุ่มคนที่ยืนอยู่กว่า 10 คน ชิงสุ่ยรับรู้ถึงพลังปราณที่น่าเกรงขามพุ่งพ่านออกมาจากคนบางคนที่อยู่ในกลุ่มเหล่านั้น
ชิงสุ่ยไม่มีเวลาพอจะได้พูดอะไร อวี้ซี่หยวนก็กล่าวอุทานเพิ่มเติมด้วยความประหลาดใจ คนของพระราชวังจันทรากระจ่างก็อยู่ที่นี่
ชิงสุ่ยมองดูกลุ่มคนที่สวมชุดแต่งกายสีขาวชุดคลุมแดง แต่ละคนให้ความรู้สึกมีเสน่ห์และงดงามเหนือกว่าหญิงสาวคนอื่น นี่เป็นเพียงแค่ความรู้สึกของชิงสุ่ย แต่เขาก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงรู้สึกเช่นนั้น
ท่านว่าพวกนางงดงามหรือไม่? มันเป็นเพราะว่าทักษะวิทยายุทธของพวกเธอ แม้แต่ข่าวลือก็ยังบอกกันว่าหากชายคนใดฝึกฝนวรยุทธของพระราชวังจันทรากระจ่าง ชายเหล่านั้นจะไม่สามารถแต่งงานมีลูกได้ แต่เหตุผลก็ยังไม่ชัดเจนมาก อวี้ซี่หยวนหัวเราะขณะพูดคุยกับชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยมั่นใจว่าอวี้ซี่หยวนคงจะรู้ว่าเขาเองก็รู้ว่าพระราชวังจันทรากระจ่างจะต้องฝึกฝนวรยุทธที่คล้ายกับโครงสร้างของขันธีคัมภีร์สุริยะบุปผา
แล้วคนเหล่านั้นถือว่าเป็นคนของโลกเก้ามหาทวีปที่แท้จริงหรือไม่? ชิงสุ่ยกล่าวถาม
อืม ก็ถือว่าเป็นนะ
………….
เร็วเข้า ทางเข้ากำลังจะเปิดแล้ว
จริงด้วยมันกำลังจะเปิด
…………..
ฝูงชนเริ่มแตกตูม ชิงสุ่ยยังคงนิ่งเฉยไม่รีบร้อน ตอนนี้ผู้คนอัดแน่นเบื้องหน้าพร้อมกับภาพหมอกควัน ทำให้มองไม่เห็นแม้แต่สิ่งที่อยู่ภายในหมอกควัน
เฮ้ย ท่านเห็นไอ้เด็กน้อยที่มันช่วยชีวิตเทียนฮี่เรินโม่เมื่อวันก่อนหรือไม่?
บทสนทนาดังมาถึงหูของชิงสุ่ย ก่อนที่เขาจะหันไปมองต้นเสียงที่ยืนห่างไกลออกไป